Q

ราคาโปรเช่ 911 คือเท่าไหร่

Porsche 911 มีราคาที่แตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย โดยรุ่นเริ่มต้น Carrera มีราคา 9.9 ล้านบาท ส่วน Carrera Cabriolet มีราคา 11.4 ล้านบาท รุ่นที่มีสมรรถนะสูงขึ้นอย่าง Turbo มีราคา 19 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นท็อปสุด Turbo S PDK มีราคาสูงถึง 27.7 ล้านบาท นอกจากนี้ รุ่นที่มุ่งเน้นสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง เช่น GT3 และ GT3 RS มีราคาประมาณ 21.4 ล้านบาท และ 22 ล้านบาทตามลำดับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Porsche 911 คืออะไร
Porsche 911 ถือเป็นรถสปอร์ตคลาสสิกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่ แต่ในการใช้งานจริงในประเทศไทยซึ่งมีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น ก็มีบางจุดที่ควรพิจารณา เช่น การวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหลังอาจทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลงเล็กน้อยในช่วงที่ต้องขับขี่ติดขัดนาน ๆ กลางเมืองอย่างกรุงเทพฯ ระบบแอร์อาจใช้เวลานานกว่ารถที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศเขตร้อนในการทำความเย็น และความสูงจากพื้นรถที่ค่อนข้างต่ำอาจเสี่ยงต่อการเฉี่ยวหรือขูดใต้ท้องรถในพื้นที่ที่ถนนไม่เรียบ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่ได้ลดทอนจุดเด่นของ 911 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูง เพียงแต่ผู้ใช้งานในไทยควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เช่น ตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำ จอดในที่ร่มเมื่อต้องจอดทิ้งไว้นาน เพื่อถนอมชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ หากเข้าใจลักษณะเฉพาะของรถและดูแลอย่างเหมาะสม 911 ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่และต้องการรถสปอร์ตที่ใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันและในวันหยุดสุดสัปดาห์บนถนนสายภูเขาหรือทางเรียบริมทะเลของประเทศไทย
Q
Porsche 911 อยู่ในกลุ่มเซ็กเมนต์ใด
Porsche 911 จัดอยู่ในกลุ่มรถสปอร์ตหรูสมรรถนะสูง (Luxury Performance Car Segment) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดรถยนต์ของประเทศไทย ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์วางหลังอันเป็นเอกลักษณ์และรูปลักษณ์ที่เป็นไอคอนของแบรนด์ 911 จึงโดดเด่นในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ระดับพรีเมียม โดยเฉพาะในเขตเมืองรอบกรุงเทพฯ หรือเส้นทางริมทะเลอย่างหัวหินและพัทยาที่เหมาะกับการขับขี่แบบล่องเรือในวันหยุด รถรุ่นนี้มีตัวเลือกขุมพลังหลากหลาย ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง Carrera ไปจนถึงรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง Turbo S และรุ่นสำหรับสนามแข่งอย่าง GT3 RS ซึ่งล้วนใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบนอน (Boxer) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างแม่นยำบนถนนคดเคี้ยว เช่น ทางขึ้นดอยสุเทพในจังหวัดเชียงใหม่ แม้ราคาขายในไทยจะสูงจากโครงสร้างภาษีนำเข้ารถหรู แต่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการมักมีบริการปรับแต่งเฉพาะบุคคลเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบน อีกทั้งยังมีศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Porsche ซึ่งมั่นใจได้ในเรื่องของการดูแลรักษารถภายใต้สภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทย จุดเด่นที่ทำให้ 911 แตกต่างจากคู่แข่งในระดับเดียวกันคือประวัติศาสตร์การพัฒนายาวนานกว่า 60 ปี ที่ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์คลาสสิกควบคู่กับสมรรถนะที่ทันสมัย และความสามารถในการขับใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันและบนสนามแข่ง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ซูเปอร์คาร์สมัยใหม่จำนวนมากยังไม่สามารถเทียบเท่าได้
Q
Resale Value ของ Porsche 911 คืออะไร
Porsche 911 ถือเป็นรถสปอร์ตที่มีอัตราการรักษามูลค่าสูงในตลาดรถมือสองของประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยเฉพาะในตลาดรถหรูของไทยที่มีความต้องการรถยนต์เฉพาะกลุ่มสูง 911 จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากความหายากและเสน่ห์เฉพาะตัว โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปีมักยังสามารถรักษามูลค่าไว้ได้ราว 60% ถึง 70% ของราคารถใหม่ ทั้งนี้อัตราการรักษามูลค่าจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพรถ ระยะทางที่ใช้งาน อุปกรณ์เสริม และประวัติการเข้ารับบริการจากศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ภาษีนำเข้าที่สูงในไทยส่งผลให้ราคารถใหม่ของ Porsche 911 สูง จึงทำให้รถมือสองมีความคุ้มค่ามากขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถมือสอง การเลือกซื้อรถที่ผ่านการรับรองจาก Porsche (CPO) จะช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ และยังได้รับบริการรับประกันเพิ่มเติมซึ่งช่วยลดต้นทุนการถือครองในระยะยาว อีกทั้งรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง GT3 ที่ผลิตจำกัดยังมีแนวโน้มมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือราคาตลาดสูงกว่าราคาป้ายแดง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองระยะยาวหรือมองหาโอกาสลงทุนในรถสะสมระดับพรีเมียม
Q
Porsche 911 มีกี่ซีซี
ขนาดความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์ใน Porsche 911 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและเจเนอเรชัน โดยรุ่นที่พบได้บ่อยในตลาดประเทศไทยอย่าง 911 เจเนอเรชัน 992 รุ่น Carrera มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบนอน (Boxer) ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ความจุจริงอยู่ที่ 2,981 ซีซี ขณะที่รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง 911 Turbo S ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.7 ลิตร เทอร์โบคู่ ความจุ 3,745 ซีซี ซึ่งเทคโนโลยีเทอร์โบของ Porsche สามารถรักษาสมรรถนะได้อย่างคงที่แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของประเทศไทย แม้ราคาของ 911 ในไทยจะสูงกว่าหลายประเทศเนื่องจากภาษีนำเข้าที่สูง แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ขับขี่ที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะและการควบคุม โดยเฉพาะในพื้นที่รอบกรุงเทพฯ อย่างสนามแข่งรถที่จังหวัดชลบุรีหรือเส้นทางคดเคี้ยวในเชียงใหม่ เช่น ดอยสุเทพ ความจุของเครื่องยนต์ (cc) แม้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ใช้ประเมินพละกำลัง แต่จุดเด่นของ 911 กลับอยู่ที่การผสมผสานระหว่างเกียร์อัตโนมัติ PDK และการวางเครื่องยนต์ด้านหลัง ที่ให้สมดุลและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม แม้จะขับขี่บนเส้นทางที่โค้งชันก็ยังให้ความมั่นใจสูง ทั้งนี้ Porsche ยังมีแผนพัฒนาเวอร์ชันไฮบริดในอนาคต แต่ยังคงยืนยันว่าจะรักษาเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ไว้ต่อไปเพื่อสืบทอดจิตวิญญาณของ 911 อย่างแท้จริง
Q
เครื่องยนต์ใน Porsche 911 คืออะไร
Porsche 911 มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์แบบบ็อกเซอร์ 6 สูบนอน (Boxer Engine) ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของรุ่นนี้ โดยสามารถมอบสมรรถนะที่ทรงพลังและเสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญกับการจราจรติดขัด หรือเส้นทางโค้งขึ้นเขาในจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับ 911 รุ่นล่าสุดเจเนอเรชัน 992 มีให้เลือกหลายระดับสมรรถนะ เริ่มจากรุ่นพื้นฐาน Carrera ที่ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 385 แรงม้า ส่วนรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง Turbo S มอบพละกำลังถึง 650 แรงม้า และสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเพียง 2.7 วินาที จุดเด่นของเครื่องยนต์แบบบ็อกเซอร์คือศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ถนนลื่น นอกจากนี้ในตลาดประเทศไทยยังมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ (ระบบ PTM ของ Porsche) โดยรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะเหมาะกับสภาพถนนเปียกชื้นในฤดูฝนมากกว่า ตัวแทนจำหน่ายในไทยมักมีการปรับจูนระบบระบายความร้อนให้เหมาะกับสภาพอากาศเขตร้อน พร้อมแนะนำให้ใช้เชื้อเพลิงเบนซินออกเทน 95 ขึ้นไปเพื่อคงประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์ ทั้งนี้เครื่องยนต์ของ 911 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความทนทานสูง แม้ต้องเผชิญกับการขับขี่ในเมืองที่ติดขัด ก็ยังสามารถรักษาระดับอุณหภูมิได้ดี จึงไม่แปลกที่ 911 จะได้รับความนิยมจากผู้ที่หลงใหลในรถสมรรถนะสูงในประเทศไทย
Q
เกียร์ประเภทของ Porsche 911 คืออะไร
ระบบเกียร์ของ Porsche 911 แตกต่างกันไปตามรุ่นและปีที่ผลิต โดยปัจจุบันมีให้เลือกหลักๆ สองแบบ ได้แก่ เกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ (7-speed manual) และเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 จังหวะ (8-speed PDK) ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้ที่แตกต่างกัน โดยเกียร์ธรรมดาเหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในการขับขี่แบบดิบๆ ต้องการความรู้สึกเชื่อมต่อกับตัวรถอย่างแท้จริง ขณะที่เกียร์ PDK โดดเด่นเรื่องความรวดเร็วในการเปลี่ยนเกียร์และประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพจราจรที่หนาแน่นในเมืองไทย หรือในการขับขี่บนสนามแข่ง ในประเทศไทยซึ่งมีสภาพถนนหลากหลาย ระบบเกียร์ PDK ที่มีโหมดอัตโนมัติสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบาย ในขณะที่โหมดแมนนวลก็สามารถตอบสนองผู้ที่ต้องการควบคุมรถอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ระบบเกียร์ของ Porsche 911 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในตลาด โดยไม่ว่าจะเลือกแบบใด ก็มั่นใจได้ถึงความทนทานและสมรรถนะระดับสูง สำหรับผู้ใช้ชาวไทย สภาพอากาศร้อนจัดในประเทศอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบเกียร์โดยเฉพาะเรื่องความร้อนสะสม อย่างไรก็ตาม Porsche ได้ออกแบบระบบระบายความร้อนของเกียร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพอากาศเช่นนี้ จึงมั่นใจได้ว่ารถจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาวไม่ว่าจะเลือกเกียร์แบบใดก็ตาม
Q
PCD ขนาดเท่าไรของ Porsche 911
ระยะ PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Porsche 911 อยู่ที่ขนาด 5x130 ซึ่งหมายความว่าล้อมีรูน็อต 5 รูเรียงอยู่บนวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 130 มิลลิเมตร โดยเป็นมาตรฐานที่ใช้กับรุ่นยอดนิยมของ 911 ส่วนใหญ่ รวมถึงรุ่น Carrera และ Turbo ที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย สำหรับผู้ใช้รถในไทย หากต้องการปรับเปลี่ยนล้อแม็ก จำเป็นต้องเลือกแบบที่มีค่า PCD ตรงกันเพื่อความปลอดภัยและการติดตั้งที่ถูกต้อง เพราะหากไม่ตรงอาจทำให้เกิดปัญหาในการขับขี่หรือเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยยังส่งผลต่อวัสดุของล้อ เช่น ความทนทานต่อการกัดกร่อนของอลูมิเนียม ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณา นอกเหนือจาก PCD แล้ว ยังมีค่าที่สำคัญอื่นๆ อย่างเช่น เส้นผ่านศูนย์กลางของดุมล้อ (Center Bore) ที่ใน 911 ส่วนใหญ่อยู่ที่ 71.6 มิลลิเมตร และค่า Offset หรือ ET ซึ่งมีผลต่อระยะยื่นของล้อ หากผู้ใช้ในไทยต้องการอัปเกรดหรือแต่งล้อ ควรเลือกผ่านศูนย์บริการหรือร้านแต่งรถที่ได้รับการรับรองเพื่อให้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะของรถ และเนื่องจากสภาพถนนในไทยค่อนข้างหลากหลาย การเลือกใช้ล้อที่มีน้ำหนักเบาอาจช่วยเพิ่มการควบคุมที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ควรตรวจสอบแรงบิดของน็อตล้อเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนหรือหลังจากขับผ่านพื้นที่ชื้นแฉะบ่อยครั้งเพื่อป้องกันการหลุดคลายของล้อในระหว่างการใช้งาน
Q
พอร์ช 911 มี Apple Carplay ไหม
ใช่แล้ว Porsche 911 รองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay โดยในตลาดประเทศไทย รุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะมาพร้อมระบบนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานหรือสามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้ ช่วยให้ผู้ขับสามารถใช้งานแอปพลิเคชันบน iPhone เช่น ระบบนำทาง เพลง หรือการสื่อสาร ผ่านหน้าจอกลางของรถได้อย่างสะดวก สำหรับผู้ใช้ในไทย โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ การนำทางแบบเรียลไทม์ผ่าน CarPlay (เช่น Google Maps หรือ Waze) สามารถช่วยให้เดินทางได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังรองรับการแสดงผลและคำสั่งเสียงเป็นภาษาไทยด้วย ระบบ Porsche Communication Management (PCM) ของรถมีการผสานการทำงานกับ CarPlay ได้อย่างราบรื่น แต่ในบางรุ่นอาจต้องเลือกติดตั้งชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพิ่มเติม หากคุณซื้อรถ Porsche 911 มือสอง แนะนำให้ตรวจสอบปีผลิตและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง เพราะรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไปจึงเริ่มรองรับ CarPlay อย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่อความเสถียรของการเชื่อมต่อไร้สาย จึงแนะนำให้เชื่อมต่อผ่านสายชาร์จแท้ของโรงงานเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างลื่นไหล ตัวแทนจำหน่าย Porsche อย่างเป็นทางการในประเทศไทยยังมีบริการอัปเกรดซอฟต์แวร์ระบบ เพื่อเพิ่มความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และฟังก์ชันใหม่ ๆ ได้อีกด้วย
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Porsche 911 คืออะไร
Porsche 911 ใช้ยางมาตรฐานจากโรงงานที่แตกต่างกันไปตามรุ่นและการตกแต่ง โดยยางยอดนิยมได้แก่ Michelin Pilot Sport, Pirelli P Zero และ Goodyear Eagle F1 ซึ่งทั้งหมดเป็นยางสมรรถนะสูงที่ออกแบบมาเพื่อรองรับพละกำลังและการควบคุมที่แม่นยำของ 911 โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยในประเทศไทย ยางเหล่านี้มีความทนทานต่อความร้อนและการขับขี่บนพื้นเปียกได้เป็นอย่างดี สำหรับเจ้าของรถในไทย นอกจากการเลือกยางตามคำแนะนำจากโรงงานแล้ว ยังควรพิจารณาสภาพถนนท้องถิ่น เช่น ในกรุงเทพฯ ที่ถนนมักเปียกและลื่น จึงเหมาะกับยางที่มีระบบระบายน้ำดี นอกจากนี้ อุณหภูมิสูงในไทยยังเพิ่มความต้องการในเรื่องความทนทานต่อการสึกหรอ จึงควรตรวจสอบความดันลมยางและสภาพยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย หากต้องการอัพเกรดยาง สามารถปรึกษาตัวแทนจำหน่าย Porsche ที่ได้รับอนุญาตในไทยเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมตามพฤติกรรมการขับขี่และความต้องการของแต่ละคนได้อย่างมืออาชีพ
Q
รถ Porsche 911 เป็นรถที่ดีหรือไม่ เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
Porsche 911 เป็นรถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น แม้ในสภาพภูมิอากาศเขตร้อนและถนนที่ซับซ้อนของประเทศไทย ก็ยังแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะและความน่าเชื่อถือที่ยอดเยี่ยม จุดเด่นของ 911 คือการวางเครื่องยนต์ด้านหลังแบบคลาสสิกที่มอบการควบคุมที่ดีเยี่ยม ระบบขับเคลื่อนมีพลังและตอบสนองรวดเร็ว โดยเฉพาะเครื่องยนต์แบบ Boxer ที่ให้ความมั่นคงสูงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงในโค้ง เหมาะอย่างยิ่งกับเส้นทางภูเขาที่คดเคี้ยวหรือสนามแข่งในไทย นอกจากนี้ ภายในรถยังได้รับการตกแต่งอย่างประณีต พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เกียร์ PDK และระบบช่วงล่างอัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ประจำวัน อย่างไรก็ตาม 911 ก็มีข้อจำกัดเช่น พื้นที่ด้านหลังแคบ ไม่เหมาะกับการใช้งานสำหรับครอบครัว และในสภาพอากาศร้อนของไทย รถสมรรถนะสูงต้องการการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา สำหรับผู้บริโภคในไทย การเป็นรถนำเข้าทำให้ราคาขายและภาษีสูง แต่ 911 มีอัตราการคงราคาที่ดี ทำให้ต้นทุนการเป็นเจ้าของในระยะยาวอาจสมเหตุสมผล หากคุณแสวงหาความสนุกในการขับขี่และมีงบประมาณเพียงพอ 911 คือทางเลือกชั้นยอด แต่ถ้าต้องการความใช้งานได้จริง อาจต้องพิจารณารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีวัฒนธรรมการแต่งรถที่เข้มแข็ง ทำให้ 911 มีโอกาสในการปรับแต่งและออกแบบตามสไตล์ส่วนตัวได้อีกด้วย

ข้อดี

หน้าตาเป็นเอกลักษณ์ที่ดูเป็นการขับรถ
ภายในความสะดวกสบายและสะดวกสบาย ปุ่มของรุ่นก่อนๆถูกรวมอยู่ในหน้าจอควบคุมกลางขนาด 10.9 นิ้วที่สามารถควบคุมหลากหลายฟังก์ชัน
การขับรถสนุก มอเตอร์เป็น 6 ถัง Boxer วินาที หน่วยความจุ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 450 แรงม้า ความเร็วจากศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรใน 3.5 วินาที
ชาซีมั่นคงสภาพ ใช้เทคโนโลยี Bilstein DTX ใหม่ ระบบกันสะเทือนสามารถปรับแต่งอัตโนมัติ
ระบบเบรกที่เชื่อถือได้ สามารถเบรกอย่างมั่นคงและนุ่มนวล

ข้อเสีย

พื้นที่เล็ก ถึงแม้จะใหญ่กว่ารถแข่งปกติบ้างแต่ก็ยังจำกัด
ศูนย์บริการและจุดซ่อมบำรุงน้อยมาก เพียงเล็กน้อยในกรุงเทพฯ
ซ่อมบำรุงและค่าบริการสูง

Q&A ล่าสุด

Q
ราคาบริการของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ Honda City Hatchback ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามบริการและตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการ โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-4,500 บาท อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำแนะนำให้ติดต่อสอบถามราคากับทางอู่ Honda 4S ที่ใกล้ที่สุด ในไทยเรามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้เจ้าของรถสามารถรับบริการจากช่างมืออาชีพได้อย่างสะดวกสบาย แถมการเข้าศูนย์บริการเป็นประจำยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของรถและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย พูดถึง Honda City Hatchback ในตลาดไทยต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยความประหยัดและการใช้งานที่ตอบโจทย์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาก็ถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับการใช้งานประจำวันเป็นอย่างดี และถ้าเลือกใช้เฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์บริการอย่างถูก渠道 นอกจากจะได้ความมั่นใจแล้ว ยังช่วยรักษาสิทธิ์การรับประกันไม่ให้เสียหายอีกด้วย จริงๆ แล้วในระยะยาวนี่คือทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือที่สุดแล้วล่ะ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูรายละเอียดที่นี่
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบคในไทยมีค่าใช้สอยเรื่องการดูแลรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะกับคนที่อยากประหยัด โดยการบริการครั้งแรกจะทำเมื่อขับถึง 1,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-2,000 บาท รวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ส่วนการบริการตามระยะจะทำทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ค่าบริการปกติประมาณ 2,500-3,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่จะทำเมื่อขับถึงประมาณ 4 หมื่นกิโลเมตร ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรบ้าง ในไทยฮอนด้ามีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ หาไม่ยาก แถมสะดวกด้วย นอกจากนี้ควรตรวจสอบยางและเบรกเป็นประจำเพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เสื่อมเร็วขึ้น ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ลองซื้อแพ็กเกจบริการของฮอนด้า ซึ่งมักจะมีส่วนลดให้ ที่สำคัญการดูแลรักษาตามคู่มือแนะนำไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุรถ แต่ยังช่วยรักษามูลค่าเวลาขายต่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในตลาดรถมือสองของไทย
Q
ขนาดล้อของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่
สำหรับ Honda City Hatchback ในเรื่องของขนาดล้อ ยกเว้นรุ่นสูงสุด RS ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วแบบเฉพาะแล้ว รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นจะใช้ล้อขนาด 15 นิ้วตามมาตรฐาน การที่แต่ละรุ่นมีขนาดล้อแตกต่างกันนี่เป็นผลจากการออกแบบโดยคำนึงถึงสมรรถนะโดยรวมของรถเป็นหลัก ล้อขนาดใหญ่กว่าอย่างล้อ 16 นิ้วในรุ่น RS จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความมั่นคงให้กับรถ ทำให้การควบคุมรถดีขึ้น เหมาะกับสไตล์การขับแบบสปอร์ตที่รุ่น RS เน้นเป็นพิเศษ ส่วนล้อ 15 นิ้วนั้นถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในเมืองและการขับขี่ประจำวันของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นล้อขนาดไหนก็ผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ทำงานเข้ากันได้ดีกับระบบช่วงล่างและระบบอื่นๆ ของรถ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะของรถอย่างลงตัว
Q
รุ่นที่แตกต่างกันของ Honda City Hatchback มีอะไรบ้าง
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้หลักๆ แล้วจะมี 4 เวอร์ชันคือ S, V, SV และ RS รุ่น S เป็นรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่นถุงลมนิรภัย 2 ตัวและระบบเบรก ABS เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รถในงบจำกัด ส่วนรุ่น V จะเพิ่มความสะดวกขึ้นมาอีกหน่อยด้วยกุญแจอัจฉริยะและกล้องถอยหลัง ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น SV จะอัพเกรดทั้งวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยี เช่น จอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นและถุงลมนิรภัยเพิ่มเติม เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาความคุ้มค่า สุดท้ายรุ่น RS ที่เป็นรุ่นสปอร์ตสุดพิเศษ มาพร้อมกับชุดแต่งเอกลักษณ์ เบาะสปอร์ตและระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ชอบความสปอร์ต ในตลาดไทย ซิตี้ แฮทช์แบ็กคันนี้ขายดีเพราะขับง่ายและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ แถมฮอนด้ายังมีสีรถให้เลือกหลายเฉดและโปรแกรมผ่อนชำระที่ตอบโจทย์คนไทยอีกด้วย ที่สำคัญคือรุ่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำในอากาศร้อนแบบบ้านเรา และเพิ่มความสูงของช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนบางพื้นที่ นี่คือการออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดไทยที่แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าใส่ใจลูกค้าชาวไทยจริงๆ
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคหนักเท่าไหร่
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทย มีน้ำหนักตัวรถแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยอยู่ในช่วงประมาณ 1,100 ถึง 1,200 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขุมพลังที่เลือกใช้ เช่น เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น หลังคาซันรูฟ หรือระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม น้ำหนักที่เบากว่าช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพจราจรที่ติดขัดและการขับขี่ที่ต้องหยุด-ออกตัวบ่อยในเมืองไทย นอกจากนี้ การกระจายน้ำหนักของตัวรถยังเป็นสิ่งที่วิศวกรฮอนด้าให้ความสำคัญ โดยมีการออกแบบแชสซีและเลือกใช้วัสดุอย่างเหมาะสม เพื่อให้รถมีความมั่นคงในขณะเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลขณะโดยสาร จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ City Hatchback มีสมรรถนะที่ดีบนถนนที่มีโค้งมากหรือพื้นถนนเปียกในเมืองไทย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกใช้รถที่มีน้ำหนักพอดี ไม่มากเกินไป ไม่เบาเกินไป ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งให้ความสนุกในการขับขี่และความปลอดภัย ซึ่ง Honda City Hatchback คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
ดูเพิ่มเติม