Q

วิธีการลบอุปกรณ์ Bluetooth จาก Honda Accord 2019

การลบอุปกรณ์บลูทูธของ Honda Accord รุ่น 2019 เริ่มจากสตาร์ทรถและให้หน้าจอกลางอยู่ที่หน้าเมนูหลัก จากนั้นเข้าเมนู การตั้งค่า เลือก อุปกรณ์บลูทูธ ในรายการอุปกรณ์ที่จับคู่แล้ว หาอุปกรณ์ที่ต้องการลบ กดปุ่ม ลบ หรือ ลืมอุปกรณ์ เพื่อยืนยัน การทำงานควรเปิดแอร์ให้เย็นเพื่อป้องกันหน้าจอทัชสกรีนตอบสนองช้าในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบบลูทูธของ Honda มีความเสถียรดีในสภาพอากาศร้อนชื้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การลบอุปกรณ์ที่ไม่ใช้เป็นประจำช่วยให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่เร็วขึ้น และผู้ใช้ในไทยควรระวังกฎหมายห้ามใช้มือถือขณะขับขี่ การใช้บลูทูธในรถอย่างถูกต้องช่วยเพิ่มความปลอดภัย หากพบปัญหาซับซ้อนสามารถสอบถามตัวแทนจำหน่าย Honda ในไทยเพื่อคำแนะนำมืออาชีพที่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
รถยนต์ Honda Accord ปี 2021 ใช้เครื่องยนต์ประเภทใด?
รถยนต์ Honda Accord รุ่นปี 2021 ที่วางขายในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ 4 สูบ และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ 4 สูบ โดยรุ่น 1.5T ให้กำลังสูงสุดที่ 192 แรงม้า คู่กับเกียร์ CVT ที่เน้นประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทย ส่วนรุ่น 2.0T ให้กำลังสูงถึง 252 แรงม้า พร้อมเกียร์ออโต้ 10 สปีด ที่ตอบโจทย์คนรักความสปอร์ต ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี VTEC ของ Honda ที่ช่วยให้ได้ทั้งกำลังและความประหยัดน้ำมันในเวลาเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจคือสภาพอากาศร้อนของไทยที่ต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมระบบทำความเย็นประสิทธิภาพสูง แม้ขับนานหรืออากาศร้อนแค่ไหนก็ยังคงเสถียร นอกจากนี้ Accord ในฐานะรถซีดานขนาดกลางตัวสำคัญของ Honda ในไทย ยังถูกปรับแต่งเครื่องยนต์ให้เข้ากับคุณภาพน้ำมันทั่วไปอย่างน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ในประเทศ ทำให้ค่าซ่อมบำรุงไม่สูง สำหรับคนไทยที่เน้นประหยัด รุ่น 1.5T คือคำตอบ ส่วนใครที่ต้องการความแรงเป็นหลัก ก็ต้องรุ่น 2.0T แน่นอน
Q
ค่าแลกเปลี่ยนของ Honda Accord ปี 2021 คือเท่าไร?
มูลค่าการแลกเปลี่ยนรถ Honda Accord รุ่นปี 2021 ในตลาดประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากสภาพรถ ระยะทางที่ใช้งาน รุ่นและอุปกรณ์ รวมถึงความต้องการในตลาดท้องถิ่น โดยทั่วไปแล้วรถที่สภาพดีและระยะทางใช้งานน้อยมักจะได้รับความนิยมในตลาดรถมือสองและมีอัตราการรักษามูลค่าสูงกว่า Honda Accord มีชื่อเรื่องความน่าเชื่อถือและค่าบำรุงรักษาต่ำ ทำให้ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสองของประเทศไทย แนะนำให้คุณติดต่อตัวแทนจำหน่าย Honda ที่ได้รับอนุญาตในพื้นที่หรือใช้บริการแพลตฟอร์มประเมินรถมือสองแบบมืออาชีพเพื่อขอราคาแลกเปลี่ยนที่แม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับราคาที่เป็นธรรม นอกจากนี้ การทำความเข้าใจนโยบายเกี่ยวกับรถยนต์ในตลาดประเทศไทย เช่น มาตรฐานการปล่อยมลพิษและภาษีนำเข้า ก็มีผลต่อการประเมินมูลค่ารถสุดท้ายเช่นกัน เพราะปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อราคารถใหม่ ซึ่งจะกระทบต่อสถานการณ์ตลาดรถมือสองทางอ้อม หากคุณกำลังพิจารณาแลกเปลี่ยนรถ การเตรียมพร้อมด้วยการบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพดีและเก็บรักษาประวัติการบริการอย่างครบถ้วนจะเป็นประโยชน์ เพราะรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มมูลค่าการแลกเปลี่ยนรถของคุณได้ในระดับหนึ่ง
Q
น้ำมันชนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับ Honda Accord ปี 2021?
สำหรับรถ Honda Accord รุ่นปี 2021 ทาง Honda แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มสูตรที่มีความหนืด 0W-20 เพราะน้ำมันเกรดนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกลบนทางหลวง เพราะให้การปกป้องเครื่องยนต์ในอุณหภูมิสูงได้ดีและช่วยประหยัดน้ำมันด้วย โดยศูนย์บริการ Honda ในไทยมักจะมีน้ำมันเครื่องเกรด 0W-20 ที่ผ่านการรับรองจากโรงงาน เช่น Honda Ultra SN 0W-20 ซึ่งออกแบบมาเพื่อเทคโนโลยี EarthDream โดยเฉพาะ ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และรักษาประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้าหาซื้อน้ำมันเครื่องของ Honda ไม่ได้ ก็สามารถเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรยี่ห้ออื่นที่ได้มาตรฐาน API SN หรือ SP แทนได้ เช่น Shell Helix หรือ Mobil 1 แต่ต้องดูให้ชัวร์ว่ามีการรับรอง ILSAC GF-6 ด้วย ข้อสำคัญคือสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน (ดูอย่างไหนถึงก่อน) และควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ ส่วนใครที่ขับในกรุงเทพฯ หรือต้องเจอรถติดบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตร และห้ามผสมน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อหรือต่างเกรดกันเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สารเติมแต่งในน้ำมันเครื่องเกิดปฏิกิริยาและลดประสิทธิภาพการหล่อลื่นได้
Q
รถ Honda Accord ปี 2021 ประหยัดน้ำมันไหม?
รถ Honda Accord รุ่นปี 2021 ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในสภาพการขับขี่แบบผสมผสานทั้งในเมืองและทางหลวงของประเทศไทย รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบสามารถทำระยะทางได้ประมาณ 15-17 กิโลเมตรต่อลิตร (ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน) ส่วนรุ่นไฮบริดนั้นประหยัดยิ่งขึ้นไปอีก โดยทำระยะทางได้เกิน 20 กิโลเมตรต่อลิตร ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับสภาพการจราจรของไทยที่ทั้งติดขัดและราคาน้ำมันสูง เทคโนโลยี Earth Dreams และระบบไฮบริดอัจฉริยะ i-MMD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ส่งผลให้ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้อย่างชัดเจน แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยที่ต้องใช้แอร์บ่อยๆ ก็ไม่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองมากนัก หากคำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาว Honda Accord ตอบโจทย์ด้วยความประหยัดน้ำมัน พร้อมเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมในประเทศไทย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาได้อีกด้วย ที่สำคัญตลาดไทยให้การยอมรับรถยนต์ญี่ปุ่นเป็นอย่างดี มีอะไหล่พร้อมและราคาชัดเจน ช่วยเพิ่มจุดเด่นด้านความคุ้มค่า แนะนำให้ผู้สนใจศึกษาข้อมูลป้ายประหยัดน้ำมันจากกรมธุรกิจพลังงานหรือทดลองขับจริง เพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับระยะทางในการเดินทางประจำวันของตัวเอง
Q
2021 Honda Accord เป็นรถที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
Honda Accord รุ่นปี 2021 ในตลาดไทยเป็นรถที่ไว้ใจได้จริงๆ ได้รับการยอมรับจากหลายด้านเรื่องความทนทาน รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบหรือระบบไฮบริด 2.0 ลิตรที่ทำงานสมบูแบบ ให้กำลังส่งที่เนียนๆ และประหยัดน้ำมันสุดๆ เหมาะทั้งขับในเมืองไทยที่รถติดหนักและขับทางไกล แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ระบบแอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ยังทำงานเสถียรไม่ทำให้เซ็ง ค่าบำรุงรักษาก็ไม่แรงเกินไป แถม Honda มีศูนย์บริการกระจายทั่วไทย อะไหล่ก็หาง่าย ซ่อมก็สะดวก ที่เด็ดกว่ารุ่นนี้ติดตั้ง Honda SENSING ระบบเซฟตี้ช่วยเตือนและป้องกันอุบัติเหตุ มีทั้งระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อเจอวัตถุข้างหน้า ช่วยควบคุมเลน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนไทยที่ค่อนข้างโหด สำหรับคนไทยแล้ว Honda Accord 2021 เป็นรถซีดานขนาดกลางที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งขับไปทำงานประจำหรือพาครอบครัวเที่ยวยาวๆ ค่าซื้อขายต่อก็ยังอยู่ตัวในตลาดรอง ทำให้ค่าใช้จ่ายระยะยาวค่อนข้างประหยัดทีเดียว
Q
รถ Honda Accord ปี 2021 ราคาเท่าไหร่?
ราคาขาย Honda Accord 2021 ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ โดยมีช่วงราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 1.8 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อนที่เลือก (เช่น 1.5T เทอร์โบชาร์จ หรือ 2.0L ไฮบริด) อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร และฟังก์ชั่นเสริม (เช่น ระบบความปลอดภัย Honda SENSING หรือหลังคาพาโนรามา) นอกจากราคารถแล้ว ผู้ซื้อในไทยยังต้องคำนึงถึงค่าจดทะเบียนและประกันภัยซึ่งมักจะคิดเป็น 5%-10% ของราคารถ Honda Accord ได้รับความนิยมในไทยจากความน่าเชื่อถือ ประหยัดน้ำมัน และพื้นที่กว้างขวาง โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรหนาแน่น ข้อดีเพิ่มเติมคือรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้รุ่นไฮบริดอาจได้รับสิทธิประโยชน์บางส่วน แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อรับข้อมูลโปรโมชั่นล่าสุดก่อนตัดสินใจซื้อ ราคารถใหม่ในตลาดไทยมักจะสูงกว่ารถมือสองประมาณ 30%-50% แต่ Honda เป็นแบรนด์ที่มูลค่าตกต่ำน้อยเมื่อขายต่อ ทำให้เสียเงินน้อยกว่ายี่ห้ออื่นเมื่อต้องการเปลี่ยนรถในอนาคต
Q
“Honda Accord เป็นรถที่ทรงพลังหรือไม่?”
ในตลาดไทย Honda Accord เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่รวมความแรงและความประหยัดไว้ด้วยกัน ตัวเลือกระบบขับเคลื่อนมีทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T และระบบไฮบริด 2.0L ที่ให้กำลังขับเคลื่อนได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองและทางด่วนของไทย รุ่น 1.5T ให้กำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตัน-เมตร เร่งเครื่องได้ลื่นไหล ส่วนรุ่นไฮบริดจะเน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน โดยกินน้ำมันเพียง 4-5L/100km ซึ่งตอบโจทย์ค่าก๊าซที่ค่อนข้างแพงในไทย นอกจากนี้ระบบช่วงล่างของ Honda Accord ยังถูกปรับมาเพื่อความสบายเป็นพิเศษ ช่วยลดปัญหาถนนบางเส้นในไทยได้ดี แถมยังแข็งแรงได้มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าอยากได้ความแรงระดับสปอร์ตก็มีรุ่นต่างประเทศให้เลือก แต่ต้องระวังว่าตลาดไทยมักเน้นรุ่นประหยัดเป็นหลัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Camry และ Mazda 6 ที่มีระบบขับเคลื่อนคล้ายๆ กัน ลูกค้าสามารถทดลองขับและเปรียบเทียบตามงบประมาณและสไตล์การขับได้เลย
Q
รถ Honda Accord ปี 2021 จำเป็นต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์หรือไม่?
สำหรับรถ Honda Accord รุ่นปี 2021 ที่จำหน่ายในประเทศไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องประเภทสังเคราะห์เท่านั้น โดยเฉพาะเกรด 0W-20 หรือ 5W-20 แบบเต็มสังเคราะห์ ซึ่งน้ำมันเครื่องเกรดนี้จะทำงานได้ดีกว่าในสภาพอากาศร้อนของไทย เพราะให้การปกป้องเครื่องยนต์ในอุณหภูมิสูงได้ดีเยี่ยม ช่วยประหยัดน้ำมัน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตอบโจทย์มาตรฐานการดูแลรักษาของ Honda อย่างเคร่งครัด สำหรับคนไทยแล้วต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะสภาพอากาศที่ทั้งร้อนและชื้นแบบนี้ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีความเสถียรและต้านทานการเกิดออกซิเดชั่นได้ดีกว่าน้ำมันแร่ ช่วยลดปัญหาคาร์บอนสะสมและอาการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่คู่มือระบุไว้ คือทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่ถ้าต้องขับในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่กว่านั้นหน่อย ถ้าเลือกใช้ยี่ห้ออื่นนอกจากของทาง Honda ต้องดูให้มั่นใจว่าได้มาตรฐาน API SN ขึ้นไป ข้อควรระวังคือรถแต่ละรุ่นหรือปีผลิตอาจต้องการน้ำมันเครื่องต่างกัน เช่นรุ่นไฮบริดอาจกำหนดเกรดน้ำมันเครื่องที่เข้มงวดกว่า ดังนั้นก่อนเข้าศูนย์ควรปรึกษาอู่ฮอนด้าที่ได้รับการรับหมายในไทยก่อน การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมนอกจากจะช่วยปกป้องเครื่องยนต์แล้ว ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ดี โดยเฉพาะกับการขับทางไกลหรือขับในเมืองแบบที่คนไทยนิยมทำกัน
Q
ระยะเวลาที่ Honda Accord ปี 2021 ของฉันจะใช้งานได้นานแค่ไหน?
สำหรับรถ Honda Accord รุ่นปี 2021 ที่ใช้งานปกติในประเทศไทยและได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปสามารถใช้งานได้ถึง 200,000-300,000 กิโลเมตร หรือมากกว่า 15 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการดูแลรักษา สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทยมีผลต่อชิ้นส่วนยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บ้าง แนะนำให้ดูแลระบบแอร์ ซีลยาง และแบตเตอรี่เป็นพิเศษ รวมถึงตรวจสอบสารเคลือบป้องกันสนิมใต้ท้องรถทุก 6 เดือน และในช่วงฤดูฝนควรระบายน้ำทิ้งจากรูระบายให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการกัดเซาะ ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T และระบบไฮบริดของแอคคอร์ดนั้นทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในสภาพการจราจรติดขัดของเมืองไทย แต่ควรใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 0W-20 ตามที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อรองรับอุณหภูมิสูง นอกจากนี้ เจ้าของรถในไทยควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศปีละ 2 ครั้งเนื่องจากมีฝุ่นมาก และเลือกเติมน้ำมันจากปั๊มมาตรฐานเพื่อป้องกันผลกระทบจากน้ำมันคุณภาพต่ำต่อระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง หากใช้งานบริเวณชายทะเลเป็นประจำ ควรล้างตัวถังบ่อยขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายจากเกลือ โดยรวมแล้วแอคคอร์ดรุ่นนี้มีความทนทานดีในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัดและใช้บริการศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Honda เท่านั้น
Q
ความแตกต่างระหว่าง Honda Accord รุ่นปี 2021 และ 2022 คืออะไร?
รุ่น Honda Accord ปี 2021 และ 2022 ที่วางขายในตลาดไทยมีความแตกต่างส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นในรายละเอียดเล็กน้อยและการอัพเกรดระบบ ทางรุ่น 2022 ได้เพิ่มฟีเจอร์ Wireless CarPlay และ Android Auto ทำให้การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนสะดวกขึ้น แถมยังอัพเกรดระบบ Honda Sensing ในรุ่นท็อปด้วยการปรับปรุงกล้องและเรดาร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พิเศษสำหรับสภาพถนนไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน ส่วนเรื่องสีตัวถังก็มีเพิ่มโทนสีใหม่ๆ มาให้เลือกตามความชอบของคนไทย พูดถึงการใช้งานในไทย ทั้งสองรุ่นยังคงใช้ระบบ Hybrid 2.0L ที่ประหยัดน้ำมันแบบสุดๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ ที่ต้องเร่ง-หยุดบ่อยๆ ส่วนเรื่องการตั้งค่าตัวถังก็ออกแบบมาให้ขับสบายทั้งในเมืองและทางต่างจังหวัดแบบบางพื้นที่ของไทย ที่สำคัญคือ Honda Accord ที่ผลิตจากโรงงานไทยเน้นการปรับระบบแอร์และความทนทานของชิ้นส่วนยางให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ซึ่งจุดนี้ทั้งสองรุ่นได้มาตรฐานเหมือนกัน แม้ว่ารุ่น 2022 จะไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก แต่แนะนำให้เปรียบเทียบราคาจากร้านตัวแทนขายในไทยก่อนซื้อ เพราะบางทีรุ่นเก่าอาจมีโปรโมชั่นดีๆ ให้จับตาดูไว้

ข้อดี

เครื่องยนต์ที่หลากหลาย 1.5 ลิตร เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ในขณะที่ 2.0 ลิตร ระบบไฮบริดจะร่วมมือกับเครื่องยนต์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด 215 แรงม้า
ฉนวนเสียงในประตูดี การฉีดฟองเสียงที่หลายแห่งครั้งแรก และติดตั้งระบบลดเสียงที่ใช้งาน
การออกแบบภายในสบาย ความรู้สึกในการจับเวลเป็นเลิศ การออกแบบเบาะดีและสบาย ที่นั่งด้านหลังกว้างขวาง
ขันธ์ที่ดี ยังมีความสนุกในการขับขี่ในเมืองและชานเมือง การขับขี่ช้าๆเป็นความสบาย แข็งแรงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัย มีระบบช่วยขับขี่และความปลอดภัยที่หลากหลาย เช่น พวงมาลัยหลายฟังก์ชัน จอสัมผัสหรูหรา

ข้อเสีย

ส่วนภายในของรถบางส่วนไม่มีคุณภาพสูงพอ การใช้พลาสติกบางส่วนทำให้รู้สึกถึงคุณภาพ
รถรุ่นพื้นฐานไม่มีพอร์ท USB ที่ด้านหลัง หากต้องการ 4 พอร์ทคุณต้องซื้อรุ่น Hybrid
การปรับหมอนรองคอที่นั่งด้านหลังยาก ไม่มีการล็อคปรับภายในรถ
รถไม่กันแดด ราคาเกินหนึ่งล้านแต่มีกระจกข้างที่ปรับด้วยมือและไม่มีกระจกกันแดด ราคาคุ้มค่าน้อย

Q&A ล่าสุด

Q
วิธีสตาร์ทรถ Alfa Romeo 4C?
การสตาร์ทรถ Alfa Romeo 4C ต้องทำตามขั้นตอนสำคัญดังนี้ ก่อนอื่นตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถอยู่ในเกียร์พักและเหยียบเบรกไว้ จากนั้นสอดกุญแจเข้าไปในช่องสตาร์ทหรือกดปุ่มสตาร์ท (ขึ้นอยู่กับรุ่นปีของรถ) พร้อมกับเหยียบคันเร่งเบาๆเพื่อช่วยให้เครื่องยนต์สตาร์ทได้เร็วขึ้น ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย แนะนำให้ปล่อยให้เครื่องยนต์ว่างประมาณ 30 วินาทีหลังจากสตาร์ท เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนได้เต็มที่ ซึ่งสำคัญมากสำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.75 ลิตรนี้ ข้อควรระวังคือเนื่องจากตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ของรุ่น 4C เวลาขับฝนในไทยต้องสังเกตระดับน้ำบนถนนให้ดี อย่าให้น้ำซึมเข้าไปในระบบไฟฟ้า สำหรับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงแบบนี้ในไทย แนะนำให้ไปบริการตามศูนย์บริการรับรองในเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพหรือพัทยาเป็นประจำ ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่ได้มาตรฐานเพื่อรักษาสภาพเกียร์คลัทช์คู่และเครื่องยนต์ให้ดีที่สุด สำหรับเจ้าของรถชาวไทยที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ในสนามแข่ง สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม ชลบุรี เซอร์กิต เดย์ ได้ แต่ต้องระวังการสึกหรอของยาง Pirelli ที่ติดตั้งมาจากโรงงานเดิมเมื่ออุณหภูมิสูงจะเร็วขึ้น ขอแนะนำให้พกเครื่องมือตรวจวัดความดันลมยางติดตัวไปด้วย
Q
Alfa Romeo 4C เป็นเกียร์ธรรมดาหรือไม่?
Alfa Romeo 4C ไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือก ทุกรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบเกียร์คลัทช์คู่ 6 สปีด (TCT) สำหรับรถสปอร์ตระบบขับเคลื่อนล้อหลังเครื่องกลางคันนี้ ใช้โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์แบบโมโนค็อก และเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.75 ลิตร ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบระบายความร้อนด้วยอลูมิเนียมและระบบทำความเย็นเกียร์ที่ออกแบบมาอย่างดีจะช่วยให้การขับขี่แบบสปอร์ตมีความเสถียร แม้ว่ารถเกียร์ธรรมดาจะให้ความรู้สึกสนุกกว่าในเส้นทางภูเขา แต่ระบบเลือกโหมดขับขี่ "DNA" (ที่มีโหมดไดนามิก) ของ 4C ที่ทำงานร่วมกับพัดเลื่อนเปลี่ยนเกียร์ ก็ยังให้ประสบการณ์การขับที่ใกล้เคียงกับเกียร์ธรรมดา ที่น่าสนใจคือ รถสปอร์ตนำเข้าจากยุโรปในไทยมักเป็นเกียร์อัตโนมัติเป็นหลัก เช่น ตัวอย่าง Porsche 718 Cayman ที่ส่วนใหญ่เป็นรุ่น PDK ซึ่งสอดคล้องกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและพฤติกรรมของผู้ขับรถหรูในท้องถิ่น หากต้องการรถเกียร์ธรรมดาจริงๆ อาจพิจารณารถขับเคลื่อนล้อหลังจากญี่ปุ่นอย่าง Toyota GR86 หรือ Subaru BRZ ที่มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ดีกว่าในไทย และเหมาะสมกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศมากกว่า
Q
จำนวนการผลิต Alfa Romeo 4C คือเท่าไหร่?
Alfa Romeo 4C เป็นรถสปอร์ตผลิตจำกัดทั่วโลกมีประมาณ 9,000 คัน แบ่งเป็นรุ่นคูเป้ประมาณ 7,000 คันกับรุ่นสไปเดอร์อีก 2,000 คัน รุ่นนี้โดดเด่นด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาและการออกแบบสไตล์อิตาเลียนคลาสสิก แม้ว่าตลาดไทยจะไม่ใช่ตลาดหลักแต่ก็สามารถหาซื้อได้บ้างผ่านการนำเข้าแบบคู่ขนาน เครื่องยนต์ 1.75 ลิตรเทอร์โบชาร์จให้กำลัง 240 แรงม้า คู่กับเกียร์คลัทช์คู่ ให้ความรู้สึกขับขี่ที่แม่นยำ เหมาะสำหรับคนรักรถที่เน้นความสนุกในการขับ ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย เจ้าของควรดูแลโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์เป็นพิเศษ ด้วยจำนวนการผลิตที่น้อยทำให้รถรุ่นนี้มีมูลค่าค่อนข้างสูงในตลาดมือสอง แต่ควรคำนึงถึงปัญหาอะไหล่ที่อาจต้องรอนานด้วย
Q
Alfa Romeo 4C ทำมาจากวัสดุอะไรบ้าง?
Alfa Romeo 4C เป็นรถสปอร์ตที่โดดเด่นในเรื่องความเบาและสมรรถนะสูง ตัวถังออกแบบมาโดยใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อก ซึ่งไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังช่วยลดน้ำหนักรถได้อย่างมาก ทำให้รถมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ประมาณ 895 กิโลกรัม เมื่อจับคู่กับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.75 ลิตร ก็จะให้สมรรถนะด้านกำลังและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม แผงตัวถังยังใช้วัสดุคอมโพสิต SMC เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความทนทานอีกด้วย ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย คุณสมบัติต้านการกัดกร่อนและทนความร้อนสูงของวัสดุเหล่านี้ยังช่วยรักษาประสิทธิภาพการใช้งานในระยะยาวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ระบบช่วงล่างของ 4C ยังใช้อลูมิเนียมเพื่อให้ได้ความเบาและความแข็งแรงที่เหมาะสม เหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและทางเขาของไทย สำหรับคนรักรถไทย ดีไซน์และการเลือกวัสดุของ 4C สะท้อนถึงความปราณีตของรถสปอร์ตอิตาลี ขนาดที่กะทัดรัดยังทำให้ขับเคลื่อนในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่นได้อย่างคล่องตัว ถ้าสนใจรถสปอร์ตแนวนี้ ลองดูรุ่นอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายกันอย่าง Porsche 718 Cayman หรือ Lotus Elise ที่ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างวัสดุและสมรรถนะเหมือนกัน
Q
ทำไม Alfa 4C ถึงถูกยุติการผลิต?
เหตุที่ Alfa Romeo 4C ต้องยุติการผลิตนั้น หลักๆมาจากการที่ตัวรถถูกออกแบบมาเฉพาะกลุ่มและมีต้นทุนการผลิตที่สูง แม้ว่ารถสปอร์ตระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบมิดชิปตัวนี้จะโดดเด่นในเรื่องการควบคุมด้วยโครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกและการออกแบบน้ำหนักเบา (เพียง 895 กิโลกรัม) แต่พื้นที่ภายในที่คับแคบและการออกแบบที่ไม่ค่อยใช้งานได้จริงทำให้ตอบโจทย์ตลาดกระแสหลักได้ยาก โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทยที่การออกแบบต่างๆ เช่น การไม่มีปุ่มกดของเครื่องปรับอากาศช่วยลดความสะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวัน หลังจากเปิดตัวในปี 2013 ยอดขายทั่วโลกของรุ่นนี้อยู่ที่เพียงประมาณพันคันต่อปีติดต่อกันเป็นเวลานาน จึงไม่สามารถสร้างผลประโยชน์จากขนาดการผลิตได้ นอกจากนี้การกระจายทรัพยากรไปยังแบรนด์อื่นๆ ในกลุ่มอย่างมาสเซราตียังส่งผลต่อการพัฒนาของรุ่นนี้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือตลาดไทยมีความต้องการรถสปอร์ตสมรรถนะสูงขนาดเล็กจำพวกนี้ค่อนข้างจำกัด โดยผู้บริโภคไทยนิยมรถปิกอัพและ SUV ที่ใช้งานได้จริงมากกว่า แต่การหยุดผลิต 4C ไม่ได้หมายความว่า Alfa Romeo จะเลิกผลิตรถสปอร์ตสนุกสนาน เพราะยังมีรุ่นต่อมาอย่าง Giulia Quadrifoglio ที่สืบทอด DNA การขับขี่สมรรถนะสูง ส่วนลูกค้าไทยที่ต้องการความสนุกในการขับขี่อาจจะหันไปสนใจรุ่นใหม่อย่าง Tonale ที่กำลังจะเข้ามา ซึ่งเป็นรถพลังงานใหม่ที่ยังคงความสนุกในการขับขี่แบบ Alfa Romeo แต่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า
ดูเพิ่มเติม