2020 Land Rover Range Rover 2.0 Velar S R-Dynamic

ราคารถมือสองของ Land Rover Discovery Sport รุ่นปี 2020 ในตลาดประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 - 2.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง และระดับอุปกรณ์ โดยรถที่วิ่งน้อย (เช่น ไม่เกิน 30,000 กม.) และเป็นรุ่นอุปกรณ์สูงอย่าง R-Dynamic ที่ดูแลมาดีจะราคาใกล้เคียงขีดบน ส่วนรุ่นพื้นฐานหรือรถที่วิ่งมากกว่าก็จะราคาถูกกว่า ต้องระวังเรื่องสภาพอากาศร้อนของไทยที่อาจส่งผลต่อยางและระบบอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำให้ตรวจสอบระบบแอร์ ใต้ท้องรถเรื่องสนิม และสภาพแบตเตอรี่ผ่านช่องทางรถมือสองรับประกันจากศูนย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนซื้อ Land Rover ในไทยมีเครือข่ายศูนย์บริการครบครัน และระบบ Terrain Response All-Terrain เหมาะอย่างยิ่งสำหรับภูเขาทางตอนเหนือและสภาพถนนในช่วงฤดูฝน ถ้าเทียบกับ SUV คันอื่นในระดับเดียวกัน รถรุ่นนี้จะความสามารถออฟโรดโดดเด่นกว่า แต่เรื่องประหยัดน้ำมันอาจสู้ SUV เมืองทั่วไปไม่ได้ ถ้าต้องการประหยัดงบ อาจมองรถหรั่งปีเดียวกันจากแบรนด์ญี่ปุ่นที่อาจจะดีกว่าในเรื่องค่าซ่อมและอัตราค้าง แต่ความรู้สึกในการขับจะแตกต่างกัน

รถ Land Rover Discovery Sport รุ่นปี 2020 ในตลาดประเทศไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2.5 - 3.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย โดยแนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยเพื่อขอราคาที่อัปเดตที่สุด SUV หรูขนาดกลางรุ่นนี้โดดเด่นด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและการออกแบบห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่งซึ่งได้รับความนิยมในไทย เหมาะสมกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบของประเทศ ตั้งแต่ในเมืองจนถึงเส้นทางบนภูเขาทางภาคเหนือ Discovery Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ Ingenium ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ในสองรุ่นคือ P200 และ P250 คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมระบบ Terrain Response ที่มาพร้อมในทุกรุ่น ในตลาดไทยคู่แข่งหลักคือ BMW X3 และ Mercedes-Benz GLC โดยจุดแข็งของ Discovery Sport คือความสามารถออฟโรดที่เหนือกว่าและการจัดวางพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่นกว่า อย่างไรก็ตาม ราคารถนำเข้าในไทยอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยเช่นอัตราแลกเปลี่ยนและภาษี จึงควรศึกษารายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนตัดสินใจซื้อ รวมถึงค่าประกันและค่าจดทะเบียนด้วย

รถหรู SUV อย่าง Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สมดุลในตลาดไทย ด้วยเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตรแบบ Supercharge ให้กำลัง 286 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ถนนลื่นหรือทางขึ้นเขาภาคเหนือ ระบบ Terrain Response ช่วยให้ขับผ่านได้อย่างมั่นคง แถมยังเป็นแบบ 7 ที่นั่งที่ตอบโจทย์ครอบครัวไทย แต่ตัวรถค่อนข้างใหญ่ อาจต้องปรับตัวหน่อยถ้าขับในซอยแคบๆ กรุงเทพฯ ด้านในตกแต่งด้วยหนัง Windsor แต่แถวที่นั่งแถวสามเหมาะสำหรับเด็กมากกว่า และที่สำคัญคืออากาศเมืองไทยร้อนมาก แนะนำให้เลือกเพิ่มระบบแอร์ 4 โซนกับม่านบังแดด ถ้าเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน Discovery จะเน้นความสามารถออฟโรดมากกว่า SUV หรูทั่วไป แต่ความสบายบนทางเรียบอาจสู้รถเยอรมันไม่ได้ ของแต่งที่มักมีในตลาดไทยรวมถึงหลังคาพาโนรามากับเสียง Meridian ส่วนเรื่องค่าตัวในตลาดมือสองอยู่ระดับกลางๆ ถ้าชอบเดินทางต่างจังหวัดหรือให้ความสำคัญกับแบรนด์ก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ควรตรวจสอบจุดบริการในพื้นที่ก่อนซื้อเพราะศูนย์บริการส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใหญ่เท่านั้น

รถ Land Rover Discovery Sport รุ่นปี 2020 มีขนาดตัวรถยาว 4,597 มิลลิเมตร กว้าง 2,069 มิลลิเมตร (รวมกระจกมองหลัง) และสูง 1,727 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,741 มิลลิเมตร จัดอยู่ในกลุ่ม SUV ขนาดกลาง ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยเนื่องจากขนาดที่กำลังดีและการจัดวางพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่น ทำให้ขับขี่ในเมืองสะดวกสบาย แถมยังรับมือกับสภาพถนนที่ค่อนข้างซับซ้อนในบางพื้นที่ของไทยได้ดี Discovery Sport มีตัวเลือกการจัดวางที่นั้งทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง โดยเบาะหลังสามารถเลื่อนไปมาได้ถึง 160 มิลลิเมตร พื้นที่เก็บของด้านหลังในโหมด 5 ที่นั่งมีขนาด 780 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 1,574 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง เหมาะมากสำหรับครอบครัวหรือการเดินทางที่ต้องพาไปด้วยสัมภาระจำนวนมาก ที่พิเศษกว่ารุ่นอื่นคือระบบ Terrain Response ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Land Rover ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนบนผิวถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือเส้นทาง off-road นอกเมืองได้อย่างมั่นใจ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และซันรูฟแบบพาโนรามา (อุปกรณ์เสริม) ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุของประเทศไทย สำหรับคนไทยแล้ว Discovery Sport เป็นรถที่ขนาดไม่ใหญ่จนขับยากในซอยแคบๆ ของกรุงเทพฯ แต่ก็ยังมีความประโยชน์ครบครัน ถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัวทั้งการใช้ชีวิตในเมืองและการออกไปสนุกนอกเมือง

รถ Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 กับ Discovery Sport มีความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่ตำแหน่งการตลาด ขนาด และฟีเจอร์ Discovery เป็น SUV ขนาดกลาง-ใหญ่ จุได้ 7 ที่นั่ง ตัวถังยาวกว่าและความสามารถออฟโรดเหนือกว่า พร้อมระบบ Terrain Response สำหรับขับเคลื่อนบนทุกสภาพพื้นดินและระยะช่วงล่างสูง เหมาะกับสภาพถนนซับซ้อนในภาคเหนือของไทยหรือช่วงฤดูฝน ส่วน Discovery Sport เป็น SUV ขนาดกะทัดรัด 5 ที่นั่ง เน้นความคล่องตัวในเมืองและประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า เหมาะสำหรับใช้ชีวิตประจำวันในกรุงเทพฯ ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ตระกูล Ingenium แต่มีการตั้งค่าไม่เหมือนกัน โดย Discovery มีตัวเลือกเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบ ส่วน Discovery Sport ใช้เครื่อง 2.0 ลิตร 4 สูบเป็นหลัก ด้านภายใน Discovery ใช้วัสดุระดับพรีเมียมและมาพร้อมระบบแอร์ 4 โซนมาตรฐาน ในตลาดไทยทั้งคู่ติดตั้งระบบปรับอากาศแรงพิเศษ แต่ Discovery มีเบาะแถวสามที่ใช้งานได้จริงเมาะกว่าสำหรับครอบครัวในสภาพอากาศร้อน ส่วนเรื่องที่ควรรู้สำหรับเมืองไทยก็คือ ในสภาพอากาศร้อนแบบนี้แนะนำให้เลือกติดตั้งระบบระบายอากาศบนเบาะ และช่วงฤดูฝน ฟีเจอร์ All-Terrain Progress Control ของ Discovery จะช่วยจัดการกับถนนที่มีน้ำท่วมขังได้ดีกว่า

ราคาขายต่อของ Land Rover Range Rover Sport รุ่นปี 2020 ในตลาดมือสองประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพรถ ระยะทาง อุปกรณ์ต่างๆ และประวัติการบริการ โดยตอนนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 3-4.5 ล้านบาท สำหรับรุ่นท็อปอย่าง HST หรือ SVR ที่เน้นสมรรถนะราคาก็จะสูงกว่านี้ สภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนชื้นต้องดูแลรถเป็นพิเศษ แนะนำให้เช็กระบบแอร์ การป้องกันสนิมใต้ท้องรถ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ดีก่อนซื้อ โชคดีที่ Land Rover มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมบริการรับประกันศูนย์และโปรแกรมรถมือสองรับรองคุณภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจเรื่องราคาให้ผู้ซื้อได้บ้าง ต้องบอกว่าประเทศไทยมีภาษีนำเข้าสำหรับรถ SUV หรูค่อนข้างสูง ทำให้ราคารถมือสองในประเทศค่อนข้างทรงตัว แต่ก็ต้องระวังรถนำเข้าแบบขนานที่อาจไม่มีประวัติการบำรุงรักษาเต็มรูปแบบ ถ้าอยากใช้รถยาวๆ แนะนำให้เลือกรถมือสองที่ผ่านการรับรองจากศูนย์และเข้าบริรักษาตามระยะที่อู่ตัวแทนเสมอ จะช่วยรักษามูลค่ารถได้ดีในระยะยาว

รถ Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 หากได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องตามกำหนด สามารถใช้งานได้นานกว่า 15 ปี หรือวิ่งได้เกิน 250,000 กิโลเมตร โดยอายุการใช้งานจริงจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการขับขี่ ในประเทศไทยที่อากาศร้อนชื้น อาจส่งผลต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยางของรถ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อน แอร์ และซีลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือนตามที่ผู้ผลิตแนะนำ นอกจากนี้สภาพถนนบางพื้นที่ในไทยอาจขรุขระ จึงควรตรวจสอบระบบช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นประจำเพื่อความมั่นใจเวลาขับบนเส้นทางยากลำบาก การเลือกใช้อะไหล่แท้หรืออะไหล่ทดแทนคุณภาพสูงจะช่วยยืดอายุรถได้ และควรหลีกเลี่ยงการใช้งานหนักหรือขับในสภาวะ extremes ต้องยอมรับว่ารถ SUV ระดับหรูอย่าง Discovery ค่าบำรุงจะสูงกว่าปกติ แต่การดูแลที่ดีจะช่วยเพิ่มความทนทานให้รถได้มาก สำหรับคนที่ใช้รถในเมืองติดขัดอย่างกรุงเทพฯ ควรให้ความสนใจระบบเบรกและเกียร์เป็นพิเศษ เพราะการจอดเดินบ่อยๆ ทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้สึกหรอเร็ว

รุ่นปี 2020 ของรถยนต์ Land Rover นั้นให้ความน่าเชื่อถือในระดับปานกลาง จุดเด่นอยู่ที่ความหรูหราของห้องโดยสาร ประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ทันสมัย โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายในช่วงฤดูฝนของไทย แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์อาจมีปัญหาเล็กน้อยบ่อยกว่ารถคู่แข่งจากญี่ปุ่น แนะนำให้ผู้บริโภคไทยตรวจสอบสภาพการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับลม (ถ้ามี) ในสภาพอากาศร้อนชื้นเป็นพิเศษ และควรเปลี่ยนน้ำมันดิฟเฟอเรนเชียลเป็นประจำเพื่อรับมือกับการขับลุยน้ำบ่อยๆ ที่น่าสนใจคือตลาดไทยมีบริการรับประกันจากศูนย์ถึง 5 ปี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้มาก แต่ถ้าซื้อรถมือสองต้องระวังเป็นพิเศษเรื่องความเร็วในการตอบสนองของหน้าจอกลางและสภาพการเสื่อมของยางรองรับช่วงล่าง เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน Land Rover มีศูนย์บริการครอบคลุมในเขตกรุงเทพฯ ค่อนข้างดี แต่ในต่างจังหวัดอาจต้องรออะไหล่นานกว่า สำหรับคนไทยที่เน้นการขับออฟโรด ระบบ Terrain Response ในรุ่น Discovery Sport ปี 2020 สามารถปรับตัวอัจฉริยะให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศทุกแบบในไทย ตั้งแต่ภูเขาจนถึงชายหาด แนะนำให้ตรวจสอบสถานะของเหลวกรณีโอนทุก 20,000 กิโลเมตรในการใช้งานจริงเพื่อความน่าเชื่อถือ

Discovery Sport ในปัจจุบันมีตัวเลือกเครื่องยนต์หลายแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่แตกต่างกัน ในประเทศไทยมักพบเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Ingenium เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ และเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 3 สูบ รุ่นดีเซลให้กำลัง 150 แรงม้าและแรงบิด 380 นิวตันเมตร เหมาะกับการขับทางไกลและเส้นทางภูเขาในไทย ส่วนรุ่นเบนซิน 1.5 ลิตรเน้นประหยัดน้ำมันในเมือง ทุกรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พิเศษสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย Discovery Sport มาพร้อมระบบจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะที่ช่วยรักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ดีที่สุด นอกจากนี้ลูกค้าไทยยังสามารถเลือกรุ่นที่ติดตั้งระบบ Mild Hybrid 48V ซึ่งช่วยเก็บพลังงานขณะเบรกและจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มักจะเผชิญกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ในส่วนของการดูแลรักษา แนะนำให้ผู้ใช้ในไทยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน และควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก เครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการปรับแต่งเฉพาะสำหรับสภาพอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมั่นคงในสภาพอากาศร้อนชื้น

รถยนต์ Land Rover Discovery Sport รุ่นปี 2020 ในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จจากซีรีส์ Ingenium และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ โดยรุ่นเบนซินให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า ส่วนรุ่นดีเซลอยู่ที่ 204 แรงม้า ทั้งคู่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและการลุยเส้นทางออฟโรดแบบเบาๆ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีและให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำ (โดยเฉพาะเครื่องดีเซลที่เหมาะกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-บ่อยครั้ง) พร้อมผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสีย Euro 5 ของไทย ที่น่าสนใจคือคนไทยนิยมใช้รุ่นดีเซลมากกว่า เพราะประหยัดน้ำมันเมาะมากสำหรับการเดินทางไกลและเส้นทางภูเขา แถมระบบ Hybrid แบบ 48V ยังช่วยให้การทำงานของระบบ Start-Stop นุ่มนวลขึ้นและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ถ้าพูดถึงรถนำเข้าแบบขนานในตลาดไทย อาจจะเจอรุ่น P300e แบบปลั๊กอินไฮบริดที่วิ่งได้ประมาณ 55 กิโลเมตรด้วยไฟฟ้าล้วน เหมาะกับเมืองติดจารจรอย่างกรุงเทพฯ แต่ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของสถานีชาร์จให้ดี ส่วนเรื่องการบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเลือกใช้เครื่องยนต์แบบไหน การเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นสม่ำเสมอและเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นก็สำคัญมากต่ออายุการใช้งานของเครื่องยนต์