Q

MG extender มีแรงม้าเท่าไหร่

MG Extender ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า (PS) โดยไม่ว่าจะเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ รุ่นขับเคลื่อนสองล้อหรือสี่ล้อ เครื่องยนต์ทุกรุ่นยังคงมีกำลังสูงสุดที่ 161 แรงม้า ระดับพละกำลังนี้เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงสามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนได้ เช่น การบรรทุกสัมภาระหรือการขับขี่แบบออฟโรด ซึ่ง MG Extender สามารถให้สมรรถนะที่เพียงพอและเชื่อถือได้ในทุกสถานการณ์
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ประเทศไหนที่สร้าง MG extender
MG Extender เป็นรถกระบะที่พัฒนาและผลิตโดยความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน ภายใต้แบรนด์ MG ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย รถรุ่นนี้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการผลิตระดับโลกของกลุ่มบริษัท SAIC ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MG โดยสายการผลิตในประเทศไทยได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดท้องถิ่นเป็นพิเศษ รุ่นที่ประกอบในไทยได้รับการออกแบบให้รองรับสภาพการขับขี่และสภาพอากาศในประเทศไทย เช่น การเสริมสมรรถนะในการทนความร้อนและการป้องกันสนิม ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกชุกของไทยเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การผลิตในประเทศยังทำให้ MG Extender ได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายท้องถิ่นทั้งในด้านราคาและเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยทั้งในด้านสมรรถนะ ความทนทาน และความคุ้มค่าในการใช้งาน

ข้อดี

หน้าตาสมาร์ทและแข็งแกร่ง ดูดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาก
ช่องโหลดข้างหลังมีขนาดใหญ่ที่สุด ยาวถึง 1900 มิลลิเมตร ทำให้มีความสามารถในการใส่ของมาก
อุปกรณ์ความปลอดภัยที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงหลายระบบ
ระบบระบบขับขี่ระบบขับขี่ที่เดินทางด้วยความสะดวกสบายในความเร็วต่ำ และเสถียรในการขับขี่ความเร็วสูง
ชั้นน้ำสูงสุดสามารถเป็น 50 เซนติเมตร

ข้อเสีย

ราคาขายไม่น่าสนใจเท่าไหร่ จาก 559000 - 1039000 บาทเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ในตลาด มีความแข็งแกร่งทางแบรนด์อย่างต่ำ
เครื่องยนต์ไม่ประหยัดน้ำมัน ปริมาณการใช้พลังงานเพียง 13.3 กิโลเมตร / ลิตร ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆประมาณ 15 กิโลเมตร / ลิตร
ความสามารถในการขับขี่ในน้ำต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในตลาด ผลิตภัณฑ์บางอย่างสามารถขับได้ถึง 80 ซม.
ศูนย์บริการน้อยกว่าแบรนด์หลัก ความครอบคลุมไม่กว้าง

Q&A ล่าสุด

Q
ราคามือสองของ Denza D9 คืออะไร ตรวจสอบราคามือสองได้ที่นี่
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลราคามือสองของ DENZA D9 โดยตรง แต่รุ่นใหม่ของ DENZA D9 ในตลาดไทยมีหลายเวอร์ชัน ได้แก่ DENZA D9 Premium 2024 ราคาขาย 1,999,900 บาท และ DENZA D9 Performance AWD 2024 ราคาขาย 2,699,900 บาท ราคามือสองโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุการใช้งาน กิโลเมตรที่วิ่ง สภาพรถ และอุปสงค์อุปทานในตลาด โดยรถที่อายุใช้งานสั้น วิ่งน้อย และสภาพดี มักมีราคาสูงกว่า ส่วนรถที่มีประวัติอุบัติเหตุหรือสภาพไม่ดี ราคาจะลดลงอย่างมาก หากต้องการทราบราคามือสองที่แม่นยำ แนะนำให้ติดตามแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองที่เชื่อถือได้ในท้องถิ่น หรือติดต่อผู้จำหน่ายรถมือสองที่มีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการค่ะ
Q
ความดันลมยางของ Denza D9 คือเท่าไร
Denza D9 เป็น MPV พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม มีค่าความดันลมยางมาตรฐานแนะนำอยู่ที่ประมาณ 2.3 ถึง 2.5 บาร์ (33-36 psi) ซึ่งค่าที่แน่นอนอาจแตกต่างกันตามรุ่นรถหรือขนาดยาง ควรอ้างอิงข้อมูลจากป้ายที่เสากลางประตูหรือคู่มือฉบับภาษาไทย เนื่องจากสภาพอากาศร้อนชื้นในไทย ควรปรับความดันลมยางตามฤดูกาล โดยในฤดูร้อนสามารถลดความดันลง 0.1-0.2 บาร์ เพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไปและการระเบิดของยาง ส่วนในฤดูฝนหรือก่อนเดินทางไกลควรตรวจสอบความดันให้คงที่ สภาพถนนในไทยมีทั้งการจราจรติดขัดในเมืองและถนนชนบทที่ซับซ้อน การรักษาความดันลมยางให้เหมาะสมช่วยเพิ่มความนุ่มนวล ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน และยืดอายุการใช้งานยาง หากบรรทุกน้ำหนักมากหรือใช้ความเร็วสูง สามารถเพิ่มความดันขึ้นประมาณ 0.1 บาร์ กฎหมายไทยกำหนดให้ใช้ยางที่ผ่านมาตรฐาน TIS และระบบตรวจจับความดันลมยาง (TPMS) มีความสำคัญอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อนชื้น ควรตรวจวัดความดันอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยเฉพาะก่อนและหลังฤดูฝน เพื่อป้องกันปัญหายางสึกหรอเกินไปหรือแตกร้าวบริเวณแก้มยาง ซึ่งสำคัญต่อความปลอดภัยและการดูแลรักษารถยนต์อย่างมาก
Q
ขนาดยางของ Denza D9 คืออะไร
Denza D9 มีขนาดยางล้อหน้าเป็น 235/60 R18 และยางล้อหลังก็มีขนาดเดียวกันคือ 235/60 R18 ขนาดยางนี้มีคุณสมบัติและข้อดีหลายประการ โดยอัตราส่วนแก้มยาง 60 ทำให้แก้มยางค่อนข้างหนา ซึ่งช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ทำให้ประสบการณ์การขับขี่และโดยสารนุ่มนวลขึ้น ขอบล้อขนาด 18 นิ้วมีขนาดที่เหมาะสม ทั้งด้านความสวยงามและการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ขนาดยางนี้ยังเป็นขนาดที่พบได้ทั่วไปในตลาด ทำให้การเปลี่ยนยางในอนาคตมีตัวเลือกมากมายและราคามีความหลากหลาย อีกทั้งยางขนาดนี้ยังทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างของรถได้ดี ช่วยให้รถมีความมั่นคงและการควบคุมที่ดีขณะขับขี่อีกด้วย
Q
Denza D9 คุ้มค่าหรือไม่ มาดูจุดเด่นและฟังก์ชันกัน
Denza D9 เป็นรถ MPV พลังงานไฟฟ้าหรูที่น่าสนใจ ราคาของรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าอยู่ที่ 1,999,900 บาท ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อราคา 2,699,900 บาท รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ามีกำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ และระยะทางขับขี่ได้ 600 กิโลเมตร รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมีกำลังรวม 275 กิโลวัตต์ ระยะทางขับขี่ 580 กิโลเมตร ตัวรถมีขนาดยาว 5,250 มิลลิเมตร กว้าง 1,960 มิลลิเมตร สูง 1,920 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร ใช้การจัดวางที่นั่งแบบ 2+2+3 รวม 7 ที่นั่ง ภายในกว้างขวาง ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมลำโพง Dynaudio 14 ตัว ระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัย 8 จุด ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ (ESC) อย่างไรก็ตาม รถยังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 ซึ่งลดสเปกลงเมื่อเทียบกับรุ่นสูงในจีน และมีเสียงรบกวนบางส่วนจากการใช้งาน เช่น เสียงเบรกหรือเสียงปัดน้ำฝน โดยรวม Denza D9 มีข้อดีในด้านพลังงานไฟฟ้าและดีไซน์ที่ดึงดูดใจ สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละคนว่าคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่
Q
เมื่อไรคือวันเปิดตัว Denza D9
Denza D9 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2024 โดยรุ่นที่เปิดตัวในตลาดไทยครั้งแรกคือรุ่น Premium-AWD ซึ่งเป็นรถ MPV พลังงานไฟฟ้าระดับหรูที่มีความยาวตัวถังมากกว่า 5.25 เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ มีกำลังสูงสุด 275 กิโลวัตต์ (ประมาณ 368 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.9 วินาที นอกจากนี้ยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า คือ DENZA D9 Premium 2024 ที่มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยวแบบขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 9.5 วินาที และระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าตามที่ระบุอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 600 กิโลเมตร ทั้งสองรุ่นติดตั้งเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery และระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ที่สามารถรองรับทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี
ดูเพิ่มเติม