Q
Suzuki Carry มีความปลอดภัยเพียงใด
Suzuki Carry มีความปลอดภัยในระดับที่น่าเชื่อถือ โดยติดตั้งระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับและฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่อเกิดการชน ช่วยรองรับแรงกระแทกและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ ระบบเตือนคาดเข็มขัดยังส่งเสริมให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารคาดเข็มขัดทุกครั้งเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ตัวรถมีขนาดความยาว 4155 มิลลิเมตร กว้าง 1680 มิลลิเมตร สูง 1895 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2625 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมเพื่อให้มีเสถียรภาพในการขับขี่ โดยใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมยางหน้าแบบ 185/R14C ที่ให้แรงยึดเกาะถนนดี ช่วยเพิ่มความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินทาง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Suzuki Carry มีระยะทางกี่กิโลเมตรต่อลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยของ Suzuki Carry 1.6 ตามข้อมูลจากโรงงานอยู่ที่ 5.4 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งหมายความว่ารถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ประมาณ 18.52 กิโลเมตรต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้เป็นเพียงข้อมูลจากการทดสอบในสภาวะที่ควบคุมอย่างเหมาะสมเท่านั้น โดยในสภาพการใช้งานจริง อัตราสิ้นเปลืองอาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ หากมีการเร่งความเร็วหรือเบรกอย่างรุนแรงบ่อยครั้ง รวมถึงการปล่อยให้เครื่องยนต์ติดอยู่ในขณะจอด จะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม การขับขี่อย่างนุ่มนวลและเปลี่ยนเกียร์อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ สภาพถนนก็มีผลเช่นกัน หากใช้รถในพื้นที่การจราจรติดขัดที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อย ๆ จะทำให้อัตราสิ้นเปลืองสูงขึ้น แต่หากขับขี่บนถนนโล่งหรือทางหลวงที่สามารถรักษาความเร็วคงที่ได้ รถก็จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่ใกล้เคียงกับตัวเลขจากโรงงานมากขึ้น
Q
Suzuki Carry มีเรตติ้งความปลอดภัยเท่าไหร่
Suzuki Carry ในฐานะรถบรรทุกเชิงพาณิชย์รุ่นประหยัด มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยและมาตรฐานความปลอดภัยที่ค่อนข้างพื้นฐาน รุ่นที่จำหน่ายในตลาดไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยการชนอย่างเป็นทางการจากสถาบันชั้นนำระดับสากล เช่น ASEAN NCAP หรือ Euro NCAP จึงไม่มีการจัดอันดับดาวความปลอดภัยอย่างชัดเจน รุ่นปัจจุบันของ Suzuki Carry ในไทยมีอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐาน ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (เฉพาะบางรุ่นย่อย) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และเซ็นเซอร์ถอยหลัง แต่ยังขาดเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุกขั้นสูง เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ (ESC) หรือระบบเตือนออกนอกเลน รถบรรทุกเชิงพาณิชย์เน้นความสามารถในการบรรทุกและประหยัดน้ำมันเป็นหลักมากกว่าความปลอดภัยของผู้โดยสาร หากความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญ ควรพิจารณาเปรียบเทียบกับรถรุ่นอื่นที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัย เช่น Toyota Hilux หรือ Isuzu D-MAX หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น กล้องมองหลัง และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ในการขับขี่ประจำวัน ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการขับเร็วเกินกำหนดหรือบรรทุกเกินน้ำหนัก เพื่อชดเชยข้อจำกัดด้านระบบความปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาพจราจรที่ซับซ้อนของประเทศไทย การมีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยสำคัญกว่าการพึ่งพาระบบความปลอดภัยของรถยนต์อย่างเดียว
Q
Suzuki Carry เป็นรถขับเคลื่อนด้วยล้อหลังหรือไม่
ไม่ใช่ครับ 2020 รุ่น Suzuki Carry 1.6 เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ซึ่งแตกต่างจากรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่เคยมีในประวัติศาสตร์ของ Suzuki Carry โดย Suzuki Carry เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1961 เป็นรถบรรทุกขนาดเล็กเชิงพาณิชย์ นอกจากรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าแล้ว ยังมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) เช่น รุ่นแรกที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 1981 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เกียร์ธรรมดา 4 สปีดและกล่องส่งกำลังสองสปีดสำหรับกระจายกำลังไปยังล้อหน้าและล้อหลัง การขับเคลื่อนแต่ละแบบมีข้อดีเฉพาะตัว รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ามีโครงสร้างเรียบง่าย ต้นทุนต่ำ และใช้พื้นที่ภายในรถได้ดี เหมาะกับการขับขี่บนถนนทั่วไปที่ให้ความคล่องตัวและประหยัดน้ำมัน ในขณะที่รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะเหมาะกับเส้นทางวิบากและเพิ่มความสามารถในการผ่านอุปสรรคได้ดีกว่า
Q
ซูซูกิแครี่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือไม่
Suzuki Carry มีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ด้วย โดย Suzuki Carry เริ่มผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1961 มีประวัติยาวนานและมีรุ่นย่อยหลากหลาย รุ่น 4WD รุ่นแรกของ Suzuki Carry เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 1981 ที่ประเทศญี่ปุ่น ใช้รหัสตัวถัง ST31 และเป็นที่รู้จักในชื่อ Suzuki Truntung มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2 จังหวะ F5A แบบ 3 สูบเรียง ความจุ 530 ซีซี กำลังส่งผ่านเกียร์ธรรมดา 4 สปีด และใช้กล่องส่งกำลังสองสปีดสำหรับการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 1982 ได้มีรุ่นตู้สูง 4WD รหัสตัวถัง ST41 ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่ F8A ความจุ 800 ซีซี ส่วนในปี 1995 Suzuki Carry รุ่นเครื่องยนต์ 657 ซีซี 3 สูบ พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ก็มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเช่นกัน และรุ่นล่าสุดอย่าง Super Carry ก็ยังคงมีระบบขับเคลื่อน 4WD เห็นได้ว่ารุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อในตระกูล Suzuki Carry มีมาอย่างต่อเนื่องและได้รับการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ
Q
Suzuki Carry มีอายุขัยเท่าไหร่
ระยะเวลาการใช้งานของรถยนต์โดยทั่วไปมีวิธีคำนวณอยู่ 2 แบบ แบบแรกคือดูจากวันที่จดทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบก นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน อีกแบบคือดูจากวันผลิตรถซึ่งมักจะระบุไว้บนแผ่นป้ายของรถยนต์ โดยป้ายนี้มักติดตั้งอยู่ที่ห้องเครื่องยนต์หรือบริเวณขอบประตู สำหรับ Suzuki Carry รุ่นปี 2020 หากใช้รุ่นนี้เป็นเกณฑ์สมมติว่าเริ่มใช้งานหรือจดทะเบียนในช่วงเวลานั้น เมื่อถึงปี 2025 รถจะมีอายุใช้งานประมาณ 5 ปี อย่างไรก็ตาม หากต้องการทราบอายุใช้งานที่แม่นยำ ควรตรวจสอบวันที่จดทะเบียนหรือวันผลิตจริงของ Suzuki Carry คันนั้นโดยตรง อายุการใช้งานของรถมีความสำคัญเพราะส่งผลต่อสมรรถนะของรถ ราคาขายต่อ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา รถที่มีอายุมากกว่ามักจะต้องการการดูแลรักษาบ่อยขึ้นและมูลค่าตลาดมือสองจะต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรถที่ใหม่กว่า
Q
เครื่องยนต์ของ Suzuki Carry อยู่ที่ไหน
Suzuki Carry มีเครื่องยนต์วางอยู่ใต้เบาะผู้โดยสารในตำแหน่งวางเครื่องยนต์แบบวางกลางด้านหน้า การออกแบบรูปแบบนี้มีลักษณะและข้อดีหลายประการ โดยการวางเครื่องยนต์ในตำแหน่งด้านหน้าช่วยกระจายน้ำหนักรถระหว่างด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างสมดุล ทำให้รถมีความมั่นคงและเชื่อถือได้มากขึ้นในขณะขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการเลี้ยวและการเบรกที่สามารถให้การควบคุมที่ดีขึ้น นอกจากนี้การวางเครื่องยนต์ใต้เบาะยังช่วยใช้พื้นที่รถอย่างคุ้มค่าสูงสุด โดยเฉพาะสำหรับ Suzuki Carry ซึ่งเป็นรถกระบะขนาดเล็กเชิงพาณิชย์ ทำให้มีพื้นที่สำหรับบรรทุกสินค้าเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการในการขนส่งสินค้าในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
Suzuki Carry มีปริมาตรเท่าไหร่ cc
Suzuki Carry มีความจุกระบอกสูบ 1590 ซีซี ซึ่งเป็นความจุที่พบได้ทั่วไปในรถกระบะขนาดเล็ก โดยมีปริมาตรเครื่องยนต์ประมาณ 1.6 ลิตร เครื่องยนต์นี้สามารถมอบกำลังที่เหมาะสมเพียงพอสำหรับการใช้งานขนส่งสินค้าประจำวัน เครื่องยนต์แบบ 4 สูบคู่กับเกียร์ธรรมดา ช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างความประหยัดน้ำมันและการขับขี่ที่มีสมรรถนะดี โดยอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 5.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดต้นทุนในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งความเร็วสูงสุดของรถสามารถทำได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เหมาะสมกับการขับขี่ในสถานการณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าในเมืองหรืองานจัดส่งระยะสั้น Suzuki Carry จึงเป็นรถที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งานจริงและความคุ้มค่าในด้านเศรษฐกิจอย่างดีเยี่ยม
Q
Suzuki Carry มีการบริโภคเชื้อเพลิงอย่างไร
Suzuki Carry มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการที่ 5.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร โดยใช้เชื้อเพลิงประเภทน้ำมันเบนซิน อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในระดับนี้ทำให้รถมีความประหยัด เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันสำหรับเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถสำหรับขนส่งเชิงพาณิชย์ที่ต้องใช้งานบ่อยครั้ง จะช่วยลดความถี่ในการเติมน้ำมันและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจริงอาจแตกต่างไปตามนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกของรถ เช่น การเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว การเบรกอย่างกะทันหัน หรือการจอดติดเครื่องนาน ๆ รวมถึงการบรรทุกน้ำหนักเต็มและการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัด ล้วนมีผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงกว่าค่าที่ระบุไว้ในประกาศอย่างเป็นทางการได้เช่นกัน
Q
Suzuki Carry มีถุงลมนิรภัยหรือไม่
Suzuki Carry มาพร้อมถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมนิรภัยถือเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยสำคัญ เมื่อเกิดการชน ถุงลมนิรภัยจะพองตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ส่งถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ สำหรับรุ่นนี้ เมื่อเกิดการชน ถุงลมนิรภัยทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารจะทำงานทันทีเพื่อปกป้องผู้โดยสารทั้งสองคนภายในรถ อย่างไรก็ตาม ถุงลมนิรภัยจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อใช้งานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย ดังนั้น จึงควรคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกต้องทุกครั้งที่โดยสาร เพื่อเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมของรถยนต์
Q
Suzuki Carry ราคาเท่าไหร่
2020 รุ่น Suzuki Carry 1.6 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 385,000 บาท รถเพื่อการพาณิชย์รุ่นนี้ในช่วงราคานี้มาพร้อมฟังก์ชันเฉพาะตัวหลายอย่าง โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 5.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวรถมีความยาว 4,155 มิลลิเมตร กว้าง 1,680 มิลลิเมตร สูง 1,895 มิลลิเมตร และมีฐานล้อ 2,625 มิลลิเมตร มอบพื้นที่ภายในรถที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน มีประตู 2 บาน และที่นั่ง 2 ที่นั่ง ใช้ถังน้ำมันขนาด 46 ลิตร ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร (1,590 ซีซี) 4 สูบ พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา (MT) และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้านความปลอดภัยมาพร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยมาตรฐาน รวมถึงถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
Q&A ล่าสุด
Q
ราคาบริการของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ Honda City Hatchback ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามบริการและตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการ โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-4,500 บาท อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำแนะนำให้ติดต่อสอบถามราคากับทางอู่ Honda 4S ที่ใกล้ที่สุด ในไทยเรามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้เจ้าของรถสามารถรับบริการจากช่างมืออาชีพได้อย่างสะดวกสบาย แถมการเข้าศูนย์บริการเป็นประจำยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของรถและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย
พูดถึง Honda City Hatchback ในตลาดไทยต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยความประหยัดและการใช้งานที่ตอบโจทย์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาก็ถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับการใช้งานประจำวันเป็นอย่างดี และถ้าเลือกใช้เฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์บริการอย่างถูก渠道 นอกจากจะได้ความมั่นใจแล้ว ยังช่วยรักษาสิทธิ์การรับประกันไม่ให้เสียหายอีกด้วย จริงๆ แล้วในระยะยาวนี่คือทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือที่สุดแล้วล่ะ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูรายละเอียดที่นี่
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบคในไทยมีค่าใช้สอยเรื่องการดูแลรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะกับคนที่อยากประหยัด โดยการบริการครั้งแรกจะทำเมื่อขับถึง 1,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-2,000 บาท รวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ส่วนการบริการตามระยะจะทำทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ค่าบริการปกติประมาณ 2,500-3,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่จะทำเมื่อขับถึงประมาณ 4 หมื่นกิโลเมตร ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรบ้าง ในไทยฮอนด้ามีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ หาไม่ยาก แถมสะดวกด้วย นอกจากนี้ควรตรวจสอบยางและเบรกเป็นประจำเพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เสื่อมเร็วขึ้น ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ลองซื้อแพ็กเกจบริการของฮอนด้า ซึ่งมักจะมีส่วนลดให้ ที่สำคัญการดูแลรักษาตามคู่มือแนะนำไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุรถ แต่ยังช่วยรักษามูลค่าเวลาขายต่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในตลาดรถมือสองของไทย
Q
ขนาดล้อของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่
สำหรับ Honda City Hatchback ในเรื่องของขนาดล้อ ยกเว้นรุ่นสูงสุด RS ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วแบบเฉพาะแล้ว รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นจะใช้ล้อขนาด 15 นิ้วตามมาตรฐาน การที่แต่ละรุ่นมีขนาดล้อแตกต่างกันนี่เป็นผลจากการออกแบบโดยคำนึงถึงสมรรถนะโดยรวมของรถเป็นหลัก ล้อขนาดใหญ่กว่าอย่างล้อ 16 นิ้วในรุ่น RS จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความมั่นคงให้กับรถ ทำให้การควบคุมรถดีขึ้น เหมาะกับสไตล์การขับแบบสปอร์ตที่รุ่น RS เน้นเป็นพิเศษ ส่วนล้อ 15 นิ้วนั้นถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในเมืองและการขับขี่ประจำวันของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นล้อขนาดไหนก็ผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ทำงานเข้ากันได้ดีกับระบบช่วงล่างและระบบอื่นๆ ของรถ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะของรถอย่างลงตัว
Q
รุ่นที่แตกต่างกันของ Honda City Hatchback มีอะไรบ้าง
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้หลักๆ แล้วจะมี 4 เวอร์ชันคือ S, V, SV และ RS รุ่น S เป็นรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่นถุงลมนิรภัย 2 ตัวและระบบเบรก ABS เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รถในงบจำกัด ส่วนรุ่น V จะเพิ่มความสะดวกขึ้นมาอีกหน่อยด้วยกุญแจอัจฉริยะและกล้องถอยหลัง ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น SV จะอัพเกรดทั้งวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยี เช่น จอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นและถุงลมนิรภัยเพิ่มเติม เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาความคุ้มค่า สุดท้ายรุ่น RS ที่เป็นรุ่นสปอร์ตสุดพิเศษ มาพร้อมกับชุดแต่งเอกลักษณ์ เบาะสปอร์ตและระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ชอบความสปอร์ต
ในตลาดไทย ซิตี้ แฮทช์แบ็กคันนี้ขายดีเพราะขับง่ายและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ แถมฮอนด้ายังมีสีรถให้เลือกหลายเฉดและโปรแกรมผ่อนชำระที่ตอบโจทย์คนไทยอีกด้วย ที่สำคัญคือรุ่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำในอากาศร้อนแบบบ้านเรา และเพิ่มความสูงของช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนบางพื้นที่ นี่คือการออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดไทยที่แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าใส่ใจลูกค้าชาวไทยจริงๆ
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคหนักเท่าไหร่
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทย มีน้ำหนักตัวรถแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยอยู่ในช่วงประมาณ 1,100 ถึง 1,200 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขุมพลังที่เลือกใช้ เช่น เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น หลังคาซันรูฟ หรือระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม น้ำหนักที่เบากว่าช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพจราจรที่ติดขัดและการขับขี่ที่ต้องหยุด-ออกตัวบ่อยในเมืองไทย นอกจากนี้ การกระจายน้ำหนักของตัวรถยังเป็นสิ่งที่วิศวกรฮอนด้าให้ความสำคัญ โดยมีการออกแบบแชสซีและเลือกใช้วัสดุอย่างเหมาะสม เพื่อให้รถมีความมั่นคงในขณะเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลขณะโดยสาร จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ City Hatchback มีสมรรถนะที่ดีบนถนนที่มีโค้งมากหรือพื้นถนนเปียกในเมืองไทย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกใช้รถที่มีน้ำหนักพอดี ไม่มากเกินไป ไม่เบาเกินไป ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งให้ความสนุกในการขับขี่และความปลอดภัย ซึ่ง Honda City Hatchback คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Suzuki Jimny อัปเกรดระบบความปลอดภัยใหม่! เตรียมติดตั้ง Suzuki Safety Support 3.0
วิรุฬห์Jul 17, 2025

2025 Suzuki Alto รุ่นปรับโฉมเตรียมเปิดตัวในญี่ปุ่น ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 28.2 กม./ลิตร
LienJun 25, 2025

Suzukiเปิดตัว Jimny รุ่นลิมิเต็ดในฝรั่งเศส วางจำหน่ายเพียง 55 คันเท่านั้น
AshleyJun 20, 2025

6 เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ซื้อ SUZUKI SWIFT รับสิทธิพิเศษผ่อนชำระและบริการบำรุงรักษา 7 ปี
AshleyJun 4, 2025

Suzuki Swift Sport รุ่นปรับโฉมใหม่ เตรียมมาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.4 ลิตรที่พัฒนาใหม่ทั้งหมด
LienJun 3, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย