Q

วิธีปิดโหมด eco ใน Mitsubishi Xpander

ใน Mitsubishi Xpander มีปุ่ม "DRIVE MODE" อยู่ข้างคันเกียร์ ซึ่งสามารถปิดโหมด Eco ได้ด้วยการเปลี่ยนโหมดการขับขี่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
วิธีปิดโหมด eco ใน mitsubishi xpander
การปิดโหมด Eco ใน Mitsubishi Xpander โดยปกติจะค่อนข้างง่าย คุณสามารถค้นหาตัวเลือกการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องได้จากแผงควบคุมของรถยนต์หรือหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ การดำเนินการอาจจะต้องกดปุ่มเฉพาะหรือเลือกผ่านเมนู แต่ในรถที่มีการตั้งค่าต่างกันอาจจะมีความแตกต่างเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้วคุณจะพบโหมด Eco ในตัวเลือกโหมดการขับขี่และสามารถปิดได้จากที่นั่น
Q
mitsubishi xpander ทำขึ้นในประเทศใด
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ในตลาดประเทศไทยมีแหล่งการผลิตที่แตกต่างกัน รุ่นเบนซินแบบดั้งเดิมของ Mitsubishi Xpander ผลิตที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัท Mitsubishi Motors Krama Yudha Indonesia (Mitsubishi Motors Krama Yudha Indonesia, MMKI) ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดชวาตะวันตกของอินโดนีเซีย และส่งออกไปยังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นไป เพื่อใช้ประโยชน์จากนโยบายภาษีสำหรับรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย Mitsubishi เริ่มผลิตรุ่นไฮบริดของ Xpander ที่โรงงานในจังหวัดชลบุรีที่ชื่อว่าโรงงานแหลมฉบัง (Laem Chabang plant) เพื่อจำหน่ายในตลาดประเทศไทย
Q
ราคามิตซูบิชิ xpander cross คือเท่าไหร่
ราคา Mitsubishi Xpander Cross ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามการตั้งค่าและพื้นที่การขาย โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาอยู่ระหว่าง 899,000 ถึง 946,000 บาท
Q
วิธีการเริ่มต้นมิตซูบิชิ xpander
Mitsubishi Xpander เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย สำหรับการสตาร์ทรถ Mitsubishi Xpander ให้แน่ใจว่ารถอยู่ในตำแหน่งเกียร์จอด จากนั้นใส่กุญแจเข้าไปในสวิตช์จุดระเบิดและหมุนไปที่ตำแหน่ง "ON" ซึ่งจะทำให้แผงหน้าปัดของรถสว่างขึ้นและสัญญาณไฟที่เกี่ยวข้องจะทำการทดสอบ จากนั้นเหยียบแป้นเบรกและหมุนสวิตช์จุดระเบิดไปที่ตำแหน่ง "START" ค้างไว้สักครู่จนเครื่องยนต์ติด หลังจากเครื่องยนต์ติดแล้วให้ปล่อยสวิตช์จุดระเบิด รถก็สามารถขับขี่ได้ตามปกติ
Q
mitsubishi xpander มีที่นั่งกี่ที่
Mitsubishi Xpander มักจะมีการตั้งค่าที่นั่ง 7 ที่นั่ง ซึ่งทำให้มันมีความน่าสนใจในตลาดประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางสำหรับครอบครัวและความต้องการการนั่งหลายคน การตั้งค่าที่นั่ง 7 ที่นั่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีสมาชิกในครอบครัวมากหรือมักจะมีการเดินทางพร้อมผู้โดยสารหลายคน
Q
Mitsubishi Xpander ทำขึ้นในประเทศอะไร
Mitsubishi Xpander รุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่จำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่ผลิตโดยโรงงาน Mitsubishi Motors Indonesia (MMKI) ในจังหวัดชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นไป รุ่นไฮบริดจะผลิตโดยโรงงาน Mitsubishi Motors Thailand (MMT) ในจังหวัดชลบุรี นอกจากนี้ ยังมีการประกอบรุ่นนี้ที่โรงงาน Mitsubishi Motors Vietnam (MMV) ในจังหวัดบิ่ญเยือง ประเทศเวียดนาม และโรงงาน Hicom ในรัฐปะหัง ประเทศมาเลเซีย
Q
มิตซูบิชิ Xpander มีที่นั่งกี่ที่
Mitsubishi Xpander โดยทั่วไปมีที่นั่ง 7 ที่นั่ง ได้รับความนิยมในประเทศไทยด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและการจัดวางเบาะที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง
Q
mitsubishi xpander ราคาเท่าไหร่
ราคา Mitsubishi Xpander ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยและพื้นที่จำหน่าย โดยทั่วไปอยู่ในช่วงประมาณ 799,000-912,000 บาท ทั้งนี้ แต่ละผู้จำหน่ายอาจมีโปรโมชั่นหรือการปรับราคาเพิ่มเติมตามช่วงเวลา
Q
วิธีปิดโหมด eco ใน mitsubishi xpander
วิธีปิดโหมด Eco ใน Mitsubishi Xpander โดยทั่วไปสามารถทำได้โดยกดปุ่มหรือเลือกตั้งค่าบนแผงควบคุมภายในรถ ซึ่งมักมีสัญลักษณ์ระบุไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม วิธีการอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย แนะนำให้ตรวจสอบคู่มือการใช้งานของรถหรือสอบถามจากผู้จำหน่าย Mitsubishi ในพื้นที่เพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง
Q
mitsubishi xpander ทำขึ้นในประเทศใด
Mitsubishi Xpander ในประเทศไทย รุ่นไฮบริด Xpander HEV ผลิตที่โรงงานแหลมฉบังในจังหวัดชลบุรี

ข้อดี

การออกแบบภายนอกสวยงาม
ภายในกว้างขวางและสบาย
หลอดไฟหน้าแบ่งเป็นสองส่วนและมีลิ้นประดับโครเมียม ทำให้ดูสวยงาม
แผงควบคุมแสดงข้อมูลอย่างครบถ้วน
การออกแบบปุ่มมีประสิทธิภาพและสะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งนุ่มนวล

ข้อเสีย

ภายในมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ รูปแบบดูเก่า
เครื่องยนต์ไม่มีพลังเพียงพอในการปีนเนิน การขับขี่บนเส้นทางภูเขาไม่ราบรื่น
เกียร์ไม่เพียงพอ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงเครื่องยนต์มีสปินสูง
พื้นที่ในช่องสัมภาระไม่ใหญ่ ความจุการบรรทุกต่ำ

Q&A ล่าสุด

Q
ราคาบริการของ Neta V คืออะไร ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
Neta V เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีค่าใช้จ่ายด้านบริการหลังการขายที่ประหยัดกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม เนื่องจากโครงสร้างของรถไฟฟ้ามีความเรียบง่ายและรายการบำรุงรักษาน้อยกว่า โดยรอบการเข้ารับบริการตามมาตรฐานของ Neta V แนะนำให้ตรวจเช็กทุกระยะ 10000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงก่อน รายการตรวจสอบหลักได้แก่ การตรวจสอบระบบแบตเตอรี่แรงดันสูง การตรวจสอบสถานะน้ำมันเบรก การเปลี่ยนยางและการตั้งศูนย์ล้อ โดยค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการพื้นฐานแต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 800 ถึง 1200 บาท สำหรับการบำรุงรักษาเชิงลึก เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเบรกหรือไส้กรองแอร์ จะทำทุกระยะ 20000 กิโลเมตร โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1500 ถึง 2500 บาท เนื่องจาก Neta V ไม่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือสายพานเหมือนรถน้ำมัน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาต่ำกว่ามาก นอกจากนี้ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตของ Neta ในประเทศไทยบางแห่งยังมีแพ็กเกจบริการล่วงหน้าให้เลือกซื้อเพื่อประหยัดมากขึ้น แนะนำให้ผู้ใช้เข้ารับบริการที่ศูนย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสภาพแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าให้คงประสิทธิภาพในระยะยาว
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Neta V คือเท่าไหร่ หาคำตอบได้ที่นี่
Neta V เป็นรถ SUV ขนาดเล็กพลังงานไฟฟ้าที่มีต้นทุนการดูแลรักษาค่อนข้างต่ำในประเทศไทย สาเหตุหลักมาจากโครงสร้างของรถยนต์ไฟฟ้าที่เรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หัวเทียน หรืออะไหล่สิ้นเปลืองแบบรถยนต์น้ำมัน การบำรุงรักษาทั่วไปจะเน้นไปที่การตรวจสอบแบตเตอรี่ ระบบเบรก และการเปลี่ยนไส้กรองแอร์ โดยค่าใช้จ่ายต่อครั้งประมาณ 1500 ถึง 2500 บาท ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการและประเภทของการตรวจเช็ก รถยนต์ไฟฟ้ายังได้รับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ เช่น การลดภาษีนำเข้าและจดทะเบียน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาว แบตเตอรี่ของ Neta V ยังมาพร้อมการรับประกันนานถึง 8 ปี หรือ 150000 กิโลเมตร ช่วยให้เจ้าของรถไม่ต้องกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ โครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จในไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งแบบชาร์จบ้านและชาร์จเร็วสาธารณะสามารถตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันได้ดี นอกจากนี้แนะนำให้เจ้าของรถตรวจเช็กลมยางและระบบช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอเพื่อรับมือกับถนนลื่นหรือขรุขระในฤดูฝน รวมถึงวางแผนพฤติกรรมการชาร์จให้เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยครั้งหรือปล่อยแบตเตอรี่ให้หมดเกลี้ยงเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
ขนาดของขอบล้อของ Neta V คืออะไร
ขนาดล้อของ Neta V คือ 16 นิ้ว ซึ่งถือเป็นขนาดมาตรฐานในตลาดรถ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กของไทย ขนาดนี้ให้ความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่และความสามารถในการขับผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางระยะสั้นนอกเมือง ภายใต้สภาพอากาศที่ร้อนและฝนตกชุกของประเทศไทย ล้อขนาด 16 นิ้วเมื่อจับคู่กับยางที่เหมาะสมจะช่วยให้การยึดเกาะถนนและการระบายความร้อนของยางเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ Neta V ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าประหยัดและใช้งานง่าย ยังออกแบบล้อให้มีน้ำหนักเบาเพื่อช่วยยืดระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทย ผู้ใช้งานในไทยสามารถเลือกใช้ยางจากแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Deestone หรือ Mazzini ซึ่งมีรุ่นที่รองรับขนาดล้อของ Neta V และมีความคุ้มค่ากับสภาพถนนในประเทศ นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางและสภาพการสึกหรอของยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนฤดูฝน เพื่อให้แน่ใจว่ายางมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำบนถนนเปียก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
Q
รุ่นที่แตกต่างของ Neta V มีอะไรบ้าง
Neta V ในตลาดประเทศไทยมีให้เลือกสองรุ่นหลักคือรุ่นมาตรฐาน(Standard) และรุ่นระยะทางไกล(Long Range) ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันในด้านความจุแบตเตอรี่ ระยะทางวิ่ง และออปชั่น รุ่นมาตรฐานติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตขนาด 31.2kWh ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC ประมาณ 301 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองประจำวัน ขณะที่รุ่นระยะทางไกลมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 38.5kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 401 กิโลเมตร(ตามมาตรฐาน NEDC) เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องเดินทางข้ามเมืองบ่อยครั้ง ทั้งสองรุ่นรองรับระบบชาร์จเร็ว โดยชาร์จไฟจาก 30 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาประมาณ 40 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว กล้องมองหลัง และการเชื่อมต่อบลูทูธเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ความแตกต่างคือรุ่นระยะทางไกลจะมีระบบกุญแจอัจฉริยะและเบรกมือไฟฟ้า ส่วนรุ่นมาตรฐานใช้เบรกมือแบบกลไก ในตลาดไทยรุ่นรถยนต์ไฟฟ้ามักถูกปรับแต่งตามโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จและความต้องการใช้งานจริง รุ่น Neta V ทั้งสองจึงตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีงบประมาณและรูปแบบการใช้งานแตกต่างกัน ผู้ซื้อสามารถเลือกตามระยะทางเดินทางรายวันและความสะดวกในการชาร์จไฟได้อย่างเหมาะสม
Q
Neta V หนักเท่าไหร่ ตรวจสอบที่นี่เพื่อรู้
Neta V เป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่เน้นกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น ในตลาดประเทศไทยน้ำหนักรวมของรถจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ เช่น รุ่น潮300 Lite ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตในปี 2022 มีน้ำหนักรวม 1620 กิโลกรัม ขนาดตัวรถยาว 4070 มิลลิเมตร กว้าง 1690 มิลลิเมตร สูง 1540 มิลลิเมตร พร้อมช่วงฐานล้อ 2420 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยรับประกันความคุ้มค่าในด้านพื้นที่ใช้งานของรถ SUV ขนาดกะทัดรัด รุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตจาก CATL ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่ประมาณ 301 กิโลเมตร สามารถตอบโจทย์การเดินทางในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะกลางถึงสั้นในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย ความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอย่าง CATL และ Tencent Automotive ช่วยรับประกันความปลอดภัยของแบตเตอรี่และความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ โดยคำนึงถึงลักษณะภูมิประเทศและการจราจรของไทย การออกแบบรถให้มีน้ำหนักเบาและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าช่วยให้ควบคุมรถได้คล่องตัวในถนนในเมือง น้ำหนัก 1620 กิโลกรัมช่วยให้รถมีความมั่นคงและประหยัดพลังงานเทียบเคียงกัน เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30 นาทียังเหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในประเทศ สำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี นอกจากราคาช่วง 70,000 ถึง 150,000 บาทแล้ว การติดตั้งระบบอัจฉริยะยังช่วยให้ Neta V มีความสามารถแข่งขันสูงในตลาดรถ SUV ไฟฟ้าระดับเริ่มต้น
ดูเพิ่มเติม