Q

ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการชาร์จ Hyundai Kona

การชาร์จ Hyundai Kona Electric ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่และประเภทอุปกรณ์ชาร์จ Kona Electric มีแบตเตอรี่ 39.2 kWh และ 64 kWh เมื่่อใช้ชาร์จเร็ว DC 50 kW รุ่น 39.2 kWh จาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาประมาณ 47 นาที รุ่น 64 kWh ใช้เวลาประมาณ 64 นาที หากใช้แท่นชาร์จบ้าน 7.2 kW รุ่น 39.2 kWh ใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง รุ่น 64 kWh ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 30 นาที ปัจจุบันประเทศไทยกำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯที่มีสถานีชาร์จเร็วพอสมควร แต่ความเร็วในการชาร์จอาจขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและโหลดของระบบไฟฟ้า แนะนำให้วางแผนการเดินทางล่วงหน้า ชาร์จในช่วงกลางคืนหรือเวลาที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนเพื่อลดค่าใช้จ่าย และตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอเพื่อยืดอายุการใช้งาน รัฐบาลไทยมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า การซื้อ Kona Electric ยังสามารถรับเงินอุดหนุนบางส่วนได้
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
วิธีการชาร์จไฮอุนได้คอนาไฟฟ้า
การชาร์จรถไฟฟ้า Hyundai IONIQ ในประเทศไทยนั้นมีวิธีหลักๆ แบ่งเป็น 2 แบบครับ แบบแรกคือชาร์จที่บ้าน โดยใช้สายชาร์จที่มากับรถต่อกับเต้ารับ 220V ทั่วไป แต่แนะนำให้ติดตั้งกล่องชาร์จแบบติดผนังโดยเฉพาะจะปลอดภัยและชาร์จเร็วขึ้น ส่วนแบบที่สองคือชาร์จตามสถานีสาธารณะ ซึ่งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่และเมืองใหญ่ๆ ก็มีสถานีชาร์จเร็วให้บริการค่อนข้างเยอะแล้วนะครับ เช่น สถานี EA Anywhere และ EV Station หาไม่ยากแค่ใช้ GPS นำทาง รุ่น IONIQ นี้รองรับมาตรฐาน CCS2 สำหรับชาร์จเร็ว แค่ 30 นาทีก็เติมแบตได้ถึง 80% แล้วครับ สำหรับการใช้งานประจำวัน แนะนำให้รักษาระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 20%-80% จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ ที่สำคัญคือสภาพอากาศเมืองไทยร้อนมาก ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จรถตอนกลางวันที่แดดจัดๆ และหมั่นตรวจสอบพอร์ตชาร์จให้สะอาด แห้งอยู่เสมอ อีกเรื่องที่น่าสนใจคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มีนโยบายค่าไฟแบบแบ่งเวลาสำหรับการชาร์จที่บ้าน ถ้าชาร์จตอนกลางคืนจะประหยัดค่าไฟกว่าเดิม นอกจากนี้ระบบในรถ IONIQ ยังสามารถตั้งเวลาชาร์จล่วงหน้าและแสดงข้อมูลสถานีชาร์จใกล้ๆ ได้อีกด้วย สะดวกสบายไปเลยครับ
Q
Hyundai Kona จะวิ่งได้กี่ไมล์
ระยะทางของ Hyundai Kona รุ่นใหม่จะขึ้นอยู่กับรุ่นและระบบขับเคลื่อน โดยในตลาดไทย รุ่น Kona Electric ที่ใช้แบตเตอรี่ 64kWh ตามข้อมูลทางการสามารถวิ่งได้ไกลถึง 484 กิโลเมตร (ประมาณ 300 ไมล์) ตามมาตรฐาน NEDC แต่ในความเป็นจริง ระยะทางอาจลดลงประมาณ 10-15% เนื่องจากสภาพอากาศร้อนในไทย การใช้แอร์บ่อย และการจราจรติดขัดในเมือง ส่วนรุ่นเครื่องยนต์สันดาป 1.6L เทอร์โบคู่กับเกียร์ 7-speed DCT ในสภาพการขับขี่แบบผสมจะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 6-7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และสามารถวิ่งได้ประมาณ 600-700 กิโลเมตรต่อการเติมเต็มถัง ต้องระวังว่าสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและการจราจรที่ต้องหยุดบ่อยในกรุงเทพจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น แนะนำให้ผู้ใช้รถตรวจสอบลมยางและระบบแอร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังเร่งติดตั้งสถานีชาร์จ โดยผู้ใช้รถไฟฟ้าสามารถตรวจสอบตำแหน่งสถานีชาร์จในกรุงเทพ เชียงใหม่ และเมืองหลักอื่นๆ ผ่านแอป Bluelink ของ Hyundai ส่วนผู้ใช้รถน้ำมันสามารถติดตามโปรโมชั่นสารเติมแต่งประหยัดน้ำมันจากปั๊มเช่น PTT ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือรถน้ำมัน การขับขี่อย่างนุ่มนวลและการบรรทุกเหมาะสมจะช่วยเพิ่มระยะทางได้อย่างชัดเจน สำหรับคนไทย รถไฟฟ้าจะเหมาะกับการเดินทางในเมืองระยะสัด ส่วนรถน้ำมันจะเหมาะกับการเดินทางข้ามจังหวัด
Q
ฮุนได โคนามีการรับประกันอย่างไร
นโยบายการรับประกันรถยนต์ Hyundai ที่ให้สำหรับรุ่น Kona ในประเทศไทยโดยทั่วไปจะครอบคลุมการรับประกันรถใหม่ 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่แรงสูง 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร (สำหรับรุ่นไฟฟ้า) อย่างไรก็ตามเงื่อนไขอาจแตกต่างกันไปตามตัวแทนจำหน่ายหรือโปรโมชั่น ดังนั้นแนะนำให้ตรวจสอบนโยบายล่าสุดกับตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นก่อนตัดสินใจซื้อ สำหรับการใช้รถไฟฟ้าในประเทศไทยควรระวังผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนชื้นที่มีต่อแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่าย Hyundai ในประเทศไทยยังมีบริการตรวจเช็ครถฟรีซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการซื้อรถไฟฟ้าทั้งในส่วนของการลดภาษีและเงินอุดหนุน ก่อนซื้อสามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์ล่าสุดได้ ส่วนเครือข่ายบริการหลังการขายของ Hyundai ในเมืองหลักของประเทศไทยค่อนข้างครอบคลุม และบางศูนย์บริการยังมีรถทดแทนให้ใช้ระหว่างส่งรถเข้าซ่อม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของรถอีกด้วย
Q
วิธีการตั้งค่าควบคุมความเร็วบน Hyundai Kona
การตั้งค่าระบบควบคุมความเร็วแบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ใน Hyundai Kona รุ่นใหม่นั้นทำได้ง่ายๆ เริ่มจากต้องมั่นใจว่ารถอยู่ในสถานะพร้อมขับเคลื่อนและมีความเร็วเกิน 30 กม./ชม. กดปุ่ม "CRUISE" ที่อยู่ด้านขวาของพวงมาลัยเพื่อเปิดใช้งานระบบ จากนั้นใช้ปุ่ม "SET+" หรือ "SET-" เพื่อปรับความเร็วตามต้องการ กดเบาๆจะปรับขึ้นลงครั้งละ 1 กม./ชม. แต่ถ้ากดค้างจะปรับครั้งละ 10 กม./ชม. ส่วนการตั้งค่าระยะห่างจากรถคันหน้าสามารถปรับได้ที่ปุ่มควบคุมระยะห่างบนพวงมาลัย (ปกติจะมีให้เลือก 3 ระดับ) ระบบนี้ใช้งานได้ทั้งในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯหรือบนทางหลวงโล่งๆ ถ้าต้องการหยุดระบบชั่วคราวก็แค่เหยียบเบรกหรือกดปุ่ม "CANCEL" เมื่อต้องการกลับมาใช้ระบบอีกครั้งก็กด "RES" เพื่อกลับไปใช้ความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า ระบบนี้ยังมีฟังก์ชัน Stop & Go ที่สามารถเคลื่อนตัวตามรถคันหน้าได้อัตโนมัติหลังจากหยุดชั่วคราว เหมาะมากกับสภาพการจราจรทั่วไปของไทย อย่างไรก็ตามระบบนี้เป็นเพียงผู้ช่วยขับขันระดับ L2 ผู้ขับขี่ยังต้องคอยสังเกตการณ์ด้านหน้าตลอดเวลา ชุดความปลอดภัย SmartSense ของ Hyundai ทำงานได้เสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบความสะอาดของเรดาร์และกล้องเป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนรถรุ่นใกล้เคียงอย่าง Toyota Corolla Cross หรือ Honda HR-V ก็มีระบบคล้ายๆกัน แต่รายละเอียดการใช้งานอาจแตกต่างกันเล็กน้อย
Q
ราคา Hyundai Kona Electric อยู่ที่เท่าไหร่
ปัจจุบันในตลาดไทย Hyundai Kona Electric ราคาอยู่ที่ประมาณ 1.29 - 1.69 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่น SUV ไฟฟ้าล้วนนี้มีให้เลือก 2 แบบแบตเตอรี่ แบบมาตรฐานวิ่งได้ประมาณ 305 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ส่วนรุ่นระยะไกลวิ่งได้ถึง 484 กม. เหมาะมากสำหรับการเดินทางในเมืองและการท่องเที่ยวระยะสั้นในไทย โคนา อิเล็กทริกมาพร้อมระบบช่วยขับอัจฉริยะ จอสัมผัส 10.25 นิ้ว และรองรับการชาร์จเร็ว DC ที่ชาร์จถึง 80% ในเวลาเพียง 54 นาที สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายที่คนไทยสนใจ รถคันนี้ใช้ค่าไฟเพียงประมาณ 0.5 บาทต่อกม. ช่วยประหยัดได้มากเมื่อเทียบกับรถน้ำมัน นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถ EV ทำให้ซื้อได้ในราคาที่ดีขึ้น แนะนำให้ผู้ที่สนใจไปทดลองขับที่โชว์รูมฮุนไดเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความเงียบและแรงเร่งทันทีของรถไฟฟ้า พร้อมสอบถามโปรโมชั่นและสิทธิ์ลดภาษีล่าสุดจากพนักงานขาย
Q
ฮุนไดคอนามีที่นั่งกี่ที่
รถ SUV ขนาดเล็ก Hyundai Creta ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย มาพร้อมกับตัวเลือกการจัดวางเก้าอี้ 2 แบบ ทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง โดยแบบ 5 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน ส่วนแบบ 7 ที่นั่งนั้นเพิ่มความสะดวกด้วยเบาะแถวที่สามที่พับเก็บได้ ช่วยให้ปรับพื้นที่ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยที่ใช้งานได้ทุกโอกาส ในสภาพอากาศร้อนของไทย รุ่นนี้ยังติดตั้งระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูงและช่องลมเย็นแถวหลังเป็นมาตรฐานทุกรุ่น พร้อมระยะฐานล้อ 2,710 มม. ที่ช่วยเพิ่มความสบายในการนั่ง และฟังก์ชันปรับเอนนั่งแถวที่สองที่ช่วยให้สบายยิ่งขึ้นในการเดินทางไกล ด้านสมรรถนะ มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0L แบบดูดธรรมดาคู่กับเกียร์ออโต้ 6 สปีด ที่ให้การขับขี่ลื่นไหลทั้งในเมืองและเส้นทางต่างจังหวัด ที่สำคัญคือความสูงช่วงท้องรถ 185 มม. ทำให้สามารถรับมือกับถนนลูกรังบางพื้นที่ในไทยได้ดี เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน Hyundai Creta ยังโดดเด่นด้วยคุณสมบัติคุ้มค่า เช่น ระบบความปลอดภัย 6 เอียร์แบ็ก ระบบควบคุมเสถียรภาพ และกุญแจอัจฉริยะมาตรฐานทุกรุ่น รวมถึงเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมเมืองหลักทั่วไทย โดยกำหนดระยะเวลาบำรุงรักษาที่ 10,000 กม. หรือทุก 6 เดือน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ทำให้ Hyundai Creta เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของคนไทยในตลาด SUV ขนาดเล็ก
Q
นานแค่ไหนในการชาร์จ Hyundai Kona
เวลาชาร์จรถ Hyundai Kona รุ่นไฟฟ้าในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่และประเภทเครื่องชาร์จ ตัวอย่างเช่นรุ่น 64kWh แบบระยะทางไกล หากใช้เครื่องชาร์จเร็ว DC 50kW ที่พบทั่วไปในไทย จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที ในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% แต่ถ้าใช้เครื่องชาร์จที่บ้าน 7.2kW จะต้องใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงเพื่อชาร์จเต็ม สภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้ประสิทธิภาพการชาร์จลดลงประมาณ 5-8% แนะนำให้หลีกเลี่ยงการชาร์จในช่วงเที่ยงวันเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่มีเครื่องชาร์จเร็ว 150kW ที่สามารถลดเวลาชาร์จเหลือเพียง 47 นาที ควรทราบว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มีข้อกำหนดพิเศษเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน แนะนำให้เลือกใช้เครื่องชาร์จของทางโรงงานจะดีที่สุด สำหรับการใช้ประจำวัน การรักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20%-80% จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ หากต้องเดินทางไกล สามารถวางแผนจุดชาร์จระหว่างทางผ่านแอปเช่น PlugShare ได้ ปัจจุบันสถานีบริการบนทางหลวงหลักของไทยมีสถานีชาร์จเร็วอย่างน้อย 1 แห่งในทุกระยะ 150 กิโลเมตร
Q
วิธีปิดระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะใน Hyundai Kona
วิธีปิดระบบ Smart Cruise Control ใน Hyundai Kona ทำได้ง่าย ขั้นแรกให้แน่ใจว่ารถอยู่ในสภาพหยุดนิ่งหรือความเร็วต่ำ จากนั้นกดปุ่ม CRUISE ที่ด้านขวาของพวงมาลัย ระบบจะปิดการทำงานทันทีและไฟแสดงบนมาตรวัดจะดับ แสดงว่าฟังก์ชันถูกปิดเรียบร้อย ควรสังเกตว่าในสภาพถนนซับซ้อน เช่น เส้นทางภูเขาหรือการจราจรติดขัดรอบกรุงเทพฯ การปิดระบบช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมความเร็วได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้นและเพิ่มความปลอดภัย ระบบ Smart Cruise ของ Hyundai ใช้เทคโนโลยีเรดาร์และกล้องอัจฉริยะเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า แต่ในสภาพฝนตกหนักหรือย้อนแสงรุนแรงควรปิดชั่วคราวเพื่อลดความผิดพลาด หากต้องการเปิดใช้งานอีกครั้ง เพียงกดปุ่ม CRUISE และตั้งความเร็วที่ต้องการ ระบบนี้ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ในระยะทางไกลหรือทางหลวง
Q
ทำไมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติใน Hyundai Kona ของฉันไม่ทำงาน?
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของ Kona รุ่นใหม่อาจทำงานไม่ได้จากหลายสาเหตุ อย่างแรกต้องตรวจสอบว่าเงื่อนไขการทำงานครบถ้วนหรือไม่ เช่น ความเร็วต้องถึง 30 กม./ชม. ขึ้นไป ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยทำงานปกติไหม หรือระบบถูกปิดโดยไม่ได้ตั้งใจ อากาศร้อนของไทยอาจทำให้เซ็นเซอร์ทำงานผิดพลาดชั่วคราว แนะนำให้จอดพักให้ระบบเย็นลงแล้วลองใหม่ นอกจากนี้หากบริเวณกล้องบนกระจกหน้ามีคราบสกปรก ฝน หรือแสงสะท้อนมากก็ส่งผลต่อการทำงาน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนของไทยที่เจอบ่อย ควรทำความสะอาดกระจกหน้าและตรวจสอบกล้องเป็นประจำ หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วยังไม่แก้ไข อาจเกิดจากการปรับเทียบเรดาร์ผิดพลาดหรือต้องการอัปเดตซอฟต์แวร์ แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตของ Hyundai ในไทยเพื่อตรวจสอบอย่างมืออาชีพ ศูนย์บริการใช้เครื่องมือที่สามารถหาปัญหาได้อย่างแม่นยำ โดย Hyundai มีเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมเมืองใหญ่เช่น กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต ข้อสำคัญคือระบบช่วยขับขี่แบบนี้เมื่อใช้ในสภาพการจราจรซับซ้อนของไทยต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อติดขัดในกรุงเทพหรือเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดบนถนนชนบท ผู้ขับขี่ควรพร้อมควบคุมรถตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย
Q
ฉันต้องทำอย่างไรเพื่อใช้งานควบคุมความเร็วอัตโนมัติ?
เมื่อต้องการใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ACC) ในรถยนต์ขณะขับขี่ในประเทศไทย สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบว่ารถของคุณมีระบบนี้และพร้อมใช้งาน ซึ่งปกติจะมีปุ่มเฉพาะที่พวงมาลัยหรือคันบังคับ หลังจากเปิดระบบแล้ว ให้ใช้ปุ่ม "+/-" เพื่อตั้งความเร็วที่ต้องการ ระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติตามระยะห่างจากรถคันหน้า ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความสะอาดของเซ็นเซอร์เรดาร์เป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นหรือแมลงมาบดบังการทำงานของระบบ ในเขตเมืองกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่น อาจปรับระดับการรักษาระยะห่างให้สั้นลง ส่วนในการขับขี่ทางไกลบนทางด่วนสามารถปรับระดับให้สูงขึ้นเพื่อความสบายยิ่งขึ้น รุ่นรถบางคันมีฟังก์ชัน Stop&Go ที่สามารถหยุดรถและเคลื่อนตัวต่อได้อัตโนมัติในสภาพการจราจรแออัด แต่ผู้ขับขี่ยังต้องมีสมาธิอยู่เสมอ ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย ควรระวังข้อจำกัดของระบบเมื่อต้องเผชิญกับสภาพฝนตกหนัก แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้การขับขี่แบบมือจะปลอดภัยกว่า รถแต่ละยี่ห้ออาจมีรายละเอียดการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย สามารถศึกษาเพิ่มเติมจากคู่มือเจ้าของรถหรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายเพื่อคำแนะนำเฉพาะรุ่น ระบบนี้ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ได้ดี แต่ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติสมบูรณ์แบบ การใช้งานอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลายของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

ระบบความปลอดภัยของยานพาหนะดีเยี่ยม พร้อมทั้งระบบป้องกันการชนด้านหน้า (FCA) ระบบรักษาช่องจราจรอัตโนมัติ (LKA) ระบบแจ้งเตือนการขับขี่เมื่อเหนื่อย (DAW) ระบบตรวจสอบจุดบอด (BCW) ฯลฯ
ระบบความบันเทิงและข้อมูลใช้งานสะดวก ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วที่ออกแบบมาให้สะดวกในการใช้งาน
มีตัวเลือกแบตเตอรีหลายรูปแบบซึ่งไม่ปกติในรถยนต์ไฟฟ้าในลำดับเดียวกัน
ระบบขับเคลื่อนตอบสนองได้รวดเร็ว ควบคุมได้ดี มีโหมดการขับขี่หลายโหมดที่สามารถเลือกได้เช่น ECO, ECO+, Sport
ชิ้นส่วนของรถยนต์มีความแน่น ยานพาหนะมีความสบายเนื่องจากเสถียรภาพระหว่างการขับขี่ในเมือง และผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วที่ดี

ข้อเสีย

ภายในรถกันเสียงไม่ดีพอพบเสียงเสียงลม, เสียงล้อและเสียงพัดลมระบายความร้อนแบตเตอรี่ดัง
ยางไม่มีความยึดเกาะเพียงพอซึ่งสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุในขณะขับขี่
พื้นที่เก็บของที่มีขนาดเล็ก ไม่ว่าจะพับเก้าอี้ก็ยังมีข้อจำกัดในการเก็บของ
เวลาเติมชาร์จนานอาจใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง การชาร์จที่สามารถใช้งานจากที่พักอาศัยอาจใช้เวลา 19 - 31 ชั่วโมง ระยะทางที่สามารถขับได้ถูกจำกัดความจำเป็นต้องวางแผนการเดินทางระยะไกลล่วงหน้า

Q&A ล่าสุด

Q
"รถที่มีราคาสูงที่สุดในโลกในปี 2024 คืออะไร?"
ในปี 2024 รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้น Rolls-Royce Boat Tail รุ่นคัสตอมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ราคาพุ่งไป 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเรือยอร์ชโบราณ ตัวถังทาสีเมทัลลิกที่ขัดมืออย่างประณีต ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยอุปกรณ์สุดหรูเช่น ตู้เย็นเก็บแฮมพาร์มาและชุดเครื่องเงินสำหรับคาเวียร์ ตามมาติดๆ คือ Bugatti La Voiture Noire รถซุปเปอร์คาร์สัญชาติฝรั่งเศสที่ราคา 18.5 ล้านดอลลาร์ มาพร้อมเครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตร ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ 420 กม./ชม. สำหรับในตลาดรถไทย เราอาจจะเคยเห็น Rolls-Royce Phantom หรือ Lamborghini รุ่นลิมิเต็ดเอดิชันวิ่งอยู่แถวกรุงเทพฯบ้าง ซึ่งรถระดับนี้มักจะมีระบบป้องกันฝุ่นพิเศษ สําหรับผู้ที่ชื่นชอบการสะสมรถยนต์ นอกจากการให้ความสําคัญกับราคาแล้ว ควรเข้าใจศักยภาพในการรักษามูลค่าของรถยนต์เหล่านี้มากขึ้น เช่น ราคาของ Ferrari 250 GTO ในการประมูลเพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านเป็น 70 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ความขาดแคลนนี้จึงเป็นคุณค่าหลักของรถยนต์หรูหราชั้นนํา
Q
อะไรทำให้ Revuelto มีราคาแพงขนาดนี้?
ราคาสูงลิ่วของ Lamborghini Revuelto เกิดจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอินรุ่นแรกของแบรนด์ พร้อมด้วยคุณสมบัติการผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชัน ที่มาพร้อมระบบไฮบริดซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 แบบดูดธรรมชาติและมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงถึง 1,015 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาที สมรรถนะระดับนี้ต้องพึ่งพาวัสดุลดน้ำหนักจากคาร์บอนไฟเบอร์และระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาในระดับมาตรฐานการบิน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถขับเคลื่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อนระอุของประเทศไทย ระบบระบายความร้อนอัจฉริยะและจานเบรกเซรามิกจะช่วยรักษาความเสถียรระหว่างขับขี่แบบสุดเหวี่ยง ส่วนกรรมวิธีการผลิตแบบทำมือในอิตาลีทำให้ผลผลิตต่อเดือนไม่ถึง 100 คัน ความหายากนี้เองที่ดันราคาให้สูงขึ้น ซูเปอร์คาร์ระดับนี้ส่วนใหญ่จะผลิตแบบออร์เดอร์เมด (สั่งทำตามใบสั่ง) โดยบริการปรับแต่งพิเศษเช่นสีรถเฉพาะหรือหนังหุ้มเบาะภายในย่อมเพิ่มต้นทุนเข้าไปอีก ในขณะที่ระบบไฮบริดซึ่งซับซ้อนกว่าซูเปอร์คาร์ทั่วไปก็ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาระยะยาวด้วย ที่น่าสนใจคือ ไฮเปอร์คาร์ในระดับราคานี้มักมาพร้อมเทคโนโลยีระดับสนามแข่ง อย่างระบบแอคทีฟแอโรไดนามิกส์หรือระบบกระจายแรงบิด (Torque Vectoring) ซึ่งต้นทุนการวิจัยและพัฒนาที่สูงลิบเหล่านี้จะถูกเฉลี่ยเข้ากับแต่ละคันที่ผลิต ทำให้รถสมรรถนะขั้นสุดแบบนี้กลายเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มโดยธรรมชาติ
Q
มียอดขายรถ Lamborghini ในปี 2024 จำนวนเท่าไร?
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับยอดขายทั่วโลกของ Lamborghini ในปี 2024 แต่จากผลงานในปีที่ผ่านมาของแบรนด์นี้ พบว่ายอดขายต่อปีมักจะอยู่ที่ประมาณ 8,000 ถึง 10,000 คัน โดยรุ่น Urus เป็นตัวหลักที่ทำยอดขายเกิน 60% ของทั้งหมด ในตลาดท้องถิ่น Lamborghini มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ พร้อมเสนอผลิตภัณฑ์ครบทุกรุ่นทั้ง Huracán Aventador รุ่นต่อเนื่อง และ Urus ซึ่งรุ่น Urus นั้นได้รับความนิยมเป็นพิเศษเพราะตอบโจทย์ทั้งความแรงและความประหยัดพื้นที่ ที่น่าสนใจคือแบรนด์ซูเปอร์คาร์ในยุคนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า Lamborghini เองก็ประกาศแล้วว่าจะเปิดตัว Revuelto รุ่นไฮบริดแรก ซึ่งนับเป็นการเริ่มปรับตัวตามเทรนด์พลังงานสะอาด แต่ยังคงรักษาลักษณะเฉพาะของเครื่องยนต์ความจุสูงไว้ แนวทางนี้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่นที่อยากได้ทั้งสมรรถนะสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับผู้ที่สนใจซื้อ นอกจากจะดูตัวเลขยอดขายแล้ว ควรให้ความสำคัญกับระยะเวลารอคอยและการบริการปรับแต่งเฉพาะตัวของรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันเหล่านี้ ซึ่งปกติต้องติดต่อล่วงหน้ากับตัวแทนจำหน่ายอย่างน้อยหลายเดือนเพื่อกำหนดสเปค
Q
รถยนต์ที่ขายเร็วที่สุดในปี 2024 คือรุ่นใด
รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในปี 2024 คือ Toyota Hilux Revo ซึ่งเป็นรถปิคอัพที่ครองใจผู้บริโภคด้วยความทนทาน ประหยัดน้ำมัน และความสามารถในการขับขี่บนทุกสภาพถนน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องขนของหรือเดินทางไกลบ่อยๆ Hilux Revo ไม่เพียงแต่มีโครงสร้างแข็งแรงและระบบเครื่องยนต์อันล้ำสมัย แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์ช่วยขับขี่อัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ นอกจากรถปิคอัพแล้ว รถไฟฟ้าอย่าง BYD ATTO 3 ก็มาแรงไม่แพ้กัน ด้วยราคาคุ้มค่าและค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำ ดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ยอดขายรถไฮบริดและรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเริ่มยอมรับเทคโนโลยีประหยัดพลังงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบเดิมหรือรถพลังงานใหม่ สิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเวลาซื้อรถคือความคุ้มค่า ความทนทาน และค่าบำรุงรักษา ขณะที่การบริการหลังการขายและการจัดหาอุปกรณ์เสริมที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ
Q
รถที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในปี 2024 คืออะไร?
คาดว่าในปี 2024 รถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นรุ่นไฮบริดและไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะ Toyota bZ4X และ BYD ATTO 3 ที่ผสมผสานระหว่างความใช้งานได้จริงกับเทคโนโลยีรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากด้วยต้นทุนการประหยัดพลังงานและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล ส่วนรถปิกอัพอย่าง Toyota Hilux Revo และ Isuzu D-MAX ยังคงเป็นที่นิยมสูงเนื่องจากความทนทานและความหลากหลายในการใช้งานที่เหมาะกับสภาพถนนและไลฟ์สไตล์ของคนไทย นอกจากนี้รถหรูแบรนด์ดังอย่าง Mercedes-Benz EQ Series และ BMW iX ก็ยังครองใจกลุ่มตลาดบนด้วยภาพลักษณ์แบรนด์และเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟและการเพิ่มความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยานพาหนะเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมยังคงสามารถแข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด แนะนำให้ทดลองขับรถและเปรียบเทียบค่าบำรุงรักษาและประสิทธิภาพความทนทานของพลังงานประเภทต่าง ๆ ก่อนที่จะซื้อรถเพื่อให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคล
ดูเพิ่มเติม