ราคาเริ่มที่ 109,000 ริงกิต CKD Chery Omoda 5 ในมาเลเซียมาพร้อม ADAS ครบชุด คุ้มค่ากับราคา!

LienMay 07, 2024, 02:14 PM

เชื่อว่าตลาดมาเลเซียคงจะคุ้นเคยกับแบรนด์ Chery กันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง Chery ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่เข้าสู่วงการรถยนต์มาเป็นเวลานาน เคยเข้าสู่ตลาดมาเลเซียเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ผลลัพธ์ในครั้งนั้น เราก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นอย่างไร ครั้งนี้ที่ Chery กลับเข้ามาในตลาดมาเลเซียอีกครั้ง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างเดียวกันกับครั้งก่อนหรือไม่


ครั้งนี้ Chery ได้เข้าสู่ตลาดมาเลเซียอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Omoda 5 ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตลาดมาเลเซีย ส่งผลให้คู่แข่งรุ่นอื่น ๆ อย่าง X50 และ HR-V ต้องเผชิญกับแรงกดดันในการแข่งขันอย่างมาก

ความสำเร็จของ Omoda 5 ในมาเลเซียส่วนใหญ่มาจากการที่มีการประกอบในประเทศ (CKD) ที่โรงงาน Inokom ในกูริง รัฐเกดะห์ และยังสามารถซื้อรถที่มีอุปกรณ์ครบครันในราคาที่ค่อนข้างต่ำกว่า Omoda 5 ในมาเลเซียมีให้เลือกสองรุ่น โดยมีราคาดังนี้:

Omoda 5 C: 108,800 ริงกิต

Omoda 5 H: 118,800 ริงกิต

ราคานี้รวมถึงการรับประกันมาตรฐาน 7 ปี และแพ็กเกจการบำรุงรักษาฟรี 5 ปี ซึ่งมอบความคุ้มครองและความสะดวกสบายเพิ่มเติมให้กับผู้บริโภค

Omoda 5 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จแบบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุดที่ 156 PS และแรงบิด 230 นิวตันเมตร โดยส่งกำลังไปยังล้อหน้า (FWD) ผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่มี 9 เกียร์เสมือนจริง แม้ว่าอาจไม่ใช่รุ่นที่มีกำลังสูงสุดในกลุ่มเดียวกัน แต่ Chery อ้างว่า Omoda 5 อาจเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 6.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร

ดีไซน์ภายนอก

Chery Omoda 5 มีความยาว กว้าง และสูงอยู่ที่ 4,400/1,830/1,585 มม. และมีระยะฐานล้อที่ 2,630 มม. นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีชุดอุปกรณ์ภายนอกที่เหมือนกัน เช่น ไฟหน้า LED และ DRL, ไฟท้าย LED (ไม่ใช่แบบแถบไฟ), ไม่มีแร็คหลังคารถ และล้อสีดำขนาด 18 นิ้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสไตล์ที่ทันสมัยและมีพลัง

เมื่อพูดถึงล้อ นี่คือสิ่งแรกที่คุณจะพบความแตกต่างทางวิสัยทัศน์จากดีไซน์ภายนอก รุ่น H จะมีการตกแต่งด้วยสีแดงแทรกระหว่างซี่ล้อสีดำ ในขณะที่รุ่น C จะไม่มี

ความแตกต่างอื่น ๆ มาจากฟังก์ชันที่ "น่าสนใจ" เช่น รุ่น H จะมีเอฟเฟกต์ไฟส่องสว่างแบบพิเศษภายนอก ไฟต้อนรับ และไฟเลี้ยว LED

ตัวเลือกสีมีดังนี้ Khaki White (เฉพาะรุ่น C), Dark Black (เฉพาะรุ่น C), Phantom Grey (เฉพาะรุ่น C), Phantom Grey with Red Stripe (เฉพาะรุ่น H), Khaki White with Red Stripe (เฉพาะรุ่น H), Dark Black with Red Stripe (เฉพาะรุ่น H) และ Khaki White with Black roof and red stripe (เฉพาะรุ่น H)

ดีไซน์ภายใน

ระบบเข้าออกตัวรถโดยไม่ใช้กุญแจเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับหน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว สองจอ จอหนึ่งสำหรับมาตรวัดดิจิทัล และอีกจอหนึ่งสำหรับระบบอินโฟเทนเมนต์ที่รองรับ Android Auto/Apple CarPlay นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศแบบสองโซน, การชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และไฟบรรยากาศ 64 สี ก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน

เบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ รุ่น H มีการปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทางและฟังก์ชันระบายอากาศเพื่อให้ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ขณะที่รุ่น C ไม่มีฟังก์ชันเหล่านี้

รุ่น H ยังมาพร้อมกับหลังคาซันรูฟไฟฟ้าและประตูท้ายไฟฟ้าอีกด้วย

Omoda 5 ยังติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ครบชุด ซึ่งรวมถึงฟังก์ชันต่อไปนี้:

- ระบบเตือนการออกนอกเลน (LDW)

- ระบบตรวจจับจุดบอด (BSD)

- ระบบช่วยเหลือการรักษาเลนฉุกเฉิน (ELK)

- ระบบเตือนการจราจรตัดผ่านด้านหลัง (RCTA)

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้พร้อมฟังก์ชันตามรถคันหน้าในความเร็วต่ำ (ACC with LSF, 0-180 กม./ชม.)

- ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)

- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

- ระบบป้องกันการออกนอกเลน (LDP)

- ระบบช่วยขับขี่แบบรวม (ICA)

- ระบบช่วยเหลือการจราจรติดขัด (TJA) หมายเหตุ: ระบบช่วยจำกัดความเร็ว, ระบบจดจำป้ายจราจร และกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศาในรุ่น H เป็นฟังก์ชันที่ต้องจ่ายเพิ่ม

โดยรวมแล้ว Chery Omoda 5 นำเสนอสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม อุปกรณ์ที่ครบครัน และราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้ผู้บริโภคในมาเลเซียได้มีตัวเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การเปิดตัวของ Omoda 5 ถือเป็นการนำลมใหม่มาสู่ตลาดรถยนต์ของมาเลเซีย และมอบตัวเลือกที่หลากหลายและดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภค

นอกจาก Omoda 5 แล้ว Chery ยังมีรุ่น Tiggo 8 Pro ให้รอชมกันอีกด้วย มาร่วมกันรอคอยรถรุ่นอื่น ๆ จาก Chery ที่จะมาถึงมาเลเซีย เพื่อให้เรามีตัวเลือกที่มากขึ้นและราคาถูกลง!


# ข้อมูลรถใหม่

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

ณัฐวุฒิJun 9, 2025
หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุรเดชJun 12, 2025
Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน

Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน

【PCauto】แบรนด์ Audi ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่ จะเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในวันที่ 16 มิถุนายน 2025 โดยระบุว่า SUV รุ่นใหม่นี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานในหลายมิติ จากข้อมูลเบื้องต้น รถรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในด้าน ภาษาในการออกแบบ, ห้องโดยสารแบบดิจิทัล และ ระบบขับเคลื่อน Q3 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นขายดีที่สุดของ Audi โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 2 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก

LienJun 13, 2025
NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025

NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025

【PCauto】Nissan เตรียมนำเข้า X-Trail e-POWER e-4ORCE รุ่นใหม่ล่าสุด (รหัสภายใน T33) จากประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดประเทศไทยช่วงปลายปี 2025 ในรูปแบบรถยนต์นำเข้าทั้งคัน สำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับรถรุ่นนี้ ราคาจำหน่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

วิรุฬห์Jun 6, 2025
BYDเปิดตัว K-Car สำหรับตลาดญี่ปุ่น มุ่งมั่นจะทำลายแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น

BYDเปิดตัว K-Car สำหรับตลาดญี่ปุ่น มุ่งมั่นจะทำลายแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น

【PCauto】มีภาพหลุดของรถ K-Car จาก BYD บนโลกออนไลน์ยืนยันการมีอยู่ของโครงการนี้แม้เป็นรถที่มีกำไรไม่สูงแต่เหตุใด BYD จึงตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดนี้อาจต้องเริ่มจากการสำรวจตลาดญี่ปุ่นของ BYD ก่อนสำหรับหลายประเทศ BYD มักเริ่มต้นด้วยการเปิดตัว ATTO 3 แล้วจึงปรับกลยุทธ์เมื่อ ATTO 3 เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นกลับไม่ประสบความสำเร็จนักญี่ปุ่นยังนิยมรถน้ำมันแม้ว่าในปี 2024 BYD มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในญี่ปุ่นที่ 2223 คันเพิ่มขึ้น 54 เปอร์เซ็นต์แซงหน้า Toyota ที่มียอดขาย 2038 คันแต่ในภาพรวมตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นรถ BEV ม

LienMay 20, 2025
ดูเพิ่มเติม