Q

ดิน 1 คัน 10 ล้อ ราคากี่บาท 2566

ราคาขนส่งดินโดยรถสิบล้อในประเทศไทยปี 2566 นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 บาทต่อเที่ยว ขึ้นอยู่กับระยะทางขนส่ง ประเภทของดิน (เช่น ดินถมทั่วไปหรือดินสำหรับงานวิศวกรรมเฉพาะทาง) และค่าเชื้อเพลิง รถสิบล้อในไทยจัดเป็นรถบรรทุกขนาดกลาง สามารถบรรทุกได้ประมาณ 15-20 ตัน เหมาะสำหรับขนส่งระยะกลางถึงใกล้ มักใช้ในงานก่อสร้างและเกษตรกรรม หากเป็นการขนส่งระยะไกลหรือต้องการบริการพิเศษ เช่น การอัดดินหรือการคัดเกรด ราคาอาจสูงกว่านี้ ข้อควรรู้คือราคาการขนส่งในไทยมักผันผวนตามราคาน้ำมันดีเซล แนะนำให้ตรวจสอบราคาปัจจุบันกับบริษัทขนส่งในพื้นที่หรือผ่านแพลตฟอร์มอย่างลาลามูฟหรือโรโบ นอกจากนี้เวลาจ้างบริการควรเช็คว่าค่าใช้จ่ายรวมค่าขนถ่ายและค่าผ่านทางหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบใบอนุญาตขนส่ง (พรบ.) ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สำหรับโครงการระยะยาวอาจต่อรองราคาแบบเหมาคันได้ และควรระวังช่วงฤดูฝนที่อาจมีค่าขนส่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพถนน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

Q&A ล่าสุด

Q
"2022 CR-V มีการเปรียบเทียบอย่างไรกับรุ่นก่อนหน้านี้?"
รุ่นปี 2022 ของ Honda CR-V ได้รับการอัปเกรดหลายจุดเมื่อเทียบกับรุ่นปีก่อนๆ ที่เห็นชัดที่สุดคือขนาดตัวรถที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มระยะฐานล้ออีก 40 มม. ทำให้พื้นที่ขารองรับด้านหลังกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับการใช้ในครอบครัว ขณะที่ดีไซน์ภายนอกดูทันสมัยมากขึ้น,หน้าตกแต่งด้วยโครเมี่ยมเพิ่มพื้นที่และไฟหน้า LED ที่เฉียบคมมากขึ้น ด้านภายในห้องโดยสารใช้วัสดุที่ดูแพงขึ้น พร้อมจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ให้ความรู้สึกไฮเทคมากขึ้น ระบบขับเคลื่อนยังใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L เหมือนเดิมแต่ได้รับการปรับแต่งใหม่ให้ประหยัดน้ำมันขึ้น ส่วนรุ่นไฮบริดก็ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลกว่าเดิม ในด้านความปลอดภัย รุ่น 2022 มาพร้อมระบบ Honda Sensing มาตรฐานครบชุด ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและช่วยรักษาเลน ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาติดรถติดเป็นพิเศษ สำหรับคนที่ชอบเดินทางหรือช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ก็จะประทับใจกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่ใหญ่ขึ้น ถ้ามีงบประมาณเพียงพอ การอัปเกรดของ CR-V รุ่น 2022 น่าจับตามอง โดยเฉพาะคนที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและการใช้งานในครอบครัว
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ Honda CR-V 2022 คือเท่าไหร่?
สำหรับรถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสมเหตุสมผล โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500-3,500 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเครื่องและราคาของศูนย์บริการ แต่ถ้าเป็นบริการใหญ่ เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงถึง 6,000-8,000 บาท Honda แนะนำให้บำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ขึ้นกับว่าอย่างไหนถึงก่อน ซึ่งความถี่นี้ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถ SUV คันอื่นในระดับเดียวกัน นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของ Honda ค่อนข้างครอบคลุม แถมหลายๆ โชว์รูมยังมีโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจบริการที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีก สำหรับเจ้าของรถแล้ว การบำรุงรักษาสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ แต่ยังช่วยให้ประสิทธิภาพของรถคงที่ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนแบบไทยที่ต้องดูแลระบบแอร์และระบบระบายความร้อนเป็นพิเศษ ถ้าอยากประหยัดมากขึ้นก็สามารถใช้บริการอู่ซ่อมที่ได้รับการรับรองจาก Honda ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าใช้อะไหล่แท้เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา
Q
คุณควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใน Honda CR-V ปี 2022 บ่อยแค่ไหน?
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Honda CR-V รุ่นปี 2022 แนะนำให้เปลี่ยนทุกการใช้งาน 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน (ขึ้นกับว่าเงื่อนไขใดถึงก่อน) นี่เป็นคำแนะนำมาตรฐานเมื่อใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบของทางศูนย์ฯ แต่ถ้าใช้รถในสภาพอากาศร้อน ฝุ่นมาก หรือติดขัดบ่อยๆ อาจลดระยะเหลือทุก 8,000 กิโลเมตรเพื่อการดูแลเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ระบบเตือนการบำรุงรักษาอัจฉริยะของ Honda จะแสดงการแจ้งเตือนบนหน้าปัด แต่การจดบันทึกระยะทางเองก็ช่วยให้มั่นใจยิ่งขึ้น ข้อควรระวังคือสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัด ทำให้ความเสถียรของน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิสูงเป็นเรื่องสำคัญ แนะนำเลือกน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐาน API SP หรือ ILSAC GF-6 เพื่อลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ส่วนรุ่นเทอร์โบที่ต้องการความสะอาดของน้ำมันเครื่องเป็นพิเศษ ต้องใช้น้ำมันเครื่องที่ได้รับการรับรองจาก Honda เท่านั้น เมื่อเข้าศูนย์บริการสามารถตรวจสอบฟิลเตอร์อากาศไปพร้อมกันได้ โดยเฉพาะในเขตเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่อากาศเต็มไปด้วยมลภาวะ อาจต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์อากาศก่อนกำหนด การบำรุงรักษาสม่ำเสมอไม่เพียงยืดอายุเครื่องยนต์ แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมัน ส่วนการละเลยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอาจทำให้เกิดคาร์บอนสะสมและเสียสิทธิ์การรับประกันได้
Q
รถ Honda CRV ปี 2022 ต้องการน้ำมันเครื่องกี่ควอร์ท?
รถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จ 1.5T จะใช้น้ำมันเครื่องประมาณ 4.4 ควอร์ต (ประมาณ 4.2 ลิตร) เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรความหนืด 0W-20 ตามที่ทางโรงงานกำหนด เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามปริมาณที่เติมจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับการระบายน้ำมันเครื่องเก่าออกหมดหรือไม่ แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องด้วยก้านวัดให้อยู่ระหว่างขีดกลาง ส่วนรถที่ใช้งานในสภาพอากาศร้อน แม้ว่ามาตรฐานน้ำมันเครื่องจากโรงงานจะออกแบบมาสำหรับอุณหภูมิสูงแล้ว แต่ถ้าต้องเจอรถติดบ่อยหรือขับทางไกลเป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องบ่อยขึ้นเป็นทุก 8,000-10,000 กิโลเมตร ศูนย์บริการท้องถิ่นมักจะมีแพ็กเกจเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่รวมค่ากรองน้ำมันเครื่องไว้แล้ว แนะนำให้ใช้บริการศูนย์บริการมาตรฐานเพื่อความมั่นใจในคุณภาพอะไหล่ ส่วนใครที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเอง ต้องทิ้งน้ำมันเครื่องเก่าอย่างถูกต้อง โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีจุดรับทิ้งเฉพาะอยู่ สำหรับรถรุ่นใกล้เคียงอย่าง Toyota RAV4 หรือ Mazda CX-5 ก็จะใช้น้ำมันเครื่องอยู่ในช่วง 4-5 ควอร์ตเช่นกัน แต่ควรตรวจสอบค่าที่แน่นอนในคู่มือรถแต่ละรุ่นอีกที การตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำจะช่วยป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ โดยเฉพาะช่วงก่อนและหลังฤดูฝน ต้องสังเกตน้ำมันเครื่องให้ดีว่ามีการเกิดน้ำมันข้นขึ้นหรือไม่
Q
วิธีตรวจสอบสถานะอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องใน Honda CR-V 2022?
สำหรับรถ Honda CR-V รุ่นปี 2022 สามารถตรวจสอบอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องผ่านหน้าจอข้อมูลบนแผงคอนโซลได้ โดยขั้นตอนแรกให้เปิดระบบสตาร์ทเครื่องแต่ยังไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ จากนั้นปรับโหมดการทำงานไปที่ ON แล้วใช้ปุ่มควบคุมด้านขวาของพวงมาลัยเพื่อเลือกเมนู "การตั้งค่ายานพาหนะ" หรือ "การบำรุงรักษา" เมื่อเข้าไปแล้วให้เลือก "อายุการใช้งานน้ำมันเครื่อง" ก็จะแสดงเปอร์เซ็นต์อายุการใช้งานที่เหลืออยู่ ระบบนี้เป็นค่าที่แนะนำคำนวณโดยอัลกอริทึมที่รวมข้อมูลเช่นเวลาการทำงานของเครื่องยนต์ความเร็วอุณหภูมิและอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบจะแสดงว่ายังมีอายุการใช้งานเหลืออยู่ แต่ในสภาพอากาศร้อนชื้นแนะนำให้ตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่องทุก 6 เดือนหรือทุก 5,000 กิโลเมตร เพราะความร้อนและความชื้นสูงจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากระบบตรวจสอบอัตโนมัติแล้ว ควรตรวจสอบด้วยมือเป็นประจำโดยใช้ไม้วัดระดับน้ำมันเครื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าระดับน้ำมันอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่าง และน้ำมันยังอยู่ในสภาพใสไม่มีสิ่งเจือปน ถ้าขับบ่อยในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นหรือเดินเบาเป็นเวลานาน อาจต้องลดระยะเวลาการบำรุงรักษาลง เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T ของ Honda ค่อนข้างแพงเรื่องน้ำมันเครื่อง ต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เกรด 0W-20 ตามที่ผู้ผลิตแนะนำเท่านั้น เพราะน้ำมันความหนืดต่ำนี้ยังคงรักษาสมรรถนะการหล่อลื่นและประหยัดน้ำมันได้ดีแม้ในสภาพอากาศร้อน
ดูเพิ่มเติม