Q

วิธีการเปิดฝาถังน้ำมัน Audi TT

เวลาขับรถ Audi TT ในประเทศไทย ถ้าจะเปิดฝาถังน้ำมัน ต้องเช็คก่อนว่ารถอยู่ในสถานะปลดล็อคแล้ว แค่กดด้านขวาของฝาถังน้ำมันเบาๆ มันจะเปิดออกเองอัตโนมัติ ถ้ารุ่นที่มีระบบไร้กุญแจ พอเดินเข้าไปใกล้รถ ฝาถังน้ำมันจะปลดล็อคให้เอง โดยเฉพาะอากาศร้อนๆ แบบประเทศไทยเนี่ย ต้องระวังเรื่องยางซีลฝาถังน้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นหนาของฝาถังน้ำมันบ่อยๆ จะได้ป้องกันน้ำมันระเหย ยิ่งบางปั๊มในไทยต้องให้พนักงานช่วยเติมน้ำมัน ให้เรารอเขาก่อนนะ เรื่องดีไซน์ฝาถังน้ำมันของ Audi TT นี่เรียบง่ายแต่ใช้งานสะดวก แถมยังเข้ากับเส้นโค้งของตัวรถได้อย่างลงตัว แนวคิดการออกแบบที่ทั้งสวยและใช้งานได้จริงแบบนี้ ก็เห็นได้ในรุ่นอื่นๆ ของ Audi เหมือนกัน เวลาใช้รถสปอร์ตเยอรมันในไทย อย่าลืมเติมน้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นไปนะ จะได้รักษาสมรรถนะเครื่องยนต์ และควรหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนานๆ เพราะอาจทำให้วัสดุภายในรถเสื่อมสภาพเร็ว ถ้าใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ รถจะอยู่กับเราได้นานๆ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
เมื่อคันรถ Audi TT ใหม่จะวางขาย
ขณะนี้ทาง Audi Thailand ยังไม่ได้ประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ Audi TT รุ่นใหม่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ลูกค้าสามารถคาดเดาเวลาได้จากช่วงเวลาที่ Audi เปิดตัวรถรุ่นใหม่ในตลาดโลกและประวัติการนำเข้ารถใหม่ของไทย โดยปกติแล้ว Audi จะนำเข้ารถรุ่นใหม่สู่ประเทศไทยภายใน 6-12 เดือนหลังเปิดตัวในต่างประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับกระบวนการรับรองมาตรฐานและกำหนดการผลิต สำหรับตลาดไทยที่ใช้รถพวงมาลัยขวา รถนำเข้าต้องผ่านการรับรองมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวด (เช่น มาตรฐาน Euro 5 ของไทย) และการตรวจสอบความปลอดภัยจากกรมการขนส่ง ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้อาจส่งผลต่อกำหนดการวางจำหน่าย แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ทางการของ Audi Thailand หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ผู้บริโภคไทยควรคำนึงถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่อาจทำให้ราคาสุดท้ายสูงขึ้น โดยเฉพาะรถสปอร์ตหรูที่มักมีอัตราภาษีสูง สิ่งที่ควรสังเกตว่า Audi TT ในฐานะรถสปอร์ตขนาดเล็กคลาสสิก ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro และเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จมีความเหมาะสมกับสภาพอากาศที่มีฝนชุกและสภาพถนนในเมืองของไทย ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดยังเหมาะกับถนนแคบๆ ในกรุงเทพฯ แต่สำหรับรุ่นสมรรถนะสูงอาจต้องพิจารณาปัญหาความเหมาะสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย
Q
วิธีการเปิดฝาถังน้ำมัน Audi TT
ก่อนจะเปิดฝาถังน้ำมันของ Audi TT สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบว่าตัวรถอยู่ในสถานะปลดล็อคแล้ว จากนั้นให้กดบริเวณขอบด้านขวาของฝาถังน้ำมัน ฝาจะเด้งเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยที่ใช้ไปนานๆ หากพบว่าฝาถังน้ำมันเปิดไม่ลื่นไหล อาจเกิดจากยางซีลเสื่อมสภาพ แนะนำให้ทำความสะอาดและทาจาระบีซิลิโคนเป็นประจำ สำหรับ Audi TT รุ่นนี้ใช้ระบบไม่มีฝาถังน้ำมันแบบเดิม แต่จะมีแผ่นกันการกระเด็นอยู่ด้านใน ใส่ปืนน้ำมันโดยตรงเมื่อเติมน้ำมันก็โอเค การออกแบบนี้ช่วยป้องกันน้ำฝนเข้าไปในถังน้ำมันได้ดีในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย อีกทั้งปั๊มน้ำมันในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นระบบบริการตนเอง เวลาใช้งานต้องสังเกตขนาดของปืนน้ำมันให้ดี โดยน้ำมันเบนซิน 95 octane เป็นเกรดที่แนะนำสำหรับ Audi TT ในประเทศไทย หากเกิดกรณีฝาถังน้ำมันเปิดไม่ออก ให้ลองดึงสายช่วยเหลือที่อยู่ใกล้ช่องเก็บของด้านหลัง ซึ่งมีระบุไว้เป็นพิเศษในคู่มือผู้ใช้ฉบับประเทศไทย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบความแน่นหนาของฝาถังน้ำมันเป็นประจำ เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำมันเนื่องจากความร้อนสูง
Q
ราคา Audi TT เท่าไหร่
ราคาขายปัจจุบันของ Audi TT ในตลาดไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามรุ่น อุปกรณ์ และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Audi ที่ได้รับอนุญาตในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาล่าสุด โดยทั่วไปรุ่นพื้นฐานของ TT จะเริ่มต้นที่ประมาณ 3 ล้านบาท Audi TT เป็นรถสปอร์ตคูเป้คลาสสิกที่โดดเด่นด้วยดีไซน์เอกลักษณ์และสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ มักจะเห็นรถรุ่นนี้อยู่บ่อยๆ ในตลาดไทย Audi TT มีคู่แข่งหลักอย่าง BMW Z4 และ Mercedes-Benz SLC แต่ TT ยังคงมีความได้เปรียบจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่แสดงประสิทธิภาพโดดเด่นบนถนนลื่นในช่วงฤดูฝนของไทย น่าสนใจที่รัฐบาลไทยจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ค่อนข้างต่ำสำหรับรถยนต์นำเข้าที่มีความจุเครื่องยนต์ไม่เกิน 2.0 ลิตร ทำให้รถสปอร์ตนำเข้าอย่าง TT มีความได้เปรียบด้านราคาในตลาดไทย หากกำลังพิจารณาซื้อ แนะนำให้ติดตามงานมหกรรมรถยนต์ระดับนานาชาติที่จัดขึ้นปีละสองครั้งในไทย เพราะมักจะมีโปรโมชั่นและแผนการเงินที่น่าสนใจให้เลือก

ข้อดี

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ DOHC 4 ลูกซู่ 2.0 ลิตรรุ่นใช้วิธีการเทอร์โบอัดน้ำมันซึ่งทำให้ทุ่มแรงดันสูง และระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 ความเร็วที่พื้นผิวสัมผัสอย่างละเอียด ผลิตกำลังสูงสุดอยู่ที่ 230 แรงม้า มีพลังงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro AWD ซึ่งมีประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม สามารถปรับตัวให้เหมาะกับการขับขี่แบบใช้คุณภาพที่หลากหลาย
มีเส้นทางการขับขี่ที่ชัดเจนดี ตำแหน่งขับขี่ดี สามารถปรับเช้านั่งด้วยพลังไฟฟ้าได้
ไม่จำเป็นต้องกังวลเมื่ออยู่ในสภาพแดดร้อนด้วยระบบ Virtual Cockpit ที่มีแผนภูมิความละเอียดสูง
มีเทคโนโลยีช่วยการขับขี่เช่น Audi Side Assist

ข้อเสีย

ที่นั่งด้านหลังแคบ พื้นที่เล็กมาก
ทั้งหมดเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ไม่มีเกียร์ธรรมดา ผู้ใช้ที่ชอบรถยนต์อาจจะไม่ค่อยพอใจ
ไม่ค่อยเหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง มากกว่านั้นเหมาะสมกับการขับขี่ในวันหยุดหรือการเดินทางระยะไกล
การแสดงผลในการเลี้ยวไม่ดีเพียงพอ เนื่องจากท้ายรถสั้น การเลี้ยวและการขับขี่อาจจะเหวี่ยงบ้าง
ขาดระบบความปลอดภัยบางอย่าง เช่นระบบช่วยเหลือการเบรกอัตโนมัติ

Q&A ล่าสุด

Q
Jaecoo J7 เติมน้ำมันเต็มถังวิ่งได้กี่กิโลเมตร?
สำหรับรถ SUV อย่าง Jaecoo J7 ที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางในเมือง ระยะทางเต็มถังจะขึ้นอยู่กับสภาพถนนในไทย นิสัยการขับขี่ และคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง โดยทั่วไปในสภาพการขับขี่แบบผสมผสานในเมือง ด้วยความจุถังเชื้อเพลิงประมาณ 50-55 ลิตร และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T คาดว่าระยะทางเต็มถังจะอยู่ที่ประมาณ 500-600 กิโลเมตร แต่แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นทางการจากผลทดสอบมาตรฐาน TCOS ที่ประกาศในประเทศไทย สำหรับผู้ใช้ในไทย สภาพการจราจรที่ติดขัดบ่อยในกรุงเทพฯ อาจทำให้ระยะทางจริงน้อยกว่าที่ระบุไว้ ส่วนการขับขี่ทางไกลบนทางหลวงอาจประหยัดน้ำมันมากกว่า ข้อควรระวังคือในสภาพอากาศร้อนของไทย ควรตรวจสอบความแน่นหนาของระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาอากาศในท่อน้ำมันที่อาจส่งผลต่อระยะทาง และควรใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเกรด 95 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของเครื่องยนต์ หากต้องการเพิ่มระยะทางให้มากขึ้น สามารถทำได้โดยรักษาความดันลมยางที่เหมาะสม (ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน 0.1-0.2 บาร์) และหลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องอย่างรุนแรง ซึ่งเทคนิคเหล่านี้สำคัญเป็นพิเศษเมื่อขับขี่ในพื้นที่ที่มีทางลาดชันเช่นเชียงใหม่หรือภูเขาที่ภูเก็ต
Q
ความเร็วสูงสุดของ JAECOO J7 คือเท่าไร?
JAECOO J7 เป็น SUV ที่เน้นสมรรถนะสปอร์ต ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 200 กม./ชม. ซึ่งถือว่าโดดเด่นในรุ่นเดียวกัน ช่วยตอบโจทย์คนไทยที่ชอบการขับขี่ความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นบนทางด่วนรอบกรุงเทพฯ หรือเส้นทางคดเคี้ยวในเชียงใหม่ ก็ให้กำลังส่งที่มั่นคงได้อย่างดี เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.6T คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ไม่เพียงให้กำลังแรงเท่านั้น แต่ยังประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับสภาพถนนและการจราจรที่หลากหลายของไทย แถมยังมีโหมดขับขี่ให้เลือกหลากหลาย ทั้งโหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดมาตรฐาน ช่วยให้ปรับการขับขี่ตามสภาพถนนได้อย่างคล่องตัว เพิ่มความสนุกในการขับขี่ อีกทั้งระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาอย่างมีประสิทธิภาพของ JAECOO J7 ยังช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ต้องขับเร็วเป็นเวลานานในสภาพอากาศร้อนของไทย สำหรับคนไทยที่มองหารถสมรรถนะดีแต่ยังคงความใช้งานได้จริง JAECOO J7 นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากความเร็วสูงแล้ว ยังมาพร้อมความปลอดภัยและความสบายที่ครบครัน
Q
Jaecoo 7 มีเบาะที่นั่งแบบปรับอุณหภูมิได้หรือไม่?
สำหรับรถ Jaecoo 7 นั้น ในข้อมูลสเปคอย่างเป็นทางการระบุว่ามีระบบทำความร้อนเบาะหน้าให้ในรุ่นท็อป ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่โดยเฉพาะเมื่อต้องไปในเขตพื้นที่ภูเขาที่อากาศเย็นหรือช่วงฤดูฝนของไทย แต่แนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบสเปครุ่นที่เลือกซื้อกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งเพราะแต่ละรุ่นอาจมีฟีเจอร์แตกต่างกัน ปัจจุบันระบบทำความร้อนเบาะถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถ SUV หลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่นระดับพรีเมี่ยม หลักการทำงานคือใช้ลวดความร้อนที่ฝังในเบาะซึ่งสามารถทำให้ร้อนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้สำหรับคนไทยอาจจะสนใจฟีเจอร์เบาะระบายอากาศที่ช่วยเพิ่มความสบายในสภาพอากาศร้อนด้วย แนะนำให้ลองทดสอบการใช้งานจริงระหว่างทดลองขับรถ และพิจารณาตามความต้องการใช้งานรวมถึงงบประมาณที่มี เพราะฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างมาก
Q
"ระยะทางไฟฟ้าบริสุทธิ์ของ Jaecoo 7 คือเท่าไหร่?
Jaecoo 7 เป็น SUV แบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่มาแรง ในโหมดไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ประมาณ 80-100 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองในไทยโดยเฉพาะ ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ เพราะการเดินทางระยะสั้นๆ ในเมืองใช้โหมดไฟฟ้าล้วนก็เพียงพอ ทั้งประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ต้องระวังเรื่องอากาศร้อนของไทยที่อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ แนะนำให้จอดรถในที่ร่มหรือใต้ตึกเพื่อรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ให้ดีที่สุด ตอนนี้รถไฮบริดกำลังเป็นที่นิยมในไทย เพราะให้ความรู้สึกสงบเรียบเหมือนรถไฟฟ้า แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จเวลาทำทางไกล โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างเมืองอย่างจากกรุงเทพไปพัทยา โหมดไฮบริดจะช่วยลดการใช้น้ำมันได้มาก ที่สำคัญ รัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนรถพลังงานสะอาดอย่างเต็มที่ ถ้าซื้อ PHEV แบบ Jaecoo 7 ก็จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนสถานีชาร์จก็มีเพียบ ทั้งในห้างสรรพสินค้าและปั๊มน้ำมัน ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่กำลังมองหารุ่นนี้อยู่
Q
Jaecoo 7 มีเบาะนั่งที่ปรับความจำได้หรือไม่?
สำหรับข้อมูลเรื่อง Jaecoo 7 ที่มีฟังก์ชันความจำตำแหน่งเบาะหรือไม่ ตอนนี้ข้อมูลทางการระบุว่ารุ่นท็อปมาพร้อมกับที่นั่งหน่วยความจำที่เบาะคนขับ สามารถบันทึกการตั้งค่าตำแหน่งได้หลายแบบ ช่วยให้ปรับท่านั่งได้รวดเร็วเมื่อเปลี่ยนคนขับ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการใช้รถร่วมกันในครอบครัวใหญ่แบบบ้านเรา ส่วนมากแล้วฟังก์ชันนี้จะทำงานร่วมกับการปรับเบาะไฟฟ้าและปรับกระจกมองหลังอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเวลาใช้รถ โดยเฉพาะคนที่ต้องสลับขับกันบ่อยๆ แถมในเมืองร้อนแบบไทย บางรุ่นแพ็คเกจสูงอาจมีระบบเชื่อมโยงกับแอร์ในรถ ให้ปรับทุกอย่างอัตโนมัติตามที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก เวลาขึ้นรถมาก็เจอสภาพแวดล้อมที่สบายๆ แนะนำให้คนไทยที่สนใจเช็คข้อมูลสเปกแบบละเอียดในเว็บ Jaecoo ประเทศไทย หรือไม่ก็ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน ฟังก์ชันนี้ช่วยเพิ่มความสบายเวลาเดินทางไกลได้ชัดเจน แต่ต้องดูให้ดีว่ารุ่นที่ซื้อมีระบบนี้หรือเปล่า เพราะแต่ละเวอร์ชันอาจต่างกัน อีกเรื่องที่ควรสนใจคือความทนทานของมอเตอร์ที่นั่งหน่วยความจำ และการใช้งานจริงในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ควรทดสอบให้แน่ใจว่าใช้ไปนานๆ แล้วยังทำงานลื่นไหลเหมือนเดิม
ดูเพิ่มเติม