Q
รถ Land Rover Discovery 2020 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
รถหรู SUV อย่าง Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สมดุลในตลาดไทย ด้วยเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตรแบบ Supercharge ให้กำลัง 286 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ถนนลื่นหรือทางขึ้นเขาภาคเหนือ ระบบ Terrain Response ช่วยให้ขับผ่านได้อย่างมั่นคง แถมยังเป็นแบบ 7 ที่นั่งที่ตอบโจทย์ครอบครัวไทย แต่ตัวรถค่อนข้างใหญ่ อาจต้องปรับตัวหน่อยถ้าขับในซอยแคบๆ กรุงเทพฯ ด้านในตกแต่งด้วยหนัง Windsor แต่แถวที่นั่งแถวสามเหมาะสำหรับเด็กมากกว่า และที่สำคัญคืออากาศเมืองไทยร้อนมาก แนะนำให้เลือกเพิ่มระบบแอร์ 4 โซนกับม่านบังแดด ถ้าเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน Discovery จะเน้นความสามารถออฟโรดมากกว่า SUV หรูทั่วไป แต่ความสบายบนทางเรียบอาจสู้รถเยอรมันไม่ได้ ของแต่งที่มักมีในตลาดไทยรวมถึงหลังคาพาโนรามากับเสียง Meridian ส่วนเรื่องค่าตัวในตลาดมือสองอยู่ระดับกลางๆ ถ้าชอบเดินทางต่างจังหวัดหรือให้ความสำคัญกับแบรนด์ก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ควรตรวจสอบจุดบริการในพื้นที่ก่อนซื้อเพราะศูนย์บริการส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใหญ่เท่านั้น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ราคาโดยประมาณสำหรับ Land Rover Discovery Sport 2020 คือเท่าไร?
สำหรับรถ Land Rover Discovery Sport รุ่นปี 2020 ในตลาดประเทศไทยตอนนี้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1.5 - 2 ล้านบาท โดยราคาจะขึ้นอยู่กับสเปคของรถ ระยะทางที่ใช้งาน สภาพการดูแลรักษา รวมถึงว่าซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือไม่ รุ่นนี้เป็นที่นิยมในไทยเพราะความสามารถออฟโรดที่ยอดเยี่ยม อินทีเรียร์หรูหรา และพื้นที่กว้างขวางเหมาะสำหรับครอบครัว โดยเฉพาะรุ่นที่ติดตั้งระบบ Terrain Response ที่โดดเด่นของ Land Rover จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้สภาพอากาศและถนนหนทางในไทยก็ต้องการรถที่ทนทาน ซึ่ง Discovery Sport ด้วยระยะช่วงล่างสูงและโครงสร้างแข็งแรงทำให้เหมาะกับสภาพการขับขี่หลากหลายแบบ เวลาซื้อแนะนำให้ตรวจสอบประวัติการเซอร์วิสและพิจารณาซื้อผ่านช่องทางรถมือสองที่ผ่านการรับรองจากทางบริษัทเพื่อจะได้บริการรับประกันที่น่าเชื่อถือ สำหรับผู้ที่สนใจควรตรวจสอบระยะเวลารับประกันที่เหลือและเครือข่ายบริการหลังการขายด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การใช้งานในระยะยาวและการดูแลรักษามีความคุ้มค่าและสะดวกสบายมากขึ้น
Q
รถ Range Rover รุ่นปี 2020 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
รถยนต์ Land Rover Range Rover รุ่นปี 2020 หากได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง สามารถใช้งานได้นานกว่า 10 ปีหรือวิ่งได้ประมาณ 250,000 กิโลเมตร แต่ระยะเวลาการใช้งานจริงยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของเจ้าของรถ สภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงความถี่ในการเข้าศูนย์บริการ สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยางของรถ ดังนั้นควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการตรวจสอบระบบแอร์ ยางซีล และชิ้นส่วนช่วงล่าง เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถ ควรปฏิบัติตามระยะการบำรุงรักษาที่ผู้ผลิตแนะนำอย่างเคร่งครัด ใช้อะไหล่แท้หรืออะไหล่ที่มีคุณภาพเทียบเท่า เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองตามกำหนด รวมถึงรักษาความสะอาดของรถโดยเฉพาะช่วงล่างเพื่อป้องกันการกัดกร่อน สำหรับการใช้งานรถ SUV ระดับหรูในประเทศไทย ควรใส่ใจเรื่องคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง แนะนำให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเกรดสูงจากปั๊มมาตรฐาน และเนื่องจากปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ การสตาร์ทและหยุดรถบ่อยครั้งอาจสร้างภาระให้กับเกียร์และระบบเบรก จึงควรตรวจสอบชิ้นส่วนเหล่านี้บ่อยขึ้น หากงบประมาณเอื้ออำนวยคุณสามารถพิจารณาซื้อบริการรับประกันแบบขยายเพื่อลดต้นทุนการใช้งานในระยะยาวการทดสอบระดับมืออาชีพเป็นประจำยังสามารถตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันเวลาและหลีกเลี่ยงปัญหาเล็กน้อยที่จะพัฒนาไปสู่การยกเครื่อง
Q
ถังน้ำมันของรถ Discovery Sport ปี 2020 มีขนาดเท่าไหร่?
รุ่นปี 2020 ของ Land Rover Discovery Sport มีความจุถังน้ำมัน 67 ลิตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและทริปยาวๆ ในประเทศร้อนๆ อย่างไทย ที่ต้องเปิดแอร์บ่อยอาจทำให้เผาผลาญน้ำมันเพิ่มนิดหน่อย แต่ถัง 67 ลิตรนี้ก็ยังให้ระยะทางที่โอเคอยู่ แถมยังเหมาะกับสภาพถนนในเมืองไทยทั้งในเมืองและทางขึ้นเขาบ้างเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม การสิ้นเปลืองน้ำมันจริงๆ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สไตล์การขับ ถนนหนทาง และน้ำหนักรถ ควรเข้าศูนย์บริการตามกำหนดเพื่อประหยัดน้ำมันมากขึ้น เช่น ตรวจสอบลมยางให้พอดีและใช้น้ำมันเครื่องเกรดที่เหมาะสม ส่วนในไทย ปั๊มน้ำมันทั่วไปจะมีทั้งแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 แต่ Discovery Sport แนะนำให้ใช้ 95 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ถ้าจะเดินทางไปต่างจังหวัดทางเหนือหรือใต้ที่ปั๊มอาจห่างกันหน่อย ควรวางแผนจุดเติมน้ำมันล่วงหน้าไว้ด้วยจะดีกว่า
Q
รถ Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 ดีไหม?
รถยนต์ Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 เป็น SUV หรูที่มีสมรรถนะรอบด้านโดดเด่น เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพถนนหลากหลายแบบในตลาดไทย ด้วยความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือชั้นและระยะความสูงจากพื้นรถที่มาก ทำให้มันขับเคลื่อนได้ดีทั้งในเมืองและเส้นทางขรุขระในชนบท เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตรให้กำลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง พร้อมระบบ Terrain Response ที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพถนนได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือภูมิประเทศซับซ้อนในเขตภูเขาทางเหนือ ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูงและติดตั้งระบบความบันเทิงอันทันสมัย นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่ด้วยการออกแบบเก้าอี้ 3 แถวที่เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ อย่างไรก็ตามเมื่อใช้งานในไทยต้องระวังเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ค่อนข้างสูงและค่าบำรุงรักษาที่แพง แนะนำให้บริการตามศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอเพื่อความมั่นใจในระยะยาว เมื่อเทียบกับรุ่นระดับเดียวกัน Discovery มีความสามารถในการขับออฟโรดที่โดดเด่นกว่า แต่หากเน้นความสบายในการขับขี่บนถนนปกติอาจพิจารณารถ SUV หรูจากเยอรมันหรือญี่ปุ่นแทน โดยรวมแล้วนี่คือรถระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบหลายมิติของคนไทยได้เป็นอย่างดี
Q
Land Rover Discovery Sport 2020 มีขนาดเท่าไหร่?
2020 Land Rover Discovery Sport มีขนาดตัวถังยาว 4,597 มิลลิเมตร กว้าง 2,069 มิลลิเมตร (รวมกระจกมองหลัง) สูง 1,727 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,741 มิลลิเมตร จัดอยู่ในหมวด SUV ขนาดกลาง ที่ขับเคลื่อนในเมืองไทยได้คล่องตัวทั้งบนถนนและในลานจอดรถ แถมยังให้พื้นที่โดยสารและบรรทุกสัมภาระได้อย่างสบายๆ รถคันนี้ออกแบบด้วยภาษาการออกแบบสไตล์ Land Rover ดูแข็งแรงทนทาน ภายนอกดูหรูหราอลังการ ส่วนภายในตกแต่งอย่างประณีต พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีครบครัน ทั้งหน้าจอแสดงผลดิจิทัลแบบเต็มหน้าปัด จอสัมผัสกลางคอนโซล ระบบเสียง Meridian ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่ชื่นชอบความหรูหราและเทคโนโลยีทันสมัย
ในตลาดไทย 2020 Land Rover Discovery Sport มีตัวเลือกเครื่องยนต์หลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร พร้อมระบบ Terrain Response ที่เป็นจุดเด่นของ Land Rover ช่วยให้ขับเคลื่อนได้สบายๆ ในทุกสภาพถนนของไทย ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือออกทริปก็มั่นใจได้ ที่สำคัญคือรถคันนี้มีความสูงช่วงท้องรถ 212 มิลลิเมตร และสามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 600 มิลลิเมตร แม้ในฤดูฝนของไทยก็ขับผ่านจุดน้ำท่วมขังได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกังวล
Q
มีการเรียกคืนรถ Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 หรือไม่?
จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน รุ่น Land Rover Discovery ปี 2020 มีการเรียกคืนในบางตลาดเนื่องจากปัญหาเฉพาะ เช่น ในอเมริกาเหนือเคยมีการเรียกคืนเนื่องจากปัญหาการรั่วซึมของตัวช่วยเบรก อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์เรียกคืนในตลาดไทย ต้องตรวจสอบกับประกาศทางการของ Land Rover ประเทศไทยหรือข้อมูลจากหน่วยงานขนส่งท้องถิ่นเพื่อความแน่ชัด แนะนำให้เจ้าของรถใช้เครื่องมือตรวจสอบการเรียกคืนบนเว็บไซต์ทางการของ Land Rover ประเทศไทยโดยป้อนหมายเลขตัวถัง (VIN) หรือติดต่อโดยตรงกับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น เจ้าของรถควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับผลกระทบของระบบอิเล็กทรอนิกส์เมื่อต้องขับรถในช่วงน้ำท่วมในฤดูฝน และควรตรวจสอบความแน่นหนาของระบบใต้ท้องรถเป็นประจำ ระบบ Terrain Response ของ Land Rover ให้การทำงานที่เหมาะสมกับสภาพถนนในเขตภูเขาของประเทศไทย แต่ระบบความปลอดภัยทุกประเภทต้องใช้ควบคู่กับการขับขี่ที่ถูกต้องตามหลัก หากยืนยันว่ารถอยู่ในข่ายเรียกคืน เจ้าของรถในประเทศไทยสามารถเข้ารับบริการตรวจเช็กได้ฟรีที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต และในการเข้ารับบริการตามระยะก็สามารถสอบถามช่างเกี่ยวกับประกาศบริการทางเทคนิค (TSB) ล่าสุดของรถได้ ซึ่งมาตรการป้องกันเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
มีการเรียกคืนรถ Range Rover Sport รุ่นปี 2020 ไหม?
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการเรียกคืนรถ Land Rover Range Rover Sport รุ่นปี 2020 จากข้อมูลสาธารณะทั่วโลก พบว่ามีการออกประกาศเรียกคืนเนื่องจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือชิ้นส่วนบางส่วน ส่วนในตลาดไทย เจ้าของรถสามารถตรวจสอบรายละเอียดการเรียกคืนได้ผ่านเครื่องมือค้นหาบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Land Rover ประเทศไทย หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตโดยใช้หมายเลข VIN ของรถ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลการเรียกคืนผ่านฐานข้อมูลความปลอดภัยของยานพาหนะของกรมการขนส่งทางบกไทยได้ด้วย ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย เจ้าของรถควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการป้องกันความชื้นของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และระบบระบายความร้อน รวมถึงควรนำรถไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Land Rover เป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีการเรียกคืนหรือไม่ก็ตาม แนะนำให้เจ้าของรถในประเทศไทยทำการบำรุงรักษาพื้นฐานทุก 6 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร และในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้นอาจต้องลดระยะเวลาการบำรุงรักษาระบบกรองอากาศและระบบปรับอากาศให้สั้นลงกว่าเดิม หากตรวจสอบแล้วว่ารถของคุณอยู่ในข่ายเรียกคืน ตัวแทนจำหน่าย Land Rover ในประเทศไทยจะให้บริการเปลี่ยนชิ้นส่วนหรืออัปเกรดซอฟต์แวร์ฟรี โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น สำหรับรถนำเข้าขนาน (Parallel Import) ที่ซื้อในประเทศไทย เจ้าของรถสามารถติดต่อผู้จัดนำเข้าเพื่อประสานงานกับฝ่ายบริการหลังการขายในประเทศต้นทางเกี่ยวกับเรื่องการเรียกคืนได้
Q
รถ Range Rover Sport ปี 2020 มีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
รถรุ่น Land Rover Range Rover Sport ปี 2020 ในด้านความน่าเชื่อถือถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะออฟโรดได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตรและระบบ Terrain Response ที่เหมาะกับสภาพทางภูเขาและถนนช่วงฤดูฝนของไทย แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบช่วงล่างแบบลมอาจมีปัญหาเล็กน้อยบ้าง แนะนำให้ทำการบำรุงรักษาเป็นประจำ สำหรับการใช้ในไทยต้องระวังผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนชื้นต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสภาพการจราจรติดขัดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่อาจเพิ่มภาระให้เกียร์ ดังนั้นการเลือกศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตจึงสำคัญมาก เมื่อเทียบกับรถ SUV ระดับเดียวกัน รถคันนี้ทำออฟโรดได้ดีกว่าหลายรุ่น แต่ค่าซ่อมบำรุงแพงกว่ารถหรูจากญี่ปุ่น ในตลาดไทยมักพบเป็นรุ่นดีเซลที่ประหยัดน้ำมัน แต่ต้องระวังคุณภาพน้ำมันดีเซลท้องถิ่น ส่วนในตลาดรถมือสอง รุ่นที่มีประวัติการบำรุงรักษาครบถ้วนจะได้รับความนิยมมากกว่า แนะนำให้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนซื้อ
Q
เครื่องยนต์ที่ใช้ใน Discovery Sport 2020 มีอะไรบ้าง?
รถยนต์ Land Rover Discovery Sport รุ่นปี 2020 ในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จจากซีรีส์ Ingenium และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ โดยรุ่นเบนซินให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า ส่วนรุ่นดีเซลอยู่ที่ 204 แรงม้า ทั้งคู่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและการลุยเส้นทางออฟโรดแบบเบาๆ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีและให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำ (โดยเฉพาะเครื่องดีเซลที่เหมาะกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-บ่อยครั้ง) พร้อมผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสีย Euro 5 ของไทย ที่น่าสนใจคือคนไทยนิยมใช้รุ่นดีเซลมากกว่า เพราะประหยัดน้ำมันเมาะมากสำหรับการเดินทางไกลและเส้นทางภูเขา แถมระบบ Hybrid แบบ 48V ยังช่วยให้การทำงานของระบบ Start-Stop นุ่มนวลขึ้นและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ถ้าพูดถึงรถนำเข้าแบบขนานในตลาดไทย อาจจะเจอรุ่น P300e แบบปลั๊กอินไฮบริดที่วิ่งได้ประมาณ 55 กิโลเมตรด้วยไฟฟ้าล้วน เหมาะกับเมืองติดจารจรอย่างกรุงเทพฯ แต่ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของสถานีชาร์จให้ดี ส่วนเรื่องการบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเลือกใช้เครื่องยนต์แบบไหน การเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นสม่ำเสมอและเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นก็สำคัญมากต่ออายุการใช้งานของเครื่องยนต์
Q
เครื่องยนต์ใน Discovery Sport คืออะไร?
Discovery Sport ในปัจจุบันมีตัวเลือกเครื่องยนต์หลายแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่แตกต่างกัน ในประเทศไทยมักพบเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Ingenium เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ และเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 3 สูบ รุ่นดีเซลให้กำลัง 150 แรงม้าและแรงบิด 380 นิวตันเมตร เหมาะกับการขับทางไกลและเส้นทางภูเขาในไทย ส่วนรุ่นเบนซิน 1.5 ลิตรเน้นประหยัดน้ำมันในเมือง ทุกรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พิเศษสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย Discovery Sport มาพร้อมระบบจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะที่ช่วยรักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ดีที่สุด นอกจากนี้ลูกค้าไทยยังสามารถเลือกรุ่นที่ติดตั้งระบบ Mild Hybrid 48V ซึ่งช่วยเก็บพลังงานขณะเบรกและจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มักจะเผชิญกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ในส่วนของการดูแลรักษา แนะนำให้ผู้ใช้ในไทยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน และควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก เครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการปรับแต่งเฉพาะสำหรับสภาพอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมั่นคงในสภาพอากาศร้อนชื้น
Q&A ล่าสุด
Q
Jaecoo 7 มีซันรูฟหรือไม่?
รถยนต์รุ่น Jaecoo 7 ที่วางตำแหน่งเป็น SUV ระดับพรีเมียมในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบซันรูฟแบบพาโนราม่าที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในรถ แต่ยังมอบประสบการณ์การนั่งที่โปร่งสบายเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย โดยเฉพาะเมื่อขับชมวิวภูเขาที่เชียงใหม่หรือเส้นทางชายฝั่งพัทยา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนและฝนตกชุกระยะยาว ขอแนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสภาพยางซีลของซันรูฟเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการเปิดซันรูฟทันทีหลังจากจอดรถตากแดดเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนยาง นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายบางแห่งอาจมีบริการอัพเกรดกระจกป้องกันรังสียูวีให้ด้วย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน การติดตั้งซันรูฟอาจแตกต่างกันไปตามเวอร์ชัน ดังนั้นควรตรวจสอบสเปคอย่างละเอียดบนเว็บไซต์ทางการของ Jaecoo ประเทศไทย หรือทดลองสักการะที่โชว์รูมในกรุงเทพฯหรือภูเก็ตก่อนตัดสินใจ ซันรูฟจะช่วยบรรเทาความอึดอัดภายในรถในช่วงฤดูฝนได้มาก แต่ควรทราบว่ารุ่นระดับพื้นฐานบางรุ่นอาจไม่รวมฟีเจอร์นี้มาให้
Q
Jaecoo 7 มีติดตั้งกล้องหน้ารถหรือไม่?
รถยนต์ Jaecoo 7 ในรุ่นปัจจุบันยังไม่มีระบบกล้องติดรถยนต์ (dashcam) มาให้ในตัว แต่เจ้าของรถสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมจากร้านอื่นมาติดตั้งเองได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากในตลาดเมืองไทย ร้านขายอุปกรณ์รถยนต์หรือเว็บขายของออนไลน์ก็มีกล้องให้เลือกเพียบ แนะนำให้เลือกรุ่นที่ถ่ายภาพความละเอียดสูงคุณภาพกลางคืนก็เห็นชัด และมีระบบบันทึกวนลูปเพื่อความปลอดภัยเวลาขับรถ ส่วนในไทยเนี่ย กล้องติดรถยนต์ถือเป็นไอเทมจำเป็นมาก เพราะช่วยบันทึกอุบัติเหตุเวลามีเรื่องรวมถึงรับมือสภาพการจราจรวุ่นวาย เช่น รถติดหนักในกรุงเทพฯ หรือมอเตอร์ไซค์ตัดหน้ากะทันหัน บางรุ่นแพงหน่อยยังมีฟังก์ชัน GPS กับระบบบันทึกตอนจอดรถเหมาะกับอากาศเมืองไทยทั้งร้อนทั้งฝน นอกจากนี้ แม้ว่ากฎหมายไทยจะไม่ได้บังคับให้ติดตั้งกล้องบันทึกการขับขี่ แต่ตํารวจมักจะอ้างอิงหลักฐานวิดีโอเมื่อจัดการกับอุบัติเหตุ ดังนั้นการติดตั้งอุปกรณ์ที่คุ้มค่าจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาด เมื่อติดตั้งให้ใส่ใจกับการเดินสายที่ซ่อนอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการบดบังสายตาหรือส่งผลกระทบต่อการทํางานของถุงลมนิรภัย
Q
Jaecoo J7 เหมาะสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดหรือไม่?
Jaecoo J7 นับเป็น SUV ที่ตอบโจทย์การขับขี่แบบ Light Off-Road ในสภาพแวดล้อมหลายภูมิประเทศของไทย ด้วยระยะความสูงจากพื้นรถขั้นต่ำ 215 มม. มุมเข้า 24 องศา และมุมออก 30 องศา ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับถนนลูกรัง ทางดินลาดชัน หรือเส้นทางที่มีน้ำขังเล็กน้อยได้อย่างคล่องตัว ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะร่วมกับโหมดขับขี่หลายภูมิประเทศ (โหมดโคลน/ทราย/หิมะ) ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนเส้นทางชนบทช่วงฤดูฝนหรือแถบภูเขาภาคเหนือ แต่อย่าลืมว่าเจ้า J7 นี้ไม่ใช่รถออฟโรดระดับฮาร์ดคอร์ ถ้าจะไปลุยดอยเชียงใหม่หรือโคลนลึกๆ แนะนำให้มองหารถที่เชี่ยวชาญด้านออฟโรดโดยเฉพาะจะเหมาะกว่า สำหรับคนไทยแล้ว จุดเด่นของ J7 อยู่ที่การผสมผสานระหว่างการใช้งานในเมืองกับทริปสั้นๆ วันหยุด เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6L ให้แรงบิดต่ำที่เพียงพอสำหรับการสตาร์ต-ดับเครื่องบ่อยครั้ง ส่วนระบบกล้องรอบทิศทาง 540 องศาก็ช่วยได้มากเวลาจอดในซอยแคบๆ แต่ถ้าคิดจะลุยกลางป่าหรือทางวิบากเป็นประจำ แนะนำให้อัพเกรดยาง AT และเสริมการป้องกันช่วงล่างจะดีกว่า ในตลาดไทย รุ่นใกล้เคียงมักเน้นความ Multifunctional มากกว่าการออฟโรดสุดโต่ง แนะนำให้เลือกตามความถี่ของการใช้งานจริง ถ้าแค่ลุยเบาๆ เป็นครั้งคราว J7 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากลุยหนักจริงๆ อาจต้องมองหารถที่ออกแบบมาสำหรับออฟโรดโดยเฉพาะหรือปรับแต่งเพิ่มเติม
Q
ระยะทางของแบตเตอรี่ใน Jaecoo J7 คือเท่าไหร่?
สำหรับรถ SUV อย่าง Jaecoo J7 ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเกิดใหม่ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามการกำหนดค่าและสภาพการขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนของไทยและเส้นทางแบบผสม รุ่น Pure Electric คาดว่าจะให้ระยะทางประมาณ 400-450 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางในกรุงเทพฯ หรือทริปสั้นๆ ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดนั้นสามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตรขึ้นไป เหมาะมากสำหรับคนไทยที่ชอบเดินทางไกล อย่างไรก็ตาม อากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำ และควรจอดรถในที่ร่มเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมรถไฟฟ้าอย่างเต็มที่ การซื้อ Jaecoo J7 รุ่นไฟฟ้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด 150,000 บาท และสถานีชาร์จในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนไทยที่สนใจ นอกจากจะดูตัวเลขระยะทางตามที่ประกาศแล้ว ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น การใช้แอร์ การจราจรติดขัด แนะนำให้ทดลองขับและสังเกตการทำงานของระบบจัดการแบตเตอรี่ในสภาพอากาศของไทยให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
Jaecoo J7 มีระบบช่วยจอดหรือไม่?
Jaecoo J7 ได้รับการติดตั้งระบบ Park Assist (ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมการจอดรถที่ซับซ้อนของเมืองไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างกรุงเทพฯ ที่ช่องจอดรถมักคับแคบ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถแนวขนานและจอดแนวตั้งได้อย่างง่ายดาย พร้อมลดความเสี่ยงการเกิดรอยขีดข่วน ระบบ Park Assist นี้ใช้เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกรอบคันรถเพื่อจดจำช่องจอดที่ว่างได้เอง และควบคุมพวงมาลัยเพื่อดำเนินการจอดรถอัตโนมัติ ผู้ขับขี่เพียงทำตามคำแนะนำเพื่อควบคุมเกียร์และเบรก นอกจาก Park Assist แล้ว Jaecoo J7 ยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อื่นๆ เช่น กล้องรอบทิศทาง 360 องศา และระบบเตือนจุดบอด ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนที่แออัดของไทย สำหรับผู้บริโภคไทย ฟีเจอร์ช่วยขับขี่อัจฉริยะเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความเครียดในการจอดรถประจำวัน แต่ยังเหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือการมองเห็นที่ลดลงในเวลากลางคืน ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและความปลอดภัย
ดูเพิ่มเติม

 รุ่นรถ
 รุ่นรถ

ข้อดี
ข้อเสีย