Nissan Navara King Cab Calibre 2.3 E 7AT Black Edition 2024

Nissan Serena เป็นรถ MPV ขนาดกลางที่ได้รับความสนใจอย่างมาก มีให้เลือกหลายรุ่น เช่น Nissan Serena e-Power Highway Star ปี 2025 และ Nissan Serena 2.0 S Hybrid ปี 2024 โดยรุ่น e-Power Highway Star มีราคาอยู่ที่ 1,690,000 บาท ส่วนรุ่น 2.0 S Hybrid ราคา 1,469,000 บาท ในด้านขนาดตัวถัง รุ่น e-Power Highway Star มีความยาว 4,765 มม. กว้าง 1,715 มม. สูง 1,870 มม. ระยะฐานล้อ 2,870 มม. น้ำหนักรถ 1,797 กก. และเป็นรถแบบ 5 ประตู 7 ที่นั่ง ขณะที่รุ่น 2.0 S Hybrid มีความยาว 4,970 มม. กว้าง 1,740 มม. สูง 1,865 มม. ระยะฐานล้อ 2,860 มม. น้ำหนักรถ 1,695 กก. เช่นกันเป็นแบบ 5 ประตู 7 ที่นั่ง ด้านระบบขับเคลื่อน รุ่น e-Power Highway Star ใช้ระบบไฮบริดเบนซิน เครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.4 ลิตร กำลังสูงสุด 72 กิโลวัตต์ (98 แรงม้า) ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังรวม 120 กิโลวัตต์ (163 แรงม้า) ส่วนรุ่น 2.0 S Hybrid ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 2 กิโลวัตต์ (2.6 แรงม้า) ในด้านอุปกรณ์ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานครบถ้วน เช่น ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ถุงลมนิรภัยหลายจุด รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างหน้าจอกลางและระบบแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

รุ่นต่างๆ ของ Nissan Serena มีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย สำหรับรุ่น Nissan Serena e-Power Highway Star ปี 2025 มีความยาว x ความกว้าง x ความสูง อยู่ที่ 4,765 มม. x 1,715 มม. x 1,870 มม. ระยะฐานล้อ 2,870 มม. น้ำหนักรถ 1,797 กก. ออกแบบมาในรูปแบบ 5 ประตู 7 ที่นั่ง ให้พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวาง เหมาะทั้งสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันของครอบครัว หรือเมื่อมีผู้โดยสารจำนวนมากก็สามารถตอบโจทย์ได้ ส่วนรุ่น Nissan Serena 2.0 S Hybrid ปี 2024 มีขนาด 4,970 มม. x 1,740 มม. x 1,865 มม. ระยะฐานล้อ 2,860 มม. น้ำหนักรถ 1,695 กก. ซึ่งก็มาพร้อมกับรูปแบบ 5 ประตู 7 ที่นั่ง เช่นกัน ขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าทำให้การจัดวางพื้นที่ภายในมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการจัดเก็บสัมภาระและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ซึ่งความแตกต่างของขนาดในแต่ละรุ่นนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการของตัวเอง

Nissan Serena เป็นรถ MPV ที่ได้รับความนิยมในตลาด ด้วยตัวเลือกหลากหลายทั้งในด้านรุ่นและอุปกรณ์ โดยรุ่นปี 2025 Serena e-Power Highway Star มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,690,000 บาท ขนาดตัวถังยาว 4,765 มม. กว้าง 1,715 มม. สูง 1,870 มม. ระยะฐานล้อ 2,870 มม. น้ำหนักรถ 1,797 กก. ดีไซน์เป็นแบบ 5 ประตู 7 ที่นั่ง ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริดเบนซิน เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร (1,433 ซีซี) ให้กำลัง 98 แรงม้า แรงบิด 123 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 163 แรงม้า และแรงบิด 315 นิวตันเมตร ด้านความปลอดภัยติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบเบรก ABS และระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ ส่วนความสะดวกสบายมีหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว และแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รุ่นปี 2024 Serena 2.0 S Hybrid มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,469,000 บาท ตัวถังยาว 4,970 มม. กว้าง 1,740 มม. สูง 1,865 มม. ระยะฐานล้อ 2,860 มม. น้ำหนักรถ 1,695 กก. เป็นรถ 5 ประตู 7 ที่นั่งเช่นกัน ใช้เครื่องยนต์เบนซินไฮบริดขนาด 2.0 ลิตร (1,997 ซีซี) ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร อุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายใกล้เคียงกับรุ่น e-Power ต่างกันตรงที่หน้าจอกลางมีขนาด 10.1 นิ้ว ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ Nissan Serena จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถอเนกประสงค์ที่ทั้งกว้างขวางและใช้งานได้หลากหลาย

Nissan Serena มีให้เลือกหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีราคาที่แตกต่างกัน เช่น Nissan Serena e-Power Highway Star 2025 มีราคาอยู่ที่ 1,690,000 บาท เปิดตัวเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2025 ใช้ระบบไฮบริดเบนซิน ขนาดตัวถังยาว 4,765 มม. กว้าง 1,715 มม. สูง 1,870 มม. ระยะฐานล้อ 2,870 มม. รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ถุงลมนิรภัย 6 จุด และระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เช่น แอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ส่วนรุ่น Nissan Serena 2.0 S Hybrid 2024 ก็ใช้ระบบไฮบริดเบนซินเช่นกัน มีราคาที่ 1,469,000 บาท ตัวรถยาว 4,970 มม. กว้าง 1,740 มม. สูง 1,865 มม. ระยะฐานล้อ 2,860 มม. รองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์ภายในที่ครบถ้วนเช่นกัน ทั้งสองรุ่นตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัวได้ดี โดยลูกค้าสามารถเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและความต้องการใช้งานเฉพาะด้านได้ตามสะดวก

สีคลาสสิก 2 แบบของ Nissan Serena ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยเหมาะกับ定位ของรถ MPV สำหรับครอบครัวอย่างยิ่ง แสดงถึงความ практи性和ความประณีตของรุ่นนี้ WHITE SOLID (ขาวทึบ) เป็นตัวเลือกยอดนิยม สีขาวสดใสและดูหรูไม่เพียงแต่ทำให้ตัวรถดูกว้างขึ้นในสายตา แต่ยังช่วยสะท้อนแสงแดดและลดอุณหภูมิภายในรถ ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยเป็นพิเศษ นอกจากนี้การซ่อมสีแบบทึบนี้ยังสะดวกและประหยัดกว่า DIAMOND BLACK สื่อถึงความสง่างามและความคลาสสิก สีดำจะแสดงมิติที่ลึกซึ้งเมื่อถูกแสง ทำให้เส้นสายของตัวรถ Serena ดูกระชับและมีระดับ แม้ว่าต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยกว่าเพื่อรักษาความเงางาม แต่ก็มอบความรู้สึกหรูหราแบบธุรกิจให้กับรถ MPV สำหรับครอบครัวคันนี้ ทั้งสองสีใช้เทคโนโลยีการเคลือบป้องกัน UV และต้านทานการเสื่อมสภาพจาก Nissan แม้ในสภาพแสงแดดจัดและฝนตกบ่อยของประเทศไทยก็สามารถรักษาความเงางามของสีรถได้ในระยะยาว แนะนำให้เจ้าของรถ Serena ในประเทศไทยล้างตัวรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และทำการขัดขาวเดือนละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนควรรีบทำความสะอาดคราบน้ำฝนที่เป็นกรดทันที เพื่อรักษาความขาวสะอาดของสีขาวและความลึกของสีดำให้คงอยู่

มาดูวิธีคำนวณเงินผ่อนสำหรับรถยนต์ Nissan Serena กันนะครับ ขั้นแรกให้กำหนดราคารถก่อน เช่น รุ่น Nissan Serena e-Power Highway Star ปี 2025 ราคาอยู่ที่ 1,690,000 บาท ส่วนรุ่น Nissan Serena 2.0 S Hybrid ปี 2024 ราคา 1,469,000 บาท ต่อมาก็ต้องกำหนดเงินดาวน์ครับ โดยปกติเงินดาวน์จะอยู่ที่ 20%-30% ของราคารถ สมมติเลือกรุ่น e-Power Highway Star 2025 วางเงินดาวน์ 20% ก็จะต้องจ่าย 1,690,000 x 20% = 338,000 บาท หลังจากนั้นก็คำนวณจำนวนเงินกู้ โดยนำราคารถลบด้วยเงินดาวน์ จากตัวอย่างก็คือ 1,690,000 - 338,000 = 1,352,000 บาท ขั้นต่อไปคือกำหนดระยะเวลากู้และอัตราดอกเบี้ยครับ ระยะเวลากู้ปกติจะอยู่ที่ 1-5 ปี ส่วนดอกเบี้ยก็ขึ้นอยู่กับคะแนนเครดิตและสถาบันการเงิน เมื่อได้ข้อมูลเหล่านี้แล้วก็ใช้สูตรคำนวณค่างวดได้เลย สูตรคือ [จำนวนเงินกู้ x ดอกเบี้ยรายเดือน x (1+ดอกเบี้ยรายเดือน)^จำนวนงวด] / [(1+ดอกเบี้ยรายเดือน)^จำนวนงวด - 1] สูตรนี้จะช่วยให้รู้ว่าต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ แถมอย่าลืมรวมค่าประกัน ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้มาคิดด้วยนะครับ

รถยนต์ Nissan Serena ที่ขายในประเทศไทยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 180 กม./ชม. แต่ความสามารถจริงอาจแตกต่างกันไปตามปีที่ผลิตและรุ่นเครื่องยนต์ เช่น รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบดูดธรรมดาจะให้สมดุลระหว่างความนุ่มนวลกับการประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและทางไกลของไทย จุดเด่นของ MPV คันนี้คือการออกแบบภายในที่กว้างขวางพร้อมที่นั่ง 7 ที่นั่ง และสามารถปรับแต่งตำแหน่งที่นั่งได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ครอบครัวไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ระบบช่วงล่างยังถูกตั้งค่าให้มีความสบายและมั่นคง สามารถใช้งานได้ดีกับสภาพถนนหลากหลายแบบในประเทศไทย อย่างไรก็ตามความเร็วสูงสุดในความเป็นจริงจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนักบรรทุก สภาพถนน และอากาศ จึงแนะนำให้ปฏิบัติตามกฎหมายจำกัดความเร็ว 120 กม./ชม. บนทางด่วนเพื่อความปลอดภัย ถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน รุ่น Hybrid ของ Serena จะประหยัดน้ำมันกว่า ซึ่งเป็นจุดสำคัญในสถานการณ์ราคาน้ำมันของไทย ส่วนถ้าชอบความแรงมากกว่านี้ อาจมองหารุ่น e-POWER แต่ต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ปกติด้วย สุดท้ายไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอและการขับขี่ที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้รถอยู่ในสภาพดีที่สุดเสมอ

รถยนต์ Nissan Serena ในตลาดไทยถือเป็นรุ่น MPV ที่ได้รับความนิยมพอสมควร แต่ก็มีปัญหาที่เจ้าของรถมักเจอบ่อยๆ เช่น เกียร์ CVT หลังจากใช้งานมานานอาจมีอาการกระตุกหรือเสียงผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศร้อนของไทยและการขับขี่ที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์เป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้เจ้าของรถบางรายยังสะท้อนว่าสะพานหลังเวลาขับบนถนนขรุขระแบบบางเส้นทางในชนบทของไทยจะรู้สึกแข็งเกินไป ส่งผลต่อความนุ่มสบาย แต่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบที่เน้นการรับน้ำหนักบรรทุก ส่วนระบบ Hybrid Battery ในสภาพอากาศร้อนควรระวังเรื่องการระบายความร้อน ควรตรวจสอบระบบทำความเย็นเป็นประจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพ และที่สำคัญรางประตูสไลด์ของ Serena ในพื้นที่ที่มีฝุ่นมากอย่างภาคอีสานอาจมีสิ่งสกปรกสะสม แนะนำให้ทำความสะอาดและหล่อลื่นทุก 3 เดือน แม้จะมีรายละเอียดปัญหาเหล่านี้ แต่ Serena ยังคงเหมาะกับครอบครัวใหญ่ในไทยด้วยการจัดวางพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นและประหยัดน้ำมัน ก่อนซื้อแนะนำให้ทดลองขับเพื่อสัมผัสความลื่นไหลของเกียร์และสมรรถนะของระบบกันสะเทือนเป็นพิเศษ และควรเลือกตัวแทนจำหน่ายที่มีบริการหลังการขายดีเพื่อความพึงพอใจในการใช้งานสูงสุด

สำหรับรายเดือนของ Nissan Serena ในไทยนั้น ตัวเลขที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ระยะเวลาผ่อน เงินดาวน์ และนโยบายของสถาบันการเงิน โดยทั่วไปธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่ร่วมงานกับ Nissan ในไทยจะเสนอเงื่อนไขผ่อนตั้งแต่ 3 ถึง 7 ปี ตัวอย่างเช่นถ้าผ่อนรุ่นพื้นฐาน ดาวน์ 20% ผ่อน 5 ปี (60 เดือน) ด้วยอัตราดอกเบี้ยประมาณ 4%-6% ต่อปี รายเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-18,000 บาท แนะนำให้เช็กตัวเลขเป๊ะๆผ่านเครื่องคำนวณสินเชื่อในเว็บ Nissan ประเทศไทยหรือไปที่ตัวแทนจำหน่ายโดยตรง เพราะบางทีเขามีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ดาวน์ต่ำ ผ่อน 0% เป็นต้น ที่สำคัญ โครงการผ่อนสำหรับรถ MPV ในไทยมักจะยืดหยุ่นกว่ารถเก๋ง บางธนาคารอาจมีส่วนลดค่าน้ำมันหรือประกันปีแรกให้ด้วย เวลากะระยะผ่อนนอกจากดูแค่รายเดือนแล้ว อย่าลืมเช็กเงื่อนไขการปิดบัญชีก่อนกำหนดและค่าธรรมเนียมต่างๆ เพราะมันกระทบถึงต้นทุนรวมทั้งหมด โบนัสอีกอย่างคือรถรุ่นรักษ์โลกอย่าง e-POWER อาจได้ลดภาษีจากรัฐบาลไทยด้วย เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ควรวางแผนการเงินและความต้องการใช้งานให้ดีๆครับ

รถยนต์ Nissan Serena ที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทย มักใช้ยางขนาดมาตรฐานเป็น 195/65 R15 หรือ 205/55 R16 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตและรุ่นย่อยของรถ แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบขนาดยางที่แน่นอนของรถตัวเองจากสติ๊กเกอร์ที่ขอบประตูรถ คู่มือผู้ใช้ หรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายโดยตรง ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย การเลือกยางรถยนต์ควรเน้นเรื่องการรีดน้ำและความทนทานต่อความร้อนเป็นพิเศษ ยางแบรนด์ดังอย่างมิชลิน บริดจสโตน และดันลอป มีรุ่นที่เหมาะกับ Serena ให้เลือกใช้ ทั้งยางอเนกประสงค์และยางสำหรับถนนเปียกที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง (รวมถึงยางอะไหล่) โดยค่าลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถเก๋งในประเทศไทยตามคำแนะนำของกรมการขนส่งทางบกจะอยู่ที่ 30-35 PSI แต่ให้ยึดค่าที่ระบุในรถเป็นหลัก หากต้องเปลี่ยนยางใหม่ นอกจากขนาดต้องตรงแล้ว ยังต้องดูดัชนีน้ำหนักและระดับความเร็วที่ระบุบนแก้มยางด้วย สำหรับพื้นที่ที่เป็นภูเขาอาจเลือกยางที่มีโครงสร้างแข็งแรงเพื่อเพิ่มความทนทาน ควรสลับยางทุก 10,000 กิโลเมตรเพื่อยืดอายุการใช้งาน ส่วนความลึกดอกยางตามกฎหมายไทยต้องไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. แต่เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้เปลี่ยนก่อนที่จะสึกถึงขีดจำกัดนี้ โดยเฉพาะเมื่อดอกยางเหลือน้อยกว่า 3 มม.