วิธีพับเบาะหลังของ Volvo

สำหรับตลาดไทย Ferrari 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดปลั๊กอินถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการสมรรถนะสุดขีดแต่ยังคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ผสานเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที ซึ่งสมรรถนะเทียบเท่ารถยนต์รุ่น V8 แบบเดิม ขณะเดียวกันยังสามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางประมาณ 25 กม. เหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ สภาพอากาศร้อนของไทยอาจเป็นความท้าทายสำหรับระบบระบายความร้อนของรถไฮบริด แต่ Ferrari ออกแบบระบบทำความเย็นมาอย่างดี พร้อมบริการหลังการขายที่ครบครันจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงว่าภาษีนำเข้ารถหรูในไทยค่อนข้างสูง ทำให้ราคาสุดท้ายจะแพงกว่าตลาดยุโรปประมาณ 40-50% แต่ข้อดีคือรถจะทรงมูลค่าได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับซูเปอร์คาร์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน 296 GTB มีจุดแข็งที่ระบบไฮบริดซึ่งเหมาะกับสภาพถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า แถมยังมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลไทยสำหรับยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคต สำหรับผู้ที่สนใจ แนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูม Ferrari ในกรุงเทพฯ หรือพัทยา เพื่อสัมผัสประสบการณ์การควบคุมและความลื่นไหลของระบบไฮบริดด้วยตัวเอง

ใช่แล้ว Ferrari 296 GTB นี่คือซูเปอร์คาร์ตัว ด้วยระบบไฮบริด V6 เทอร์โบชาร์จ 120 องศาที่ล้ำสมัย ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที ถือว่าเข้าขั้นซูเปอร์คาร์โดยแท้ สำหรับสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย ระบบไฮบริดของมันไม่เพียงให้พลังอันทรงพลัง แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานได้ดีกว่าในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ส่วนข้อดีเพิ่มเติมสำหรับคนไทยนั่นคือการออกแบบแบบปลั๊กอินไฮบริดที่ทำให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลสำหรับยานพาหนะพลังงานสะอาด แถมยังมีการออกแบบแอโรไดนามิกส์ล่าสุดจาก Ferrari ที่ให้ความมั่นคงสูงแม้ในฤดูฝนของไทย ที่สำคัญตอนนี้ซูเปอร์คาร์กำลังเป็นที่นิยมในไทยมากครับ จะเห็นได้บ่อยๆ ในกรุงเทพฯ และพัทยา สำหรับ 296 GTB ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและเทคโนโลยีไฮบริดอันล้ำสมัย นี่แหละที่จะกลายเป็นซูเปอร์คาร์สุดโปรดของแฟนๆ รถสปอร์ตชาวไทยแน่นอน

Ferrari 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่ผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชันจริงๆ แต่บริษัทไม่ได้เปิดเผยตัวเลขการผลิตที่แน่นอน ซึ่งหมายความว่าความหายากของมันขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดและแผนการผลิตมากกว่า ในตลาดไทยรถรุ่นนี้ก็หายากมาก ส่วนใหญ่เพราะราคาที่สูงลิ่วและคุณสมบัติแบบลิมิเต็ดเอดิชัน โดยทั่วไปจะมีเพียงนักสะสมระดับสูงหรือลูกค้า VIP ของ Ferrari เท่านั้นที่มีโอกาสเป็นเจ้าของ 296 GTB ติดตั้งระบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตรเทอร์โบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ประสิทธิภาพการขับขี่ยอดเยี่ยมมาก แถมยังออกแบบมาให้รวมเข้ากับเทคโนโลยีแอโรไดนามิกล่าสุดของ Ferrari เหมาะสำหรับการขับขี่สมรรถนะสูงในสภาพอากาศร้อนของไทย สำหรับแฟนๆ รถไทยที่อยากสัมผัสประสบการณ์การขับขี่คล้ายๆ กันแต่มีงบจำกัด อาจจะลองดู Ferrari Portofino หรือ Roma รุ่นที่เข้าถึงง่ายกว่า ซึ่งก็มีประสิทธิภาพและการออกแบบสไตล์อิตาเลียนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แถมในตลาดไทยยังเห็นบ่อยกว่าอีกด้วย

Ferrari 296 GTB นี่แหละที่เป็นซุปเปอร์คาร์สุดเจ๋งจริงๆ ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดเกิน 330 กม./ชม. แม้จะขับในเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นถนนในกรุงเทพฯ หรือเส้นคดเคี้ยวบนเกาะช้าง ก็โชว์ความแรงได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากแรงดุแล้ว ยังมีการออกแบบแอโรไดนามิกส์ชั้นเยี่ยม เช่น สปอยเลอร์หลังแบบ Active ที่ช่วยให้ควบคุมรถได้มั่นใจแม้ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ส่วนคนไทยจะชอบตรงที่ระบบไฮบริดของ 296 GTN สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 25 กม. เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น ลดการปล่อยมลพิษ แถมดีไซน์ยังผสมผสานระหว่างเส้นสายคลาสสิกของ Ferrari กับความทันสมัย ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อย ถ้าสนใจรถซุปเปอร์คาร์ไฮบริดแบบนี้ ลองไปดูรุ่นอื่นๆ อย่าง McKaren Artura หรือ Porsche 911 Turbo S E-Hybrid ก็ได้ แต่ละคันมีเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัยเหมือนกัน แต่ลีลาการขับขี่และสไตล์การออกแบบก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการส่วนตัวเลยว่าจะเลือกแบบไหน

ชื่อ Ferrari 296 GTB นั้นแฝงไปด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์แบรนด์และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย โดย "296" หมายถึงเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ที่ผสมผสานระหว่างความจุกระบอกสูบกับจำนวนสูบ ส่วน "GTB" ย่อมาจากภาษาอิตาลีว่า "Gran Turismo Berlinetta" ซึ่งสืบทอดมาจากธรรมเนียมการตั้งชื่อรถคลาสสิกของ Ferrari อย่างรุ่น 250 GTB ในยุค 1960s ซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี้รวมพลังจากทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 830 แรงม้า สะท้อนความฉลาดสร้างของ Ferrari ในยุคที่เทคโนโลยีไฟฟ้ากำลังมาแรง สำหรับแฟนๆ ชาวไทยแล้ว ชื่อ 296 GTB ไม่เพียงเชื่อมโยงกับดีเอ็นเอของ Ferrari เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยขนาดกะทัดรัดและระบบไฮบริด ที่สำคัญ ความคลั่งไคล้ในซูเปอร์คาร์รุ่นบริมาณจำกัดของเศรษฐีไทยยังทำให้รถรุ่นนี้เป็นที่จับตามองในตลาดท้องถิ่น ต้องบอกว่า Ferrari ในยุคหลังให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อรถด้วยตัวเลขที่มีความหมาย เช่น SF90 ที่หมายถึงครบรอบ 90 ปีของแบรนด์ วิธีการตั้งชื่อแบบนี้ทั้งรักษาเอกลักษณ์อิตาลีและยังเน้นจุดขายทางเทคโนโลยีได้อย่างคมชัด