Q
Mercedes GLS อยู่ในคลาสอะไร
Mercedes-Benz GLS จัดอยู่ในกลุ่ม SUV หรูขนาดใหญ่ โดยทั่วไปจัดเป็น Full-Size Luxury SUV โดยตัวอักษรในชื่อ GLS มีความหมายว่า G คือ Grand หมายถึง SUV ขนาดใหญ่ L คือ Luxury เน้นความหรูหราและตกแต่งภายในระดับพรีเมียม และ S คือ Super แสดงถึงความเหนือชั้นในกลุ่ม SUV รุ่นนี้เป็นรุ่นเรือธงในสายผลิตภัณฑ์ SUV ของ Mercedes-Benz รวมความหรูหราและความสะดวกสบายแบบดั้งเดิมเข้ากับสมรรถนะสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายในกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 คน พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ทรงพลังมอบการเร่งความเร็วที่ยอดเยี่ยมและความมั่นคงในการขับขี่ในทุกสภาพถนน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบกันสะเทือนขั้นสูงและฟังก์ชันช่วยขับขี่มากมาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GLS เป็นน้ำมันเบนซินหรือดีเซล?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS มีทั้งรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลให้เลือกตามความต้องการของผู้ขับขี่ ตัวอย่างเช่น รุ่น GLS 450 d 4MATIC AMG ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบดีเซล-ไฟฟ้า ด้วยเครื่องยนต์ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังสูงสุดถึง 367 แรงม้า ส่วนรุ่นอื่นๆอย่าง Gls450, Gls500, Gls550 และ Gls400 จะเป็นเครื่องเบนซิน เช่น Gls400 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5T แบบอินไลน์ 6 สูบ
สำหรับลูกค้าที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างรุ่นเบนซินและดีเซล สามารถเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละประเภทได้ดังนี้: เครื่องยนต์เบนซินให้การตอบสนองที่รวดเร็วและทำงานเรียบเนียนกว่า ในขณะที่เครื่องดีเซลนั้นมีแรงบิดสูงและประหยัดน้ำมันกว่าชัดเจน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของแต่ละคนครับ
Q
อายุการใช้งานของ Mercedes GLS คืออะไร?
สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลอย่าง Mercedes GLS ในทางทฤษฎีแล้วไม่มีอายุการใช้งานที่ตายตัว ตราบใดที่ยังผ่านการตรวจสอบประจำปีของสถานีตรวจสภาพรถในพื้นที่ได้ ก็สามารถใช้งานต่อไปได้เรื่อยๆ อายุการใช้งานจริงของรถจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การดูแลรักษา และสภาพถนนที่ใช้งานเป็นประจำ ถ้าคนขับมีนิสัยการขับขี่ที่ดี เข้ารับการบำรุงรักษาอย่างมืออาชีพเป็นประจำ และใช้งานบนถนนสภาพปกติ ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถก็จะอยู่ในสภาพดี Mercedes GLS ที่ใช้งานมานับสิบปีก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าขับรถแบบหักโหม ไม่ค่อยดูแลรักษา และใช้งานบนถนนสภาพเลวร้ายบ่อยๆ รถก็อาจจะเริ่มมีปัญหาบ่อยขึ้นและอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้น ถ้าอยากให้ Mercedes GLS ใช้งานได้นานๆ ต้องหมั่นดูแลรักษาและขับขี่อย่างถูกต้องนะครับ
Q
ราคาต่ำสุดของ Mercedes GLS คือเท่าไหร่?
ราคาของ Mercedes-Benz GLS แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน โดยข้อมูลปัจจุบันรุ่นที่ราคาถูกที่สุดคือ Mercedes-Benz GLS-Class 350 d 4MATIC AMG Premium ปี 2021 ราคา 6,880,000 บาท รุ่นนี้เป็นรถหรูระดับพรีเมียมแบบ 7 ที่นั่ง มีขนาดความยาว 5,207 มม. ความกว้าง 2,030 มม. และความสูง 1,823 มม. ระยะฐานล้อ 2,925 มม. ให้พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวาง ระบบเชื้อเพลิงเป็นแบบดีเซล พร้อมเทอร์โบชาร์จ เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้การส่งกำลังราบรื่น นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายพื้นฐานครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยคนขับ ถุงลมนิรภัยผู้โดยสาร เตือนเมื่อไม่คาดเข็มขัดนิรภัย อย่างไรก็ตาม ราคารถในตลาดมีความผันผวน แนะนำให้สอบถามราคาล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายก่อนตัดสินใจซื้อจะดีที่สุด
Q
Mercedes GLS เป็นรถที่ปลอดภัยหรือไม่?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS เป็นรถที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัย พร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงมากมาย เริ่มจากระบบเบรกอัตโนมัติและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เป็นมาตรฐาน ระบบนี้จะคอยสแกนถนนข้างหน้าอยู่เสมอ และจะทำงานทันทีเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดการชน เพื่อช่วยลดความรุนแรงหรือป้องกันการชนได้ทันเวลา นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ที่จะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับเมื่อรถเริ่มเบี่ยงออกจากเลน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงระบบเตือนการชนด้านหน้าที่จะแจ้งเตือนผู้ขับล่วงหน้าเพื่อให้ระมัดระวังมากขึ้น
ด้านความปลอดภัยแบบ Passive ก็ไม่น้อยหน้า รถคันนี้ติดตั้งถุงลมนิรภัยครบครัน ทั้งถุงลมสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมด้านข้างทั้งแถวหน้าและหลัง รวมถึงม่านถุงลมนิรภัยที่ปกป้องศีรษะผู้โดยสารทุกตำแหน่ง ตัวถังยังออกแบบมาให้แข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อดูดซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น และระบบเตือนเมื่อไม่คาดเข็มขัดนิรภัยก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกคนในรถ
ด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยครบวงจรแบบนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS จึงเหมือนมีเกราะป้องกันที่มั่นใจได้ ช่วยให้ทุกการเดินทางปลอดภัยและอุ่นใจมากขึ้น
Q
Mercedes GLS มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงหรือไม่?
รุ่นต่างๆ ของ Mercedes-Benz GLS จะมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิดที่แตกต่างกันออกไป สำหรับรุ่นปี 2024 อย่าง Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนดีเซลผสมไฟฟ้า มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันตามมาตรฐานอยู่ที่ 9.0 ลิตร/100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นปี 2021 อย่าง Mercedes-Benz GLS-Class 350 d 4MATIC AMG Premium ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลล้วน มีอัตราสิ้นเปลืองแบบผสมตามที่ผู้ผลิตระบุไว้ที่ 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร
แต่จริงๆ แล้วการกินน้ำมันของรถอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การขับ ถนนหนทาง หรือน้ำหนักบรรทุก ถ้าคุณขับแบบเหยียบๆ หยุดๆ เร่งกระชาก หรือต้องเจอรถติดบ่อยๆ น้ำมันก็จะหมดเร็วเกินกว่าตัวเลขที่บริษัทบอกไว้ แต่ถ้าขับแบบเนียนๆ ทางเรียบ ไม่บรรทุกหนัก การใช้น้ำมันก็อาจจะใกล้เคียงกับค่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตระบุมา
Q
Mercedes GLS จะใช้งานได้นานเท่าไร
ถ้าเป็นรถส่วนตัวตามหลักการแล้ว Mercedes GLS จะไม่มีอายุการใช้งานที่ตายตัว ตราบใดที่ยังผ่านการตรวจสอบประจำปีของสถานีตรวจรถยนต์ในพื้นที่ ก็สามารถใช้งานต่อไปได้เรื่อยๆ ระยะเวลาการใช้งานจริงของรถจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การดูแลรักษา และสภาพแวดล้อมในการขับขี่ เป็นต้น การขับขี่อย่างเหมาะสมและการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ เช่น การเข้าศูนย์บริการตามกำหนดเวลา การใช้ชิ้นส่วนอะไหล่คุณภาพสูง และการหลีกเลี่ยงการขับรถแบบหักโหม ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้ยาวนาน ในทางกลับกัน หากขับขี่แบบไม่ระวังและขาดการบำรุงรักษา ก็อาจทำให้รถเกิดปัญหาต่างๆ และอายุการใช้งานจริงจะสั้นลง
Q
Mercedes GLS มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูงหรือไม่?
การบำรุงรักษารถ Mercedes-Benz GLS มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถทั่วไป ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ระยะทางที่ขับ และรายการบำรุงรักษา โดยทั่วไปควรเข้าศูนย์ทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน ค่าบำรุงรักษาแรกจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท สำหรับการบำรุงรักษาปกติ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะมีราคาประมาณ 1,000 บาท โดยน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนทุก 12,000 กิโลเมตรหรือทุก 8 เดือน ส่วนไส้กรองน้ำมันเครื่องก็เปลี่ยนตามระยะเดียวกัน ไส้กรองอากาศควรเปลี่ยนทุกปี ส่วนไส้กรองแอร์เปลี่ยนทุก 20,000 กิโลเมตร สำหรับน้ำมันเกียร์ ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาควรเปลี่ยนทุก 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ควรเปลี่ยนทุก 3 ปีหรือ 60,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายรวมเมื่อครบ 60,000 กิโลเมตรหรือ 6 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 27,975 บาท หรือเฉลี่ยปีละ 4,663 บาท ส่วนการบำรุงรักษาใหญ่ที่ระยะ 60,000 กิโลเมตรจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 12,765 บาท เมื่อถึงระยะ 100,000 กิโลเมตร จะมีรายการบำรุงเพิ่มเติม เช่น การล้างระบบเชื้อเพลิง การเปลี่ยนใบปัดน้ำมันฝนหน้า เป็นต้น ทั้งนี้ราคาจริงอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่และศูนย์บริการ ดังนั้นแนะนำให้สอบถามราคาที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ใกล้บ้านคุณหรือตรวจสอบจากคู่มือการบำรุงรักษารถเพื่อความถูกต้อง
Q
ปีที่ดีที่สุดสำหรับ Mercedes GLS คือปีใด?
สำหรับบรรณาธิการด้านรถยนต์แล้ว คงตอบยากว่า Mercedes-Benz GLS ปีไหนดีที่สุด เพราะแต่ละรุ่นปีมีความโดดเด่นต่างกันไป อย่างรุ่นปี 2024 อย่าง Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG ราคา 6,980,000 บาท ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.1 วินาทีตามข้อมูลทางการ ถือว่าแรงไม่เล่นเลย รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบพร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้า เหมาะกับคนที่ชอบขับแรงๆ ส่วนเรื่องความสะดวกสบายก็ไม่ต้องพูดถึง ด้วยขนาดตัวถังยาว 5,215 มม. กว้าง 2,030 มม. สูง 1,823 มม. ระยะฐานล้อ 3,135 มม. และจัดวางแบบ 7 ที่นั่ง ครอบครัวใหญ่ก็จุได้สบายๆ
ส่วนรุ่นปี 2021 อย่าง Mercedes-Benz GLS-Class 350 d 4MATIC AMG Premium ราคา 6,880,000 บาท ทำความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7 วินาที แต่จุดเด่นคือประหยัดน้ำมันมาก ค่าบริโภคเพียง 7.7 ลิตร/100 กม. ถ้าใครมองหาความคุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ส่วนรุ่นปี 2020 ที่ราคา 8,859,000 บาท มีระยะฐานล้อ 3,075 มม. ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ถ้าถามว่ารุ่นไหนเด็ดที่สุด ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ถ้าอยากได้รถแรงๆ เทคโนโลยีอัพเดท เลือกรุ่น 2024 ได้เลย แต่ถ้าชอบความประหยัดและราคาดี รุ่น 2021 ก็ตอบโจทย์ไม่น้อยเหมือนกัน
Q
Mercedes GLS นั่งสบายหรือไม่?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS นั่งสบายมากครับ เบาะนั่งทำจากหนังแท้คุณภาพสูง พร้อมระบบปรับไฟฟ้าหลายทิศทาง ระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และนวดอัตโนมัติ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งบนเครื่องบินชั้นหนึ่งเลยครับ โครงสร้างภายในมีเบาะ 3 แถว จุผู้ใหญ่ได้ถึง 7 คนสบายๆ แถวแรกและแถวสองกว้างขวาง ส่วนแถวสามเหมาะกับผู้ใหญ่ตัวเล็กหรือเด็กๆ และยังมีระบบปรับไฟฟ้าทั้งแถวสองและแถวสามให้เลือกปรับตามใจ
อีกทั้งยังมาพร้อมระบบปรับอากาศอัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าโซนสภาพอากาศได้ถึง 5 โซน แต่ละคนสามารถปรับอุณหภูมิและลมได้ตามต้องการ แถมยังมีฟังก์ชันบันทึกการตั้งค่าสภาพอากาศแบบอัจฉริยะ ปรับเพียงครั้งเดียวก็ใช้ได้เลยครับ
ที่เด็ดกว่านั้นคือระบบช่วงล่างแอร์แมทอัจฉริยะ ที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลไม่ว่าจะขับบนทางหลวงหรือเส้นทางขรุขระ ก็ยังคงความมั่นคงและนุ่มนวลตลอดการเดินทางครับ
Q
GLS เป็น V6 หรือไม่?
ใช่แล้วครับ รุ่น GLS นั้นเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์แบบ V6 ครับ สำหรับ Mercedes-Benz GLS ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบที่จัดวางในรูปแบบ V6 ตัวอย่างเช่น รุ่น Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG จะใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร มีความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 2,989 ซีซี เครื่องยนต์ V6 นี้ถูกออกแบบมาให้มีความสมดุลระหว่างพลัง性能和ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มันสามารถผลิตแรงม้าและแรงบิดได้ในระดับที่น่าพอใจ ทำให้รถสามารถเร่งความเร็วได้อย่างนุ่มนวลและขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวในทุกสภาพถนน นอกจากนี้ การจัดวางแบบ V6 ยังช่วยให้การออกแบบห้องเครื่องมีความกะทัดรัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดวางองค์ประกอบต่างๆของรถและเพิ่มสมรรถนะโดยรวมครับ
Q&A ล่าสุด
Q
ราคามือสองของ Denza D9 คืออะไร ตรวจสอบราคามือสองได้ที่นี่
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลราคามือสองของ DENZA D9 โดยตรง แต่รุ่นใหม่ของ DENZA D9 ในตลาดไทยมีหลายเวอร์ชัน ได้แก่ DENZA D9 Premium 2024 ราคาขาย 1,999,900 บาท และ DENZA D9 Performance AWD 2024 ราคาขาย 2,699,900 บาท ราคามือสองโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุการใช้งาน กิโลเมตรที่วิ่ง สภาพรถ และอุปสงค์อุปทานในตลาด โดยรถที่อายุใช้งานสั้น วิ่งน้อย และสภาพดี มักมีราคาสูงกว่า ส่วนรถที่มีประวัติอุบัติเหตุหรือสภาพไม่ดี ราคาจะลดลงอย่างมาก หากต้องการทราบราคามือสองที่แม่นยำ แนะนำให้ติดตามแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองที่เชื่อถือได้ในท้องถิ่น หรือติดต่อผู้จำหน่ายรถมือสองที่มีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการค่ะ
Q
ความดันลมยางของ Denza D9 คือเท่าไร
Denza D9 เป็น MPV พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม มีค่าความดันลมยางมาตรฐานแนะนำอยู่ที่ประมาณ 2.3 ถึง 2.5 บาร์ (33-36 psi) ซึ่งค่าที่แน่นอนอาจแตกต่างกันตามรุ่นรถหรือขนาดยาง ควรอ้างอิงข้อมูลจากป้ายที่เสากลางประตูหรือคู่มือฉบับภาษาไทย เนื่องจากสภาพอากาศร้อนชื้นในไทย ควรปรับความดันลมยางตามฤดูกาล โดยในฤดูร้อนสามารถลดความดันลง 0.1-0.2 บาร์ เพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไปและการระเบิดของยาง ส่วนในฤดูฝนหรือก่อนเดินทางไกลควรตรวจสอบความดันให้คงที่ สภาพถนนในไทยมีทั้งการจราจรติดขัดในเมืองและถนนชนบทที่ซับซ้อน การรักษาความดันลมยางให้เหมาะสมช่วยเพิ่มความนุ่มนวล ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน และยืดอายุการใช้งานยาง หากบรรทุกน้ำหนักมากหรือใช้ความเร็วสูง สามารถเพิ่มความดันขึ้นประมาณ 0.1 บาร์ กฎหมายไทยกำหนดให้ใช้ยางที่ผ่านมาตรฐาน TIS และระบบตรวจจับความดันลมยาง (TPMS) มีความสำคัญอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อนชื้น ควรตรวจวัดความดันอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยเฉพาะก่อนและหลังฤดูฝน เพื่อป้องกันปัญหายางสึกหรอเกินไปหรือแตกร้าวบริเวณแก้มยาง ซึ่งสำคัญต่อความปลอดภัยและการดูแลรักษารถยนต์อย่างมาก
Q
ขนาดยางของ Denza D9 คืออะไร
Denza D9 มีขนาดยางล้อหน้าเป็น 235/60 R18 และยางล้อหลังก็มีขนาดเดียวกันคือ 235/60 R18 ขนาดยางนี้มีคุณสมบัติและข้อดีหลายประการ โดยอัตราส่วนแก้มยาง 60 ทำให้แก้มยางค่อนข้างหนา ซึ่งช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ทำให้ประสบการณ์การขับขี่และโดยสารนุ่มนวลขึ้น ขอบล้อขนาด 18 นิ้วมีขนาดที่เหมาะสม ทั้งด้านความสวยงามและการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ขนาดยางนี้ยังเป็นขนาดที่พบได้ทั่วไปในตลาด ทำให้การเปลี่ยนยางในอนาคตมีตัวเลือกมากมายและราคามีความหลากหลาย อีกทั้งยางขนาดนี้ยังทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างของรถได้ดี ช่วยให้รถมีความมั่นคงและการควบคุมที่ดีขณะขับขี่อีกด้วย
Q
Denza D9 คุ้มค่าหรือไม่ มาดูจุดเด่นและฟังก์ชันกัน
Denza D9 เป็นรถ MPV พลังงานไฟฟ้าหรูที่น่าสนใจ ราคาของรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าอยู่ที่ 1,999,900 บาท ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อราคา 2,699,900 บาท รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ามีกำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ และระยะทางขับขี่ได้ 600 กิโลเมตร รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมีกำลังรวม 275 กิโลวัตต์ ระยะทางขับขี่ 580 กิโลเมตร ตัวรถมีขนาดยาว 5,250 มิลลิเมตร กว้าง 1,960 มิลลิเมตร สูง 1,920 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร ใช้การจัดวางที่นั่งแบบ 2+2+3 รวม 7 ที่นั่ง ภายในกว้างขวาง ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมลำโพง Dynaudio 14 ตัว ระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัย 8 จุด ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ (ESC) อย่างไรก็ตาม รถยังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 ซึ่งลดสเปกลงเมื่อเทียบกับรุ่นสูงในจีน และมีเสียงรบกวนบางส่วนจากการใช้งาน เช่น เสียงเบรกหรือเสียงปัดน้ำฝน โดยรวม Denza D9 มีข้อดีในด้านพลังงานไฟฟ้าและดีไซน์ที่ดึงดูดใจ สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละคนว่าคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่
Q
เมื่อไรคือวันเปิดตัว Denza D9
Denza D9 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2024 โดยรุ่นที่เปิดตัวในตลาดไทยครั้งแรกคือรุ่น Premium-AWD ซึ่งเป็นรถ MPV พลังงานไฟฟ้าระดับหรูที่มีความยาวตัวถังมากกว่า 5.25 เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ มีกำลังสูงสุด 275 กิโลวัตต์ (ประมาณ 368 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.9 วินาที นอกจากนี้ยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า คือ DENZA D9 Premium 2024 ที่มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยวแบบขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 9.5 วินาที และระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าตามที่ระบุอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 600 กิโลเมตร ทั้งสองรุ่นติดตั้งเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery และระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ที่สามารถรองรับทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

งานนิทรรศการรถยนต์กรุงเทพฯ: GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic มาในรูปแบบใหม่เปิดตัวในตลาด, ราคา 6980000 บาทไทย
Kevin WongMar 26, 2024

Benz-AMG CLS 53 4MATIC+ FINAL Editionข้อเสนอราคาพิเศษ 4,190,000 บาท
ธนวัฒน์Jul 2, 2025

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ลดราคา 1,890,000 บาท
สุรเดชJun 16, 2025

"Benz ประกาศเปิดตัวสีทาพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถให้ระยะทางการเดินทางของรถยนต์ไฟฟ้าได้ 12000 กิโลเมตรต่อปี"
พงศธรApr 25, 2025

Mercedes - Benz กำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นในตระกูล G-Class โดยจะใช้ชื่อว่า "g"
LienApr 15, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย