Q

จากวาร xe หรือ xf อันไหนดีกว่า

XE และ XF ต่างมีจุดเด่นในแบบของตัวเอง โดยทั่วไปแล้ว XE จะให้ความรู้สึกสปอร์ตและคล่องตัวมากกว่า พร้อมสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เร้าใจ ขณะที่ XF โดดเด่นในด้านความหรูหราและความสะดวกสบาย มีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่าและมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกรุ่นที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล หากคุณเน้นการขับขี่แบบสปอร์ต XE คือทางเลือกที่ดี แต่หากให้ความสำคัญกับความหรูหราและความสบาย XF อาจตอบโจทย์คุณมากกว่า
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนน้ำมันของจากวาร์ XF คือเท่าใด
ค่าบริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสำหรับ Jaguar XF อาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปในประเทศไทย เมื่อรวมค่าน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมัน และค่าแรงแล้ว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทต่อครั้ง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายจริงอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เลือกใช้ ระดับของศูนย์บริการ หรือสภาพตลาดในแต่ละพื้นที่
Q
ค่าประกันสำหรับจากัวร์ XF คือเท่าไหร่
ค่าประกันภัยของ Jaguar XF อาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น รุ่นของรถ อายุการใช้งาน อายุและประวัติการขับขี่ของผู้ขับ รวมถึงความคุ้มครองของกรมธรรม์ โดยทั่วไปแล้ว ในประเทศไทย ค่าประกันของ Jaguar XF มักอยู่ที่หลักหลายหมื่นบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ราคาที่แน่นอนควรสอบถามกับบริษัทประกันในพื้นที่โดยตรง ซึ่งจะประเมินและเสนอราคาตามข้อมูลและเงื่อนไขเฉพาะของคุณ
Q
วิธีพับเบาะนั่งด้านหลังใน jaguar xf
วิธีพับเบาะหลังใน Jaguar XF โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้:ก่อนอื่น ให้มองหาตัวควบคุมการพับเบาะที่พนักพิงเบาะหลัง ซึ่งอาจเป็นปุ่ม ด้ามจับ หรืออุปกรณ์ควบคุมในรูปแบบอื่น จากนั้นให้ทำตามคำแนะนำหรือสัญลักษณ์ที่ระบุไว้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการดึงหรือกดเพื่อปลดล็อกแล้วพับพนักพิงไปด้านหน้า อย่างไรก็ตาม วิธีการพับอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถแต่ละคัน
Q
ยาวของจากวาร์ XF คือเท่าใด
ความยาวตัวถังของ Jaguar XF อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปแล้ว รุ่นที่พบได้บ่อยจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 4,955 มิลลิเมตร
Q
น้ำหล่อเย็นที่ควรใช้สำหรับ Jaguar XF คืออะไร
สำหรับ Jaguar XF ในประเทศไทย ควรเลือกใช้น้ำหล่อเย็นคุณภาพสูงที่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้สำหรับรถรุ่นนี้ โดยแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนที่ดีและช่วยป้องกันการกัดกร่อนของระบบระบายความร้อน ทั้งนี้รุ่นและสเปกที่เหมาะสมที่สุดควรตรวจสอบจากคู่มือรถ หรือสอบถามเพิ่มเติมจากศูนย์บริการ Jaguar ที่ได้รับอนุญาตในพื้นที่เพื่อความมั่นใจในการใช้งาน
Q
จากวาร์ XF ต้องเข้ารับบริการบำรุงรักษาบ่อยแค่ไหน
Jaguar XF ในประเทศไทยโดยทั่วไปควรเข้ารับการบำรุงรักษาตามระยะทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือปีละครั้ง ทั้งนี้ช่วงเวลาการเข้ารับบริการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพการใช้งานและสภาพแวดล้อมในการขับขี่ รายการบำรุงรักษามาตรฐานประกอบด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ตรวจสอบระบบเบรก ยาง และระบบกันสะเทือน เป็นต้น หากรถถูกใช้งานในสภาพที่สมบุกสมบันหรือสภาพถนนที่ไม่เอื้ออำนวย อาจจำเป็นต้องเพิ่มความถี่ในการบำรุงรักษา
Q
ราคาของ Jaguar XF ใหม่เท่าไหร่
ราคาของ Jaguar XF ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยทั่วไปแล้ว ราคาจำหน่ายเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท ขณะที่รุ่นที่มีสเปกระดับสูงหรืออุปกรณ์เสริมครบครัน ราคาก็อาจสูงกว่านี้อีก
Q
วิธีการเปิดฝากระโปกของ Jaguar XF
วิธีการเปิดฝากระโปรงท้ายของ Jaguar XF โดยทั่วไปสามารถทำได้ผ่านปุ่มควบคุมภายในรถ ซึ่งมักจะอยู่ใกล้บริเวณที่นั่งคนขับ หรือกดปุ่มบนกุญแจรีโมต นอกจากนี้ บางรุ่นอาจมีฟังก์ชันเปิดแบบแฮนด์ฟรี (ระบบตรวจจับอัตโนมัติ) เพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัวแล้วยืนบริเวณด้านท้ายรถ ฝากระโปรงท้ายก็จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ วิธีการใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง

ข้อดี

Jaguar XF ออกแบบทันสมัยและใส่สปอร์ต, ผสมผสานความหรูหราและความรวดเร็ว, สอดคล้องกับโครงสร้างทางอากาศ, การขับขี่ยืดหยุ่น
ตกแต่งภายในใช้วัสดุที่มีคุณภาพ, แสดงถึงลักษณะการจัดการใหม่, มีคุณภาพและสอดคล้องกับยี่ห้อหรูหรา
โครงสร้างของรถเบาและแข็งแรง, สามารถรับน้ำหนักได้ดี, มีความยืดหยุ่นสูง, สามารถระงับแรงกระแทกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย, จอแสดงผลทำให้การดำเนินการสะดวก
พลังงานทรงพลัง, ระบบเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบวินาที 2 ลิตร, กับเทอร์โบชาร์จ, กำลังสูงสุด 200 ม้า, 0 - 100 กม./ชม. ความเร็วใน 7.5 วินาที

ข้อเสีย

มีขนาดใหญ่ยากต่อการจอดหรือขับรถในเมือง
พื้นที่ภายในไม่สะดวกสบาย ถ้าจำนวนผู้โดยสารครบ 5 คน จะรู้สึกแออัด โดยเฉพาะที่นั่งภายในที่กลาง
แม้จะมีการออกแบบภายในด้วยวัสดุคุณภาพดี แต่สามารถหืนหมองและไม่มีการประกอบที่ละเอียดตามความต้องการ
คุณลักษณะเทคโนโลยีบางอย่างยากต่อการใช้งาน
ราคาอะไหล่แพง ต้องนำเข้าและรอคอยนาน

Q&A ล่าสุด

Q
MG Maxus 9 มีสีอะไรบ้าง คุณชอบสีไหน
MG Maxus 9 ในตลาดไทยมีให้เลือก 3 สีที่各有เอกลักษณ์ แสดงถึงความหรูหราสมัยใหม่ของรถ MPV รุ่นพรีเมียม สี GRANITE GREY BLACK TOP ใช้โทนสีเทาเข้มคู่กับหลังคาสีดำแบบ Two-Tone พร้อมสีเมทัลลิกที่ให้เอฟเฟกต์สะท้อนแสงเป็นชั้นๆ ดูคลาสสิกแต่ก็มีความทันสมัย เหมาะกับนักธุรกิจที่ชอบความหรูหราแบบเรียบหรู ส่วนสี PEARL WHITE ใช้เทคนิคสีไข่มุกพิเศษ โดยมีการผสมผงมุกที่ให้แสงแวววาวอ่อนๆ ใต้แสงแดด ดูสดชื่นและมีระดับ ช่วยขับความเป็นเจ้าของที่มีรสนิยมดี และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยเป็นพิเศษ สำหรับสี BLACK KNIGHT เป็นสีดำลึกเฉพาะตัว พร้อมฟินิชชิ่งที่ให้ความเงางามสูงสุด แสดงถึงความหรูหราอลังการของรถ MPV รุ่นเรือธง แต่ต้องดูแลรักษาบ่อยหน่อยในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมากของไทย ทุกสีถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในเขตร้อน มีความทนทานต่อสภาพอากาศและรังสียูวีเป็นอย่างดี โดยสีขาวไข่มุกถือว่าปฏิบัติการได้ดีที่สุด เพราะดูแลง่ายและไม่ร้อน车内 ส่วนสีเทาแกรนิตกับดำไนท์เหมาะกับคนที่ชอบความโดดเด่นเป็นพิเศษ
Q
MG Maxus 9 ราคาเท่าไหร่
MG Maxus 9 เปิดตัว 2 รุ่นในไทยแล้ว ทั้งรุ่น X และรุ่น V ราคาเริ่ม 2.499 ล้านบาท และ 2.699 ล้านบาทตามลำดับ รถรุ่นนี้โดดเด่นด้วยการเป็น MPV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ขนาดตัวถัง 5,270×2,000×1,840 มม. ระยะฐานล้อ 3,200 มม. ให้พื้นที่ภายในกว้างขวาง แม้จะใช้เป็นออฟฟิศเคลื่อนที่ก็สะดวกสบาย แบตเตอรี่ขนาด 90kWh ให้ระยะทางสูงสุดถึง 540 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) พร้อมฟีเจอร์หรูหราอีกมากมาย เช่น เก้าอี้ Ottoman พร้อมฟังก์ชันนวดและปรับความร้อน/เย็น ระบบเปิด-ปิดประตูหลังและประตูสไลด์อัตโนมัติ ไปจนถึงซันรูฟขนาดใหญ่ ด้านในติดตั้งหน้าจอมัลติมีเดีย 12.3 นิ้ว คู่กับหน้าปัดดิจิตอล 7 นิ้วหรือ 9 นิ้ว ยอดจองในไทยพุ่งแรง ภายในไม่ถึง 2 สัปดาห์มียอดจองทะลุ 1,100 คัน และถูกมองว่าเป็นคู่แข่งตัวท้าทาย Toyota Alphard ในตลาดอาเซียน
Q
MG Maxus 9 มีสเปคอะไรบ้าง
MG Maxus 9 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ MPV ระดับไฮเอนด์ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและกลุ่มธุรกิจในตลาดไทย ด้วยความกว้างขวางของพื้นที่ภายในและคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถคันนี้มีขนาดตัวถัง 5270x2000x1840 มม. ระยะฐานล้อ 3200 มม. จุผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง พร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าทั้งสองด้าน ระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้าให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ไกลถึง 540 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และรองรับการชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเพื่อชาร์จจาก 30% ถึง 80% ด้านในติดตั้งหน้าจอแสดงผลดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจอกลางแบบลอยตัว พร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาเลน เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองและท่องเที่ยวระยะไกลในไทย สำหรับผู้สนใจในไทยควรทราบว่าแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion Ternary ทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อน MG ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและสถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากนโยบายลดภาษี ทำให้มีราคาคุ้มค่า แนะนำให้ทดลองนั่งแถวที่สามและตรวจสอบพื้นที่เก็บของเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของครอบครัวก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ขนาดตัวถัง Toyota Crown เท่าไหร่?
รถโตโยต้า คราวน์ เป็นรุ่นคลาสสิกที่ขนาดตัวถังจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและรุ่นย่อย ถ้าเอารุ่นล่าสุดเป็นตัวอย่าง ความยาวจะอยู่ที่ประมาณ 4,910-5,030 มม. ความกว้างประมาณ 1,800-1,840 มม. ส่วนความสูงประมาณ 1,450-1,470 มม. ระยะฐานล้อประมาณ 2,920 มม. จัดอยู่ในกลุ่มรถซีดานขนาดกลางใหญ่ ขนาดแบบนี้สำหรับในเมืองไทยถือว่าโอเคเลย ทั้งให้พื้นที่โดยสารที่เพียงพอ แต่ก็ไม่ใหญ่จนขับยากหรือจอดลำบากในลานจอดรถ สำหรับตลาดไทย คราวน์ถือว่าเหมาะกับครอบครัว โดยเฉพาะช่วงขาหลังที่กว้างขวาง ช่วยให้สบายเวลาเดินทางไกล ส่วนกระโปรงหลังก็จุของได้เยอะพอใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากขนาดตัวรถแล้ว คนไทยที่กำลังมองหารถอาจจะสนใจระบบไฮบริดของคราวน์ที่ช่วยประหยัดน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ อีกทั้งเครือข่ายบริการหลังการขายของโตโยต้าในไทยก็ครอบคลุม ซ่อมบำรุงสะดวก นี่ก็เป็นจุดเด่นที่ควรคิดถึงเวลาเลือกซื้อรถเหมือนกัน
Q
Toyota Crown ผ่อนต่อเดือนเท่าไหร่?
จำนวนผ่อนรายเดือนของ Toyota Crown ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รุ่นที่เลือก ระยะเวลาผ่อน เงินดาวน์ และอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร ยกตัวอย่างรุ่นไฮบริด 2.5L ที่มีราคารถประมาณ 2 ล้านบาท หากวางเงินดาวน์ 30% และผ่อนนาน 5 ปี ภายใต้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคารชั้นนำที่ประมาณ 2.5%-3.5% จะมีค่างวดประมาณ 25,000-28,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ในการซื้อรถยนต์ในไทยนอกจากราคารถและดอกเบี้ยแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าประกันภัยชั้นหนึ่งประมาณ 3% ของราคารถ, ค่าจดทะเบียนราว 1,000-2,000 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีกด้วย หากเลือกไฟแนนซ์ บางดีลเลอร์อาจมีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% สำหรับปีแรก ในระยะยาว รถยนต์ไฮบริดอย่าง Toyota Crown ยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีบางส่วน และมีความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถ ควรเปรียบเทียบเงื่อนไขกับรถระดับเดียวกัน เช่น Lexus ES หรือ Honda Accord Hybrid พร้อมทั้งตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยล่าสุดผ่านเว็บไซต์ของสมาคมธนาคารไทยก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติม