Q
Toyota Yaris หนักเท่าไหร่? กดตรงนี้เลยค่ะ
น้ำหนักตัวถังของ Toyota Yaris จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง เช่น รุ่นปี 2023 แบบ 1.2L CVT จะมีน้ำหนักรถประมาณ 1,060–1,100 กิโลกรัม ส่วนรุ่น 1.5L RS ที่เป็นรุ่นสปอร์ตจะหนักกว่านิดหน่อย อยู่ที่ประมาณ 1,140–1,180 กิโลกรัม เพราะเครื่องยนต์ใหญ่กว่าและมีชุดแต่งสปอร์ตเพิ่มเข้ามา
น้ำหนักระดับนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์เบาเมื่อเทียบกับรถแฮทช์แบคขนาดเดียวกัน เช่น Honda City Hatchback หรือ Mazda2 ซึ่งเหมาะกับการขับในเมืองของไทยมากๆ เพราะควบคุมง่ายและประหยัดน้ำมัน
ข้อดีอีกอย่างของน้ำหนักที่เบาคือ ช่วยลดภาระของแอร์ในช่วงอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทย ทำให้แอร์ทำงานได้ดีขึ้น และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมคนไทยหลายคนถึงชอบรถขนาดกะทัดรัดแบบนี้
แต่ในช่วงหน้าฝน น้ำหนักเบาก็อาจทำให้เกาะถนนได้น้อยลงเล็กน้อย แนะนำให้ใช้ยางที่มีคุณภาพดีเพื่อความปลอดภัยเวลาขับบนถนนเปียก
น้ำหนักรวมของรถตามที่ Toyota Thailand ระบุไว้ (GVWR) รวมผู้โดยสารและของที่บรรทุก จะอยู่ที่ประมาณ 1,500 กิโลกรัม ใครที่อยากติดตั้งเครื่องเสียงหรืออุปกรณ์เพิ่ม แนะนำให้ระวังไม่ให้เกินน้ำหนักนี้ เพื่อความปลอดภัยและไม่ผิดกฎของกรมขนส่งทางบกของไทยค่ะ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris มีอะไรบ้าง?
Tแม้ว่า Toyota Yaris จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีจุดที่ควรพิจารณาเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรแบบไม่มีเทอร์โบ กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชอบการขับขี่ที่เร้าใจหรือเร่งแซงบ่อยในความเร็วสูง ด้านพื้นที่ภายใน ด้วยขนาดตัวรถแบบ B-Segment (ยาว 4,171 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475–1,500 มม. ฐานล้อ 2,550 มม.) อาจทำให้พื้นที่วางขาและศีรษะด้านหลังรู้สึกคับแคบ โดยเฉพาะกับผู้โดยสารที่รูปร่างสูงใหญ่
นอกจากนี้ ในขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันมีการอัปเดตดีไซน์และฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง Toyota Yaris บางรุ่นกลับดูขาดความทันสมัย ทั้งในด้านการออกแบบภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบมัลติมีเดียที่ยังมีฟังก์ชันจำกัด วัสดุภายในที่ให้สัมผัสไม่หรูหรามากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เน้นความล้ำสมัยหรือความหรูหรา Yaris จึงอาจดูเป็นรองในแง่ของความโดดเด่นและความน่าสนใจค่ะ
Q
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ระดับไหน?
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ B-Segment หรือที่เรียกว่าตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยมีขนาดตัวถังค่อนข้างกะทัดรัด ได้แก่ ความยาวประมาณ 4,140 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,550 มม. ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและหาที่จอดรถได้ง่าย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงประมาณ 559,000 – 694,000 บาท ถือว่าเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องยนต์มีขนาดความจุ 1.2 ลิตร (1197 ซีซี) เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กม. จึงเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน เช่น ขับไปทำงานหรือเดินทางระยะสั้น ภายในรถยังมาพร้อมกับ อุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่ะ
Q
มูลค่าขายต่อ (Resale Value) ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
ราคาขายต่อของ Toyota Yaris มือสอง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน (ปีของรถ), ระยะทางที่วิ่งมา, สภาพตัวรถ, และ ระดับของอุปกรณ์หรือรุ่นย่อย รถที่อายุยังน้อย, วิ่งมาน้อย, ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันที่มีอายุการใช้งานนานกว่า วิ่งมาเยอะ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ รุ่นที่เป็น ตัวท็อปหรือมีออปชันครบ มักจะมีราคาขายต่อที่ดีกว่ารุ่นพื้นฐาน แม้จะไม่สามารถระบุราคาที่แน่นอนได้แบบชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพรถแต่ละคัน แต่โดยรวมแล้ว ถ้ารถอยู่ในสภาพดี ก็จะขายได้ราคาที่น่าพอใจในตลาดมือสอง ในทางกลับกัน หากรถมีสภาพไม่ดี ราคาก็จะลดลงอย่างมาก ผู้บริโภคควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านร่วมกันในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของรถก่อนซื้อหรือขายค่ะ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีกี่ CC?
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีความจุ 1197 มิลลิลิตร (mL) ซึ่งเมื่อแปลงเป็นหน่วยลูกบาศก์เซนติเมตร (CC) จะเท่ากับ 1197 CC (เนื่องจาก 1 mL = 1 CC) เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (Naturally Aspirated) มี 4 สูบ ให้กำลังขับเคลื่อนที่เสถียรและเชื่อถือได้ ด้านความประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดี โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร (ตามข้อมูลจากผู้ผลิต) เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดที่ 68 กิโลวัตต์ (kW) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 109 นิวตันเมตร (N·m) ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง) ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองหรือถนนทั่วไปในชีวิตประจำวันค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1.2 ลิตร (1,197 ซีซี) แบบดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ)
เครื่องยนต์นี้ใช้ระบบ DOHC 16 วาล์ว และมีลักษณะเป็นเครื่องยนต์ “สมดุล” เพราะขนาดกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากัน (72.5 มม.) นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) และเทคโนโลยี Dual VVT-iE (ระบบวาล์วแปรผันคู่แบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ด้านระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมระบบ Shift-Lock ที่ช่วยปลดเกียร์ว่างเมื่อรถจอด เครื่องยนต์และชุดส่งกำลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่น และยังช่วยในเรื่อง ความประหยัดน้ำมัน ในบางประเทศ (รวมถึงไทย) หากมีการเปิดตัวรุ่นใหม่เพิ่มเติม อาจมีการใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบ Dual VVT-i ที่ให้กำลัง 107 แรงม้า และแรงบิด 140 นิวตันเมตร พร้อมจับคู่กับเกียร์ Super CVT-i ที่สามารถจำลองการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 7 จังหวะ เพื่อให้การขับขี่เร้าใจมากขึ้นค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เกียร์แบบไหน?
Toyota Yaris มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
• เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i (ใช้ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FBE)
• เกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด (ใช้หลักในรุ่นเชิงพาณิชย์ เช่น รุ่นที่ใช้เพื่อการขนส่ง)
ส่วนรุ่น Yaris ATIV จะใช้เกียร์ CVT เป็นมาตรฐานทุกรุ่น โดยเกียร์ CVT ของ Yaris ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในประเทศไทย เช่นในกรุงเทพฯ โดยใช้ น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำ และเพิ่มระบบ ระบายความร้อน เพื่อให้ทนต่อการใช้งานในเมืองที่ต้องหยุด–ออกตัวบ่อย
คำแนะนำจาก Toyota ประเทศไทย คือควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร
แต่ถ้าขับรถในพื้นที่อุณหภูมิสูงตลอดปี เช่น ภาคใต้ ควรเปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร และควรใช้น้ำมันเกียร์มาตรฐาน Toyota CVTF FE ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย
สำหรับผู้ที่ชอบขับรถแนวสปอร์ต แม้ Yaris จะไม่มีเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม แต่เกียร์ CVT รุ่นนี้สามารถปรับเป็นโหมดแมนนวลจำลอง 7 จังหวะ ช่วยควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้แม่นยำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภูเขาเยอะอย่างเชียงใหม่
นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Toyota ยังแนะนำว่า หากใช้รถในพื้นที่ชายทะเล เช่น ชลบุรี ควรล้างคราบเกลือที่เกาะบริเวณตัวเกียร์ด้านนอกเป็นประจำ เพื่อป้องกันสนิม
รุ่นปรับโฉมล่าสุดของ Yaris ยังได้ปรับปรุงชุดเฟืองเริ่มต้นในเกียร์ CVT เพื่อให้ตอบสนองการออกตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขนของหนักออกจากเขตนิคมอุตสาหกรรม เช่น ที่ระยองค่ะ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
รถ Toyota Yaris ที่วางจำหน่ายในตลาด (รวมถึงรุ่น Yaris ATIV) ใช้ขนาด PCD มาตรฐานที่ 4×100 มม.
หมายความว่าล้อแม็กมี รูน็อต 4 รู และแต่ละรูจะเรียงอยู่บนวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมใช้ในรถยนต์ขนาดเล็ก
ขนาด รูดุมกลาง (Hub Bore) ของ Yaris อยู่ที่ 54.1 มม. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับเจ้าของรถในไทยที่ต้องการ เปลี่ยนล้อแม็กหรือแต่งล้อ เนื่องจากล้อทดแทนหรือแต่งจากแบรนด์ดังในไทย เช่น RAYs, SSR หรือแบรนด์ล้อแม็กผลิตในประเทศ ต้องใช้ขนาดนี้จึงจะใส่ได้พอดี
เกลียวน็อตล้อ ที่ใช้คือ M12×1.5 และควรขันด้วยแรงบิดประมาณ 103 นิวตันเมตร (Nm)
ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นของน็อตล้อทุก ๆ 10,000 กม.
ชาวไทยที่นิยมแต่งล้อมักเลือกออฟเซ็ต (ET) ประมาณ ET38 ถึง ET45 เพื่อให้ล้อดูเต็มซุ้มและมีมิติยิ่งขึ้น
แต่ต้องระวังอย่าให้ล้อชนกับบังโคลนหรือชิ้นส่วนอื่น
หากต้องเปลี่ยนเป็นล้อสำหรับยางฤดูหนาว (เช่น ในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือของไทย) ก็ควรเลือกใช้ล้อที่มี PCD เท่ากัน (4×100 มม.)
ราคาแม็กซ์แท้จากศูนย์ Toyota ในไทย อยู่ที่ประมาณ 8,000–15,000 บาทต่อล้อ
สำหรับผู้ที่ต้องการ อัปเกรดระบบเบรก และยังคงใช้ PCD ขนาดเดิม 4×100 มม. สามารถเลือกชุดเบรกยอดนิยมในไทย เช่นแบรนด์ Endless หรือ Project μ ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจค่ะ
Q
รถ Toyota Yaris มีระบบ Apple CarPlay หรือไม่?
Toyota Yaris รุ่นปรับโฉมตั้งแต่ปี 2020 (รวมถึง Yaris ATIV) มีบางรุ่นย่อย เช่น SV และ RS ที่มาพร้อมกุญแจ Smart Entry และระบบ Push Start ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 หรือ 9 นิ้ว ซึ่งรองรับ Apple CarPlay แล้ว แต่รุ่นพื้นฐานอย่าง JL หรือ J ยังไม่มีฟีเจอร์นี้ และใช้แค่ระบบวิทยุมาตรฐาน
ผู้ที่ใช้รุ่นเก่า สามารถอัปเกรดเป็นหน้าจอที่รองรับ CarPlay ได้ผ่านศูนย์บริการโตโยต้าในไทย ราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาท โดยแนะนำให้ใช้สาย Lightning ที่ผ่านการรับรอง MFi เพราะอากาศร้อนในไทยอาจทำให้สายคุณภาพต่ำเสียหายได้ง่าย นอกจากนี้ โตโย่ายังมีอัปเดตระบบปีละ 1–2 ครั้ง ล่าสุดเพิ่มการรองรับ Siri ภาษาไทยด้วย
หากสนใจซื้อ Yaris มือสอง แนะนำเลือกจาก Toyota Sure ที่รับรองคุณภาพ และมีการตรวจสอบระบบ CarPlay พร้อมประกันระบบมัลติมีเดีย 3 เดือน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Toyota Yaris คืออะไร?
ยางติดรถของ Toyota Yaris จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปมักใช้ยางยี่ห้อ Bridgestone รุ่น ECOPIA EP150 หรือ TURANZA T005A และ Dunlop ENASAVE EC300+ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับถนนในเอเชีย เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน รุ่นที่ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว มักใช้ยางขนาด 175/65 R15 ขณะที่รุ่นสปอร์ตอย่าง RS จะใช้ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 195/50 R16
ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางเหล่านี้จึงผลิตจากสูตรยางพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกและทนความร้อนได้ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนควรเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย
โชว์รูมโตโยต้าในไทยยังมีตัวเลือกยางอัปเกรด เช่น Michelin หรือ Yokohama (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่เหมาะกับถนนไทยที่มีทั้งเรียบและขรุขระ แนะนำให้สลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อยืดอายุการใช้งาน และตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนที่ความดันลมยางอาจสูงเกิน Toyota มีบริการสลับยางในราคาประมาณ 300–500 บาท
หากต้องการเปลี่ยนยางขนาดเดิม ราคายางระดับเดียวกับยางติดรถในไทยอยู่ที่ประมาณเส้นละ 2,500–4,500 บาท (รวมติดตั้งและถ่วงล้อ) และสามารถผ่อนจ่ายผ่าน Toyota Easy Finance ได้อีกด้วย
Q
Toyota Yaris เป็นรถที่ดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียของมันกันที่นี่เลย!
Toyota Yaris เป็นรถที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นกัน โดยจุดเด่นหลักคือความประหยัดน้ำมัน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มาก
ในด้านความปลอดภัย Toyota Yaris ก็มาพร้อมระบบมาตรฐานครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ, สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ด้านอุปกรณ์ภายในก็ถือว่าครบถ้วน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ช่องชาร์จ Type-C, แอร์อัตโนมัติ รวมถึงบางรุ่นที่มีเบาะหนังและกล้องรอบคัน เพิ่มความสะดวกและความสบายในการใช้งาน ดีไซน์ภายนอกก็ดูทันสมัย สีสันหลากหลาย และด้านหน้าของตัวรถมีความเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความโดดเด่น
อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของ Yaris คือเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ซึ่ง 1.2 ลิตร อาจไม่แรงพอสำหรับคนที่ต้องการอัตราเร่งแรงหรือขับเร็วบนทางด่วน นอกจากนี้เบาะหลังของบางรุ่นอาจแคบไปเล็กน้อย ทำให้การนั่งระยะไกลรู้สึกไม่ค่อยสบาย
โดยรวมแล้ว Toyota Yaris เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง มีความปลอดภัย และมีฟีเจอร์พื้นฐานครบ โดยไม่เน้นเรื่องพละกำลังหรือพื้นที่กว้างมากนัก เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถเล็กค่ะ
Q&A ล่าสุด
Q
ราคาบริการของ Toyota Sienta คือเท่าไหร่ ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถโตโยต้า Sienta ในประเทศไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามบริการและนโยบายของตัวแทนจำหน่าย โดยทั่วไปบริการพื้นฐานเช่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะมีราคาประมาณ 2,500-4,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่ที่รวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ตรวจสอบระบบเบรก อาจมีราคาสูงถึง 8,000-12,000 บาท แนะนำให้ติดต่อตัวแทนโตโยต้า 4S ในพื้นที่เพื่อขอใบเสนอราคาที่แน่นอน ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าในประเทศไทยมักมีแพ็กเกจบริการที่ชัดเจนรวมค่าวัสดุและค่าแรงแล้ว บางสาขาอาจมีโปรโมชันตามฤดูกาลหรือส่วนลดสำหรับสมาชิก ควรระลึกไว้เสมอว่าการดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังรักษามูลค่าของรถเมื่อต้องการขายต่อ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย การตรวจสอบระบบแอร์และน้ำหล่อเย็นยิ่งมีความสำคัญ นอกจากนี้ในตลาดไทยยังมีศูนย์บริการบางแห่งที่ใช้อะไหล่ไม่ใช่ของแท้แต่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจมีราคาถูกกว่า แต่ต้องตรวจสอบคุณภาพของอะไหล่และเงื่อนไขการรับประกันให้ดี การวางแผนระยะเวลาการดูแลรักษาให้เหมาะสม เช่น ทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Toyota Sienta คือเท่าไหร่ หาคำตอบได้ที่นี่
รถโตโยต้า ซีเอนตาในไทยมีค่าบำรุงรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะสำหรับผู้ใช้งานครอบครัว ค่าบำรุงรักษาปกติจะขึ้นอยู่กับรุ่นและประเภทเครื่องยนต์ โดยรุ่นเบนซิน 1.5L ค่าบำรุงพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาท ส่วนรุ่นไฮบริดจะมีค่าบำรุงสูงกว่าเล็กน้อย แต่ด้วยความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีไฮบริดจากโตโยต้า ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ในระยะยาว นอกจากนี้โตโยต้ายังมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วไทย พร้อมอะไหล่แท้และบริการมาตรฐาน ที่ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพและความสะดวกสบาย ข้อควรระวังคือสภาพอากาศไทยที่ร้อนชื้น อาจทำให้ต้องดูแลรถเป็นพิเศษ แนะนำให้ตรวจสอบระบบแอร์และแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานรถ ส่วนความทนทานและอัตราเสียบต่ำของซีเอนตา ทำให้เป็นที่นิยมในตลาดไทย โดยเฉพาะครอบครัวในเมือง ที่นั่งปรับรูปแบบได้และความประหยัดน้ำมันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อีกด้วย
Q
ขนาดล้อของ Toyota Sienta คืออะไร
รถโตโยต้า Sienta ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยจะมีขนาดล้อที่แตกต่างกันไปตามรุ่นและระดับเครื่องยนต์ โดยขนาดล้อที่พบได้บ่อยจะมีทั้งแบบ 15 นิ้วและ 16 นิ้ว แต่ขนาดล้ออาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีและรุ่นย่อย ดังนั้นเจ้าของรถควรตรวจสอบข้อมูลที่แน่นอนได้จากคู่มือผู้ใช้หรือป้ายที่ติดอยู่บนกรอบประตูรถ สำหรับในประเทศไทยแล้ว เนื่องจากสภาพถนนและอากาศมีความเฉพาะตัว การเลือกขนาดล้อและยางที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญทั้งต่อความสบายในการขับขี่และความปลอดภัย ล้อขนาดใหญ่จะช่วยให้การควบคุมรถดีขึ้นแต่อาจเสียความนุ่มนวลไปบ้าง ในขณะที่ล้อขนาดเล็กจะเหมาะกับถนนสภาพขรุขระมากกว่า นอกจากนี้เมื่อต้องการเปลี่ยนล้อ เจ้าของรถในไทยยังต้องคำนึงถึงกฎหมายจราจรท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจว่าการเปลี่ยนล้อและยางจะไม่ส่งผลต่อความปลอดภัยหรือความถูกต้องตามกฎหมายของรถ และการเลือกวัสดุยางที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มแรงยึดเกาะบนถนนเปียกลื่นได้ดีขึ้น
Q
รุ่นต่างๆ ของ Toyota Sienta มีอะไรบ้าง
รถโตโยต้า ซีเอนต้ามีหลายรุ่นย่อยให้เลือก เริ่มจากรุ่น 2020 Toyota Sienta 1.5L G ราคา 765,000 บาท ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน อยู่ในระดับรถเกรด C ขนาดตัวรถยาว 4,235 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,695 มม. ระยะฐานล้อ 2,750 มม. แบบ 5 ประตู 7 ที่นั่ง ใช้เกียร์ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ยางหน้าขนาด 185/60 R15 ส่วนรุ่น 2020 Toyota Sienta 1.5L V ราคา 825,500 บาท มีสเปกใกล้เคียงกับรุ่น 1.5L G แต่ใช้ยางหน้าขนาด 195/50 R16 และน้ำหนักรถมากกว่าเล็กน้อย สำหรับปี 2022 มีรุ่น Toyota Sienta 1.5 G CVT 2022 ราคา 775,000 บาท และรุ่น Toyota Sienta 1.5 V CVT 2022 ราคา 889,000 บาท ทั้งสองรุ่นนี้เป็นแบบ 4 ประตู 4 ที่นั่ง ขนาดตัวรถยาว 4,235 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,695 มม. ระยะฐานล้อ 2,570 มม. ใช้ยางหน้าหลังขนาด 195/50 R16 เหมือนกัน แต่ละรุ่นย่อยมีราคาและสเปกที่แตกต่างกัน ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการและการใช้งาน
Q
Toyota Sienta หนักเท่าไหร่ ตรวจสอบที่นี่เพื่อรู้คำตอบ
น้ำหนักของ Toyota Sienta จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก สำหรับ Toyota Sienta 1.5L G ปี 2020 มีน้ำหนักอยู่ที่ 1,325 กิโลกรัม ส่วนรุ่น 1.5L V ปีเดียวกันหนักกว่าเล็กน้อยที่ 1,350 กิโลกรัม น้ำหนักรถเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อหลายด้าน เช่น ประหยัดน้ำมันยิ่งรถเบายิ่งกินน้ำมันน้อย ส่วนเรื่องการขับขี่ รถน้ำหนักน้อยอาจจะคล่องตัวกว่า แต่รถที่หนักกว่ากลับให้ความรู้สึกนิ่งกว่าเวลาขับเร็วๆ นอกจากนี้ น้ำหนักยังเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการเบรก ยิ่งรถหนักก็ยิ่งต้องใช้แรงเบรกมากขึ้น ถ้าเข้าใจเรื่องน้ำหนักรถก็จะช่วยให้เลือกซื้อรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีขึ้น
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

เครื่องยนต์ใหม่และพื้นที่กว้างขวาง ทำไม Toyota Yaris ถึงกลายเป็นมาตรฐานของความคุ้มค่า?
สุรเดชApr 14, 2025

2023 Toyota Yaris ราคาตั้งแต่ THB 559,000 ซื้อรุ่น PREMIUM S คุ้มหรือไม่?
LienMay 1, 2024

2024 งานแสดงรถยนต์ปักกิ่ง: Toyota GR YARiS รุ่นอัปเกรด
LienApr 26, 2024

Toyota Sequoia มีการปรับโฉมประจำปี ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกและภายในพร้อมกับราคาที่เพิ่มขึ้น
สุรเดชJul 23, 2025

เตรียมเปิดตัว! Toyota Yaris ATIV HEV ใหม่ 21 ส.ค.นี้ ใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross
AshleyJul 21, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย