Q

BYD Sealion 7 จะเปิดตัวเมื่อไหร่

BYD Sealion 7 หรือชื่อในประเทศจีนว่า HaiShi 07 EV เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2024 โดยเป็นรถ SUV พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 และจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ระดับ D มาพร้อม 2 ขุมพลังให้เลือกคือรุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง RWD และรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD โดยรุ่น RWD เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.7 วินาที ส่วนรุ่น AWD เร่งได้เร็วขึ้นที่ 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดทั้งสองรุ่นอยู่ที่ 225 กม./ชม. ไฮไลต์สำคัญคือการเป็นรุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์ม BYD e-Platform 3.0 EVO ซึ่งยกระดับจากแพลตฟอร์มเดิมรองรับกำลังชาร์จสูงสุด 200kW ชาร์จจาก 30% ถึง 80% ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง อีกทั้งตัวถังแบบ Battery-Body Integrated ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างให้มีค่าความต้านแรงบิดมากกว่า 40000 นิวตันเมตร ยกระดับด้านความปลอดภัย มิติตัวรถมีความยาว 4830 มม. กว้าง 1925 มม. สูง 1620 มม. และฐานล้อยาว 2930 มม. ภายในกว้างขวางเหมาะกับการใช้งานของครอบครัว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ BYD Sealion 7 มีอะไรบ้าง?
BYD Sealion 7 อาจมีข้อเสียอยู่บ้างตามความคิดเห็นของผู้ใช้งานบางส่วน เช่น เวลาที่เปิดแอร์อาจมีเสียงแปลกๆ ดังออกมา ทำให้รู้สึกรบกวนขณะขับขี่ ในเรื่องของเบาะนั่ง มีคนพบว่าเบาะนิ่มจนยุบง่าย พอนั่งนานๆ อาจรู้สึกปวดหลัง และถ้าใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เบาะยังอาจเกิดสนิมได้ด้วย ระบบหน้าจอและซอฟต์แวร์ในรถก็มีปัญหาจุกจิก เช่น มีบั๊กเยอะ บางครั้งอัปเดตระบบแล้วฟังก์ชันชาร์จไร้สายหายไป และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในรถก็ไม่ค่อยเสถียร ในส่วนของระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ใช้บางคนที่ต้องเดินทางไกล ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการเดินทางไกล อีกจุดหนึ่งคือความสูงของใต้ท้องรถค่อนข้างต่ำ พอขับผ่านถนนขรุขระหรือเนินต่างๆ อาจโดนขูดได้ง่าย ซึ่งมีผลต่อความสะดวกในการใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลายค่ะ
Q
BYD Sealion 7 จัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทไหน?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ที่จัดอยู่ในกลุ่ม D-Segment โดยเฉพาะรุ่นนี้ถือเป็นรถ SUV ไฟฟ้าล้วน (EV) ที่มีการออกแบบและวางตำแหน่งให้เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว รุ่นนี้เปิดตัวพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ BYD e-Platform 3.0 EVO ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการชาร์จ ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 200KW ทำให้สามารถชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% ได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานจริง ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ถูกวางไว้ด้านหลัง ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้การเร่งแซงทำได้ดี โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 225 กม./ชม. ดีไซน์ตัวรถแบบ SUV ที่ยกสูงช่วยให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางกับครอบครัว และยังมาพร้อมเทคโนโลยีโครงสร้างแบตเตอรี่แบบรวมกับตัวถัง (CTB – Cell to Body) ช่วยให้โครงสร้างรถแข็งแรงมากขึ้น โดยมีค่าความแข็งแรงการบิดตัวรถสูงถึง 40,000 นิวตันเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกระดับค่ะ
Q
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน ระยะทางที่ขับไปแล้ว สภาพรถ ความนิยมในตลาด รวมถึงมีออปชันหรืออัปเกรดเพิ่มเติมหรือไม่ ตอนนี้ BYD Sealion 7 เพิ่งเปิดตัวในช่วงปี 2024–2025 ยังถือว่าใหม่อยู่ในตลาด รถมือสองเลยยังมีไม่เยอะ และข้อมูลราคาขายต่อก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ตัวรถมีหลายรุ่น เช่น รุ่นขับหลังแบบพรีเมียม และรุ่นขับสี่แบบสมรรถนะสูง ถ้ารถอยู่ในสภาพดีมาก ใช้งานน้อย ก็มีโอกาสขายได้ราคาดี อาจจะใกล้เคียงกับราคาลดจากป้ายแดง แต่ถ้าขับมาเยอะ มีรอย มีปัญหา หรือหมดประกันแล้ว ราคาก็จะตกลงไปอีก อีกปัจจัยที่สำคัญคือ “ความต้องการในตลาด” ถ้าคนกำลังมองหารถ EV มือสองเยอะ แต่รถในตลาดมีน้อย ราคาก็จะดีขึ้น แต่ถ้ามีเยอะจนเกินไป หรือรุ่นใหม่เข้ามาแทน ราคาก็อาจตกได้เหมือนกัน ราคาป้ายแดงของ BYD Sealion 7 ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,149,900 – 1,399,900 บาท ส่วนราคามือสองจะลดลงเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพและปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้าอยากรู้ราคาที่แม่นยำ แนะนำให้ลองเช็กกับเต็นท์รถมือสอง หรือแพลตฟอร์มขายรถออนไลน์ต่างๆ เพื่อดูราคาเฉลี่ยในตลาดจริงค่ะ
Q
BYD Sealion 7 มีกี่ CC?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน (EV) จึงไม่ได้วัดสมรรถนะด้วยหน่วยซีซี (CC) แบบรถยนต์เครื่องยนต์น้ำมัน แต่จะดูที่กำลังมอเตอร์ แรงม้า แรงบิด และความจุของแบตเตอรี่เป็นหลัก รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะใช้มอเตอร์แม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 313 แรงม้า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวมสูงถึง 390 กิโลวัตต์ หรือราว 530 แรงม้า ซึ่งถือว่าแรงมากสำหรับรถ SUV ไฟฟ้า ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมเฟอร์โรฟอสเฟต (LFP) ความจุ 82.5 kWh รองรับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% แค่ประมาณ 0.53 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้คล่องตัว ไม่ต้องรอนาน นอกจากนี้ BYD Sealion 7 ยังมาพร้อมระบบช่วงล่างและระบบเบรกที่ออกแบบมาอย่างมั่นคง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและสบายตลอดทางค่ะ
Q
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์ประเภทไหน?
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์แบบ EV ที่มีเกียร์เดียว ซึ่งเป็นการออกแบบเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า แตกต่างจากเกียร์รถน้ำมันแบบเดิมค่อนข้างมาก มันถูกออกมาให้ทำงานร่วมกับลักษณะการส่งกำลังของรถไฟฟ้าได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับเกียร์แบบเดิม ระบบเกียร์นี้มีโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการส่งกำลัง ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และส่งผลให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น แถมการออกแบบเกียร์เดียวยังทำให้การขับขี่สะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ ให้ความรู้สึกการขับที่ลื่นไหล โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง จะช่วยลดภาระการขับขี่ได้มาก ทำให้การขับรถรู้สึกสบายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
Q
BYD Sealion 7 มีขนาด PCD เท่าไหร่?
PCD ของ BYD Sealion 7 คือ 5x120 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับรถบางรุ่นของ BMW และ MINI ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนล้อแม็กในไทย สามารถเลือกแม็กรุ่นที่มี Offset อยู่ในช่วง +35 ถึง +45 ได้ (โดยค่า Offset เดิมจากโรงงานคือ +40) แต่อย่าลืมว่า ตามกฎหมายจราจรของไทย ห้ามให้ขอบล้อยื่นเกินตัวถังรถ เพราะถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าคุณอยากอัปเกรดขนาดล้อแม็ก แนะนำให้ใช้ขนาดเท่าเดิมจากโรงงานคือ 20 นิ้ว (ยางขนาด 255/50 R20) เพราะถ้าเปลี่ยนขนาดไปมาก อาจทำให้ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางทำงานผิดพลาด และมีผลต่อการรับประกันรถด้วย ศูนย์บริการ BYD ที่ได้รับอนุญาตในไทย (เช่น BYD Rama 9 ในกรุงเทพฯ) มีบริการเปลี่ยนแม็กแท้จากโรงงาน และช่วยตรวจสอบว่าแม็กจากที่อื่นเข้ากับรถได้หรือไม่ ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อย แนะนำให้ใช้แม็กเดิมจากโรงงาน เพราะดีไซน์แบบอากาศพลศาสตร์ (aerodynamic) ของแม็กเดิมช่วยให้รถวิ่งได้นานขึ้นเล็กน้อย ข้อควรระวัง: ถ้าเปลี่ยนไปใช้แม็กที่ไม่ใช่ของแท้จาก BYD แนะนำให้ เช็กลูกน็อตทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร เพราะอุณหภูมิร้อนจัดของถนนในไทย อาจทำให้โลหะล้าเร็วกว่าปกติค่ะ
Q
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay ไหมคะ?
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วที่หมุนได้ของรถ เพื่อใช้งานแผนที่นำทาง เพลง หรือโทรศัพท์ได้อย่างลื่นไหล รองรับตั้งแต่ iOS 12 ขึ้นไป และโดยรวมถือว่าทำงานได้ดีทั้งในแง่ความลื่นและความเข้ากันได้ อย่างไรก็ตาม รถล็อตแรกบางคันอาจต้องนำไปที่ศูนย์บริการ BYD (เช่น BYD สาขาใหญ่ในกรุงเทพฯ) เพื่ออัปเกรดระบบก่อน จึงจะเปิดใช้ CarPlay ได้ ซึ่งบริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำให้สอบถามพนักงานขายเกี่ยวกับเวอร์ชันระบบก่อนตัดสินใจซื้อ ถึงแม้จะไม่เชื่อมต่อ CarPlay ตัวรถก็ยังสามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ตามปกติ หากเจอปัญหาเชื่อมต่อไม่ได้ ลองรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายในรถ หรือเปลี่ยนสาย USB (พอร์ตอยู่ในกล่องเก็บของตรงกลาง มีหัวแบบ USB-C) เนื่องจากอากาศในไทยค่อนข้างร้อน ถ้าจอดกลางแดดนาน ๆ อาจทำให้หน้าจอค้างหรือช้าเป็นช่วง ๆ แนะนำให้ใช้ม่านบังแดดป้องกันจอกลางไว้ด้วย ปล. รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ระบบเดียวกัน เช่น BYD Atto 3 และ Dolphin ก็รองรับ Apple CarPlay เหมือนกัน และการใช้งานคล้าย ๆ กันค่ะ
Q
ยางรถของ BYD Sealion 7 เป็นยี่ห้ออะไรคะ?
ยางติดรถเดิมของ BYD Sealion 7 ที่ขายในไทย ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ Continental (คอนติเนนทอล) หรือ Michelin (มิชลิน) โดยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือก เช่น • รุ่นท็อปอาจได้ยางแบบนุ่มเงียบพิเศษ เช่น Michelin Primacy • รุ่นมาตรฐานอาจใช้ยางสมดุลเน้นทนทาน เช่น Continental ContiPremiumContact ขนาดยางที่ติดรถมาจากโรงงานมักจะอยู่ที่ประมาณ 235/50 R19 (อาจต่างกันเล็กน้อยตามรุ่น) ซึ่งเป็นขนาดที่ออกแบบมาให้รองรับแรงบิดสูงของรถไฟฟ้าได้ดี ขณะเดียวกันก็ยังนั่งสบาย เนื่องจากสภาพอากาศในไทยร้อนและฝนตกบ่อย แนะนำให้: • ตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ (รถ BYD มีระบบตรวจวัดลมยางอัตโนมัติอยู่แล้ว) • สลับยางทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อให้สึกเท่า ๆ กัน • ช่วงหน้าฝนให้เน้นเรื่องรีดน้ำของยางด้วย ถ้าจะเปลี่ยนยางนอกเหนือจากยี่ห้อเดิม ตัวเลือกที่คนนิยมในไทย เช่น: • Bridgestone Alenza (นุ่ม เงียบ เหมาะขับทางไกล) • Pirelli Scorpion Verde (รีดน้ำดี เหมาะกับฤดูฝน) ราคาประมาณ 8,000 – 12,000 บาทต่อเส้น (รวมติดตั้ง) ถ้าเปลี่ยนยาง ต้องตั้งค่า TPMS ใหม่ด้วย (ระบบแจ้งเตือนลมยาง) ซึ่งศูนย์บริการจะมีอุปกรณ์เฉพาะให้บริการ แนะนำให้เปลี่ยนยางที่ศูนย์ BYD โดยตรง เช่น BYD สาขา Siam ในกรุงเทพฯ เพื่อรับสิทธิ์ประกันต่อเนื่อง และควรเก็บใบเสร็จไว้ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงในอนาคตค่ะ
Q
BYD Sealion 7 เป็นรถดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียกันที่นี่เลยค่ะ
BYD Sealion 7 ถือเป็นรถที่น่าสนใจและมีข้อดีหลายอย่าง ดีไซน์ภายนอกมาในแนวคิด “Ocean Aesthetics” หรือความงามแบบทะเล มีทรงท้ายลาดแบบสปอร์ต และไฟท้ายแบบเส้นยาวทั้งแถบ ทำให้ดูทันสมัยและโดดเด่นไม่เหมือนใคร ภายในกว้างขวาง ด้วยระยะฐานล้อ 2,930 มม. ไม่ว่าจะนั่งด้านหน้า หรือด้านหลังก็รู้สึกสบาย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็ใหญ่ถึง 500 ลิตร ใช้ใส่ของเดินทางหรือของใช้ประจำวันได้สบาย เรื่องสมรรถนะก็ไม่ธรรมดา มีให้เลือกทั้งขับหลังและขับสี่ล้อ • รุ่นขับหลัง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที • รุ่นขับสี่ล้อ แรงสุด วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. แค่ 4.5 วินาทีเท่านั้น! ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนก็ถือว่าดีมาก: • รุ่นขับหลัง วิ่งได้สูงสุด 567 กม. • รุ่นขับสี่ล้อ ได้ 542 กม. เพียงพอสำหรับใช้ในเมือง หรือไปเที่ยวใกล้ ๆ ได้สบาย ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม มีระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติหลายอย่าง พร้อมถุงลมนิรภัย 7 จุด เพิ่มความอุ่นใจทุกการเดินทาง หน้าจอกลางใหญ่ 15.6 นิ้ว พร้อมลำโพงจาก DYNAUDIO ถึง 12 ตัว ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงระดับพรีเมียม แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อย: • บางคนพบว่าเสียงลมและเสียงยางตอนขับเร็วค่อนข้างชัด • ระบบหน้าจอและสั่งงานด้วยเสียงยังไม่ลื่นเท่าที่ควร มีบางช่วงที่ตอบสนองช้า
Q
ความกว้างของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
BYD Sealion 7 มีความกว้างถึง 1,925 มม. ซึ่งจัดอยู่ในระดับรถยนต์คลาส D ความกว้างตัวถังขนาดนี้ช่วยสร้างพื้นที่ภายในที่กว้างขวางโดยเฉพาะด้านความกว้าง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนขับหรือผู้โดยสารแถวหน้า รวมถึงผู้โดยสารแถวหลัง ก็จะมีพื้นที่เคลื่อนไหวบริเวณไหล่และข้อศอกที่เพียงพอ ลดความรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ตัวถังที่กว้างยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง จะให้ความรู้สึกทรงตัวที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความนุ่มนวลขณะขับขี่

ข้อดี

กำลังชาร์จสูง สามารถเติมเต็มแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ
พื้นที่ขาเบื้องหลังกว้างขวาง ทำให้การขับขี่สบาย
ออกแบบสไตล์กับการออกแบบที่มีความแข็งแรงเหมือนกังเขน
มีการติดตั้งระบบอัจฉริยะหลากหลาย เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดี
การเพิ่มความเร็วราบรื่น เหมาะสำหรับการขับในเมือง

ข้อเสีย

ระบบช่วยเหลือการเลี่ยงเลนไม่คล่องแคล่ว
พื้นที่เก็บของในประตูจำกัด สำหรับของเล็กๆ
คุณภาพที่นั่งธรรมดา อาจไม่ทำให้ทุกคนพึงพอใจ
ความรู้สึกตอบโต้ของพวงมาลัยมีไม่เพียงพอเล็กน้อย
พื้นที่ตัวรถหลังเล็กกว่าคู่แข่งบางยี่ห้อ

Q&A ล่าสุด

Q
สเปกของ Tesla Model 3 มีอะไรบ้าง?
Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมที่เหมาะกับการใช้งานในไทยมาก รุ่นมาตรฐานสามารถวิ่งได้จริงประมาณ 350-400 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม ส่วนรุ่นระยะไกลจะวิ่งได้เกิน 500 กิโลเมตร ถือว่าเหมาะทั้งการขับขี่ในเมืองและเดินทางข้ามจังหวัด สำหรับระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบล้อหลังและแบบทุกล้อขับเคลื่อน AWD โดยรุ่น Performance สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.3 วินาที ในสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่ของ Model 3 มีระบบจัดการความร้อนที่ทันสมัยช่วยรักษาความเสถียรภาพ การชาร์จเร็ว 250kW สามารถเติมพลังงานได้ประมาณ 270 กิโลเมตรในเวลาเพียง 15 นาที ซึ่งตอบโจทย์โครงข่ายสถานีชาร์จของไทยที่กำลังขยายตัว ภายในรถออกแบบเรียบหรูด้วยจอสัมผัสขนาด 15.4 นิ้วที่ควบคุมทุกอย่าง แถมยังมีประกันแบตเตอรี่ยาวถึง 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้มากขึ้น นโยบายส่งเสริมรถ EV ของรัฐบาลไทยช่วยให้ Model 3 ที่มาพร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีครบครัน กำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในตลาดรถไฟฟ้าระดับกลางถึงสูงของไทย อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจซื้อผู้ใช้ในไทยควรพิจารณาความครอบคลุมของสถานีชาร์จและความต้องการใช้งานจริงให้ดี
Q
รถ Tesla Model 3 ราคาเท่าไหร่?
ราคารถ Tesla Model 3 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยรุ่นพื้นฐาน Rear-Wheel Drive เริ่มต้นที่ประมาณ 1.7 ล้านบาท ส่วนรุ่นพรีเมียม Performance All-Wheel Drive ราคาจะสูงถึง 2.3 ล้านบาท ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนราคาตามอุปกรณ์เสริมที่เลือก โปรโมชั่น หรือการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ในตลาดไทย Model 3 เป็นรถไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาล เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาจริงถูกกว่าหรือแข่งกับรถหรูที่ใช้น้ำมันแบบเดิมได้ Model 3 ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคไทยเนื่องจากมีระยะขับขี่ที่ยอดเยี่ยม (ประมาณ 400-500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม) และระบบขับขี่อัจฉริยะที่ครบครัน เหมาะสำหรับใช้ในเมืองอย่างกรุงเทพฯที่มีการจราจรติดขัด นอกจากนี้เครือข่ายสถานี Supercharger ยังขยายตัวในเมืองใหญ่และเขตท่องเที่ยวหลักของไทย ทำให้การชาร์จไฟสะดวกขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สภาพอากาศร้อนของไทยจะไม่ส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่มากนัก แต่ก็ควรตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และควรวางแผนเส้นทางล่วงหน้าก่อนเดินทางไกลเนื่องจากบางจังหวัดอาจยังมีสถานีชาร์จไม่ครอบคลุม
Q
Tesla Model 3 มีสีอะไรบ้าง? คุณชอบสีไหน?
Tesla Model 3 ในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกสีที่หลากหลายและดูทันสมัย ได้แก่ สีเทาสเตลท์ (Stealth Grey), สีขาวมุกมัลติโค้ท (Pearl White Multi-Coat), สีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก (Deep Blue Metallic), สีดำไดมอนด์แบล็ค (Diamond Black), สีเงินควิกซิลเวอร์ (Quicksilver) และสีแดงอัลตรา (Ultra Red)
Q
Tesla Model 3 มีขนาดเท่าไหร่?
Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง ที่มีขนาดตัวถังยาว 4,720 มม. กว้าง 1,848 มม. สูง 1,441 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,875 มม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะมากสำหรับการขับขี่ในถนนเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนแคบหรือในเมืองที่รถติด ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างคล่องตัว และยังมีพื้นที่ภายในรถที่กว้างขวาง เหมาะกับการใช้งานของครอบครัว พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง (ท้ายรถ) ของ Model 3 อยู่ที่ 425 ลิตร และยังมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมที่ด้านหน้าอีกด้วย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบขับรถเที่ยววันหยุดหรือไปช้อปปิ้ง ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย Model 3 มาพร้อมกับหลังคากระจกทั้งบานที่ช่วยป้องกันรังสี UV และยังให้ความรู้สึกโปร่งโล่งขณะขับขี่ ภายในรถจึงเย็นสบายแม้ในวันที่แดดแรง นอกจากนี้ ตัวรถที่มีขนาดกระทัดรัดและจุดศูนย์ถ่วงต่ำตามแบบฉบับรถไฟฟ้า ช่วยให้ควบคุมรถง่าย แม้ในสภาพจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ และยังจอดรถในที่แคบได้สะดวก สำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังพิจารณารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ลงตัวระหว่างความสะดวกในการใช้งานในเมืองและความสามารถในการเดินทางไกลอย่างสบายใจ
Q
ค่าผ่อนรายเดือนของ Tesla Model 3 อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
การผ่อนรายเดือนสำหรับ Tesla Model 3 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ระยะเวลาผ่อน เงินดาวน์ และนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยทั่วไปหากเป็นรุ่นพื้นฐานแบบขับเคลื่อนล้อหลัง หากเลือกจ่ายดาวน์ 20% และผ่อน 5 ปี ค่าผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 25,000-35,000 บาท แต่ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามดอกเบี้ยและโปรโมชั่นในช่วงนั้น รัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้า เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยลดต้นทุนการซื้อรถได้อย่างมาก แนะนำให้สอบถามราคาและโปรแกรมผ่อนล่าสุดจาก Tesla โดยตรงหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เครือข่ายสถานีชาร์จในไทยกำลังขยายตัวเร็ว โดยมีสถานีชาร์จเร็วครอบคลุมในเมืองใหญ่และตามทางด่วน ค่าใช้จ่ายในการชาร์จถูกกว่าการเติมน้ำมันมาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว สำหรับคนที่มีงบจำกัด อาจพิจารณารถไฟฟ้าที่ประกอบในประเทศไทยหรือยี่ห้ออื่นอย่าง BYD หรือ MG ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลและมีราคาแข่งขันกว่า
ดูเพิ่มเติม