Q
BYD Sealion 7 คืออะไร นี่คือการแนะนำทั้งหมดสำหรับคุณ
0BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับ D มีให้เลือก 2 รุ่นคือ Premium RWD ขับหลัง และ Performance AWD ขับสี่ รุ่นขับหลังเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6 จุด 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังรวม 230 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 567 กิโลเมตร ราคา 1249900 บาท รุ่นขับสี่เร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4 จุด 5 วินาที กำลังรวม 390 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 542 กิโลเมตร ราคา 1399900 บาท ตัวรถยาว 4830 กว้าง 1925 สูง 1620 ระยะฐานล้อ 2930 มิลลิเมตร ภายในกว้างขวาง ใช้มอเตอร์แม่เหล็กถาวรชนิดซิงโครนัส รุ่นขับหลังติดมอเตอร์เดี่ยวด้านหลัง รุ่นขับสี่ใช้มอเตอร์คู่หน้าและหลัง ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟตขนาด 82 จุด 5 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วภายใน 0 จุด 53 ชั่วโมง มาพร้อมระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ เช่น ถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว หน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า เครื่องปรับอากาศหลัง แบรนด์ลำโพง DYNAUDIO จำนวน 12 ตัว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพอใจ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ BYD Sealion 7 มีอะไรบ้าง?
BYD Sealion 7 อาจมีข้อเสียอยู่บ้างตามความคิดเห็นของผู้ใช้งานบางส่วน เช่น เวลาที่เปิดแอร์อาจมีเสียงแปลกๆ ดังออกมา ทำให้รู้สึกรบกวนขณะขับขี่
ในเรื่องของเบาะนั่ง มีคนพบว่าเบาะนิ่มจนยุบง่าย พอนั่งนานๆ อาจรู้สึกปวดหลัง และถ้าใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เบาะยังอาจเกิดสนิมได้ด้วย
ระบบหน้าจอและซอฟต์แวร์ในรถก็มีปัญหาจุกจิก เช่น มีบั๊กเยอะ บางครั้งอัปเดตระบบแล้วฟังก์ชันชาร์จไร้สายหายไป และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในรถก็ไม่ค่อยเสถียร
ในส่วนของระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ใช้บางคนที่ต้องเดินทางไกล ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการเดินทางไกล
อีกจุดหนึ่งคือความสูงของใต้ท้องรถค่อนข้างต่ำ พอขับผ่านถนนขรุขระหรือเนินต่างๆ อาจโดนขูดได้ง่าย ซึ่งมีผลต่อความสะดวกในการใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลายค่ะ
Q
BYD Sealion 7 จัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทไหน?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ที่จัดอยู่ในกลุ่ม D-Segment โดยเฉพาะรุ่นนี้ถือเป็นรถ SUV ไฟฟ้าล้วน (EV) ที่มีการออกแบบและวางตำแหน่งให้เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว
รุ่นนี้เปิดตัวพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ BYD e-Platform 3.0 EVO ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการชาร์จ ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 200KW ทำให้สามารถชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% ได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานจริง
ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ถูกวางไว้ด้านหลัง ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้การเร่งแซงทำได้ดี โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 225 กม./ชม.
ดีไซน์ตัวรถแบบ SUV ที่ยกสูงช่วยให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางกับครอบครัว และยังมาพร้อมเทคโนโลยีโครงสร้างแบตเตอรี่แบบรวมกับตัวถัง (CTB – Cell to Body) ช่วยให้โครงสร้างรถแข็งแรงมากขึ้น โดยมีค่าความแข็งแรงการบิดตัวรถสูงถึง 40,000 นิวตันเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกระดับค่ะ
Q
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน ระยะทางที่ขับไปแล้ว สภาพรถ ความนิยมในตลาด รวมถึงมีออปชันหรืออัปเกรดเพิ่มเติมหรือไม่
ตอนนี้ BYD Sealion 7 เพิ่งเปิดตัวในช่วงปี 2024–2025 ยังถือว่าใหม่อยู่ในตลาด รถมือสองเลยยังมีไม่เยอะ และข้อมูลราคาขายต่อก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่
ตัวรถมีหลายรุ่น เช่น รุ่นขับหลังแบบพรีเมียม และรุ่นขับสี่แบบสมรรถนะสูง ถ้ารถอยู่ในสภาพดีมาก ใช้งานน้อย ก็มีโอกาสขายได้ราคาดี อาจจะใกล้เคียงกับราคาลดจากป้ายแดง แต่ถ้าขับมาเยอะ มีรอย มีปัญหา หรือหมดประกันแล้ว ราคาก็จะตกลงไปอีก
อีกปัจจัยที่สำคัญคือ “ความต้องการในตลาด” ถ้าคนกำลังมองหารถ EV มือสองเยอะ แต่รถในตลาดมีน้อย ราคาก็จะดีขึ้น แต่ถ้ามีเยอะจนเกินไป หรือรุ่นใหม่เข้ามาแทน ราคาก็อาจตกได้เหมือนกัน
ราคาป้ายแดงของ BYD Sealion 7 ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,149,900 – 1,399,900 บาท ส่วนราคามือสองจะลดลงเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพและปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด
ถ้าอยากรู้ราคาที่แม่นยำ แนะนำให้ลองเช็กกับเต็นท์รถมือสอง หรือแพลตฟอร์มขายรถออนไลน์ต่างๆ เพื่อดูราคาเฉลี่ยในตลาดจริงค่ะ
Q
BYD Sealion 7 มีกี่ CC?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน (EV) จึงไม่ได้วัดสมรรถนะด้วยหน่วยซีซี (CC) แบบรถยนต์เครื่องยนต์น้ำมัน แต่จะดูที่กำลังมอเตอร์ แรงม้า แรงบิด และความจุของแบตเตอรี่เป็นหลัก
รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะใช้มอเตอร์แม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 313 แรงม้า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวมสูงถึง 390 กิโลวัตต์ หรือราว 530 แรงม้า ซึ่งถือว่าแรงมากสำหรับรถ SUV ไฟฟ้า
ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมเฟอร์โรฟอสเฟต (LFP) ความจุ 82.5 kWh รองรับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% แค่ประมาณ 0.53 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้คล่องตัว ไม่ต้องรอนาน
นอกจากนี้ BYD Sealion 7 ยังมาพร้อมระบบช่วงล่างและระบบเบรกที่ออกแบบมาอย่างมั่นคง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและสบายตลอดทางค่ะ
Q
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์ประเภทไหน?
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์แบบ EV ที่มีเกียร์เดียว ซึ่งเป็นการออกแบบเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า แตกต่างจากเกียร์รถน้ำมันแบบเดิมค่อนข้างมาก มันถูกออกมาให้ทำงานร่วมกับลักษณะการส่งกำลังของรถไฟฟ้าได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับเกียร์แบบเดิม ระบบเกียร์นี้มีโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการส่งกำลัง ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และส่งผลให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น แถมการออกแบบเกียร์เดียวยังทำให้การขับขี่สะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ ให้ความรู้สึกการขับที่ลื่นไหล โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง จะช่วยลดภาระการขับขี่ได้มาก ทำให้การขับรถรู้สึกสบายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
Q
BYD Sealion 7 มีขนาด PCD เท่าไหร่?
PCD ของ BYD Sealion 7 คือ 5x120 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับรถบางรุ่นของ BMW และ MINI ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนล้อแม็กในไทย สามารถเลือกแม็กรุ่นที่มี Offset อยู่ในช่วง +35 ถึง +45 ได้ (โดยค่า Offset เดิมจากโรงงานคือ +40)
แต่อย่าลืมว่า ตามกฎหมายจราจรของไทย ห้ามให้ขอบล้อยื่นเกินตัวถังรถ เพราะถือว่าผิดกฎหมาย
ถ้าคุณอยากอัปเกรดขนาดล้อแม็ก แนะนำให้ใช้ขนาดเท่าเดิมจากโรงงานคือ 20 นิ้ว (ยางขนาด 255/50 R20) เพราะถ้าเปลี่ยนขนาดไปมาก อาจทำให้ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางทำงานผิดพลาด และมีผลต่อการรับประกันรถด้วย
ศูนย์บริการ BYD ที่ได้รับอนุญาตในไทย (เช่น BYD Rama 9 ในกรุงเทพฯ) มีบริการเปลี่ยนแม็กแท้จากโรงงาน และช่วยตรวจสอบว่าแม็กจากที่อื่นเข้ากับรถได้หรือไม่
ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อย แนะนำให้ใช้แม็กเดิมจากโรงงาน เพราะดีไซน์แบบอากาศพลศาสตร์ (aerodynamic) ของแม็กเดิมช่วยให้รถวิ่งได้นานขึ้นเล็กน้อย
ข้อควรระวัง: ถ้าเปลี่ยนไปใช้แม็กที่ไม่ใช่ของแท้จาก BYD แนะนำให้ เช็กลูกน็อตทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร เพราะอุณหภูมิร้อนจัดของถนนในไทย อาจทำให้โลหะล้าเร็วกว่าปกติค่ะ
Q
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay ไหมคะ?
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย
ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วที่หมุนได้ของรถ เพื่อใช้งานแผนที่นำทาง เพลง หรือโทรศัพท์ได้อย่างลื่นไหล รองรับตั้งแต่ iOS 12 ขึ้นไป และโดยรวมถือว่าทำงานได้ดีทั้งในแง่ความลื่นและความเข้ากันได้
อย่างไรก็ตาม รถล็อตแรกบางคันอาจต้องนำไปที่ศูนย์บริการ BYD (เช่น BYD สาขาใหญ่ในกรุงเทพฯ) เพื่ออัปเกรดระบบก่อน จึงจะเปิดใช้ CarPlay ได้ ซึ่งบริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำให้สอบถามพนักงานขายเกี่ยวกับเวอร์ชันระบบก่อนตัดสินใจซื้อ
ถึงแม้จะไม่เชื่อมต่อ CarPlay ตัวรถก็ยังสามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ตามปกติ
หากเจอปัญหาเชื่อมต่อไม่ได้ ลองรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายในรถ หรือเปลี่ยนสาย USB (พอร์ตอยู่ในกล่องเก็บของตรงกลาง มีหัวแบบ USB-C)
เนื่องจากอากาศในไทยค่อนข้างร้อน ถ้าจอดกลางแดดนาน ๆ อาจทำให้หน้าจอค้างหรือช้าเป็นช่วง ๆ แนะนำให้ใช้ม่านบังแดดป้องกันจอกลางไว้ด้วย
ปล. รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ระบบเดียวกัน เช่น BYD Atto 3 และ Dolphin ก็รองรับ Apple CarPlay เหมือนกัน และการใช้งานคล้าย ๆ กันค่ะ
Q
ยางรถของ BYD Sealion 7 เป็นยี่ห้ออะไรคะ?
ยางติดรถเดิมของ BYD Sealion 7 ที่ขายในไทย ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ Continental (คอนติเนนทอล) หรือ Michelin (มิชลิน)
โดยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือก เช่น
• รุ่นท็อปอาจได้ยางแบบนุ่มเงียบพิเศษ เช่น Michelin Primacy
• รุ่นมาตรฐานอาจใช้ยางสมดุลเน้นทนทาน เช่น Continental ContiPremiumContact
ขนาดยางที่ติดรถมาจากโรงงานมักจะอยู่ที่ประมาณ 235/50 R19 (อาจต่างกันเล็กน้อยตามรุ่น) ซึ่งเป็นขนาดที่ออกแบบมาให้รองรับแรงบิดสูงของรถไฟฟ้าได้ดี ขณะเดียวกันก็ยังนั่งสบาย
เนื่องจากสภาพอากาศในไทยร้อนและฝนตกบ่อย แนะนำให้:
• ตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ (รถ BYD มีระบบตรวจวัดลมยางอัตโนมัติอยู่แล้ว)
• สลับยางทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อให้สึกเท่า ๆ กัน
• ช่วงหน้าฝนให้เน้นเรื่องรีดน้ำของยางด้วย
ถ้าจะเปลี่ยนยางนอกเหนือจากยี่ห้อเดิม ตัวเลือกที่คนนิยมในไทย เช่น:
• Bridgestone Alenza (นุ่ม เงียบ เหมาะขับทางไกล)
• Pirelli Scorpion Verde (รีดน้ำดี เหมาะกับฤดูฝน)
ราคาประมาณ 8,000 – 12,000 บาทต่อเส้น (รวมติดตั้ง)
ถ้าเปลี่ยนยาง ต้องตั้งค่า TPMS ใหม่ด้วย (ระบบแจ้งเตือนลมยาง) ซึ่งศูนย์บริการจะมีอุปกรณ์เฉพาะให้บริการ
แนะนำให้เปลี่ยนยางที่ศูนย์ BYD โดยตรง เช่น BYD สาขา Siam ในกรุงเทพฯ เพื่อรับสิทธิ์ประกันต่อเนื่อง และควรเก็บใบเสร็จไว้ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงในอนาคตค่ะ
Q
BYD Sealion 7 เป็นรถดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียกันที่นี่เลยค่ะ
BYD Sealion 7 ถือเป็นรถที่น่าสนใจและมีข้อดีหลายอย่าง
ดีไซน์ภายนอกมาในแนวคิด “Ocean Aesthetics” หรือความงามแบบทะเล มีทรงท้ายลาดแบบสปอร์ต และไฟท้ายแบบเส้นยาวทั้งแถบ ทำให้ดูทันสมัยและโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ภายในกว้างขวาง ด้วยระยะฐานล้อ 2,930 มม. ไม่ว่าจะนั่งด้านหน้า หรือด้านหลังก็รู้สึกสบาย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็ใหญ่ถึง 500 ลิตร ใช้ใส่ของเดินทางหรือของใช้ประจำวันได้สบาย
เรื่องสมรรถนะก็ไม่ธรรมดา มีให้เลือกทั้งขับหลังและขับสี่ล้อ
• รุ่นขับหลัง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที
• รุ่นขับสี่ล้อ แรงสุด วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. แค่ 4.5 วินาทีเท่านั้น!
ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนก็ถือว่าดีมาก:
• รุ่นขับหลัง วิ่งได้สูงสุด 567 กม.
• รุ่นขับสี่ล้อ ได้ 542 กม.
เพียงพอสำหรับใช้ในเมือง หรือไปเที่ยวใกล้ ๆ ได้สบาย
ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม มีระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติหลายอย่าง พร้อมถุงลมนิรภัย 7 จุด เพิ่มความอุ่นใจทุกการเดินทาง
หน้าจอกลางใหญ่ 15.6 นิ้ว พร้อมลำโพงจาก DYNAUDIO ถึง 12 ตัว ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงระดับพรีเมียม
แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อย:
• บางคนพบว่าเสียงลมและเสียงยางตอนขับเร็วค่อนข้างชัด
• ระบบหน้าจอและสั่งงานด้วยเสียงยังไม่ลื่นเท่าที่ควร มีบางช่วงที่ตอบสนองช้า
Q
ความกว้างของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
BYD Sealion 7 มีความกว้างถึง 1,925 มม. ซึ่งจัดอยู่ในระดับรถยนต์คลาส D ความกว้างตัวถังขนาดนี้ช่วยสร้างพื้นที่ภายในที่กว้างขวางโดยเฉพาะด้านความกว้าง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนขับหรือผู้โดยสารแถวหน้า รวมถึงผู้โดยสารแถวหลัง ก็จะมีพื้นที่เคลื่อนไหวบริเวณไหล่และข้อศอกที่เพียงพอ ลดความรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ตัวถังที่กว้างยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง จะให้ความรู้สึกทรงตัวที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความนุ่มนวลขณะขับขี่
Q&A ล่าสุด
Q
BMW X1 ใหญ่กว่า 1 Series หรือเปล่า
ใช่แล้ว BMW X1 มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า 1 ซีรี่ย์ครับ โดย X1 ในฐานะ SUV คอมแพคต์นั้นมีความยาว ความกว้าง ความสูง และระยะฐานล้อที่เหนือกว่า 1 ซีรี่ย์แบบซีดาน โดยเฉพาะในสภาพถนนเมืองไทยที่ค่อนข้างติดขัด X1 จะให้ท่านั่งที่สูงกว่าและมีพื้นที่รอบศีรษะที่กว้างขวางกว่า เหมาะสำหรับการใช้เป็นรถครอบครัว ในขณะที่ 1 ซีรี่ย์จะโดดเด่นเรื่องความคล่องตัวในการขับขี่ เหมาะกับถนนแคบๆ หรือสถานที่ที่ต้องจอดรถบ่อยๆ ในตลาดไทย ทั้งสองรุ่นมีทั้งแบบเบนซินและดีเซล แต่ X1 ยังมีตัวเลือกแบบปลั๊ก-อินไฮบริดที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้น ควรระวังว่า X1 มีปริมาตรกระโปรงท้ายที่ใหญ่กว่า 1 ซีรี่ย์ สามารถบรรทุกสัมภาระได้มากกว่า ซึ่งสะดวกมากสำหรับการท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์หรือการกลับบ้านช่วงเทศกาลของคนไทย นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นต่างติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล่าสุดจาก BMW แต่ X1 มีความสูงจากพื้นรถที่มากกว่า ทำให้สามารถรับมือกับถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยได้ดีกว่า
Q
รถ BMW 1 Series คงมูลค่าได้ดีหรือไม่
ในตลาดประเทศไทย BMW ซีรีย์ 1 ในฐานะรุ่นเอนทรีเลเวลของรถหรู ถือว่ามีอัตราการรักษามูลค่าได้อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดีเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน แต่ตัวเลขจริงจะขึ้นอยู่กับสภาพรถ อุปกรณ์เสริม ประวัติการบริการ และความต้องการในตลาด คนไทยมักชอบรถญี่ปุ่นที่มูลค่าตกน้อยกว่า แต่ BMW ก็ยังได้เปรียบจากแบรนด์และฝีมือการผลิตเยอรมัน โดยเฉพาะรุ่น M Sport หรือเวอร์ชันอุปกรณ์สูงจะขายดีกว่า ใน 3 ปีแรก มูลค่ารถจะลดลงประมาณ 30-40% ซึ่งใกล้เคียงกับรถหรูแบรนด์ญี่ปุ่น แต่หลังจาก 5 ปีอาจจะสู้ Lexus ไม่ค่อยได้ สภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้ยางและระบบอิเล็กทรอนิกส์เสื่อมเร็วขึ้น แนะนำให้บริการอย่างสม่ำเสมอที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการเพื่อรักษามูลค่าไว้ ถ้าพูดกันจริงๆ รถหรูในไทยมักจะรักษามูลค่าได้ไม่ดีเท่ารถปิกอัพหรือ SUV ที่ใช้งานได้จริง แต่จุดเด่นของ 1 ซีรีย์คือขนาดกะทัดรัดเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ แถมยังเป็นที่สนใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบแต่งรถ ซึ่งช่วยพยุงราคาตลาดมือสองได้บ้าง ถ้าคิดจะใช้รถยาวๆ แนะนำให้เลือกรุ่นและสีพื้นฐานเช่นขาวหรือดำจะขายต่อได้ง่ายกว่า
Q
BMW 1 Series มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 1 ในประเทศไทยมีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับกลางค่อนข้างสูง มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จและระบบเกียร์ ZF ที่มีความทันสมัย เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อย แต่ควรระวังผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนชื้นต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตามสถิติความขัดข้องของกรมการขนส่งทางบกปี 2565 ปัญหาที่พบบ่อยคือประสิทธิภาพการทำความเย็นของระบบแอร์ประมาณร้อยละ 15 ของกรณีเคลม และการแจ้งเตือนผิดพลาดของเซนเซอร์ในช่วงฤดูฝนซึ่งเกี่ยวข้องกับความชื้น แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นหนาของระบบไฟฟ้าทุก 6 เดือน เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นในกลุ่มเดียวกัน ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงของซีรีส์ 1 สูงกว่าประมาณร้อยละ 20 ถึง 30 แต่การรับประกันจากโรงงาน 5 ปีหรือ 100000 กิโลเมตรช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้ ควรใช้ศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจากบีเอ็มดับเบิลยูเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความเข้ากันได้ของระบบไอไดรฟ์ หากเดินทางไปกลับพื้นที่ภูเขาภาคเหนือบ่อย ควรเลือกติดตั้งชุดช่วงล่างเอ็มสปอร์ตเพื่อเพิ่มความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางซับซ้อน ซึ่งสามารถผ่อนชำระปลอดดอกเบี้ยได้ที่ผู้จำหน่ายเชียงใหม่
Q
รถ BMW 1 Series รุ่นที่มีสเปคสูงสุดคืออะไร
รุ่นสูงสุดของ BMW 1 Series ในตอนนี้คือ BMW 128ti ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุดถึง 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic sport เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.1 วินาที เผยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้โดนใจวัยรุ่นด้วยขนาดตัวที่กะทัดรัดและความคล่องตัวในการขับขี่ แถมยังติดตั้ง M Sport suspension, limited-slip differential และล้ออัลลอยด์ M ขนาด 18 นิ้ว ส่วนภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสังเคราะห์ Sensatec sport seats และพวงมาลัย M sport ด้านเทคโนโลยีก็ครบครันด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าปัดดิจิทัล พร้อมรองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
สำหรับเมืองไทยที่สภาพถนนค่อนข้างซับซ้อน 128ti ถือว่าเหมาะมากเพราะขนาดเล็กกระทัดรัดและระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ ช่วยให้ขับในเมืองสะดวกสบาย แถมยังแรงพอสำหรับการขับบนทางด่วนด้วย BMW 1 Series ในฐานะรุ่น entry-level luxury ของแบรนด์ ให้ความคุ้มค่าในตลาดไทย โดยเฉพาะคนที่ชอบความสนุกในการขับแต่ก็ยังต้องการความประหยัดในชีวิตประจำวัน ถ้ามีงบหน่อยก็สามารถอัพเกรดเป็นระบบเสียง Harman Kardon หรือหลังคากระจก panoramic sunroof เพื่อเพิ่มความสบายให้กับการขับขี่ได้อีก
Q
เครื่องยนต์แบบใดที่ดีที่สุดสำหรับ BMW 1 Series
สำหรับผู้บริโภคไทย การเลือกเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของ BMW ซีรีส์ 1 ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์การใช้งานเป็นหลัก ถ้าคุณเน้นเรื่องประหยัดน้ำมันและการใช้งานประจำวัน รุ่น 118i ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ B38 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบชาร์จถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเครื่องยนต์นี้ทำงานได้ดีในสภาพการจราจรติดขัดในเมืองของไทย มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ค่อนข้างต่ำ และค่าบำรุงรักษาก็สมเหตุสมผล แต่ถ้าคุณสนุกกับการขับขี่และต้องการพลังที่มากขึ้น รุ่น 128i หรือ M135i xDrive ที่ใช้เครื่องยนต์ B48 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จจะเหมาะกว่า โดยเฉพาะรุ่น M135i xDrive ที่มีกำลังถึง 306 แรงม้า ซึ่งจะให้พลังและความคล่องตัวสูงบนทางหลวงและเส้นทางภูเขาในไทย อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าสภาพอากาศร้อนของไทยต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี ดังนั้นควรเลือกรุ่นที่มีระบบหล่อเย็นครบถ้วน และบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในอุณหภูมิสูง นอกจากนี้ รุ่นเครื่องยนต์ที่วางขายในไทยอาจแตกต่างจากยุโรป แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นเพื่อยืนยันสเปกก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพประกอบการยื่นขอจดทะเบียน BYD Sealion 07 DM-i ถูกเปิดเผย: มาพร้อมเทคโนโลยี DM รุ่นที่ 5
ธนวัฒน์Dec 10, 2024

"BYD SEALION 7 ไทยแลนด์ Motor Expo 2024 โดดเด่น: คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา, มีการตั้งค่าที่หลากหลาย!"
สุรเดชNov 29, 2024

BYD Song Plus EV โดนฟ้าผ่าซ้ำ แต่ยังขับได้ปกติ!
AshleyAug 11, 2025

BYD ชะลอแผนผลิตใหญ่ในฮังการี เตรียมดันกำลังผลิตโรงงานตุรกีแทน
วิรุฬห์Jul 23, 2025

BYD SEALION 8 ลุ้นขายไทย-ออสเตรเลียปีหน้า!
สุรเดชJul 22, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย