Q

ความแตกต่างระหว่าง Jaguar XJ และ XJL

ความแตกต่างหลักระหว่าง Jaguar XJ กับ XJL อยู่ที่ขนาดตัวรถและการออกแบบ XJL เป็นเวอร์ชั่นระยะฐานล้อยาวของ XJ ที่เพิ่มระยะฐานล้ออีก 125 มิลลิเมตร เป็น 3,157 มิลลิเมตร ทำให้พื้นที่ขาผู้โดยสารหลังรถกว้างขึ้นชัดเจน เหมาะกับตลาดไทยที่เน้นความสบายสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมอย่างนักธุรกิจหรือครอบครัว ทั้งสองรุ่นใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกัน เช่น เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 ซูเปอร์ชาร์จ หรือ 5.0 ลิตร V8 คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แต่ XJL ที่ตัวรถยาวกว่าจะตอบสนองการขับขี่ได้คล่องตัวน้อยกว่า XJ แบบมาตรฐานเล็กน้อย ส่วนภายในห้องโดยสาร XJL จะเน้นความหรูหรามากกว่า มีออปชั่นเสริมเช่น ระบบความบันเทิงแถวหลัง ม่านบังแดดไฟฟ้า ในขณะที่ XJ ออกแนวสปอร์ตมากกว่า สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย ทั้งสองรุ่นติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อน แต่ XJL ที่มีพื้นที่กว้างกว่าก็ต้องใช้ระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้นเล็กน้อย ข้อควรระวังคือ รุ่นพวงมาลัยขวาสำหรับตลาดไทยจะมีการปรับระบบช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพถนนในประเทศ และศูนย์บริการจะมีโปรแกรมดูแลแบตเตอรี่เป็นพิเศษเพื่อรับมือกับอุณหภูมิสูง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
เมื่อ Jaguar XJ รุ่นใหม่จะเปิดตัว
ขณะนี้ทาง Jaguar XJ ยังไม่ได้ประกาศแผนการเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Jaguar XJ อย่างเป็นทางการ แต่จากกระแสในอุตสาหกรรมคาดว่าเรือธงรุ่นนี้น่าจะกลับมาในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ด้วยนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการลดภาษีนำเข้าและมาตรการสนับสนุนการซื้อรถ EV หากในอนาคต Jaguar XJ รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดไทยก็จะมีศักยภาพในการแข่งขันที่ดี ผู้บริโภคไทยสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดได้ทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Jaguar Thailand หรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศ ที่น่าสนใจคือ ตลาดรถหรูไฟฟ้าในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากแบรนด์ดั้งเดิมแล้ว แบรนด์ EV จากจีนก็กำลังขยายตัวเช่นกัน ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกรถหรูเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจรถ EV ระดับพรีเมียม แนะนำให้เปรียบเทียบจุดเด่นทางเทคโนโลยี ความครอบคลุมของเครือข่ายสถานีชาร์จ และนโยบายบริการหลังการขายของแต่ละแบรนด์ เพื่อเลือกรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด
Q
ความยาวของ Jaguar XJ คือเท่าใด
ปัญหาของความยาวจาก Jaguar XJ นั้น ตัวรุ่นนี้เป็นรถหรูระดับซีดาน โดยเวอร์ชั่นมาตรฐานมีความยาวตัวรถประมาณ 5,252 มิลลิเมตร ส่วนเวอร์ชั่นระยะฐานล้อยาวจะมีความยาวถึง 5,655 มิลลิเมตร ซึ่งขนาดตัวรถแบบนี้ทั้งในเมืองไทยและในงานธุรกิจระดับไฮเอนด์นั้นให้ความรู้สึกถึงพื้นที่กว้างขวางและความสบายในการนั่งอย่างดี ในตลาดไทย รถหรูระดับนี้ต้องตอบโจทย์ทั้งเรื่องธุรกิจและการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนชื้น โครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมของ Jaguar XJ นั้นไม่เพียงช่วยลดน้ำหนักและประหยัดน้ำมัน แต่ยังทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและความชื้นสูงได้ดีเป็นพิเศษ ที่น่าสนใจคือเวลาคนไทยเลือกซื้อรถหรู มักจะให้ความสำคัญกับพื้นที่เบาะหลังและประสิทธิภาพระบบแอร์ ซึ่ง XJ เวอร์ชั่นระยะฐานล้อยาวนั้นมีพื้นที่ขาเบาะหลังกว่า 1 เมตร พร้อมระบบแอร์ 4 โซนและระบบระบายอากาศเบาะที่นั่ง เหมาะสมกับสภาพอากาศไทยมาก นอกจากนี้ ประเทศไทยมีการเก็บภาษีรถหรูนำเข้าสูง ผู้ซื้อจึงมักให้ความสำคัญกับแบรนด์ การออกแบบเฉพาะ และประสบการณ์การใช้ระยะยาว ซึ่งสไตล์อังกฤษและความหรูหราภายในของ Jaguar XJ นั้นเป็นที่จดจำได้ดีในตลาดรถหรูไทย
Q
วิธีรีเซ็ตระบบกันสะเทือนอากาศจาก Jaguar XJ
หากต้องการรีเซ็ตระบบแอร์ซัสเพนชันของรถ Jaguar XJ สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้ ก่อนอื่นให้จอดรถบนพื้นระดับและดับเครื่องยนต์ จากนั้นเปิดกระโปรงท้ายรถ หาโมดูลควบคุมระบบช่วงล่างที่อยู่ด้านขวา กดปุ่มรีเซ็ตค้างไว้ประมาณ 10 วินาทีจนไฟแสดงสถานะกระพริบ ระบบจะเริ่มทำการปรับค่าโดยอัตโนมัติ เมื่อเสร็จแล้วให้สตาร์ทเครื่องยนต์และปล่อยให้ทำงานในเกียร์ว่างสักครู่เพื่อให้ระบบตั้งค่าสิ้นสุด ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบปั๊มลมและความแน่นของท่อระบบแอร์ซัสเพนชันเป็นประจำ เพราะความร้อนอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว โดยระบบนี้เหมาะกับถนนบางสายในไทยที่ขรุขระ เพราะสามารถปรับตัวได้ดี แต่การตั้งค่าซัสเพนชันที่แข็งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเวลาขับในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อย แนะนำให้ปรับโหมดการขับเป็น Comfort หากหลังจากรีเซ็ตแล้วยังพบปัญหาอยู่ ควรไปที่ศูนย์บริการผู้จำหน่ายในกรุงเทพฯ หรือพัทยาเพื่อตรวจสอบอย่างมืออาชีพโดยเร็ว จะได้ไม่ทำให้ชิ้นส่วนอื่นเสียหายจากการใช้งานระบบช่วงล่างที่มีปัญหาเป็นเวลานาน
Q
รถยนต์ Jaguar XJ สามารถเดินทางได้กี่กิโลเมตร
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Jaguar XJ นี้ ข้อมูลทางการระบุว่าในมาตรฐาน NEDC จะมีระยะทางสูงสุดประมาณ 400-500 กิโลเมตร แต่จริงๆ แล้วระยะทางอาจจะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของประเทศไทย นิสัยการขับขี่ และสภาพถนน เช่น ถนนในกรุงเทพฯที่ติดขัดบ่อยๆ ทำให้ต้องเร่งและหยุดบ่อย หรือทางขึ้นเขาลงเขาในเชียงใหม่ ก็จะทำให้ระยะทางลดลง แนะนำให้ผู้ขับขี่ใช้ระบบกักเก็บพลังงานเมื่อเบรก คาดการณ์สภาพถนนล่วงหน้า และรักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 30%-80% เพื่อให้ได้ระยะทางที่ดีที่สุด ส่วนผู้ใช้ในไทยต้องระวังเรื่องความร้อนที่มีผลต่อแบตเตอรี่ลิเธียมด้วย ควรจอดรถในที่ร่มเมื่อต้องทิ้งไว้นานๆ ตอนนี้รถ EV ยอดนิยมในไทยอย่าง MG EP หรือ Ora Good Cat จะมีระยะทางประมาณ 300-400 กิโลเมตร ส่วนรุ่นพรีเมียมบางรุ่นอาจถึง 600 กิโลเมตรขึ้นไป เรื่องสถานีชาร์จในไทยก็พัฒนาขึ้นมากในเมืองใหญ่ รวมถึงมีจุดชาร์จเร็วตามปั๊มบนทางด่วน แต่ในพื้นที่ห่างไกลยังต้องปรับปรุงอีก เมื่อคิดจะซื้อรถ EV นอกจากระยะทางแล้ว ควรดูประกันแบตเตอรี่ (ส่วนใหญ่จะให้ 8 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร) และศูนย์บริการในพื้นที่ด้วยนะ
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

การออกแบบภายในที่สง่างามและหรูหรา
เครื่องยนต์ที่ทรงพลังให้การทำงานที่แข็งแรง
คุณสมบัติเทคโนโลยีล้ำหน้าทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพ
การควบคุมรถที่ยอดเยี่ยมและคุณภาพการขับที่ราบรื่น
ลักษณะภายนอกที่โดดเด่นพร้อมสไตล์คลาสสิกของยากวาร์

ข้อเสีย

ต้นทุนการบำรุงรักษาสูงกว่าคู่แข่งบางยี่ห้อ
พื้นที่ขาเบื้องหลัง จำกัด ในรถบางรุ่น
ผู้ใช้บางรายบáoการเกิดความผิดพลาดของระบบสื่อสารต่างๆ
การใช้เชื้อเพลิงอาจค่อนข้างสูง
มูลค่าการขายคืนอาจไม่สูงตามที่คาดหวัง

Q&A ล่าสุด

Q
Chery Omoda 5 เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือไม่?
รุ่น Chery Omoda 5 ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยส่วนใหญ่จะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ไม่ใช่ระบบสี่ล้อขับเคลื่อน โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์รุ่นทั่วไปมักจะเน้นการส่งกำลังไปที่ล้อหน้าเป็นหลัก ระบบขับเคลื่อนแบบนี้เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและสภาพถนนทั่วไป สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้ดี แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันและลดต้นทุนได้อีกด้วย แต่ในบางตลาด เช่น อินโดนีเซีย อาจจะมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบสี่ล้อขับเคลื่อน ระบบขับเคลื่อนแต่ละแบบมีจุดเด่นต่างกัน ระบบสี่ล้อขับเคลื่อนมักจะแสดงประสิทธิภาพโดดเด่นในสภาพถนนที่ซับซ้อน อากาศเลวร้าย หรือเมื่อต้องการกำลังส่งและความมั่นคงสูงกว่า เช่น ในถนนหิมะ ถนนโคลน หรือสภาพถนนออฟโรด ส่วนระบบขับเคลื่อนล้อหน้ามีโครงสร้างไม่ซับซ้อน ต้นทุนต่ำกว่า และให้ความสะดวกสบายรวมถึงประหยัดน้ำมันได้ดีกว่าในการขับขี่ในเมือง
Q
Chery Omoda 5 เป็นรถยนต์น้ำมันเบนซินใช่หรือไม่?
ใช่แล้ว Chery Omoda 5 เป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน แม้ว่าชื่อของมันอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นรถพลังงานใหม่ แต่จริงๆ แล้วมันคือรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน Omoda 5 ถูกออกแบบมาในตำแหน่ง SUV ขนาดกะทัดรัด ด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น หน้าตาหน้ารถมาพร้อมกับคอนเซปต์แบบไร้กรอบโครเมี่ยม เน้นลวดลายกริลโล่ขนาดใหญ่เล็กสลับกัน พร้อมไฟหน้าแบบแยกส่วนที่ดูเฉียบคมและจัดเรียงในรูปแบบเมทริกซ์ ด้านข้างเป็นสไตล์เรียวลู่หลังคาแบบลอยตัว เส้นสายตัวรถที่ตัดเป็นช่วงๆ เพิ่มความรู้สึกด้านเทคโนโลยี มาพร้อมล้อสปอร์ตสีดำ ขนาดตัวรถคือ 4400/1830/1585 มม. ระยะฐานล้อ 2630 มม. รถน้ำมันรุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานประจำวันและความสนุกในการขับขี่ แถมยังให้ประสบการณ์ด้านสมรรถนะที่คุ้มค่า
Q
รถยนต์ Chery Omoda 5 SUV กำลังถูกเรียกคืนทันทีหรือไม่?
ณ เวลานี้ยังไม่มีข่าวสารอย่างเป็นทางการจาก Chery ที่ระบุว่า SUV รุ่น Omoda 5 จะมีการเรียกกลับในทันที โดยปกติแล้วการเรียกกลับรถยนต์จะเกิดขึ้นเมื่อพบข้อบกพร่องที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพการทำงานของรถ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตจะดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและแจ้งให้ผู้บริโภครับทราบผ่านช่องทางทางการ เช่น การประกาศจากเว็บไซต์ทางการ การแจ้งเตือนจากตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น หากผู้ใช้งานต้องการติดตามข้อมูลการเรียกกลับของรถรุ่นนี้ สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ทางการของ Chery บัญชีโซเชียลมีเดียทางการ หรือสอบถามโดยตรงที่ตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นที่ได้รับอนุญาต พวกเขาจะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยเกี่ยวกับสถานะของรถรุ่นนี้ เพื่อให้เจ้าของรถสามารถรับทราบและดำเนินการแก้ไขในกรณีที่มีการเรียกกลับ
Q
รถ Chery Omoda 5 ประหยัดน้ำมันไหม?
Chery Omoda 5 รุ่นต่างๆ จะมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่แตกต่างกันออกไป สำหรับรุ่น 1.5T ที่ระบุในรายการนั้นมีการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 7.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนรุ่นพื้นฐานที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบเทอร์โบ จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 7.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางระยะสั้นในช่วงวันหยุด ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน หรือน้ำหนักบรรทุก ดังนั้นตัวเลขการใช้น้ำมันจริงของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ถ้าอยากให้รถประหยัดน้ำมันที่สุด ควรขับขี่อย่างนุ่มนวล ใช้แอร์อย่างเหมาะสม และไม่ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบานานเกินไป นอกจากนี้ Chery ยังแนะนำให้ใช้เชื้อเพลิง 95 RON สำหรับเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรใช้เบนซิน 91 RON ก็เพียงพอ การเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตามที่กำหนดจะช่วยรักษาประสิทธิภาพของรถและช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้น
Q
Chery Omoda 5 มีคะแนนความปลอดภัยเท่าไหร่?
รถ Chery Omoda 5 ในปี 2022 ได้รับการประเมินความปลอดภัย 5 ดาวจาก ANCAP ครับ ในส่วนการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ได้คะแนน 87% ส่วนเด็กได้ 88% ส่วนผู้ใช้ถนนที่เปราะบางได้ 68% และระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยได้ 83% รุ่นนี้ติดตั้งถุงลมนิรภัยถึง 7 ตัว รวมถึงถุงลมนิรภัยกลางสำหรับผู้โดยสารแถวหน้า นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน ทั้งระบบเบรกอัตโนมัติความเร็วต่ำ (AEB) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยรักษาเลนในกรณีฉุกเฉิน ระบบตรวจสอบจุดบอด ระบบเตือนเมื่อถอยหลังพร้อมเบรกอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบการละสายตาของคนขับ ระบบช่วยควบคุมในจราจรติดขัด ระบบแสดงข้อมูลความเร็วตามป้ายจราจร ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และกล้องมองรอบคัน 360 องศา ด้วยฟีเจอร์และคะแนนแบบนี้บอกได้เลยว่าเรื่องความปลอดภัยนั้นค่อนข้างดีทีเดียว ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจได้ระดับนึงเลยล่ะ
ดูเพิ่มเติม