Q

Haval Jolion มีรุ่น Hybrid หรือไม่

Haval Jolion ในตลาดไทยมีเฉพาะรุ่นไฮบริด โดยระบบไฮบริดนี้พัฒนาจากแพลตฟอร์ม L.E.M.O.N DHT ของเกรตวอลล์ มอเตอร์ส ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีพลังรวมสูงสุด 140 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวม 375 นิวตันเมตร อัตราการใช้น้ำมันรวมในทางการคือ 5.1 ลิตร/100 กม.
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Haval Jolion มือสองราคาเท่าไหร่
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2024 รุ่น 2023 Haval Jolion Sport SUV-HEV ที่มีระยะทาง 20,000 กิโลเมตร สภาพใกล้ใหม่ มีประกันภัยธุรกิจระดับหนึ่งเหลืออีก 7 เดือน ราคาอยู่ที่กว่า 5 แสนบาท
Q
Haval Jolion ภายในมีลักษณะอย่างไร?
Haval Jolion มีการออกแบบภายในที่ละเอียดและใช้งานได้ดี ใช้วัสดุคุณภาพสูง เบาะนั่งสะดวกสบายและมีการรองรับที่ดี คอนโซลกลางจัดวางอย่างมีระเบียบ พร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่ใช้งานง่าย แผงหน้าปัดชัดเจนและอ่านง่าย พร้อมให้ข้อมูลรถยนต์ที่หลากหลาย รายละเอียดการตกแต่งภายในทำได้อย่างประณีต สร้างบรรยากาศการขับขี่ที่สะดวกสบาย สไตล์การออกแบบภายในโดยรวมทันสมัยและมีทั้งฟังก์ชันและความสวยงาม
Q
Haval Jolion ใช้เครื่องยนต์อะไร
Haval Jolion ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T ซึ่งให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและตอบสนองความต้องการด้านสมรรถนะในระดับหนึ่ง การส่งกำลังมีความเรียบเนียนและประหยัดน้ำมันได้ดี
Q
Haval Jolion มีสีอะไรให้เลือกบ้าง
Haval Jolion มีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว สีเทา สีดำ และสีแดง
Q
Haval Jolion มีระบบความปลอดภัยอะไรบ้าง
Haval Jolion มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยหลายประเภท เช่น ระบบเตือนการชน ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบเตือนออกนอกเลน และระบบตรวจจับจุดอับสายตา ระบบเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และให้การปกป้องที่น่าเชื่อถือแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
Q
Haval Jolion ประหยัดน้ำมันหรือไม่
Haval Jolion ในตลาดไทยมีรุ่นไฮบริด (HEV) ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีพลังรวม 187 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร เนื่องจากเป็นรถไฮบริดจึงมีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีมาก โดยมีอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยในเมืองที่ 4.2 ลิตร/100 กม. ซึ่งถือว่าเป็น SUV ที่ประหยัดน้ำมันมาก
Q
Haval Jolion มีกี่รุ่นย่อย
Haval Jolion ปกติจะแบ่งออกเป็นรุ่น SPORT และ ULTRA
Q
เฮวอล โจลียอนใช้เชื้อเพลิงประเภทใด
Haval Jolion ใช้เชื้อเพลิงเป็นน้ำมันเบนซิน ซึ่งการจัดหาน้ำมันเบนซินในตลาดค่อนข้างสะดวกและกว้างขวาง สามารถตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
Q
Haval Jolion ในประเทศใด
Haval Jolion ผลิตในประเทศจีน ในตลาดไทย Haval Jolion ได้รับความสนใจจากความคุ้มค่าและอุปกรณ์ที่ครบครัน โดยมีดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัย พื้นที่ภายในกว้างขวาง และฟีเจอร์ทางเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายและการใช้งานของผู้บริโภคในประเทศไทย
Q
haval jolion มีที่นั่งกี่ที่
Haval Jolion มีที่นั่ง 5 ที่ รองรับการเดินทางในชีวิตประจำวันของครอบครัวและบุคคลทั่วไปได้อย่างดี การจัดวางแบบ 5 ที่นั่งเป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยและมอบพื้นที่นั่งที่สะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร

ข้อดี

ออกแบบภายนอกที่น่าดึงดูดและสไตล์
สเปซภายในที่สบายและกว้างขวาง
ประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและมีความไวต่อการควบคุม
คุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อการป้องกัน
ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีเพื่อการประหยัด

ข้อเสีย

บางคนอาจคิดว่าระบบโทรทัศน์และสื่อสารซับซ้อน
พื้นที่สำหรับขาเบื้องหลังอาจกว้างขวางขึ้น
การกันเสียงอาจต้องปรับปรุง
พื้นที่เก็บของสำหรับสิ่งของขนาดใหญ่จำกัด
การควบคุมรถอาจไม่เป็นเกมสปอร์ตตามที่คาดหวัง

Q&A ล่าสุด

Q
ราคาบริการของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ Honda City Hatchback ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามบริการและตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการ โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-4,500 บาท อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำแนะนำให้ติดต่อสอบถามราคากับทางอู่ Honda 4S ที่ใกล้ที่สุด ในไทยเรามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้เจ้าของรถสามารถรับบริการจากช่างมืออาชีพได้อย่างสะดวกสบาย แถมการเข้าศูนย์บริการเป็นประจำยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของรถและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย พูดถึง Honda City Hatchback ในตลาดไทยต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยความประหยัดและการใช้งานที่ตอบโจทย์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาก็ถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับการใช้งานประจำวันเป็นอย่างดี และถ้าเลือกใช้เฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์บริการอย่างถูก渠道 นอกจากจะได้ความมั่นใจแล้ว ยังช่วยรักษาสิทธิ์การรับประกันไม่ให้เสียหายอีกด้วย จริงๆ แล้วในระยะยาวนี่คือทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือที่สุดแล้วล่ะ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูรายละเอียดที่นี่
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบคในไทยมีค่าใช้สอยเรื่องการดูแลรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะกับคนที่อยากประหยัด โดยการบริการครั้งแรกจะทำเมื่อขับถึง 1,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-2,000 บาท รวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ส่วนการบริการตามระยะจะทำทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ค่าบริการปกติประมาณ 2,500-3,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่จะทำเมื่อขับถึงประมาณ 4 หมื่นกิโลเมตร ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรบ้าง ในไทยฮอนด้ามีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ หาไม่ยาก แถมสะดวกด้วย นอกจากนี้ควรตรวจสอบยางและเบรกเป็นประจำเพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เสื่อมเร็วขึ้น ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ลองซื้อแพ็กเกจบริการของฮอนด้า ซึ่งมักจะมีส่วนลดให้ ที่สำคัญการดูแลรักษาตามคู่มือแนะนำไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุรถ แต่ยังช่วยรักษามูลค่าเวลาขายต่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในตลาดรถมือสองของไทย
Q
ขนาดล้อของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่
สำหรับ Honda City Hatchback ในเรื่องของขนาดล้อ ยกเว้นรุ่นสูงสุด RS ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วแบบเฉพาะแล้ว รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นจะใช้ล้อขนาด 15 นิ้วตามมาตรฐาน การที่แต่ละรุ่นมีขนาดล้อแตกต่างกันนี่เป็นผลจากการออกแบบโดยคำนึงถึงสมรรถนะโดยรวมของรถเป็นหลัก ล้อขนาดใหญ่กว่าอย่างล้อ 16 นิ้วในรุ่น RS จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความมั่นคงให้กับรถ ทำให้การควบคุมรถดีขึ้น เหมาะกับสไตล์การขับแบบสปอร์ตที่รุ่น RS เน้นเป็นพิเศษ ส่วนล้อ 15 นิ้วนั้นถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในเมืองและการขับขี่ประจำวันของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นล้อขนาดไหนก็ผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ทำงานเข้ากันได้ดีกับระบบช่วงล่างและระบบอื่นๆ ของรถ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะของรถอย่างลงตัว
Q
รุ่นที่แตกต่างกันของ Honda City Hatchback มีอะไรบ้าง
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้หลักๆ แล้วจะมี 4 เวอร์ชันคือ S, V, SV และ RS รุ่น S เป็นรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่นถุงลมนิรภัย 2 ตัวและระบบเบรก ABS เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รถในงบจำกัด ส่วนรุ่น V จะเพิ่มความสะดวกขึ้นมาอีกหน่อยด้วยกุญแจอัจฉริยะและกล้องถอยหลัง ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น SV จะอัพเกรดทั้งวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยี เช่น จอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นและถุงลมนิรภัยเพิ่มเติม เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาความคุ้มค่า สุดท้ายรุ่น RS ที่เป็นรุ่นสปอร์ตสุดพิเศษ มาพร้อมกับชุดแต่งเอกลักษณ์ เบาะสปอร์ตและระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ชอบความสปอร์ต ในตลาดไทย ซิตี้ แฮทช์แบ็กคันนี้ขายดีเพราะขับง่ายและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ แถมฮอนด้ายังมีสีรถให้เลือกหลายเฉดและโปรแกรมผ่อนชำระที่ตอบโจทย์คนไทยอีกด้วย ที่สำคัญคือรุ่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำในอากาศร้อนแบบบ้านเรา และเพิ่มความสูงของช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนบางพื้นที่ นี่คือการออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดไทยที่แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าใส่ใจลูกค้าชาวไทยจริงๆ
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคหนักเท่าไหร่
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทย มีน้ำหนักตัวรถแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยอยู่ในช่วงประมาณ 1,100 ถึง 1,200 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขุมพลังที่เลือกใช้ เช่น เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น หลังคาซันรูฟ หรือระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม น้ำหนักที่เบากว่าช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพจราจรที่ติดขัดและการขับขี่ที่ต้องหยุด-ออกตัวบ่อยในเมืองไทย นอกจากนี้ การกระจายน้ำหนักของตัวรถยังเป็นสิ่งที่วิศวกรฮอนด้าให้ความสำคัญ โดยมีการออกแบบแชสซีและเลือกใช้วัสดุอย่างเหมาะสม เพื่อให้รถมีความมั่นคงในขณะเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลขณะโดยสาร จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ City Hatchback มีสมรรถนะที่ดีบนถนนที่มีโค้งมากหรือพื้นถนนเปียกในเมืองไทย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกใช้รถที่มีน้ำหนักพอดี ไม่มากเกินไป ไม่เบาเกินไป ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งให้ความสนุกในการขับขี่และความปลอดภัย ซึ่ง Honda City Hatchback คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
ดูเพิ่มเติม