Q

Porsche Taycan สามารถวิ่งได้ระยะทางเท่าไหร่ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง?

ระยะทางการขับขี่ของ Porsche Taycan จะขึ้นอยู่กับการกำหนดค่ารุ่นและสภาพการใช้งานเฉพาะของรถ โดยทั่วไปแล้ว ระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 400 ถึง 500 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าระยะทางจริงอาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น สไตล์การขับขี่ สภาพถนน และอุณหภูมิของสภาพแวดล้อม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
พอร์เช่ ทายคันเปิดตัวเมื่อไหร่
Porsche Taycan เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 และได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ โดย Taycan มีชื่อเสียงในด้านสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม การออกแบบที่ล้ำสมัย และเทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูง ซึ่งให้กำลังที่ทรงพลังพร้อมทั้งระยะทางการขับขี่ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน
Q
โปรเช่ ทายคันสามารถวิ่งได้ไกลเท่าไหร่ในการชาร์จครั้งเดียว
ระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งของ Porsche Taycan อาจแตกต่างกันไปตามการตั้งค่าและเงื่อนไขการขับขี่ โดยปกติแล้ว Taycan จะมีระยะทางขับขี่ประมาณ 400 ถึง 500 กิโลเมตร
Q
แบบเร็วเท่าไหร่ของ porsche taycan turbo s
Porsche Taycan Turbo S มีความเร็วสูงสุดที่ประมาณ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ความเร็วสูงสุดที่แท้จริงอาจแตกต่างไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพถนน เงื่อนไขการขับขี่ และการตั้งค่ารถยนต์ ในสภาพถนนและกฎจราจรของประเทศไทย การขับขี่ควรเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
Q
Porsche Taycan รุ่นไหนมีระยะทางที่แข็งแรงที่สุด
ในรุ่น Porsche Taycan ปี 2025 แบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ติดตั้งแบตเตอรี่สมรรถนะสูง มีระยะทางขับขี่ที่ไกลที่สุด โดยสามารถทำระยะได้ถึง 693 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
Q
ปอร์เช่ ไทยแคนมีที่นั่งกี่ที่
จำนวนที่นั่งของ Porsche Taycan ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกโดยปกติจะมี 4 ที่นั่งหรือ 5 ที่นั่ง รุ่นซีดานของ Taycan มักจะเป็นรถยนต์ 4 ประตู 2 ที่นั่ง หรือ 4 ประตู 4 ที่นั่ง ส่วนรุ่นแวกอนของ Taycan มักจะเป็นรถ 5 ประตู 4 ที่นั่ง
Q
โปรเช่ ทายคาร์ วิธีการชาร์จ
ในประเทศไทย Porsche Taycan มีวิธีการชาร์จดังนี้ ใช้สถานีชาร์จ Shell Porsche ร่วมมือกับ Shell เปิดสถานีชาร์จ HPC แห่งแรกที่กรุงเทพฯ และในปี 2023 ติดตั้งเครื่องชาร์จ DC ขนาด 180kW และ 360kW ที่ 11 สถานี ซึ่งเป็นสถานีชาร์จที่เร็วที่สุดในประเทศไทย ใช้เครื่องชาร์จ 180kW สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 80% ภายใน 30 นาที วิ่งได้ 390 กิโลเมตร หากใช้เครื่องชาร์จ 270kW เวลาชาร์จจะลดลงเหลือ 22 นาที เจ้าของ Taycan รุ่นใหม่ในประเทศไทยจะได้รับสมาชิกแพลตินัมฟรี 3 ปี พร้อมส่วนลด 50% ในการชาร์จตามจำนวนครั้ง การจองเครื่องชาร์จล่วงหน้า 1 ชั่วโมงก่อนถึงสถานี HPC ฟรี และคะแนน Shell Go+ 10,000 คะแนน ใช้ปลั๊กไฟที่บ้าน หากที่บ้านมีปลั๊กไฟที่เหมาะสม สามารถชาร์จที่บ้านได้เหมาะสำหรับการขับขี่ระยะสั้นหรือกรณีฉุกเฉิน ใช้สถานีชาร์จเฉพาะ สถานีชาร์จของ Taycan มีจุดชาร์จที่ให้ความเร็วในการชาร์จที่เร็วขึ้นและปลอดภัย สามารถพบได้ที่ศูนย์ Porsche หรือสถานีชาร์จสาธารณะ ใช้เครือข่ายการชาร์จ Porsche Porsche ให้บริการเครือข่ายการชาร์จ Turbo Charging ซึ่งมีสถานีชาร์จมากกว่า 120,000 แห่งทั่วโลก เจ้าของ Taycan ในประเทศไทยสามารถใช้เครือข่ายนี้ได้
Q
ราคาการเปลี่ยนแบตเตอรี่ Porsche Taycan คือเท่าไหร่
ราคาการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ Porsche Taycan อาจแตกต่างกันตามหลายปัจจัย เช่น รุ่นของแบตเตอรี่และศูนย์บริการที่เลือก โดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในประเทศไทยค่อนข้างสูง อาจอยู่ในช่วงหลายแสนถึงกว่าล้านบาท ทั้งนี้ควรสอบถามศูนย์บริการ Porsche ที่ได้รับอนุญาตในพื้นที่เพื่อรับข้อมูลราคาที่แม่นยำยิ่งขึ้น
Q
โปรเช่ ทายคาน ราคาเท่าไหร่
ราคาของ Porsche Taycan แตกต่างกันตามรุ่น ปี 2025 รุ่น Taycan มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 7562000 บาท รุ่น Taycan 4S ปี 2024 มีให้เลือกหลายสี ราคาอยู่ระหว่าง 8249000 ถึง 9093000 บาท รุ่น Taycan Turbo S ปี 2024 มีราคา 12864000 บาท นอกจากนี้รุ่น Taycan 4 Cross Turismo ปี 2024 มีราคา 7854000 บาท และรุ่น Taycan Turbo Cross Turismo ปี 2023 มีราคา 12519000 บาท หากต้องการข้อมูลราคาที่แม่นยำยิ่งขึ้น แนะนำให้ติดต่อผู้จำหน่าย Porsche ในประเทศไทยโดยตรง เนื่องจากราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอุปกรณ์เสริม รายละเอียดการตกแต่ง และภาษีที่เกี่ยวข้อง
Q
ความเร็วของ porsche taycan คืออย่างไร
พอร์เช่ Taycan มีสมรรถนะด้านความเร็วที่ยอดเยี่ยมโดยแต่ละรุ่นมีค่าความเร็วที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นรุ่นปี 2024 Taycan รุ่นปกติทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 54 วินาที Taycan 4S ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4 วินาที Taycan Turbo ทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 32 วินาทีในการเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน Taycan Turbo S ทำความเร็วสูงสุดได้เท่ากันที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 28 วินาที แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะการเร่งที่ทรงพลังและความสามารถในการวิ่งที่ความเร็วสูง
Q
ราคาในการชาร์จ Porsche Taycan คือเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ Porsche Taycan แตกต่างกันตามวิธีการชาร์จ ช่วงเวลา และสถานที่ โดยโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นแบบมีสาย ในช่วงเวลาเร่งด่วนราคาค่าไฟอยู่ที่ประมาณ 6 ถึง 9 บาทต่อหน่วย ขณะที่ช่วงเวลานอกเร่งด่วนต่ำกว่า 5 บาทต่อหน่วย มีผู้ใช้งานบางรายระบุว่าที่สถานี PTT คิดค่าชาร์จที่ 7.5 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง หากคำนวณจากแบตเตอรี่ขนาด 79.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงของ Porsche Taycan เมื่อใช้เครื่องชาร์จทั่วไปชาร์จเต็ม ช่วงเวลาเร่งด่วนจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 475.2 ถึง 712.8 บาท และช่วงนอกเร่งด่วนประมาณ 396 บาท หากใช้เครื่องชาร์จเร็วแบบกระแสตรง 50 กิโลวัตต์ โดยชาร์จจาก 5 เปอร์เซ็นต์ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 93 นาที ค่าชาร์จช่วงเร่งด่วนจะอยู่ที่ราว 308.4 ถึง 462.6 บาท และช่วงนอกเร่งด่วนประมาณ 232.5 บาท

ข้อดี

หน้าตาหรูหราตามองแหลม การออกแบบที่สมบูรณ์แบบ รูปทรงที่ทันสมัย หน้ารถกว้างและแบน ราวล้อที่สวยงาม
ภายในแต่งตัวด้วยหรูหรา มีความรู้สึกที่สุดของเทคโนโลยี ใช้การออกแบบ Foot garages ตำแหน่งการวางกลุ่มแบตเตอรี่ทำให้ความสะดวกสบายในการเดินทางของแถวหลังเพิ่มขึ้น
พลังงานที่แรงกระแส Taycan 4S มอเตอร์ความสูงสุด 435 แรงม้า ในโหมด Launch Control สามารถเป็นไปได้ถึง 530 แรงม้า 0-100km/h เร่ง 4.0 วินาที
ชุดวงจรควบคุมด้านหน้าเป็นแขนงอิสระสองคู่ ด้านหลังเป็นลิงก์หลายตัว ช่วยสนับสนุนดี

ข้อเสีย

จุดบริการหลังการขายน้อย, การให้บริการของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ AAS มีขอบเขตจำกัด, มีเพียงบางแห่งในกรุงเทพฯ
อะไหล่, การซ่อมบำรุง, ค่าบริการสูง
ไม่สะดวกในการใช้งานในประเทศไทย, 100% ไฟฟ้า, จำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการชาร์จ, อาจจะเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่พักอาศัยในอาคารพานิชย์

Q&A ล่าสุด

Q
วันที่วางจำหน่ายของ Ford Everest คือเมื่อไร?
Ford Everest ที่จำหน่ายในประเทศไทยมักมีการเปลี่ยนโฉมและอัปเดตรุ่นพร้อมกับตลาดโลก โดยรุ่นใหม่ล่าสุดได้เปิดตัวในปี 2022 และวางขายอย่างเป็นทางการในไทยแล้ว สำหรับรุ่นที่มีขายอยู่ในปัจจุบันอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามปีผลิต (Year Model) ทาง Ford Thailand ยังมีการปรับแต่งรุ่นย่อยหรือออกเวอร์ชันพิเศษตามความนิยมของผู้บริโภคในไทย เช่น รุ่นตกแต่งพิเศษ หรือปรับออปชันประจำปีให้ตอบโจทย์มากขึ้น หากใครสนใจซื้อ แนะนำให้เข้าไปที่โชว์รูม Ford ที่ได้รับอนุญาต เพื่อสอบถามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับรุ่นและโปรโมชั่น หรือสามารถติดตามข่าวสารผ่านเว็บไซต์ทางการของ Ford Thailand และโซเชียลมีเดียของแบรนด์ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนชื้น ผู้ผลิตรถยนต์จึงมักมีการปรับแต่งระบบระบายความร้อน ระบบแอร์ และการเคลือบกันสนิมเพิ่มเติม เพื่อให้ตัวรถทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและชื้นได้ดียิ่งขึ้น.
Q
วันที่เปิดตัวของ Ford Everest คือเมื่อไร?
Ford Everest ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะมีการอัปเดตและเปลี่ยนโฉมใกล้เคียงกับตลาดโลก โดยรุ่นใหม่ล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2022 และเข้ามาขายในไทยเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม รุ่นที่ขายในปัจจุบันอาจมีการปรับรายละเอียดตามปีผลิต (Year Model) ที่แตกต่างกันเล็กน้อย ทาง Ford ประเทศไทยมักจะมีการปรับแต่งรุ่นย่อยหรือเพิ่มรุ่นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย เช่น การตกแต่งภายในเฉพาะรุ่น สีพิเศษ หรือชุดแต่งเพิ่มเติม ผู้ที่สนใจซื้อควรติดต่อศูนย์จำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Ford เพื่อสอบถามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับรุ่น ปี และราคา หรือสามารถติดตามข่าวสารผ่านเว็บไซต์ทางการของ Ford Thailand และช่องทางโซเชียลมีเดียของบริษัท เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนชื้น รถที่ขายในไทยจึงมักมีการปรับปรุงระบบระบายความร้อน ระบบแอร์ และการป้องกันสนิมเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและความชื้นสูงของบ้านเรา ทำให้ใช้งานได้ทนทานยิ่งขึ้น.
Q
Ford Everest คุ้มค่าจะซื้อไหม?
Ford Everest ถือเป็นรถ SUV ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั้งทางออฟโรดและครอบครัว ซึ่งเหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยอย่างมาก ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบแชสซีส์ (ไม่ใช่แบบโมโนค็อก) และระบบ Terrain Management ที่ช่วยให้ขับผ่านถนนลูกรังหรือในฤดูฝนได้อย่างมั่นใจ ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,923 มม. ทำให้มีที่นั่งแบบ 3 แถว รองรับการใช้งานของครอบครัวใหญ่ได้สบาย โดยเฉพาะในการเดินทางไกลหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ด้านเครื่องยนต์ Ford Everest ใช้เครื่องดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วยให้ประหยัดน้ำมันและมีพละกำลังเพียงพอในการลากจูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ในไทยให้ความสำคัญ ระบบความบันเทิง SYNC 4 ยังรองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย และแผนที่นำทางที่อัปเดตสำหรับการใช้งานในประเทศ โดยรวมถือว่าใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ในกลุ่มรถระดับเดียวกัน Everest มีจุดเด่นตรงความสามารถในการลุยน้ำลึกถึง 800 มม. ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งหลายรุ่น อีกทั้งศูนย์บริการของ Ford ก็ครอบคลุมแทบทุกจังหวัด ทำให้เรื่องการซ่อมบำรุงไม่ใช่ปัญหา สำหรับผู้ที่สนใจ แนะนำให้ลองขับจริง โดยเฉพาะบนเส้นทางภูเขาอย่างที่เชียงใหม่ เพื่อดูประสิทธิภาพของระบบช่วยควบคุมการไต่เขา และอย่าลืมตรวจสอบข้อกำหนดด้านการตรวจสภาพรถดีเซลตามกฎหมายไทย โดยรวมแล้ว Ford Everest เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เหมาะกับคนที่ต้องการรถใช้งานอเนกประสงค์แบบลุยได้ และยังมีราคาขายต่อที่ดีเมื่อเทียบกับรถแนวเมืองทั่วไป แต่ก็ควรดูแลระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้พร้อมใช้งานเสมอ.
Q
Ford Everest กินน้ำมันเท่าไหร่?
ประสิทธิภาพการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Ford Everest ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ โดยทั่วไปรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 9-10 ลิตร/100 กม. ในสภาพการขับขี่ในเมือง และอาจลดลงเหลือ 7-8 ลิตร/100 กม. เมื่อขับบนทางหลวง ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรจะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าเล็กน้อย ข้อมูลที่แน่นอนสามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลรับรองอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนและมีการจราจรติดขัดบ่อยครั้ง แนะนำให้เจ้าของรถบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำความสะอาดไส้กรองอากาศและรักษาความดันลมยางให้เหมาะสม ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ นอกจากนี้ ในประเทศไทยมีสถานีบริการบางแห่งที่จำหน่ายเชื้อเพลิงไบโอดีเซล B7 หรือ B20 ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลของ Ford Everest สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทนี้ได้ แต่ควรเลือกใช้ตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ หากต้องการลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ลองขับด้วยความเร็วคงที่และคาดการณ์สถานการณ์การจราจรเพื่อหลีกเลี่ยงการเบรกกระทันหัน ซึ่งเทคนิคการขับขี่เหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นเช่นกรุงเทพฯ
Q
ขนาดล้อของ Ford Everest คือเท่าไหร่?
Ford Everest ที่จำหน่ายในตลาดประเทศไทยมีขนาดล้อที่แตกต่างกันตามรุ่นและออปชัน โดยทั่วไปจะมีขนาด 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว ซึ่งบางรุ่นที่เป็นตัวท็อปอาจมาพร้อมล้อที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลาย ในบริบทของประเทศไทยที่มีทั้งภูเขาและถนนในชนบท ล้อขนาดใหญ่จะช่วยเพิ่มระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ (ground clearance) ทำให้ขับผ่านทางขรุขระได้ดีขึ้น แต่ก็อาจส่งผลให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลงเล็กน้อย ดังนั้นควรเลือกขนาดล้อให้เหมาะกับการใช้งานจริง หากขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ล้อขนาด 17 นิ้ว จะให้ความสบายในการขับขี่และประหยัดน้ำมันมากกว่า ส่วนล้อขนาด 18 นิ้ว จะเหมาะกับคนที่ชอบรูปลักษณ์สปอร์ตและอาจขับรถลุยเป็นครั้งคราว ในช่วงฤดูฝนของไทย ควรให้ความสำคัญกับดัชนีความทนทานของยาง (treadwear rating) และประสิทธิภาพการรีดน้ำของดอกยาง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนเปียก ผู้แทนจำหน่าย Ford ที่ได้รับอนุญาตมักจะมีบริการอัปเกรดล้อแท้จากโรงงาน ซึ่งรับประกันความเข้ากันได้และความปลอดภัย นอกจากนี้ควรตรวจเช็คลดการสึกของยาง และทำการตั้งศูนย์ล้ออย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาความปลอดภัยในการขับขี่.
ดูเพิ่มเติม