Q
วิธีการเปิดฝากระโปรง Porsche Cayenne
วิธีเปิดฝากระโปรงหน้าของ Porsche Cayenne โดยทั่วไปให้หาคันโยกเปิดฝากระโปรงที่อยู่บริเวณด้านซ้ายของที่วางเท้าผู้ขับขี่ในห้องโดยสาร หลังจากดึงคันโยกแล้ว ให้เดินมาที่ด้านหน้าของรถ บริเวณกึ่งกลางของฝากระโปรงจะมีตัวล็อกที่สามารถเลื่อนด้วยมือ เมื่อเลื่อนตัวล็อกจะสามารถเปิดฝากระโปรงได้
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ม้าแรงใน porsche cayenne มีอยู่เท่าไหร่
พอร์เช่ คายเอนน์ มีช่วงกำลังแรงม้าซึ่งแตกต่างกันตามแต่ละรุ่น รุ่นเริ่มต้น คายเอนน์ (3.0T V6) ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า รุ่นที่มีสมรรถนะสูงขึ้น คายเอนน์ เอส (2.9T V6) เพิ่มขึ้นเป็น 440 แรงม้า ขณะที่รุ่นเรือธง คายเอนน์ ทูโบ (4.0T V8) สามารถพุ่งพรวดถึง 650 แรงม้า และรุ่นไฮบริด คายเอนน์ ทูโบ เอส อี-ไฮบริด สามารถทำกำลังได้ถึง 739 แรงม้า โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงสุดที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ระบบเครื่องยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความชำนาญในการปรับแต่งเครื่องยนต์ของพอร์เช่ แต่ยังมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้กำลังถูกส่งไปยังทั้งสี่ล้ออย่างมีประสิทธิภาพ ควรทราบว่าอากาศร้อนของประเทศไทยอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์เทอร์โบ (โดยเฉพาะในการขับขี่ที่รุนแรงต่อเนื่อง) แต่ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพของพอร์เช่ (รวมถึงอินเตอร์คูลเลอร์ที่ขยายขนาดและการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะ) สามารถช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ หากต้องการประสบการณ์การเร่งความเร็วที่ดุเดือดยิ่งขึ้นสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์ Sport Chrono ที่ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะในการขับขี่ในเส้นทางภูเขาหรือทางที่มีโค้งมาก
Q
โปรเช่คาเยนจะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Porsche Cayenne ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพวิศวกรรมและความทนทานที่ยอดเยี่ยม ภายใต้การบำรุงรักษาที่เหมาะสมและการใช้งานอย่างมีเหตุผล รถยนต์สามารถใช้งานได้ 15-20 ปีหรือมากกว่านั้น อายุการใช้งานที่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การบำรุงรักษาตามกำหนด (แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, ตัวกรอง, ระบบเบรก และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ ตามช่วงเวลาและคำแนะนำของ Porsche), พฤติกรรมการขับขี่ (การหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่รุนแรงจะช่วยลดภาระต่อเครื่องยนต์), สภาพอากาศ (ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนและชื้นควรระวังการเกิดสนิมและตรวจสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์), และระยะทางที่วิ่ง (หลายคันสามารถรักษาสภาพที่ดีได้แม้หลังจากวิ่ง 200,000–300,000 กิโลเมตร) เครื่องยนต์ 3.0T V6 และ 4.0T V8 ของ Porsche ได้รับการออกแบบอย่างแข็งแกร่งและมีการปรับแต่งที่แม่นยำร่วมกับเกียร์ Tiptronic S 8 สปีด ที่มีความเชื่อถือได้ในระยะยาว ในขณะที่เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดมีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถึงก่อน) ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องการบำรุงรักษาในอนาคต นอกจากนี้ Porsche ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่มีคุณภาพในประเทศไทย เพื่อให้บริการชิ้นส่วนและการสนับสนุนทางเทคนิคจากผู้ผลิต เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ หากงบประมาณเอื้ออำนวย แนะนำให้เลือกการรับประกันจาก Porsche (Extended Warranty) เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ และรักษาสภาพรถ Cayenne ของคุณให้อยู่ในระดับสูงสุดในระยะยาว
Q
porsche cayenne วิ่งเร็วแค่ไหน
ความเร็วสูงสุดของ Porsche Cayenne จะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยรุ่นมาตรฐาน Cayenne (3.0T V6) จะมีความเร็วสูงสุดประมาณ 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนรุ่นที่มีสมรรถนะสูงกว่าอย่าง Cayenne Turbo (4.0T V8) จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 286 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่น Cayenne Turbo S E-Hybrid ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดจะมีความเร็วสูงสุดที่ 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเกือบจะถึงขีดจำกัดของ SUV สมรรถนะสูง ข้อมูลเหล่านี้มาจากการทดสอบในสภาพแวดล้อมบนทางหลวง Autobahn ของเยอรมนีที่ไม่มีการจำกัดความเร็ว ในขณะที่ในประเทศไทยบนถนนปกติจะมีข้อจำกัดจากการจำกัดความเร็วตามกฎหมาย (โดยปกติจะจำกัดที่ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และสภาพถนน ดังนั้นควรขับขี่โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ในแง่ของการเร่งความเร็ว ตัวอย่างเช่น Cayenne Turbo สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 3.9 วินาที นอกจากนี้ทุกรุ่นของ Cayenne ยังมีระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) และระบบเบรกสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกันเพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงและความปลอดภัยในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง และหากต้องการประสิทธิภาพในการตอบสนองของพลังงานที่ดียิ่งขึ้น ยังสามารถเลือกติดตั้งชุด Sport Chrono เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองของเครื่องยนต์
Q
เบรกที่จอดอยู่ที่ไหนใน Porsche Cayenne
ตำแหน่งของเบรกจอดของ Porsche Cayenne โดยทั่วไปจะอยู่ใกล้กับแผงคอนโซลด้านข้างของผู้ขับขี่ ซึ่งอาจเป็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า รูปแบบของตำแหน่งอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการตั้งค่าของรถ แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะอยู่ใกล้กับบริเวณคันเกียร์
Q
โปรเช่คาเยนวิธีการเปิดถังน้ำมัน
ในประเทศไทย วิธีการเปิดฝาถังน้ำมันอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยทั่วไปแล้วรถยนต์ทั่วไปเช่น Toyota Camry หรือ Honda Civic มักจะมีปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันอยู่ใกล้กับพื้นบริเวณที่นั่งคนขับ เมื่อดึงปุ่มนั้นก็จะเปิดฝาถังน้ำมันได้ บางรุ่นอาจจะมีปุ่มเปิดที่แผงคอนโซลกลางหรือที่ประตูรถ ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นและการออกแบบของผู้ผลิต
Q
เครื่องยนต์ชนิดใดอยู่ใน porsche cayenne
Porsche Cayenne มีทางเลือกของขุมพลังหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการในการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพ (ในบางตลาด) และระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในตลาดประเทศไทย รุ่นที่พบได้บ่อยที่สุดคือรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เช่น เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ (340 แรงม้า) และเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ (Cayenne Turbo 550 แรงม้า) ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีดของ Porsche ที่มอบทั้งสมรรถนะสปอร์ตและความสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน รุ่น Cayenne E-Hybrid (PHEV) เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0T หรือ 3.0T กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันและเพิ่มระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 40–50 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ส่วนในยุโรปและบางตลาดมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0T แต่ในประเทศไทย รุ่นดีเซลค่อนข้างหายากเนื่องจากความต้องการและนโยบายในตลาด สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด สามารถพิจารณารุ่น Cayenne Turbo S E-Hybrid ที่มาพร้อมระบบไฮบริด 4.0T V8 ซึ่งสามารถพัฒนากำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า ถือเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงสุดในซีรีส์ Cayenne
Q
พอร์เช่คาเยนมีที่นั่งกี่ที่
Porsche Cayenne มาพร้อมที่นั่งมาตรฐานห้าที่นั่งในรูปแบบสองบวกสาม ได้แก่เบาะคู่หน้าและเบาะหลังที่รองรับผู้โดยสารได้สามคน ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวทั่วไปและการใช้งานในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามในบางตลาดเช่นสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป จะมีรุ่นที่สามารถเลือกเสริมเบาะสามแถวในรุ่น Cayenne Platinum Edition ได้ ซึ่งเป็นรูปแบบห้าบวกสองแต่ในประเทศไทยยังพบได้น้อย แนะนำให้สอบถามกับตัวแทนจำหน่าย Porsche ที่ได้รับอนุญาตในประเทศเพื่อยืนยันการมีจำหน่ายหรือความเป็นไปได้ในการสั่งผลิต Cayenne ออกแบบห้องโดยสารโดยคำนึงถึงความหรูหราและความสะดวกสบาย พื้นที่วางขาด้านหลังมีความกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางไกล โดยไม่รู้สึกอึดอัด พร้อมความจุพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึงเจ็ดร้อยเจ็ดสิบลิตรในรุ่นห้าที่นั่ง ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากต้องการพื้นที่มากขึ้นสามารถพิจารณา Cayenne Coupé ที่แม้จะมีดีไซน์สปอร์ตยิ่งขึ้นแต่ยังคงรูปแบบห้าที่นั่ง เพียงแต่เส้นหลังคาที่ลาดอาจลดความสูงบริเวณศีรษะของผู้โดยสารด้านหลังเล็กน้อย
Q
วิธีปิดระบบระบายอากาศใน Porsche Cayenne
การปิดระบบระบายอากาศของ Porsche Cayenne โดยทั่วไปแล้วสามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถกดปุ่มควบคุมระบบระบายอากาศที่อยู่บริเวณแผงคอนโซลกลาง ซึ่งมักมีสัญลักษณ์ชัดเจนให้ระบุ หากกดปุ่มที่เกี่ยวข้องก็จะสามารถปิดระบบได้ทันที อย่างไรก็ตาม วิธีการใช้งานที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถแต่ละคัน
Q
ความแตกต่างระหว่าง Porsche Macan และ Cayenne คืออะไร
ความแตกต่างระหว่าง Porsche Macan และ Cayenne อยู่ที่ขนาด การวางตำแหน่ง และสมรรถนะ Macan มีขนาดเล็กกว่า เน้นความคล่องตัวและความสปอร์ต เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและผู้ที่ชื่นชอบความเร้าใจในการขับขี่ ตัวถังมีขนาดกะทัดรัด พื้นที่ภายในจึงเล็กกว่า ส่วน Cayenne มีขนาดใหญ่กว่า ให้พื้นที่ภายในที่กว้างขวางและความสะดวกสบายมากขึ้น วางตำแหน่งเป็นรถหรูที่รองรับการใช้งานหลากหลาย เหมาะสำหรับการเดินทางของครอบครัวและการขับขี่ระยะไกล ในด้านสมรรถนะ ทั้งสองรุ่นต่างมีดีเอ็นเอสมรรถนะสูงแบบ Porsche แต่รายละเอียดด้านพละกำลังและการขับขี่จะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยทั่วไป Cayenne มักมีตัวเลือกขุมพลังที่แรงกว่ามากกว่า
Q
ราคาการเปลี่ยนน้ำมันใน porsche cayenne คือเท่าไหร่
ค่าบริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของ Porsche Cayenne ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณห้าพันถึงหนึ่งหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ใช้ ระดับของศูนย์บริการ และค่าแรงเฉพาะของแต่ละแห่ง หากใช้บริการที่ศูนย์ซ่อม Porsche ระดับพรีเมียม ค่าบริการอาจสูงกว่า แต่หากเป็นอู่ทั่วไปที่มีมาตรฐาน ราคาก็อาจเข้าถึงได้มากกว่า
Q&A ล่าสุด
Q
ข้อเสียของ Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในฐานะรถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยนั้น จุดด้อยหลัก ๆ อยู่ที่พื้นที่ภายในและสมรรถนะของเครื่องยนต์ แม้ว่า Jazz จะมีการออกแบบที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Magic Seat แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย พื้นที่ขาเบาะหลังอาจรู้สึกคับแคบสำหรับผู้โดยสารที่สูงโดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติ เมื่อใช้งานในเส้นทางภูเขาหรือเมื่อต้องบรรทุกเต็มที่ การเร่งความเร็วอาจรู้สึกไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเวลาที่เปิดแอร์เต็มกำลังจะเห็นการลดทอนของพละกำลังและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการเก็บเสียงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง เสียงลมและเสียงยางจะค่อนข้างเด่น ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคที่เน้นความเงียบสงบรู้สึกไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้เป็นเรื่องที่พิจารณาในบริบทของการจัดวางตำแหน่งรถยนต์รุ่นนี้ โดยเมื่อพิจารณาถึงความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและความประหยัดน้ำมัน รวมถึงสภาพการจราจรที่หนาแน่นในไทย Jazz ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในเมือง ผู้บริโภคในไทยสามารถชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียตามความต้องการส่วนตัว หากต้องการรถที่เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือสมรรถนะที่แรงขึ้น อาจพิจารณารถรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเป็นทางเลือกเพิ่มเติมได้
Q
Honda Jazz อยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก
Honda Jazz ในตลาดรถยนต์ของประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่ม B-Segment หรือที่เรียกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก (Subcompact Car) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เน้นการใช้งานในเมืองและครอบครัวในชีวิตประจำวัน โดยมีจุดเด่นที่ขนาดตัวถังกะทัดรัด ประหยัดน้ำมัน และออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว Honda Jazz มีฟังก์ชัน Magic Seat ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการจัดเก็บสัมภาระ เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่การจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ ขณะที่เครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนที่นุ่มนวลและเหมาะสมกับสภาพถนนของไทย กลุ่ม B-Segment ในไทยยังมีคู่แข่งที่ได้รับความนิยมอย่าง Toyota Yaris และ Mazda2 ซึ่งเน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง ผู้บริโภคจึงมักเลือกตามความชอบในแบรนด์ ฟีเจอร์ และบริการหลังการขาย ความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กในไทยยังคงสูงเนื่องจากราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ต้นทุนการบำรุงรักษาต่ำ และเหมาะกับถนนที่ค่อนข้างแคบ Honda Jazz จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มนี้ด้วยความน่าเชื่อถือและอัตราการเก็บมูลค่าที่ดี
Q
มูลค่าการขายต่อของ Honda Jazz คืออะไร
ในตลาดประเทศไทย Honda Jazz ถือเป็นรถมือสองที่มีอัตราการคงมูลค่อนข้างดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือคุณภาพที่เชื่อถือได้ ความประหยัดน้ำมัน และภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ Honda ในประเทศไทย จากข้อมูลในอุตสาหกรรมพบว่า Jazz ที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีมักมีอัตราการคงมูลอยู่ที่ประมาณ 60% - 70% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระดับอุปกรณ์ และประวัติการบำรุงรักษา สำหรับประเทศไทยซึ่งมีถนนในเมืองที่แออัดและราคาน้ำมันสูง รถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานอย่าง Jazz จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ Honda มีฐานการผลิตในประเทศ ทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่หาได้ง่ายและค่าบำรุงรักษาไม่สูง จึงช่วยเพิ่มมูลค่าของรถมือสองได้อีกทาง หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือ Jazz รุ่นไฮบริดเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไทย ซึ่งมักมีมูลค่าขายต่อสูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมดา แนะนำให้เจ้าของรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอและเก็บเอกสารประวัติการบำรุงรักษาไว้ให้ครบถ้วน เพราะสามารถช่วยเพิ่มราคาขายต่อได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยมักนิยมรถสีโทนกลางอย่างสีขาวหรือสีเงิน ซึ่งขายต่อได้ง่ายกว่า หากต้องการทราบราคาประเมินที่แม่นยำมากขึ้น ควรอ้างอิงจากคู่มือราคารถมือสองของสมาคมรถยนต์ในประเทศไทย หรือปรึกษากับตัวแทนจำหน่ายรถมือสองที่เชื่อถือได้ในพื้นที่
Q
ฮอนด้า แจ๊ส มีกี่ซีซี
Honda Jazz ที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินแบบดูดอากาศธรรมดาขนาด 1.5 ลิตร มีปริมาตรกระบอกสูบ 1497 ซีซี โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพสูงและความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองที่มีการหยุด-เคลื่อนบ่อยครั้งในประเทศไทย อีกทั้งยังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลยิ่งขึ้น Jazz ถือเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่คุ้มค่าและได้รับความนิยมอย่างมากในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการรถสำหรับใช้งานในครอบครัวหรือเดินทางในเมือง จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ขนาดตัวรถที่คล่องตัวแต่ภายในกว้างขวาง นอกจากนี้ผู้บริโภคยังควรพิจารณาเทคโนโลยีเครื่องยนต์เพิ่มเติม เช่น ระบบ i-VTEC ของ Honda ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ทั้งนี้มาตรฐานมลพิษในไทย เช่น Euro 5 ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบ รวมถึงต้นทุนการใช้งานในระยะยาว ซึ่งมีผลต่อประสบการณ์การขับขี่และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์
Q
เครื่องยนต์ใน Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC แบบดูดอากาศธรรมดา มาพร้อมเทคโนโลยี VTEC อันเป็นเอกลักษณ์ของ Honda ให้กำลังสูงสุดประมาณ 120 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ รุ่น RS ที่วางจำหน่ายในไทยยังได้รับการจูนให้ตอบสนองเร็วขึ้นแต่ยังคงประหยัดน้ำมันที่ประมาณ 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร สำหรับสภาพอากาศร้อนในไทย เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงโดยเฉพาะ และระบบปรับอากาศที่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเขตร้อน ช่วยให้การขับขี่ในระยะทางไกลมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จุดเด่นอีกอย่างคือห้องเครื่องของ Jazz ออกแบบให้กะทัดรัดเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับความกว้างขวางภายในรถ ซึ่งสะท้อนแนวคิด MM หรือ “Man-Maximum, Machine-Minimum” ของ Honda ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าในอนาคตอาจมีการแนะนำรุ่น e:HEV ไฮบริดตามนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย แต่ในปัจจุบัน รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ยังคงเป็นทางเลือกหลักที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางในเมือง
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Porsche จะเริ่มวางจำหน่ายรุ่น Cayenne ไฟฟ้าเร็วๆนี้ รูปถ่ายจากการทดสอบที่สวีเดนได้ถูกเปิดเผยแล้ว
AshleyApr 2, 2025

Porsche Cayenne รุ่นที่ 4: รถสปอร์ตคันต่อไปของคุณอาจเป็น SUV!
AshleyJul 26, 2024

ขายไม่ดีเหรอ? Porsche ปรับลดคาดการณ์รายได้ทั้งปี หลังหั่นแนวโน้มรายได้ปีนี้
AshleyJul 25, 2024

Porsche Cayenne ต้นแบบของ SUV หรูหรา มีราคาตั้งแต่ 6,590,000 บาท
LienMay 21, 2024

Porsche เปิดตัว 911 Carrera 4S ใหม่ เคาะราคาเริ่ม 14.79 ล้านบาท
วิรุฬห์Jul 10, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย