Q

วิธีคำนวณเงินกู้ Honda Accord เข้าใจแนวคิดที่นี่

การคำนวณค่างวดผ่อนของรถยนต์ Honda Accord จำเป็นต้องทราบราคาของรถก่อน โดยในกรณีนี้คือรุ่น 2023 Honda Accord 2.0L e:HEV E ซึ่งมีราคา 1,529,000 บาท หากเลือกอัตราเงินดาวน์ 30% จะคิดเป็นเงินดาวน์ 458,700 บาท และยอดจัดไฟแนนซ์หรือวงเงินกู้เท่ากับ 1,070,300 บาท จากนั้นต้องพิจารณาระยะเวลาผ่อนชำระ เช่น 36 เดือน และอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบันการเงิน สมมุติใช้ดอกเบี้ย 6% ต่อปี หรือ 0.5% ต่อเดือน จะสามารถคำนวณค่างวดรายเดือนด้วยสูตรผ่อนแบบเท่ากันทุกเดือน (Equal Monthly Installment) ได้ โดยจะได้ค่างวดประมาณ 32,570 บาทต่อเดือน รวมยอดผ่อนทั้งหมดตลอด 36 เดือนเป็น 1,172,520 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยรวมประมาณ 102,220 บาท อย่างไรก็ตาม ค่างวดจะเปลี่ยนไปตามอัตราเงินดาวน์ ระยะเวลาผ่อน และดอกเบี้ยที่ใช้จริง ทั้งนี้ยังอาจมีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติม จึงแนะนำให้สอบถามรายละเอียดจากโชว์รูมหรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องเพื่อข้อมูลที่แม่นยำที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Honda Accord มีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Honda Accord จะมีข้อดีหลายด้าน แต่ก็ยังมีข้อด้อยที่ผู้ใช้บางรายได้ให้ข้อสังเกตไว้ เช่น การออกตัวที่ค่อนข้างอืด การตอบสนองของเครื่องยนต์ไม่ดุดัน และรู้สึกหน่วงเวลาต้องการเร่งความเร็ว ช่วงล่างมีการเซ็ตอัพที่แข็ง เมื่อขับผ่านถนนที่ไม่เรียบจะรู้สึกถึงแรงสะเทือนชัดเจน ส่งผลต่อความสบายในการโดยสาร อีกทั้งความสูงจากพื้นค่อนข้างต่ำ เมื่อบรรทุกผู้โดยสารเต็มคันหรือสัมภาระจำนวนมาก ตัวรถจะยิ่งเตี้ยลง ทำให้การผ่านเส้นทางขรุขระมีโอกาสชนใต้ท้องรถได้ง่าย ระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถยังล้าหลังกว่ารถแบรนด์จีนบางรุ่น อัปเดตแผนที่ล่าช้า ระบบมีอาการหน่วง และไม่สามารถดาวน์โหลดแอปเพิ่มเติมได้ การออกแบบภายในยังดูอนุรักษ์นิยม ไม่ให้ความรู้สึกทันสมัยหรือล้ำเทคโนโลยี ตำแหน่งของปุ่มและหน้าจอบนแดชบอร์ดยังไม่สะดวกต่อการใช้งาน วัสดุและงานประกอบอยู่ในระดับปานกลาง การเก็บเสียงไม่ดีนัก เมื่อขับด้วยความเร็วสูงจะได้ยินเสียงลมและเสียงยางเข้ามาชัดเจน ทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารไม่เงียบสงบเท่าที่ควร นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว Accord มีระดับอุปกรณ์มาตรฐานที่ไม่โดดเด่นเท่าไรนัก ขาดออปชันไฮเทคหรือฟีเจอร์หรูหรา ราคาอยู่ในระดับค่อนข้างสูง และราคาขายต่อในตลาดมือสองอาจไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงพบปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนมีปัญหา หรือระบบเครื่องเสียงรวนในบางครั้ง
Q
Honda Accord อยู่ในเซกเมนต์ไหน?
ในตลาดประเทศไทย ฮอนด้า แอคคอร์ด ถือเป็นรถยนต์ในกลุ่ม D-Segment หรือที่เรียกกันว่าเซดานระดับกลาง โดยตลาดรถกลุ่มนี้ในไทยมักถูกเรียกว่า "Executive Sedan" หรือ "รถครอบครัวขนาดใหญ่" โดยคู่แข่งหลักๆ ก็จะมีโตโยต้า แคมรี มาเซดา 6 และอื่นๆ แอคคอร์ดเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้ครอบครัวและธุรกิจระดับกลางถึงสูงของไทย ด้วยความกว้างขวางของห้องโดยสาร ความสบายในการนั่ง และประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะเหมาะกับการเดินทางระยะไกลในเมืองอย่างกรุงเทพฯ หรือการเดินทางแบบครอบครัว สำหรับตลาดไทย แอคคอร์ดมักมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ คือ 1.5T เทอร์โบและ 2.0L ไฮบริด ซึ่งตอบโจทย์ทั้งเรื่องประหยัดน้ำมันและสมรรถนะตรงกับความต้องการของคนไทยที่เน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง นอกจากนี้รถในกลุ่ม D-Segment ในไทยมักมาพร้อมกับเทคโนโลยีครบครัน อย่างระบบความปลอดภัย Honda SENSING ฟังก์ชั่นเชื่อมต่ออัจฉริยะ ซึ่งก็เป็นจุดขายสำคัญของแอคคอร์ดเช่นกัน ที่น่าสนใจคือความนิยมรถเซดานในไทยเริ่มเปลี่ยนไปสู่ SUV มากขึ้น แต่แอคคอร์ดยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดได้ดีด้วยดีไซน์คลาสสิกและภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกในการขับขี่และความสบายเป็นหลัก
Q
ค่าขายต่อของ Honda Accord คือเท่าไหร่?
Honda Accord มือสองในประเทศไทยมีมูลค่าการขายต่อที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะคันที่สภาพดีและมีประวัติการเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการครบถ้วน โดยทั่วไปแล้ว หากใช้ไปประมาณ 3 ปี มูลค่าคงเหลือจะอยู่ที่ราว ๆ 60% และเมื่อใช้งานประมาณ 5 ปี จะอยู่ที่ประมาณ 50% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ระยะทางที่ใช้งาน และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีความเชื่อมั่นในรถญี่ปุ่นสูง ซึ่ง Accord เองก็เป็นที่นิยมในตลาดรถมือสอง ด้วยคุณภาพที่เชื่อถือได้และค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูงนัก โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่มีอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม จึงยิ่งมีมูลค่าการขายต่อที่น่าสนใจมากกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา ประเทศไทยมีสภาพอากาศและสภาพถนนที่อาจก่อให้เกิดความสึกหรอของรถได้ง่าย จึงควรดูแลรถอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงประวัติน้ำท่วม เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อมูลค่าขายต่ออย่างมาก หากต้องการเพิ่มความน่าสนใจให้รถมือสอง ควรเก็บประวัติการซ่อมบำรุงจากศูนย์บริการไว้ให้ครบ และหลีกเลี่ยงการปรับแต่งหรือดัดแปลงรถ เนื่องจากผู้ซื้อส่วนใหญ่นิยมรถที่ยังคงสภาพเดิมจากโรงงาน ควรติดตามข่าวสารด้านนโยบายภาครัฐเกี่ยวกับการนำเข้ารถมือสองหรือกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาซื้อขายรถมือสองภายในประเทศในบางช่วงเวลา
Q
เครื่องยนต์ของ Honda Accord มีความจุกี่ซีซี (CC)?
Honda Accordมีหลายรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุต่างกัน บางรุ่นใช้เครื่องยนต์ขนาด 1498 มิลลิลิตร หรือก็คือ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติ เช่น รุ่น 2021 Honda Accord 1.5 Turbo EL ส่วนบางรุ่นใช้เครื่องยนต์ขนาด 1993 มิลลิลิตร หรือ 2.0 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติ เช่น รุ่น 2023 Honda Accord 2.0L e:HEV E และรุ่นผสมอื่นๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ความจุเครื่องยนต์เป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่บอกขนาดและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อทั้งกำลังเครื่องและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ความจุต่างกันตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้ โดยเครื่องยนต์ขนาดเล็กมักจะประหยัดน้ำมันกว่า ในขณะที่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่จะให้กำลังสูงกว่า พลักดันแรงกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบความแรง
Q
Honda Accord ใช้เครื่องยนต์แบบไหนเหรอ?
