Q
Honda Accord รุ่นท็อปซ์นี้คืออะไร
ในตลาดประเทศไทย รุ่นท็อปของฮอนด้าแอคคอร์ดมักจะเป็นรุ่น "Accord Hybrid" ที่มาพร้อมระบบไฮบริดซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด โดยใช้ระบบ i-MMD ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์คู่ ร่วมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบ Atkinson Cycle ให้ทั้งประสิทธิภาพสูงและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและความต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมของไทย รุ่นท็อปนี้มักจะมีอุปกรณ์หรูหราอย่างหลังคากระจกพาโนรามา, จอแสดงผลกลาง 12.3 นิ้ว, ระบบ Honda Sensing สำหรับความปลอดภัย (รวมถึง cruise control อัตโนมัติ, การรักษาช่องทางเดินรถ), หนังหุ้มเบาะ และระบบเสียง BOSE นอกจากนี้ รุ่นแอคคอร์ดในไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์และระบายความร้อนให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ได้รับความนิยมมากเพราะรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ถ้าพิจารณารุ่นอื่น ฮอนด้าแอคคอร์ดในไทยยังมีรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 เทอร์โบ แต่รุ่นไฮบริดยังคงได้เปรียบในเรื่องค่าใช้จ่ายระยะยาวและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควรตรวจสอบอุปกรณ์รุ่นล่าสุดกับตัวแทนจำหน่ายก่อนซื้อเพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามปีรุ่น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ความหนาของกันชนหลังของ Honda Accord ปี 2023 คือเท่าไร
2023 Honda Accord มีความหนาของกันชนหน้า-หลังที่แตกต่างกันไปตามการออกแบบและมาตรฐานความปลอดภัย โดยทั่วไปจะใช้โครงสร้างแบบหลายชั้น ชั้นนอกเป็นพลาสติกเพื่อลดการบาดเจ็บของผู้ถูกชน ภายในอาจติดตั้งโฟมดูดซับพลังงานหรือคานเหล็กเสริมเพื่อปรับปรุงการป้องกันการชนที่ความเร็วต่ำ รุ่นที่ขายในไทยก็ทำตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกเหมือนกัน ในสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก วัสดุกันชนต้องทนต่อการเสื่อมสภาพจากแสง UV และป้องกันการกัดเกาะด้วย นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่รถญี่ปุ่นขายดีในไทย แต่ต้องเข้าใจว่าความหนากันชนไม่ใช่ตัววัดความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว รถสมัยใหม่เน้นการออกแบบโครงสร้างดูดซับพลังงานแบบองค์รวม อย่างเทคโนโลยีตัวถัง ACE ของ Honda ที่ช่วยกระจายพลังงานจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวลาซื้อรถในไทย ลองดูคะแนน ASEAN NCAP ที่ออกแบบทดสอบมาเฉพาะสำหรับสภาพถนนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรุ่น 2023 Accord ทำผลงานได้ดีมาก นอกจากนี้ กฎหมายไทยยังมีข้อกำหนดเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของผู้เดินถนน ซึ่งส่งผลต่อการออกแบบกันชนด้วย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสภาพตัวยึดกันชนเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังฤดูฝน เพื่อให้มั่นใจว่ายังทำงานได้ปกติ
Q
ค่าใช้จ่ายในการประกันภัยสำหรับฮอนด้า แอคคอร์ด ปี 2023 คือเท่าไหร่?
เบี้ยประกันรถยนต์ Honda Accord รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปเบี้ยประกันปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 3%-5% ของราคารถ ซึ่ง Accord ในไทยมีราคาประมาณ 1.5-2 ล้านบาท ดังนั้นเบี้ยประกันเต็มรูปแบบต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ 45,000-100,000 บาท ตัวเลขที่แน่นอนขึ้นอยู่กับอายุผู้ขับขี่ ประวัติการขับรถ ความครอบคลุมของกรมธรรม์ (เช่น ประกันชั้น 1 ที่รวมความเสี่ยงไฟไหม้และโจรกรรม) และโปรโมชั่นจากบริษัทประกัน เช่น คนขับวัยหนุ่มสาวหรือคนที่อาศัยในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ อาจต้องจ่ายเบี้ยสูงกว่า ประกันรถยนต์ที่นิยมในไทยมีทั้งประกันภาคบังคับ (พรบ.) และประกันภาคสมัครใจ ซึ่งประกันภาคสมัครใจยังแบ่งเป็นประกันรถชนและประกันครอบคลุม แนะนำให้ผู้สนใจเช็คเบี้ยประกันที่แน่นอนผ่านเว็บไซต์บริษัทประกันชั้นนำในไทยเช่นไทยเจเนอรัลหรือวิริยะ นอกจากนี้ควรรู้ว่าบริษัทประกันบางแห่งในไทยมีโปรโมชั่น "ไม่เคลมลดเบี้ย" ถ้าขับรถปลอดภัยติดต่อกันหลายปีก็จะได้ส่วนลดเพิ่ม ส่วนรุ่น Hybrid อาจมีเบี้ยประกันสูงกว่านิดหน่อยเนื่องจากค่าซ่อมที่แพงกว่า ก่อนตัดสินใจซื้อควรเปรียบเทียบบริการเสริมอย่างบริการช่วยเหลือฉุกเฉินและประสิทธิภาพในการเคลมของแต่ละบริษัทประกันด้วย
Q
รัศมีวงเลี้ยวของ Honda Accord ปี 2023 คือเท่าไร?
รถ Honda Accord 2023 มีรัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไปในรุ่นรถซีดานขนาดกลางด้วยกัน ทำให้ขับเคลื่อนในสภาพถนนเมืองและซอยแคบๆ แบบไทยได้สะดวก รัศมีวงเลี้ยวเป็นตัวชี้วัดความคล่องตัวของรถ ยิ่งตัวเลขน้อยเท่าไหร่ ยิ่งเลี้ยวกลับรถหรือจอดในที่จำกัดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเมืองติดรถติดอย่างกรุงเทพฯ สำหรับตลาดไทย Accord ตอบโจทย์ด้วยระบบช่วงล่างนุ่มสบายและพวงมาลัยแม่นยำ ที่ช่วยให้รับมือกับสภาพถนนหลากหลาย ทั้งถนนเมืองที่วุ่นวายหรือทางโค้งในเขตท่องเที่ยวได้อย่างมั่นใจ นอกจากเรื่องวงเลี้ยวแล้ว Accord 2023 ยังมาพร้อมระบบ Honda SENSING รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับทางไกลหรือบนทางด่วนของไทย สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถซีดานขนาดกลาง แอคคอร์ดถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้สมดุลระหว่างสมรรถนะและความสะดวกในการขับขี่ โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองและการเดินทางพร้อมครอบครัวที่ทำได้ดีเยี่ยม
Q
รถ Honda Accord ปี 2023 มีระบบรีโมทสตาร์ทหรือไม่?
รุ่น Honda Accord 2023 ในตลาดไทยมีฟีเจอร์ Remote Start หรือระบบสตาร์ทรถจากระยะไกลให้ใช้จริง โดยเฉพาะในรุ่นท็อปๆ จะสามารถสั่งงานผ่านรีโมตคีย์หรือแอปพลิเคชัน Honda Connect ได้ ให้เจ้าของรถเปิดเครื่องปรับอากาศล่วงหน้าเพื่อคลายร้อนในอากาศร้อน ซึ่งตอบโจทย์สภาพอากาศเมืองไทยมากๆ ข้อควรรู้ก็คือ ระบบนี้จะทำงานในระยะประมาณ 30-50 เมตร และเครื่องยนต์จะหยุดทำงานอัตโนมัติภายใน 10 นาทีเพื่อความปลอดภัย สำหรับคนไทยที่สนใจ ฟังก์ชันนี้มักจะมาพร้อมกับระบบระบบกุญแจอัจฉริยะ แอร์อัตโนมัติ และฟีเจอร์เสริมอื่นๆ แนะนำให้ถามพนักงานขายให้แน่ใจว่ารุ่นที่ซื้อมีระบบนี้ด้วยนะ นอกจากนี้ Remote Start ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Honda Connect เท่านั้น เพราะยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ อีกเช่น ล็อครถจากระยะไกล ตรวจสอบตำแหน่งรถ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อย รับรองว่าช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลย
Q
“Honda Accord ปี 2023 มีสมรรถนะในการทดสอบการชนเป็นอย่างไรบ้าง?”
รถ Honda Accord รุ่นปี 2023 ทำผลงานได้ดีมากในการทดสอบความปลอดภัย โดยได้รับรางวัล "Top Safety Pick+" จาก IIHS ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดด้านความปลอดภัย และยังได้คะแนนเต็ม 5 ดาวจาก NHTSA อีกด้วย ความปลอดภัยระดับนี้มาจากโครงสร้างตัวรถ ACE ที่อัพเกรดแล้วและระบบ Honda Sensing ที่มาพร้อมฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบครัน ทั้งระบบเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงการชน และระบบช่วยรักษาเลน สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถยนต์ปลอดภัย รุ่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะแอคคอร์ดที่ขายในประเทศไทยมักใช้มาตรฐานความปลอดภัยเดียวกันกับเวอร์ชันทั่วโลก โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของไทย ทั้งรถติดหนักในกรุงเทพและการแบ่งถนนกับรถมอเตอร์ไซค์ ฟีเจอร์ความปลอดภัยเหล่านี้จะช่วยป้องกันคุณได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม รุ่นที่ขายในไทยอาจมีการปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะกับกฎหมายและสภาพถนนท้องถิ่น ดังนั้นก่อนซื้อควรศึกษารายละเอียดสเปคให้ดี พร้อมทั้งอย่าลืมว่าปัจจุบันรัฐบาลไทยก็กำลังเข้มงวดเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์มากขึ้น การเลือกรถที่มีเรตติ้งความปลอดภัยสูงแบบนี้จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับผู้บริโภคไทย
Q
ตารางการบำรุงรักษาสำหรับ Honda Accord ปี 2023 คืออะไร?
สำหรับรถ Honda Accord รุ่นปี 2023 ในประเทศไทย แนะนำให้ทำการบำรุงรักษาตามระยะเวลาทุก 6 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) โดยบริการปกติจะรวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง พร้อมกับการตรวจเช็คสภาพยาง ระบบเบรก ไฟรถ และส่วนสำคัญอื่นๆ เนื่องจากสภาพอากาศในไทยที่ทั้งร้อนและชื้น ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการตรวจสอบและเปลี่ยนไส้กรองแอร์และน้ำยาคูลแลนท์เพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนรุ่น Hybrid ต้องตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำด้วย แนะนำให้ใช้บริการที่ Honda 4S ที่ได้รับการรับรองเท่านั้นและใช้อะไหล่แท้จาก Honda เพื่อรักษาสิทธิ์การรับประกัน
ช่วงหน้าฝนของไทยควรเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนและป้องกันสนิมใต้ท้องรถ ส่วนการขับขี่ในเมืองที่ติดขัดบ่อยๆ อาจทำให้ต้องเปลี่ยนผ้าเบรกก่อนกำหนดได้ สามารถจองบริการบำรุงรักษาผ่านแอป MyHonda ในเว็บไซต์ Hondaไทยได้เลย ซึ่งบริการแบบดิจิทัลนี้สะดวกมากในไทย
อีกเรื่องที่สำคัญคือ น้ำมันในไทยส่วนใหญ่เป็นแบบเอทานอล ควรใช้น้ำมันตามเลข octane ที่คู่มือระบุไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาคาร์บอนสะสมในเครื่องยนต์ นอกจากนี้ อู่ Honda ในไทยยังมีบริการตรวจเช็คฟรี 21 จุดที่จะช่วยให้คุณเข้าใจสภาพรถได้อย่างละเอียดอีกด้วย
Q
รถ Honda Accord ปี 2023 มีระบบเสียง Bose หรือไม่?
รุ่น Honda Accord 2023 ในตลาดไทยบางรุ่นระดับสูงมีการติดตั้งระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose ซึ่งระบบนี้มักมาพร้อมกับลำโพง 12 ตัว และใช้เทคโนโลยี Centerpoint พิเศษร่วมกับเทคโนโลยีประมวลผลสัญญาณดิจิทัล SurroundStage ของ Bose ที่มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริงให้กับผู้โดยสารในรถยนต์ เหมาะอย่างยิ่งกับแนวเพลงป็อปและเพลงไทยที่คนไทยชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม การติดตั้งระบบเสียงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดอุปกรณ์กับตัวแทนจำหน่าย Honda ในไทยก่อนตัดสินใจซื้อ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ระบบเสียง Bose ผ่านการออกแบบพิเศษให้ทนทานต่อความร้อนและความชื้นสูง เพื่อความเสถียรในการใช้งานระยะยาว นอกจาก Honda Accord 2023 ยังมาพร้อมกับชุดความปลอดภัย Honda SENSING ล่าสุดและระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ Honda CONNECT ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการด้านเทคโนโลยีและความสบายของตลาดไทย แนะนำให้ผู้บริโภคไทยทดลองฟังเสียงจริงก่อนซื้อ พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่างของอุปกรณ์ในแต่ละรุ่น เพื่อเลือกรุ่นที่ตรงความต้องการมากที่สุด
Q
มูลค่าขายต่อของ Honda Accord ปี 2023 คือเท่าไร?
รถยนต์มือสอง Honda Accord รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยยังคงมีอัตราการรักษามูลค่าที่ค่อนข้างดี สืบเนื่องมาจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Honda ในตลาดไทย รวมถึงภาพลักษณ์ความทนทานและประโยชน์ใช้สอยของ Accord ที่สั่งสมมายาวนาน ตามหลักการทั่วไปของตลาดรถไทย รถใหม่จะเสียมูลค่าไปประมาณ 15-20% ในปีแรก จากนั้นจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ สำหรับ Accord ที่เป็นรุ่นยอดนิยมในตลาดรถเก๋งขนาดกลาง มักจะมีอัตราการรักษามูลค่าสูกว่าค่าเฉลี่ยของรถระดับเดียวกัน คาดว่าหลังจาก 3 ปียังสามารถรักษามูลค่าไว้ได้ประมาณ 60%
คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องความประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาเป็นพิเศษ ซึ่ง Honda Accord 2023 ตอบโจทย์ได้ดีด้วยระบบเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L และระบบไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมัน แถมยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมทั่วประเทศและมีอะไหล่พร้อมให้บริการเสมอ ปัจจัยเหล่านี้ช่วยเสริมมูลค่ารถมือสองได้ไม่น้อย
เคล็ดลับอีกอย่างคือสีรถก็มีผลต่อราคาขายต่อด้วย สีขาวและสีเงินจะขายได้ราคาดีกว่าสีสันแปลกๆ นอกจากนี้การมีประวัติการบริการที่ครบถ้วนและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจะช่วยรักษาราคารถได้มาก แนะนำให้บริการตามศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ ส่วนในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทยๆ การจอดรถในที่ร่มและตรวจสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์กับยางเป็นประจำจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของรถ ทำให้ขายต่อได้ราคาดีขึ้น
Q
รถ Honda Accord ปี 2023 มีระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถหรือไม่
แน่นอนว่า Honda Accord รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดไทยได้ติดตั้งระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถหรือ LKAS ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดความปลอดภัย Honda Sensing ระบบนี้ใช้กล้องหน้าจับภาพเส้นแบ่งช่องทางรถ เมื่อความเร็วเกิน 65 กม./ชม. จะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่กลางช่องทางเดินรถโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพการขับขี่บนทางหลวงหรือการเดินทางไกลในไทย ที่สำคัญระบบ LKAS ของ Honda ยังมีฟังก์ชั่นแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง ถ้ารถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะสั่นพวงมาลัยพร้อมแสดงข้อความเตือนบนหน้าปัด ซึ่งช่วยได้มากในเส้นทางชนบทที่เส้นแบ่งช่องทางไม่ชัดเจน หรือกรณีผู้ขับเหนื่อยล้า นอกจาก LKAS แล้ว Accord 2023 ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงอื่นๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับตามรถคันหน้า ระบบช่วยเบรกป้องกันการชน ซึ่งทำให้คันนี้แข่งขันได้ดีในระดับเดียวกัน สำหรับคนไทยที่กำลังเลือกซื้อรถ แนะนำให้ลองขับจริงเพื่อทดสอบการทำงานของระบบเหล่านี้ โดยเฉพาะความแม่นยำของ LKAS ในสภาพการจราจรที่ต้องแบ่งช่องทางกับรถมอเตอร์ไซค์แบบไทยๆ รวมถึงความนุ่มนวลเวลาระบบทำงานว่าจะเข้ากับสไตล์การขับของแต่ละคนหรือไม่ ทุกวันนี้กรมการขนส่งไทยได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์ ทำให้ระบบช่วยขับขี่แบบนี้กลายเป็นสิ่งที่รถระดับกลางถึงสูงต้องมีกันแล้ว
Q
คุณภาพการขับขี่ของ Honda Accord 2023 เป็นอย่างไร
รถ Honda Accord 2023 ในตลาดไทยโดดเด่นเรื่องความสบายในการนั่ง ซึ่งมาจากระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาอย่างดีและห้องโดยสารที่กว้างขวาง ระบบช่วงล่างใช้แบบแมคเฟอร์สันด้านหน้าและมัลติลิงค์ด้านหลัง ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากถนนขรุขระและสะพานชะลอความเร็วที่พบได้บ่อยในไทย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเบาะนั่งก็มีความนุ่มที่พอดี ให้การรองรับที่ดีแม้ในการเดินทางไกล เหมาะสมทั้งสำหรับการขับในเมืองกรุงเทพฯที่รถติดและทริปท่องเที่ยวทางไกลในไทย แถมยังมีเทคโนโลยี Active Noise Cancellation ที่ช่วยลดเสียงลมและเสียงถนนเวลาขับความเร็วสูง ทำให้ภายในรถเงียบขึ้นมาก ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบแอร์อัตโนมัติแบบสองโซนและช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังก็ช่วยเพิ่มความสบายได้ไม่น้อย ที่น่าสนใจคือความสูงของช่วงล่างที่ทำงานได้ดีกับสภาพถนนไทย ทั้งในเมืองและบนทางด่วนที่ความเร็วสูง ก็ไม่รู้สึกเหินเลย ส่วนเรื่องการใช้งานพื้นที่ในรถนั้น Accord ทำได้ดีกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับขาที่ด้านหลังซึ่งกว้างขวางใกล้เคียงรถหรูบางรุ่น สำหรับคนไทยที่เน้นการใช้รถครอบครัว นี่ถือเป็นจุดแข็งสำคัญ นอกจากนี้รุ่น 2023 ยังปรับปรุงระบบพวงมาลัยให้คงความสบายแต่เพิ่มความมั่นคงเวลาเข้าโค้ง เหมาะมากกับถนนคดเคี้ยวในเขาหรือทางด่วนของไทย
Q&A ล่าสุด
Q
แรงม้าของรถ Ferrari 812 Superfast มีเท่าใด
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์สุดแรงที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ขุมพลังใต้กระโปรงเป็นเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอทโมสเฟียร์ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดเกิน 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่นิยมมากในตลาดรถซูเปอร์คาร์ของไทย โดยเฉพาะสำหรับการขับขี่บนทางด่วนรอบกรุงเทพฯ หรือสนามแข่ง สำหรับแฟนๆรถไทยแล้ว 812 Superfast ไม่เพียงเป็นตัวแทนของความปรารถนาในพลังอันสุดขั้วของเฟอร์รารี่เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของซูเปอร์คาร์อิตาลีผ่านการออกแบบเลย์เอาต์เครื่องยนต์ V12 หน้าและรูปทรงตัวรถที่ลื่นไหล แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย ระบบระบายความร้อนและระบบช่วงล่างของรถคันนี้ก็ยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม มั่นใจได้ถึงความมั่นคงแม้ขับแบบสุดเหวี่ยง นอกจากนี้ Ferrari ยังมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทั้งการบริการประจำปีและการสนับสนุนทางเทคนิคโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เจ้าของรถสามารถสนุกไปกับการขับขี่ได้แบบไม่ต้องกังวล ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรถซูเปอร์คาร์ 812 Superfast ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ไม่เพียงเพราะพลังที่เหนือชั้น แต่ยังรวมถึงการควบคุมที่แม่นยำและความหรูหราที่มาพร้อมกันในระดับสุดยอด
Q
Ferrari 812 Superfast มีความเร็วเท่าไหร่
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสไพรัลธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่จับตามองในตลาดรถหรูของไทย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบความมันส์แบบสุดๆ แม้ว่าบนถนนทั่วไปในไทยอาจไม่สามารถดึงความเร็วสุดขีดของมันออกมาได้เต็มที่ แต่ถ้าได้ลงสนามแข่งอย่างบูรีรัมย์อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต 812 Superfast จะโชว์ฟอร์มได้อย่างเต็มสูบ แถมยังมาพร้อมดีไซน์แอโรไดนามิกและเทคโนโลยีพวงมาลัยหลังที่ช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงมีความมั่นคงและแม่นยำ ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถระดับตำนานที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ สำหรับคนไทยการได้เป็นเจ้าของรถคันนี้ไม่ใช่แค่ได้ใช้พลังของซูเปอร์คาร์ระดับเทพ แต่ยังได้สัมผัสความหรูและความเร่าร้อนแบบฉบับเฟอร์รารี่ เพียงแต่เวลาขับบนถนนจริงต้องระวังกฎจราจรและสภาพถนนในไทยให้ดี จะได้ขับได้อย่างปลอดภัยและสนุกสุดเหวี่ยง
Q
เครื่องยนต์ Ferrari 812 Superfast มีอะไร
Ferrari 812 Superfast ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสพีเรต ที่ออกแบบด้วยมุมระนาบ 65 องศา ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดพีค 718 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 7 ความเร็วแบบ DUAL-CLUTCH เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 340 กม./ชม. แสดงถึงสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์แอสพีเรตของ Ferrari เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบปรับเปลี่ยนรูปทรงท่อไอดีและระบบจัดการแรงบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้การขับขี่สมบูรณ์แบบในทุกสภาพการขับขี่ สำหรับแฟนๆรถไทย แม้ 812 Superfast อาจจะยากที่จะดึงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่บนถนนเมืองไทย แต่เสียงเครื่องที่ดุดันและประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เครื่องยนต์แอสพีเรตให้ความรู้สึกการเร่งแบบลื่นไหลและเสียงเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ในรอบสูง ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ Ferrari ยังคงยึดมั่นกับเครื่องยนต์แอสพีเรตขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของ 812 Superfast ยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Ferrari ที่มีต่อระบบขับเคลื่อนแบบดั้งเดิม แม้ในยุคที่รถไฟฟ้ากำลังมาแรง แต่เครื่องยนต์แบบนี้ก็ยังคงเป็นสุดยอดแห่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน
Q
Ferrari 812 Superfast เปิดตัวเมื่อไหร่
Ferrari 812 ซูเปอร์ฟาสต์ เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ปี 2017 และวางจำหน่ายในปีเดียวกัน รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ที่มาทดแทน F12berlinetta โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. ซึ่งแสดงถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของ Ferrari ในด้านเครื่องยนต์แบบสูบธรรมชาติดั้งเดิม สำหรับตลาดไทย 812 Superfast ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักขับระดับสูงด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและการออกแบบสไตล์อิตาเลียนที่โดดเด่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งมาตรฐานสูงรอบๆ กรุงเทพฯ หรือการสะสมเป็นรถส่วนตัว สำหรับคนไทยแล้ว รุ่นนี้ไม่เพียงเป็นตัวแทนของประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Ferrari ที่ยังคงพัฒนารถซูเปอร์คาร์ด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบคลาสสิก แม้ว่าปัจจุบันเทรนด์รถไฟฟ้าจะมาแรง แต่ 812 Superfast ยังคงเป็นสุดยอดรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ferrari 812 Superfast และ GTS คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Ferrari 812 Superfast กับรุ่น GTS อยู่ที่การออกแบบหลังคา โดย 812 Superfast เป็นคูเป้หลังคาคงที่ ส่วนรุ่น GTS เป็นเวอร์ชันเปิดประทุนที่มีระบบหลังคาแบบพับได้ที่สามารถเปิด-ปิดได้ภายใน 14 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. ทำให้ผู้ขับขี่ในสภาพอากาศร้อนของไทยสามารถเลือกที่จะรับแสงแดดหรือหาที่ร่มได้ตามใจชอบ ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน V12 6.5 ลิตรเท่ากัน ให้กำลังสูงถึง 800 แรงม้า แต่รุ่น GTS มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 75 กิโลกรัมจากโครงสร้างเสริมสำหรับระบบเปิดประทุน ทำให้ความเร็วสูงสุดลดลงเล็กน้อยเหลือ 340 กม./ชม. ซึ่งไม่ส่งผลมากนักกับการขับขี่ปกติในชีวิตประจำวัน สำหรับประเทศไทยแล้ว รุ่น GTS น่าจะได้รับความนิยมมากกว่าเพราะเหมาะทั้งกับการขับในเมืองที่การจราจรหนาแน่นและการขับเลียบชายทะเลเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือหัวหิน ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้มากกว่า ส่วนการตกแต่งภายในและเทคโนโลยีต่างๆในทั้งสองรุ่นแทบไม่ต่างกัน ล้วนใช้ระบบช่วยขับขี่สมัยใหม่และวัสดุหรูหราเหมือนกัน เพียงแต่รุ่น GTS มีการปรับปรุงระบบกันเสียงเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับการเป็นรถเปิดประทุน สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและสถานการณ์ใช้งานเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่าการขับรถเปิดประทุนรับลมร้อนชื้นแบบไทยๆนั้นเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีอย่างแน่นอน
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

รุ่นใหม่ของ Honda Accord เปิดตัวแล้ว เพิ่มระบบความปลอดภัยเชิงรุก และลดราคาลง
ณัฐวุฒิAug 25, 2025

Honda Accord จะเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ในวันที่ 22 สิงหาคม โดยมีการอัปเกรดการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน
ธนวัฒน์Aug 12, 2025

4.0 ลิตร/100 กม. การใช้น้ำมันที่ต่ำกว่าเดิม! Honda Accord มีราคาเริ่มต้นที่ THB 1,529,000!
สุรเดชOct 18, 2024

Honda Accord: เสน่ห์ของรถรุ่นคลาสสิก เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในบ้านและธุรกิจ
พงศธรSep 9, 2024

Honda Accord รุ่นไฮบริดน่าสนใจไหม? อัตราการใช้เชื้อเพลิง 4.46 ลิตร/100 กม. รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี
LienSep 9, 2024
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย