Q

Toyota Yaris มีรุ่นย่อยอะไรบ้าง?จะแตกต่างกันยังไง

Toyota Yaris แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันทั้งในด้านราคาและอุปกรณ์ โดยในรุ่นปี 2023 นั้น Yaris Sport มีราคาอยู่ที่ 559,000 บาท, Yaris Smart ราคา 619,000 บาท, Yaris Premium ราคา 679,000 บาท และ Yaris Premium S ราคา 694,000 บาท ซึ่งราคาจะแตกต่างกันตามอุปกรณ์ที่ให้มา ในเรื่องของฟีเจอร์ รุ่น Premium และ Premium S จะมีอุปกรณ์บางอย่างเพิ่มเติมจากรุ่น Sport และ Smart เช่น ระบบเตือนมุมอับสายตา, ไฟตัดหมอกหน้า เป็นต้น ส่วนภายในรถก็มีความแตกต่าง เช่น ขนาดหน้าจอกลาง รุ่น Premium และ Premium S จะได้จอขนาด 9 นิ้ว ส่วนรุ่น Sport และ Smart จะได้จอ 8 นิ้ว และในส่วนของลำโพง รุ่น Premium และ Premium S จะมี 6 ตัว ในขณะที่รุ่น Sport และ Smart จะมี 4 ตัว โดยรวมแล้ว แต่ละรุ่นของ Yaris ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการในเรื่องของอุปกรณ์ค่ะ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris มีอะไรบ้าง?
Tแม้ว่า Toyota Yaris จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีจุดที่ควรพิจารณาเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรแบบไม่มีเทอร์โบ กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชอบการขับขี่ที่เร้าใจหรือเร่งแซงบ่อยในความเร็วสูง ด้านพื้นที่ภายใน ด้วยขนาดตัวรถแบบ B-Segment (ยาว 4,171 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475–1,500 มม. ฐานล้อ 2,550 มม.) อาจทำให้พื้นที่วางขาและศีรษะด้านหลังรู้สึกคับแคบ โดยเฉพาะกับผู้โดยสารที่รูปร่างสูงใหญ่ นอกจากนี้ ในขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันมีการอัปเดตดีไซน์และฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง Toyota Yaris บางรุ่นกลับดูขาดความทันสมัย ทั้งในด้านการออกแบบภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบมัลติมีเดียที่ยังมีฟังก์ชันจำกัด วัสดุภายในที่ให้สัมผัสไม่หรูหรามากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เน้นความล้ำสมัยหรือความหรูหรา Yaris จึงอาจดูเป็นรองในแง่ของความโดดเด่นและความน่าสนใจค่ะ
Q
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ระดับไหน?
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ B-Segment หรือที่เรียกว่าตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยมีขนาดตัวถังค่อนข้างกะทัดรัด ได้แก่ ความยาวประมาณ 4,140 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,550 มม. ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและหาที่จอดรถได้ง่าย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงประมาณ 559,000 – 694,000 บาท ถือว่าเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องยนต์มีขนาดความจุ 1.2 ลิตร (1197 ซีซี) เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กม. จึงเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน เช่น ขับไปทำงานหรือเดินทางระยะสั้น ภายในรถยังมาพร้อมกับ อุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่ะ
Q
มูลค่าขายต่อ (Resale Value) ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
ราคาขายต่อของ Toyota Yaris มือสอง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน (ปีของรถ), ระยะทางที่วิ่งมา, สภาพตัวรถ, และ ระดับของอุปกรณ์หรือรุ่นย่อย รถที่อายุยังน้อย, วิ่งมาน้อย, ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันที่มีอายุการใช้งานนานกว่า วิ่งมาเยอะ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ รุ่นที่เป็น ตัวท็อปหรือมีออปชันครบ มักจะมีราคาขายต่อที่ดีกว่ารุ่นพื้นฐาน แม้จะไม่สามารถระบุราคาที่แน่นอนได้แบบชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพรถแต่ละคัน แต่โดยรวมแล้ว ถ้ารถอยู่ในสภาพดี ก็จะขายได้ราคาที่น่าพอใจในตลาดมือสอง ในทางกลับกัน หากรถมีสภาพไม่ดี ราคาก็จะลดลงอย่างมาก ผู้บริโภคควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านร่วมกันในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของรถก่อนซื้อหรือขายค่ะ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีกี่ CC?
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีความจุ 1197 มิลลิลิตร (mL) ซึ่งเมื่อแปลงเป็นหน่วยลูกบาศก์เซนติเมตร (CC) จะเท่ากับ 1197 CC (เนื่องจาก 1 mL = 1 CC) เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (Naturally Aspirated) มี 4 สูบ ให้กำลังขับเคลื่อนที่เสถียรและเชื่อถือได้ ด้านความประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดี โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร (ตามข้อมูลจากผู้ผลิต) เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดที่ 68 กิโลวัตต์ (kW) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 109 นิวตันเมตร (N·m) ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง) ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองหรือถนนทั่วไปในชีวิตประจำวันค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1.2 ลิตร (1,197 ซีซี) แบบดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) เครื่องยนต์นี้ใช้ระบบ DOHC 16 วาล์ว และมีลักษณะเป็นเครื่องยนต์ “สมดุล” เพราะขนาดกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากัน (72.5 มม.) นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) และเทคโนโลยี Dual VVT-iE (ระบบวาล์วแปรผันคู่แบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ด้านระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมระบบ Shift-Lock ที่ช่วยปลดเกียร์ว่างเมื่อรถจอด เครื่องยนต์และชุดส่งกำลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่น และยังช่วยในเรื่อง ความประหยัดน้ำมัน ในบางประเทศ (รวมถึงไทย) หากมีการเปิดตัวรุ่นใหม่เพิ่มเติม อาจมีการใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบ Dual VVT-i ที่ให้กำลัง 107 แรงม้า และแรงบิด 140 นิวตันเมตร พร้อมจับคู่กับเกียร์ Super CVT-i ที่สามารถจำลองการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 7 จังหวะ เพื่อให้การขับขี่เร้าใจมากขึ้นค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เกียร์แบบไหน?
Toyota Yaris มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ • เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i (ใช้ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FBE) • เกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด (ใช้หลักในรุ่นเชิงพาณิชย์ เช่น รุ่นที่ใช้เพื่อการขนส่ง) ส่วนรุ่น Yaris ATIV จะใช้เกียร์ CVT เป็นมาตรฐานทุกรุ่น โดยเกียร์ CVT ของ Yaris ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในประเทศไทย เช่นในกรุงเทพฯ โดยใช้ น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำ และเพิ่มระบบ ระบายความร้อน เพื่อให้ทนต่อการใช้งานในเมืองที่ต้องหยุด–ออกตัวบ่อย คำแนะนำจาก Toyota ประเทศไทย คือควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร แต่ถ้าขับรถในพื้นที่อุณหภูมิสูงตลอดปี เช่น ภาคใต้ ควรเปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร และควรใช้น้ำมันเกียร์มาตรฐาน Toyota CVTF FE ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย สำหรับผู้ที่ชอบขับรถแนวสปอร์ต แม้ Yaris จะไม่มีเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม แต่เกียร์ CVT รุ่นนี้สามารถปรับเป็นโหมดแมนนวลจำลอง 7 จังหวะ ช่วยควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้แม่นยำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภูเขาเยอะอย่างเชียงใหม่ นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Toyota ยังแนะนำว่า หากใช้รถในพื้นที่ชายทะเล เช่น ชลบุรี ควรล้างคราบเกลือที่เกาะบริเวณตัวเกียร์ด้านนอกเป็นประจำ เพื่อป้องกันสนิม รุ่นปรับโฉมล่าสุดของ Yaris ยังได้ปรับปรุงชุดเฟืองเริ่มต้นในเกียร์ CVT เพื่อให้ตอบสนองการออกตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขนของหนักออกจากเขตนิคมอุตสาหกรรม เช่น ที่ระยองค่ะ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
รถ Toyota Yaris ที่วางจำหน่ายในตลาด (รวมถึงรุ่น Yaris ATIV) ใช้ขนาด PCD มาตรฐานที่ 4×100 มม. หมายความว่าล้อแม็กมี รูน็อต 4 รู และแต่ละรูจะเรียงอยู่บนวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมใช้ในรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาด รูดุมกลาง (Hub Bore) ของ Yaris อยู่ที่ 54.1 มม. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับเจ้าของรถในไทยที่ต้องการ เปลี่ยนล้อแม็กหรือแต่งล้อ เนื่องจากล้อทดแทนหรือแต่งจากแบรนด์ดังในไทย เช่น RAYs, SSR หรือแบรนด์ล้อแม็กผลิตในประเทศ ต้องใช้ขนาดนี้จึงจะใส่ได้พอดี เกลียวน็อตล้อ ที่ใช้คือ M12×1.5 และควรขันด้วยแรงบิดประมาณ 103 นิวตันเมตร (Nm) ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นของน็อตล้อทุก ๆ 10,000 กม. ชาวไทยที่นิยมแต่งล้อมักเลือกออฟเซ็ต (ET) ประมาณ ET38 ถึง ET45 เพื่อให้ล้อดูเต็มซุ้มและมีมิติยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังอย่าให้ล้อชนกับบังโคลนหรือชิ้นส่วนอื่น หากต้องเปลี่ยนเป็นล้อสำหรับยางฤดูหนาว (เช่น ในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือของไทย) ก็ควรเลือกใช้ล้อที่มี PCD เท่ากัน (4×100 มม.) ราคาแม็กซ์แท้จากศูนย์ Toyota ในไทย อยู่ที่ประมาณ 8,000–15,000 บาทต่อล้อ สำหรับผู้ที่ต้องการ อัปเกรดระบบเบรก และยังคงใช้ PCD ขนาดเดิม 4×100 มม. สามารถเลือกชุดเบรกยอดนิยมในไทย เช่นแบรนด์ Endless หรือ Project μ ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจค่ะ
Q
รถ Toyota Yaris มีระบบ Apple CarPlay หรือไม่?
Toyota Yaris รุ่นปรับโฉมตั้งแต่ปี 2020 (รวมถึง Yaris ATIV) มีบางรุ่นย่อย เช่น SV และ RS ที่มาพร้อมกุญแจ Smart Entry และระบบ Push Start ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 หรือ 9 นิ้ว ซึ่งรองรับ Apple CarPlay แล้ว แต่รุ่นพื้นฐานอย่าง JL หรือ J ยังไม่มีฟีเจอร์นี้ และใช้แค่ระบบวิทยุมาตรฐาน ผู้ที่ใช้รุ่นเก่า สามารถอัปเกรดเป็นหน้าจอที่รองรับ CarPlay ได้ผ่านศูนย์บริการโตโยต้าในไทย ราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาท โดยแนะนำให้ใช้สาย Lightning ที่ผ่านการรับรอง MFi เพราะอากาศร้อนในไทยอาจทำให้สายคุณภาพต่ำเสียหายได้ง่าย นอกจากนี้ โตโย่ายังมีอัปเดตระบบปีละ 1–2 ครั้ง ล่าสุดเพิ่มการรองรับ Siri ภาษาไทยด้วย หากสนใจซื้อ Yaris มือสอง แนะนำเลือกจาก Toyota Sure ที่รับรองคุณภาพ และมีการตรวจสอบระบบ CarPlay พร้อมประกันระบบมัลติมีเดีย 3 เดือน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Toyota Yaris คืออะไร?
ยางติดรถของ Toyota Yaris จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปมักใช้ยางยี่ห้อ Bridgestone รุ่น ECOPIA EP150 หรือ TURANZA T005A และ Dunlop ENASAVE EC300+ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับถนนในเอเชีย เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน รุ่นที่ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว มักใช้ยางขนาด 175/65 R15 ขณะที่รุ่นสปอร์ตอย่าง RS จะใช้ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 195/50 R16 ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางเหล่านี้จึงผลิตจากสูตรยางพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกและทนความร้อนได้ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนควรเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย โชว์รูมโตโยต้าในไทยยังมีตัวเลือกยางอัปเกรด เช่น Michelin หรือ Yokohama (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่เหมาะกับถนนไทยที่มีทั้งเรียบและขรุขระ แนะนำให้สลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อยืดอายุการใช้งาน และตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนที่ความดันลมยางอาจสูงเกิน Toyota มีบริการสลับยางในราคาประมาณ 300–500 บาท หากต้องการเปลี่ยนยางขนาดเดิม ราคายางระดับเดียวกับยางติดรถในไทยอยู่ที่ประมาณเส้นละ 2,500–4,500 บาท (รวมติดตั้งและถ่วงล้อ) และสามารถผ่อนจ่ายผ่าน Toyota Easy Finance ได้อีกด้วย
Q
Toyota Yaris เป็นรถที่ดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียของมันกันที่นี่เลย!
Toyota Yaris เป็นรถที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นกัน โดยจุดเด่นหลักคือความประหยัดน้ำมัน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มาก ในด้านความปลอดภัย Toyota Yaris ก็มาพร้อมระบบมาตรฐานครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ, สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ด้านอุปกรณ์ภายในก็ถือว่าครบถ้วน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ช่องชาร์จ Type-C, แอร์อัตโนมัติ รวมถึงบางรุ่นที่มีเบาะหนังและกล้องรอบคัน เพิ่มความสะดวกและความสบายในการใช้งาน ดีไซน์ภายนอกก็ดูทันสมัย สีสันหลากหลาย และด้านหน้าของตัวรถมีความเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความโดดเด่น อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของ Yaris คือเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ซึ่ง 1.2 ลิตร อาจไม่แรงพอสำหรับคนที่ต้องการอัตราเร่งแรงหรือขับเร็วบนทางด่วน นอกจากนี้เบาะหลังของบางรุ่นอาจแคบไปเล็กน้อย ทำให้การนั่งระยะไกลรู้สึกไม่ค่อยสบาย โดยรวมแล้ว Toyota Yaris เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง มีความปลอดภัย และมีฟีเจอร์พื้นฐานครบ โดยไม่เน้นเรื่องพละกำลังหรือพื้นที่กว้างมากนัก เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถเล็กค่ะ

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ คุ้มค่าสูง ราคาขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับการกำหนดค่าใหม่จำนวนมาก มันคุ้มค่าราคา 5.39 - 6.49 หมื่นบาท
ยี่ห้อที่สามารถเชื่อถือได้ ระบบบริการทั่วประเทศ มากกว่า 300 แห่ง การขายหลังการขายมีการรับประกัน
ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยเ outstandingางค์ มาตรฐานด้วย 7 ถุงลมนิรภัยได้รับการรับรองความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน
รถยนต์หลากหลายแบบที่มี 3 แบบการกำหนดค่าที่แตกต่างกันให้เลือก
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้รับการอัพเกรดทำงานดีขึ้น
ประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันดีเ outstandingางค์ ขับขี่ได้สูงสุด 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานการปล่อย Euro 5
ตกแต่งภายในเฉียบขาดความหรูหราและสปอร์ต ใช้วัสดุเช่นหนัง ฝังเชือกสีแดงทำให้ดูรูปลักษณ์สปอร์ต จอแสดงผลสีเพิ่มความรู้สึก

ข้อเสีย

ภายในออกแบบเป็นลายเก่า
เครื่องยนต์มีกำลังดันน้อยเมื่อความเร็วสูง, ขาดความน่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nissan Almera
รูปแบบรถไม่โดดเด่น, แสดงสภาพโดยรวมที่เฉยๆ
รุ่นรถเก่า, ต้องรอรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี TNGA

Q&A ล่าสุด

Q
รถยนต์ Denza D9 มีขนาดเท่าไหร่?มาทำความรู้จักที่นี่
Denza D9 ในฐานะ MPV พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม มีขนาดตัวถังยาว 5250 มิลลิเมตร กว้าง 1960 มิลลิเมตร สูง 1920 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 3110 มิลลิเมตร ขนาดนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางแบบครอบครัวหรือการรับรองธุรกิจในตลาดไทย โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ถนนค่อนข้างแคบ แต่ Denza D9 มีความคล่องตัวในการเลี้ยวและขนาดตัวรถที่พอดี จึงตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ดี พื้นที่ภายในกว้างขวางให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร โดยเฉพาะเบาะแถวที่สองที่เป็นเบาะแยกพร้อมที่วางขาและฟังก์ชันนวด เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนของไทยและความต้องการเดินทางไกล นอกจากนี้ Denza D9 ยังมีตัวเลือกทั้งรุ่นไฟฟ้าล้วนและรุ่นไฮบริดที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมรถพลังงานใหม่ของรัฐบาลไทย เช่น รุ่นไฮบริดที่ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีรถยนต์ไฮบริดในไทย ทำให้มีความคุ้มค่า ส่วนรุ่นไฟฟ้าล้วนเหมาะกับการใช้ในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงที่มีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้น สำหรับผู้บริโภคไทย ฟีเจอร์หรูหราของ D9 เช่น ประตูเลื่อนไฟฟ้าทั้งสองข้าง หน้าจอบันเทิงหลังขนาด 15.6 นิ้ว และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะรองรับภาษาไทย ถือเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้จริง อีกทั้งด้วยเทคโนโลยีความร่วมมือระหว่าง BYD กับ Mercedes-Benz ทำให้รถรุ่นนี้มีความแข็งแกร่งในการแข่งขันในตลาดไทยอย่างน่าจับตามอง
Q
พื้นที่เก็บสัมภาระของ Denza D9 มีขนาดเท่าไหร่
Denza D9 ในฐานะ MPV พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม มีพื้นที่เก็บสัมภาระประมาณ 410 ลิตร เมื่อที่นั่ง 7 ที่นั่งเต็ม สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางหลายใบหรือของใช้ประจำวันได้อย่างเพียงพอ และเมื่อพับเบาะแถวที่สาม จะเพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้น เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือธุรกิจ ในตลาดไทย การออกแบบพื้นที่เก็บของแบบนี้ใช้งานได้ดี ตอบโจทย์การเดินทางในเมืองอย่างกรุงเทพฯ และยังเหมาะกับการเดินทางไกลหรือรับส่งนักท่องเที่ยว ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพแบตเตอรี่และแอร์ในสภาพอากาศร้อนซึ่งระบบไฟฟ้าของ Denza D9 ทำได้ดีในด้านประหยัดพลังงานและความเย็น อีกทั้งช่องเปิดท้ายรถต่ำช่วยให้ขนของหนักได้สะดวก นอกจากนี้ ผู้บริโภคไทยที่เลือกซื้อ MPV ยังสามารถเปรียบเทียบกับรุ่นอื่น เช่น Toyota Alphard ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระประมาณ 300 ลิตร Denza D9 จึงได้เปรียบด้านพื้นที่ และรุ่นไฟฟ้าล้วนยังได้รับสิทธิ์สนับสนุนจากภาครัฐด้านรถพลังงานใหม่ ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและความคุ้มค่า โดยชื่อรถ Denza เป็นการผสมคำที่สื่อถึงพลังและความก้าวหน้าในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่
Q
ปัญหาเกี่ยวกับ Denza D9 มีอะไรบ้าง เรียนรู้ก่อนคุณซื้อ
เกี่ยวกับปัญหาที่อาจพบกับ Denza D9 ในประเทศไทย รถ MPV พลังงานใหม่จากจีนที่เน้นความหรูหราและเทคโนโลยีไฮบริด ผู้ใช้ไทยควรพิจารณาหลายประเด็น ประการแรกคือความเข้ากันได้ของการชาร์จไฟ บ้านเรามาตรฐานหัวชาร์จหลักคือ Type 2 และ CHAdeMO ส่วน D9 ใช้พอร์ต CCS2 ที่รองรับชาร์จช้าแบบ Type 2 แต่สถานีชาร์จเร็วยังมีจำกัด โดยเฉพาะพื้นที่นอกเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่และภูเก็ต ประการที่สองคือประสิทธิภาพแบตเตอรี่ อุณหภูมิสูงของไทยอาจลดระยะทางวิ่งจาก 600 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ลงประมาณ 15-20% และความร้อนสะสมเร่งการเสื่อมของแบตเตอรี่ ประการที่สามคือเครือข่ายบริการหลังการขาย ตัวแทนจำหน่าย BYD ในไทยยังมีจำนวนน้อย ในฐานะแบรนด์ลูกระดับไฮเอนด์ของ BYD การจัดหาชิ้นส่วนอาจใช้เวลานาน แนะนำให้ตรวจสอบระยะทางจากศูนย์บริการในกรุงเทพฯ หรือพัทยาก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ตัวรถมีขนาดใหญ่ยาว 5.25 เมตร อาจเจอปัญหาขีดข่วนในซอยแคบหรือที่จอดในห้างสรรพสินค้า ระบบช่วงล่างถุงลมต้องระวังบนถนนเปียกช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ตามข้อด้อยเหล่านี้แลกมาด้วยข้อดี เช่น เบาะแถวสองสไตล์เครื่องบินนั่งสบายเหมาะกับการเดินทางไกลในไทย โหมด EV ช่วยลดน้ำมันในเมืองที่รถติดหนัก แนะนำให้ผู้สนใจเปรียบเทียบกับ Toyota Alphard และ MPV หลักในตลาดเพื่อประเมินความสะดวกในการชาร์จและต้นทุนการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ขนาดยางของ Denza D9 คืออะไร ตรวจสอบมาตรฐานได้ที่นี่
ขนาดยางมาตรฐานของรถ DENZA D9 คือ 23560 R18 ขนาดนี้เป็นขนาดที่ใช้ทั่วไปในรถยนต์อเนกประสงค์ในประเทศไทย สามารถรองรับความสบายในการขับขี่และการปรับตัวกับสภาพถนนได้ดี เนื่องจากภูมิอากาศประเทศไทยร้อนชื้นและมีฝนตกบ่อยแนะนำให้เลือกใช้ยางที่มีการระบายน้ำดีและทนความร้อนสูง เช่นยาง Michelin Primacy 4 หรือ Bridgestone Turanza ซึ่งทั้งสองรุ่นมีประสิทธิภาพดีบนถนนเปียกและทนต่อการใช้งานระยะไกล ควรตรวจสอบดัชนีรับน้ำหนัก เช่น 104 และระดับความเร็ว เช่น V ให้ตรงกับมาตรฐานโรงงานโดยเฉพาะเมื่อขับบนถนนภูเขาหรือทางด่วน หากต้องการเปลี่ยนขนาดล้อควรปรับอัตราส่วนแก้มยางให้เหมาะสมเพื่อรักษาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของยางไม่ให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไปเพื่อไม่ให้ผลกระทบกับความแม่นยำของมาตรวัดความเร็วและระบบช่วงล่าง ร้านแต่งรถบางแห่งในไทยมีบริการอัปเกรดยางอย่างมืออาชีพ แต่ควรเลือกขนาดที่โรงงานแนะนำเพื่อรักษาสิทธิ์ประกันรถยนต์ นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดความลึกดอกยางขั้นต่ำไม่ต่ำกว่า 16 มิลลิเมตรการตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อผ่านการตรวจสภาพรถ
Q
Denza D9 คืออะไร นี่คือคำแนะนำแบบเต็มสำหรับคุณ
Denza D9 เป็นรถ MPV ไฟฟ้าหรูหรารุ่นหนึ่ง มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ รุ่นขับสอง Denza D9 Premium 2024 ราคา 1,999,900 บาท อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.5 วินาที ระยะทางวิ่งได้ 600 กิโลเมตร รุ่นขับสี่ Denza D9 Performance AWD 2024 ราคา 2,699,900 บาท อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.9 วินาที ระยะทางวิ่งได้ 580 กิโลเมตร ขนาดตัวรถยาว 5250 มม. กว้าง 1960 มม. สูง 1920 มม. ระยะฐานล้อ 3110 มม. ติดตั้งเบาะนั่ง 7 ที่นั่งแบบ 2+2+3 ระบบความปลอดภัยครบครัน มีถุงลมนิรภัย 8 จุด ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ หน้าจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว ลำโพง 14 ตัว พัฒนาบนแพลตฟอร์ม BYD e 3.0 ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ใบมีด และระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C มอบประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มนวล รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและเดินทางไกล
ดูเพิ่มเติม