รถฮอนด้าแอคคอร์ดมีให้เลือกหลายรุ่นด้วยเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน บางรุ่นใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จจากซีรีส์ Earth Dream ที่มาพร้อมเทคโนโลยี VTEC และ i-VTEC สำหรับควบคุมเวลาการเปิดปิดวาล์วและระยะยกวาล์วได้อย่างแม่นยำตามสภาพการขับขี่ แถมยังมีเทคโนโลยี Double Overhead Camshaft ที่เหมาะกับการใช้งานรอบสูง รวมถึงระบบฉีดน้ำมันตรงแบบหลายรูที่ช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องยนต์รุ่นพาวเวอร์สูงสุดแรงม้าได้ถึง 194 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในประมาณ 7.95 วินาที ส่วนรุ่นพาวเวอร์ต่ำสุดแรงม้าอยู่ที่ 143 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร บางรุ่นใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบแบบธรรมดา แรงม้าสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตันเมตร ให้กำลังส่งที่เน้นความนุ่มนวลและความเสถียร แถมยังมีความน่าเชื่อถือสูง นอกจากนี้ยังมีรุ่นไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า กำลังรวมระบบสูงถึง 207 แรงม้า ช่วงออกตัวมอเตอร์ตอบสนองเร็ว ส่วนช่วงกลางและสูงเครื่องยนต์ส่งกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทำให้การขับขี่ลื่นไหลและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
Q
PCD Size ของ Honda Accord คือเท่าไหร่
PCD (ระยะห่างรูน็อตล้อ) ของ Honda Accord โดยทั่วไปจะอยู่ที่ขนาด 5x114.3 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นสเปกมาตรฐานที่ใช้ใน Accord ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในประเทศไทย ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและรุ่นไฮบริด โดยขนาดนี้สามารถใช้งานร่วมกับรถญี่ปุ่นหลายรุ่น รวมถึงบางรุ่นของแบรนด์ในประเทศได้ ทำให้การเปลี่ยนล้อแม็กหรืออัปเกรดยางทำได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนเปลี่ยนล้อ ควรตรวจสอบค่า Offset (ET) และขนาดดุมล้อ (Center Bore) ให้แน่ชัด เพื่อความพอดีและปลอดภัย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนและฝนตกชุก การเลือกแม็กจึงควรคำนึงถึงคุณสมบัติในการระบายความร้อนและการรีดน้ำเป็นพิเศษ แนะนำให้เลือกสินค้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน TISI เพื่อความมั่นใจ หากต้องการข้อมูล PCD ที่ตรงกับปีผลิตหรือรุ่นย่อยของรถ ควรตรวจสอบจากเว็บไซต์ Honda ประเทศไทย หรือสอบถามที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน นอกจากนี้ ร้านแต่งรถบางแห่งในไทยก็มีบริการตรวจสอบความเข้ากันของล้อแม็กแบบมืออาชีพ เพื่อช่วยให้เจ้าของรถเลือกได้อย่างเหมาะสมที่สุด
Q
รถ Honda Accord รับรอง Apple Carplay ไหม?
Honda Accord ที่จำหน่ายในประเทศไทยบางรุ่นมาพร้อมกับฟังก์ชัน Apple CarPlay โดยเฉพาะรุ่นย่อยที่เป็นรุ่นสูงตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับ iPhone ผ่านหน้าจอกลางของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง การฟังเพลง หรือการโทรศัพท์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ หรือการขับขี่ทางไกล หาก Accord ของคุณไม่มีระบบ CarPlay ติดตั้งมาจากโรงงาน ก็สามารถสอบถามตัวแทนจำหน่าย Honda ในไทยเกี่ยวกับการอัปเกรดหรือการติดตั้งอุปกรณ์เสริมที่รองรับ CarPlay ซึ่งค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณหลักพันถึงหมื่นบาท ทั้งนี้ Accord รุ่นที่จำหน่ายในไทยบางรุ่นยังรองรับ Android Auto ด้วย สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้เลือกใช้อุปกรณ์ CarPlay ที่ได้รับการรับรองจากโรงงาน เพื่อความเสถียรในการใช้งาน และควรอัปเดตซอฟต์แวร์ของระบบอยู่เสมอเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด โดยโชว์รูม Honda หลายแห่งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Siam Paragon หรือ Central World มักมีรถรุ่นที่ติดตั้ง CarPlay ให้ทดลองใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบจราจรอัจฉริยะในไทย CarPlay กำลังกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถระดับกลางถึงพรีเมียม และในอนาคตอาจรองรับบริการที่เหมาะกับการใช้งานในไทยมากขึ้น เช่น การแจ้งเตือนสภาพจราจรแบบเรียลไทม์ หรือผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย
Q
ยางติดรถของ Honda Accord ใช้ยี่ห้ออะไร?
ยางรถยนต์ที่ติดตั้งมาจากโรงงานสำหรับฮอนด้าแอคคอร์ดในตลาดไทย จะแตกต่างกันไปตามรุ่นปีและระดับการแต่งรถ โดยส่วนใหญ่มักเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่าง มิชลิน (Michelin), บริดจสโตน (Bridgestone) และดันลอป (Dunlop) ซึ่งยางเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีแรงยึดเกาะที่ดีและทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย อย่างเช่น ยางมิชลิน Primacy ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเงียบและนุ่มสบาย เหมาะกับการใช้งานในเมือง ส่วนบริดจสโตน Turanza จะเน้นการเกาะถนนเมื่อ路面เปียก ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง คนไทยยังนิยมเลือกยางท้องถิ่นอย่างดีสโตน (Deestone) ที่ราคาจับต้องได้และเหมาะกับสภาพถนนไทย แต่ต้องระวังเรื่องขนาดยางที่อาจส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและดอกยางเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย
Q
Honda Accord เป็นรถดีไหม? มาดูกันว่ามีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
Honda Accord ถือเป็นรถยนต์ซีดานขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดประเทศไทย จุดเด่นของรุ่นนี้คือระบบขับเคลื่อนที่เชื่อถือได้ การขับขี่ที่นุ่มนวล และความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับทั้งการใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น และการขับขี่ระยะไกล โดยเครื่องยนต์ 1.5T เทอร์โบ หรือรุ่นไฮบริด 2.0L ก็สามารถทำงานได้เสถียรในสภาพอากาศร้อนของไทย พร้อมทั้งช่วยประหยัดค่าน้ำมันอีกด้วย ห้องโดยสารของ Accord ออกแบบได้อย่างหรูหรา มีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับใช้งานในครอบครัว อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่าง Honda Sensing ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของ Accord คือราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะรุ่นไฮบริด และค่าบำรุงรักษาอาจแพงกว่ารถแบรนด์ท้องถิ่นบางรุ่น อีกทั้งด้วยตัวถังที่ค่อนข้างยาว อาจไม่คล่องตัวนักเมื่อต้องขับบนถนนแคบหรือในสภาพการจราจรที่ติดขัด หากคุณกำลังพิจารณาซื้อ Honda Accord อาจลองเปรียบเทียบกับรุ่นที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เช่น Toyota Camry ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน หรือ Mazda6 ที่เน้นเรื่องความสนุกในการขับขี่ ทั้งนี้ควรเลือกตามงบประมาณและความต้องการของคุณ และอย่าลืมว่าด้วยสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทย การดูแลระบบแอร์ ยางรถ และการเข้ารับบริการตามระยะ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้มากขึ้น
Q
ความกว้างของ Honda Accord คือเท่าไหร่?
ความกว้างของ Honda Accord แต่ละรุ่นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 1,862 มิลลิเมตร แต่ขนาดของตัวรถอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามแต่ละเจเนอเรชัน เช่น รุ่นเจเนอเรชันที่ 10 มีความยาวตัวถังถึง 4,893 มิลลิเมตร ขณะที่รุ่นเจเนอเรชันที่ 7 มีความกว้างอยู่ที่ 1,821 มิลลิเมตร โดยคำว่า “ความกว้างตัวรถ” หมายถึงระยะห่างระหว่างจุดที่ยื่นออกมามากที่สุดทั้งสองฝั่งของตัวรถในแนวขวาง โดยไม่นับรวมกระจกมองข้าง ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของภาครัฐที่ระบุว่า ความกว้างรวมของรถไม่ควรเกิน 2.5 เมตร เพื่อให้สามารถใช้งานบนถนนสาธารณะได้อย่างปลอดภัย และรองรับการแซงในเลนข้างเคียงได้อย่างมีระยะปลอดภัยเพียงพอ

ข้อดี

เครื่องยนต์ที่หลากหลาย 1.5 ลิตร เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ในขณะที่ 2.0 ลิตร ระบบไฮบริดจะร่วมมือกับเครื่องยนต์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด 215 แรงม้า
ฉนวนเสียงในประตูดี การฉีดฟองเสียงที่หลายแห่งครั้งแรก และติดตั้งระบบลดเสียงที่ใช้งาน
การออกแบบภายในสบาย ความรู้สึกในการจับเวลเป็นเลิศ การออกแบบเบาะดีและสบาย ที่นั่งด้านหลังกว้างขวาง
ขันธ์ที่ดี ยังมีความสนุกในการขับขี่ในเมืองและชานเมือง การขับขี่ช้าๆเป็นความสบาย แข็งแรงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัย มีระบบช่วยขับขี่และความปลอดภัยที่หลากหลาย เช่น พวงมาลัยหลายฟังก์ชัน จอสัมผัสหรูหรา

ข้อเสีย

ส่วนภายในของรถบางส่วนไม่มีคุณภาพสูงพอ การใช้พลาสติกบางส่วนทำให้รู้สึกถึงคุณภาพ
รถรุ่นพื้นฐานไม่มีพอร์ท USB ที่ด้านหลัง หากต้องการ 4 พอร์ทคุณต้องซื้อรุ่น Hybrid
การปรับหมอนรองคอที่นั่งด้านหลังยาก ไม่มีการล็อคปรับภายในรถ
รถไม่กันแดด ราคาเกินหนึ่งล้านแต่มีกระจกข้างที่ปรับด้วยมือและไม่มีกระจกกันแดด ราคาคุ้มค่าน้อย

Q&A ล่าสุด

Q
ราคาบริการของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ Honda City Hatchback ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามบริการและตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการ โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-4,500 บาท อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำแนะนำให้ติดต่อสอบถามราคากับทางอู่ Honda 4S ที่ใกล้ที่สุด ในไทยเรามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้เจ้าของรถสามารถรับบริการจากช่างมืออาชีพได้อย่างสะดวกสบาย แถมการเข้าศูนย์บริการเป็นประจำยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของรถและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย พูดถึง Honda City Hatchback ในตลาดไทยต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยความประหยัดและการใช้งานที่ตอบโจทย์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาก็ถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับการใช้งานประจำวันเป็นอย่างดี และถ้าเลือกใช้เฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์บริการอย่างถูก渠道 นอกจากจะได้ความมั่นใจแล้ว ยังช่วยรักษาสิทธิ์การรับประกันไม่ให้เสียหายอีกด้วย จริงๆ แล้วในระยะยาวนี่คือทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือที่สุดแล้วล่ะ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูรายละเอียดที่นี่
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบคในไทยมีค่าใช้สอยเรื่องการดูแลรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะกับคนที่อยากประหยัด โดยการบริการครั้งแรกจะทำเมื่อขับถึง 1,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-2,000 บาท รวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ส่วนการบริการตามระยะจะทำทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ค่าบริการปกติประมาณ 2,500-3,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่จะทำเมื่อขับถึงประมาณ 4 หมื่นกิโลเมตร ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรบ้าง ในไทยฮอนด้ามีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ หาไม่ยาก แถมสะดวกด้วย นอกจากนี้ควรตรวจสอบยางและเบรกเป็นประจำเพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เสื่อมเร็วขึ้น ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ลองซื้อแพ็กเกจบริการของฮอนด้า ซึ่งมักจะมีส่วนลดให้ ที่สำคัญการดูแลรักษาตามคู่มือแนะนำไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุรถ แต่ยังช่วยรักษามูลค่าเวลาขายต่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในตลาดรถมือสองของไทย
Q
ขนาดล้อของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่
สำหรับ Honda City Hatchback ในเรื่องของขนาดล้อ ยกเว้นรุ่นสูงสุด RS ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วแบบเฉพาะแล้ว รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นจะใช้ล้อขนาด 15 นิ้วตามมาตรฐาน การที่แต่ละรุ่นมีขนาดล้อแตกต่างกันนี่เป็นผลจากการออกแบบโดยคำนึงถึงสมรรถนะโดยรวมของรถเป็นหลัก ล้อขนาดใหญ่กว่าอย่างล้อ 16 นิ้วในรุ่น RS จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความมั่นคงให้กับรถ ทำให้การควบคุมรถดีขึ้น เหมาะกับสไตล์การขับแบบสปอร์ตที่รุ่น RS เน้นเป็นพิเศษ ส่วนล้อ 15 นิ้วนั้นถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในเมืองและการขับขี่ประจำวันของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นล้อขนาดไหนก็ผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ทำงานเข้ากันได้ดีกับระบบช่วงล่างและระบบอื่นๆ ของรถ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะของรถอย่างลงตัว
Q
รุ่นที่แตกต่างกันของ Honda City Hatchback มีอะไรบ้าง
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้หลักๆ แล้วจะมี 4 เวอร์ชันคือ S, V, SV และ RS รุ่น S เป็นรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่นถุงลมนิรภัย 2 ตัวและระบบเบรก ABS เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รถในงบจำกัด ส่วนรุ่น V จะเพิ่มความสะดวกขึ้นมาอีกหน่อยด้วยกุญแจอัจฉริยะและกล้องถอยหลัง ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น SV จะอัพเกรดทั้งวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยี เช่น จอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นและถุงลมนิรภัยเพิ่มเติม เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาความคุ้มค่า สุดท้ายรุ่น RS ที่เป็นรุ่นสปอร์ตสุดพิเศษ มาพร้อมกับชุดแต่งเอกลักษณ์ เบาะสปอร์ตและระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ชอบความสปอร์ต ในตลาดไทย ซิตี้ แฮทช์แบ็กคันนี้ขายดีเพราะขับง่ายและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ แถมฮอนด้ายังมีสีรถให้เลือกหลายเฉดและโปรแกรมผ่อนชำระที่ตอบโจทย์คนไทยอีกด้วย ที่สำคัญคือรุ่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำในอากาศร้อนแบบบ้านเรา และเพิ่มความสูงของช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนบางพื้นที่ นี่คือการออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดไทยที่แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าใส่ใจลูกค้าชาวไทยจริงๆ
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคหนักเท่าไหร่
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทย มีน้ำหนักตัวรถแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยอยู่ในช่วงประมาณ 1,100 ถึง 1,200 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขุมพลังที่เลือกใช้ เช่น เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น หลังคาซันรูฟ หรือระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม น้ำหนักที่เบากว่าช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพจราจรที่ติดขัดและการขับขี่ที่ต้องหยุด-ออกตัวบ่อยในเมืองไทย นอกจากนี้ การกระจายน้ำหนักของตัวรถยังเป็นสิ่งที่วิศวกรฮอนด้าให้ความสำคัญ โดยมีการออกแบบแชสซีและเลือกใช้วัสดุอย่างเหมาะสม เพื่อให้รถมีความมั่นคงในขณะเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลขณะโดยสาร จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ City Hatchback มีสมรรถนะที่ดีบนถนนที่มีโค้งมากหรือพื้นถนนเปียกในเมืองไทย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกใช้รถที่มีน้ำหนักพอดี ไม่มากเกินไป ไม่เบาเกินไป ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งให้ความสนุกในการขับขี่และความปลอดภัย ซึ่ง Honda City Hatchback คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
ดูเพิ่มเติม