Q

วิธีปิดโหมด Eco บน Mitsubishi Xpander

การปิดโหมด Eco ของรถ Mitsubishi Xpander นั้น โดยปกติใช้งานผ่านปุ่มโหมด Eco ใกล้แผงหน้าปัดเครื่องมือ ซึ่งปุ่มนี้อาจจะอยู่ด้านซ้ายของพวงมาลัยหรือแถบกลางคอนโซลหน้า กดสลับโหมดได้เลย แต่ถ้าหาปุ่มไม่เจอแนะนำให้เปิดคู่มือผู้ใช้ดูตำแหน่งให้ชัดเจนอีกที ในสภาพอากาศร้อนของไทย การปิดโหมด Eco จะช่วยให้แอร์เย็นขึ้นแต่จะทำให้กินน้ำมันเพิ่มนิดหน่อย แนะนำว่าเวลาเจอรถติดในกรุงเทพฯ ให้เปิดโหมด Eco ไว้จะช่วยประหยัดน้ำมัน ส่วนเวลาเดินทางไกลหรือขับบนทางด่วนปิดโหมดนี้จะทำให้รถตอบสนองดีขึ้น โปรดทราบว่าวิธีการใช้งานของ Xpander แต่ละรุ่นในแต่ละปีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย รถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่นยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ผ่านเมนูการตั้งค่ารถบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางได้อีกด้วย การใช้โหมด Eco ให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ขับขี่ในหลากหลายสภาพถนนของไทยได้ดี แต่ยังช่วยบาลานซ์ระหว่างประหยัดน้ำมันกับความรู้สึกในการขับได้ แนะนำให้เจ้าของรถเลือกใช้ตามความต้องการจริงจะดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Mitsubishi Xpander คืออะไร
Mitsubishi Xpander ในฐานะรถ MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ได้รับการยอมรับในด้านความกว้างขวางและความคุ้มค่าในการใช้งาน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น เบาะแถวสามมีพื้นที่วางขาแคบ ทำให้ผู้ใหญ่โดยสารได้ไม่สะดวกและไม่เหมาะกับการเดินทางไกล เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติเมื่อบรรทุกเต็มที่หรือขึ้นเขาจะรู้สึกแรงไม่เพียงพอ เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่เวลาต้องเร่งแซงบนทางด่วนควรวางแผนล่วงหน้า ส่วนวัสดุภายในเน้นพลาสติกแข็งทำให้สัมผัสและการเก็บเสียงอยู่ในระดับกลาง ระบบกันสะเทือนมีความแข็งพอสมควร จึงให้ความรู้สึกกระด้างเมื่อขับผ่านถนนชนบทที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม Xpander มีความประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ เหมาะกับครอบครัวที่เน้นประโยชน์ใช้สอย หากต้องใช้งานบรรทุกผู้โดยสารเต็มที่และเดินทางไกลบ่อย ควรทดลองขับเพื่อประเมินสมรรถนะและพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม ในตลาดไทยยังมีตัวเลือกอื่นอย่าง Toyota Avanza หรือ Honda BR-V ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องเครื่องยนต์และวัสดุภายในที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคควรพิจารณางบประมาณและความต้องการส่วนตัวประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ.
Q
Mitsubishi Xpander ผลิตที่ประเทศไหน?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่พัฒนามาเพื่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ และได้รับความนิยมในตลาดไทยเช่นกัน ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและการออกแบบที่ใช้งานได้จริง เหมาะสมกับความต้องการการเดินทางของครอบครัวคนไทยเป็นอย่างดี ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถซื้อ Xpander แบบนำเข้าแท้ๆ ผ่านช่องทางทางการได้ ที่น่าสนใจคือ Mitsubishi มีโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยด้วย เช่น โรงงานระยอง (จังหวัดชลบุรี) ที่ผลิตรุ่นอย่าง Pajero Sport เป็นต้น แม้ว่า Xpander จะยังไม่มีการผลิตในประเทศไทยตอนนี้ แต่การมีฐานการผลิตในไทยก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแบรนด์ต่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในอนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตตามความต้องการของตลาดก็เป็นได้ สำหรับผู้ใช้รถในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Xpander ที่นำเข้า หรือรุ่นอื่นๆ ของ Mitsubishi ที่ผลิตในประเทศ ล้วนได้รับบริการหลังการขายที่ครบวงจรจากแบรนด์ รวมถึงเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศและอะไหล่แท้จากโรงงาน
Q
วิธีสตาร์ท Mitsubishi Xpander
วิธีสตาร์ทรถ Mitsubishi Xpander ที่ถูกต้องคือต้องให้เกียร์อยู่ในตำแหน่ง P (จอด) หรือ N (ว่าง) ก่อน จากนั้นเหยียบแป้นเบรคแล้วกดปุ่มสตาร์ทหรือบิดกุญแจเพื่อติดเครื่อง เนื่องจากอากาศร้อนในไทยแนะนำให้เช็คสภาพแบตเตอรี่ก่อนสตาร์ทเสมอเพราะความร้อนสูงจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว พร้อมทั้งสังเกตุดูไฟสัญญาณบนแผงหน้าปัดว่าปกติหรือไม่ หลังสตาร์ทแนะนำให้วอร์มเครื่องสัก 30 วินาทีให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเพื่อหล่อลื่นชิ้นส่วนเครื่องยนต์ จะช่วยยืดอายุเครื่องได้ดีเลย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนถ้าต้องสตาร์ทรถหลังขับลุยน้ำ ต้องระวังเป็นพิเศษ ควรเช็คระบบไอดีว่ามีน้ำเข้าไปหรือไม่ สำหรับ Xpander รุ่นยอดนิยมนี้ระบบสมาร์ทคีย์อาจจะต้องวางใกล้กับเซ็นเซอร์กว่าปกติในวันที่อากาศชื้น แนะนำให้เช็คหัวเทียนและระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำเวลาซ่อมบำรุงจะทำให้สตาร์ทรถได้คล่องขึ้น อีกอย่างในไทยที่จอดรถตามห้างหลายที่มีพื้นเอียงมาก เวลาสตาร์ทบนทางลาดชันควรดึงเบรคมือก่อนแล้วค่อยเข้าเกียร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์รับน้ำหนักเกินไป
Q
Mitsubishi Xpander มีกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander เป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดไทย ด้วยการจัดเรียงเบาะแบบ 2+3+2 ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เบาะแถวกลางสามารถเลื่อนไปมาได้ตามความต้องการ ส่วนเบาะแถวหลังพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้มีพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่น เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยหรือกลุ่มผู้โดยสารจำนวนมาก ภายใต้กระโปรงหน้ามีเครื่องยนต์ 1.5L MIVEC แบบสูบธรรมชาติ ที่มาพร้อมกับเกียร์ออโต้ 4 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้สมรรถนะการประหยัดน้ำมันที่น่าพอียด ส่วนความสูงของช่วงล่างอยู่ที่ 205 มม. ทำให้สามารถขับขี่บนเส้นทางสภาพถนนไม่ดีบางพื้นที่ของไทยได้อย่างมั่นใจ สำหรับตลาดไทยแล้ว Xpander ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมวดเดียวกัน ด้วยจุดเด่นด้านพื้นที่ใช้งานที่ตอบโจทย์และความทนทานที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษอย่าง Xpander Cross ที่เพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดแต่งภายนอกทรงสปอร์ต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชอบความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเอง
Q
ตารางการผ่อนชำระ Mitsubishi Xpander คืออย่างไร?
โปรแกรมผ่อนรถ Mitsubishi Xpander ในไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามตัวแทนจำหน่าย แคมเปญโปรโมชั่น และระยะเวลาการกู้ที่ลูกค้าเลือก (ปกติอยู่ที่ 12-84 เดือน) โดยทั่วไปเงินดาวน์เริ่มต้นต่ำสุดจะอยู่ที่ 20%-30% อัตราดอกเบี้ยรายปีประมาณ 2.5%-5% บางร้านอาจมีโปรโมชั่นดาวน์ 0% หรือดอกเบี้ยพิเศษ แนะนำให้สอบถามข้อมูลล่าสุดและเครื่องคำนวณผ่อนชำระโดยตรงที่โชว์รูม Mitsubishi ในพื้นที่ นอกจากนี้เมื่อซื้อรถในไทยควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่น ประกันภัย (ประกันภาคบังคับและประกันวินาศภัยประมาณ 15,000-30,000 บาท/ปี) ค่าทะเบียน (ประมาณ 2,000-5,000 บาท) และผลรวมดอกเบี้ยที่อาจส่งผลต่องบประมาณ ทั้งนี้หลายธนาคารในไทยเช่น Krungsri Auto SCB Auto ก็มีโปรแกรมสินเชื่อรถยนต์ที่น่าสนใจ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและความยืดหยุ่นในการชำระเงิน สำหรับ Mitsubishi Xpander ซึ่งเป็นรถ MPV ยอดนิยมในตลาดไทย นโยบายผ่อนชำระมักจะดีกว่ารถนำเข้าและเนื่องจากเป็นรถที่มียอดขายสูงจึงทำให้มูลค่าซื้อขายต่อค่อนข้างมั่นคง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายในการใช้รถระยะยาว
Q
ราคาเริ่มต้นของ Mitsubishi Xpander มือสองอยู่ที่เท่าไหร่?
ราคาเริ่มต้นของรถมือสอง Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามอายุรถ ระยะทาง สภาพรถ และอุปกรณ์ต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว รุ่นปี 2018-2020 จะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 450,000 ถึง 600,000 บาท แต่ราคาจริงจะต้องประเมินจากการตรวจสภาพรถและประวัติการบริการอย่างใกล้ชิด Xpander เป็นรถ MPV ที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ระบบขับเคลื่อนที่เชื่อถือได้ (เช่น เครื่องยนต์ 1.5L MIVEC) และระยะความสูงจากพื้นรถที่เหมาะสม ทำให้เหมาะกับการใช้งานของครอบครัวไทยและเส้นทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ควรระวังว่าตลาดรถมือสองไทยให้ความสำคัญกับประวัติการบริการจากศูนย์อย่างมาก แนะนำให้ตรวจสอบประวัติรถผ่านช่องทางที่ Mitsubishi รับรองหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ บางรุ่นหลังปี 2020 อาจมีการอัปเกรดระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม (เช่น ถุงลมนิรภัยเพิ่มหรือระบบ ESC) ซึ่งจะส่งผลต่อราคาขายสุดท้ายด้วย ส่วนมาตรฐานการปล่อยไอเสียรถมือสองของไทยนั้นไม่มีกฎหมายเข้มงวด แต่เพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว ควรเลือกรถที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีจะดีที่สุด
Q
Mitsubishi Xpander มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อหรือไม่?
ปัจจุบัน Mitsubishi Xpander ในตลาดประเทศไทยมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (2WD) เท่านั้น ยังไม่มีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวในเมืองเป็นหลัก โดยเน้นเรื่องประหยัดน้ำมันและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เลยเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า สำหรับคนไทยแล้ว Xpander มีระยะความสูงจากพื้นรถ (220 มม.) และระบบช่วงล่างที่ถูกตั้งค่าให้รับมือกับถนนชนบทหรือสภาพถนนช่วงฤดูฝนได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อาจจะต้องมองหาโมเดล 4WD ของ Mitsubishi อย่างเช่น Pajero Sport ก็ได้ อย่างไรก็ตาม รถ MPV ในตลาดไทยส่วนใหญ่จะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งสอดคล้องกับสภาพถนนและลักษณะการใช้งานของคนไทย ยกตัวอย่างรถในระดับเดียวกันอย่าง Toyota Avanza หรือ Suzuki Ertiga ก็ไม่มีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อเหมือนกัน แนะนำให้ลองเปรียบเทียบความต้องการก่อนซื้อ หากมักขับรถบนพื้นที่ขรุขระ คุณอาจพิจารณาติดตั้งโซ่กันลื่นหรือเลือกใช้ SUV ระดับไฮเอนด์ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความคุ้มค่า การจัดวางพื้นที่ภายใน และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา Xpander ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับครอบครัวไทยอยู่ดี
Q
ระบบความปลอดภัยใน Mitsubishi Xpander มีอะไรบ้าง?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยเพียบ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่ ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน BA ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาขับขี่ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะบนถนนไทยทั้งในเมืองและต่างจังหวัดที่ค่อนข้างหลากหลาย แถมยังมีจุดยึด ISOFIX สำหรับติดตั้งที่นั่งเด็กและล็อกประตูเด็กด้านหลัง เหมาะกับครอบครัวเป็นที่สุด ที่สำคัญตัวถังแข็งแรงของ Xpander ยังผ่านการทดสอบ ASEAN NCAP ได้ 4 ดาว โดยเฉพาะการรับแรงกระแทกด้านข้างที่ทำได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยยังสามารถเลือกซื้อระบบควบคุมเสถียรภาพตัวถัง ESC (ติดตั้งในรถรุ่นไฮเอนด์บางรุ่น) ได้อย่างมั่นใจเมื่อขับขี่บนถนนลื่นในช่วงฤดูฝน หากเดินทางไกลบ่อยๆ ยังสามารถเลือกระบบเรดาร์ถอยหลังหรือระบบถ่ายภาพได้อีกด้วย แม้ Xpander จะไม่มีระบบ ADAS แต่ในราคานี้ก็ถือว่าเซฟตี้เพียบแล้ว แนะนำให้เลือกรุ่นที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคนครับ
Q
Mitsubishi Xpander มีสีอะไรให้เลือกบ้าง?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยมีตัวเลือกสีให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความสวยงามของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน สีที่นิยมได้แก่ ไข่มุกขาว เงินเมทัลลิก ดำเข้ม ทับทิมแดง และน้ำเงินทะเล ซึ่งสีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทันสมัยและดูดีทนยุคทนสมัย แต่ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย เช่น สีไข่มุกขาวและสีเงินเมทัลลิกจะไม่ดูดซับความร้อนง่าย under แสงแดด ส่วนสีดำเข้มและทับทิมแดงจึงให้ความรู้สึกหรูหราและสปอร์ตมากขึ้น นอกจากนี้การออกแบบสีของ Xpander ยังคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่น ความทนทานต่อคราบสกปรกและความสะดวกในการดูแลรักษา เมื่อเลือกสี ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจตามความชอบส่วนบุคคลและสถานการณ์การใช้งานได้ เช่น ผู้ใช้ครอบครัวอาจชอบสีสว่างสดใส ในขณะที่ผู้ใช้ทางธุรกิจอาจต้องการโทนเสียงที่เสถียรและนุ่มนวลกว่า นอกเหนือจากสีแล้ว Xpander ยังได้รับความนิยมในตลาดไทยด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองและการใช้งานครอบครัว ด้วยสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ระบบช่วงล่างสูงและระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาอย่างดีของ Xpander ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพถนนได้ทุกประเภท มอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจและปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่
Q
Mitsubishi Xpander สามารถรองรับผู้โดยสารกี่คน?
รถ Mitsubishi Xpander เป็นรถอเนกประสงค์ที่ขายดีในตลาดไทย มาพร้อมการจัดวางเบาะมาตรฐานแบบ 7 ที่นั่ง (2+3+2) ที่นั่งได้ 7 คน โครงสร้างเบาะที่ปรับได้เหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มคน เบาะแถวกลางสามารถเลื่อนไปมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ขา ส่วนเบาะแถวหลังพับเก็บได้เมื่อต้องการพื้นที่เก็บของ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย รถยังติดตั้งระบบปรับอากาศแถวหลังเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ควรระวังว่ากฎหมายไทยกำหนดให้รถ 7 ที่นั่งต้องมีเข็มขัดนิรภัยครบทุกที่นั่ง และห้ามบรรทุกเกินจำนวน ในตลาดเดียวกันยังมี Toyota Avanza และ Honda BR-V ที่มีการจัดวางเบาะคล้ายกัน ให้เลือกตามงบประมาณและความชอบ Xpander มีความสูงช่วงล่าง 205 มม. ทำให้วิ่งบนถนนชนบทได้ดี แต่ด้วยโครงสร้างรถ MPV อาจโคลงเวลาเข้าโค้ง แนะนำให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวังในเมือง

ข้อดี

การออกแบบภายนอกสวยงาม
ภายในกว้างขวางและสบาย
หลอดไฟหน้าแบ่งเป็นสองส่วนและมีลิ้นประดับโครเมียม ทำให้ดูสวยงาม
แผงควบคุมแสดงข้อมูลอย่างครบถ้วน
การออกแบบปุ่มมีประสิทธิภาพและสะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งนุ่มนวล

ข้อเสีย

ภายในมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ รูปแบบดูเก่า
เครื่องยนต์ไม่มีพลังเพียงพอในการปีนเนิน การขับขี่บนเส้นทางภูเขาไม่ราบรื่น
เกียร์ไม่เพียงพอ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงเครื่องยนต์มีสปินสูง
พื้นที่ในช่องสัมภาระไม่ใหญ่ ความจุการบรรทุกต่ำ

Q&A ล่าสุด

Q
Nissan GT-R ถูกผลิตครั้งแรกเมื่อใด?
รถ Nissan GT-R ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1969 ในฐานะรุ่นประสิทธิภาพสูงของซีรีส์ Skyline รหัสว่า PGC10 ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ส่วนในไทย GT-R ก็เป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ตเพราะความแรงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่โดดเด่น โดยเฉพาะรุ่น R35 (ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบัน) ที่เห็นวิ่งตามท้องถนนไทยบ่อยๆ แถมยังมักโผล่ในงานรวมตัวคนรักรถที่กรุงเทพหรือพัทยา GT-R พัฒนาผ่านหลายรุ่น จากยุคแรกที่เป็น Skyline GT-R จนแยกมาเป็นซีรีส์ของตัวเอง ทุกรุ่นล้วนใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก Nissan อย่างรุ่น R32 (ปี 1989) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ATTESA E-TS และเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ RB26DETT ทำให้โดดเด่นทั้งบนสนามแข่งและถนนทั่วไป ส่วนรุ่นปัจจุบัน R35 ติดตั้งเครื่อง V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงกว่า 500 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในราว 3 วินาที แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ระบบระบายความร้อนและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ GT-R ก็ยังทำงานได้ดี สำหรับแฟนรถไทย GT-R ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมรถยนต์ญี่ปุ่น เวิร์คช็อปหลายแห่งในไทยมักอัพเกรด GT-R ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม เช่น ปรับปรุงระบบระบายความร้อนหรือตั้งค่า ECU ใหม่ให้เข้ากับอากาศร้อน ทำให้รถสปอร์ตคลาสสิคคันนี้ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Q
BYD SEALION 7 มีสีอะไรบ้าง?
BYD SEALION 7 ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีด้วยกันคือ Quantum Black Horizon White Space Grey และ Shark Grey ซึ่งสีเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์เทรนด์ความสวยงามสมัยใหม่ แต่ยังตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของผู้บริโภคได้อย่างดี สี Quantum Black ให้ความรู้สึกคลาสสิกดูหรู เหมาะกับคนทำงานหรือคนที่ชอบสไตล์เรียบหรู ส่วน Horizon White เป็นสีขาวสว่างสดใส ช่วยสะท้อนแสงแดดและลดความร้อนภายในรถได้ดีในสภาพอากาศร้อนของไทย ขณะที่ Space Grey และ Shark Grey ให้ความรู้สึกล้ำสมัยและสปอร์ต เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือคนที่ชอบความทันสมัย ในประเทศไทยที่แสงแดดแรงและฝนตกบ่อย การเลือกสีอ่อนอย่าง Horizon White จะช่วยให้รถดูสะอาดอยู่เสมอและไม่แสดงรอยขีดข่วนชัดเจน ส่วนสีเข้มอย่าง Quantum Black อาจต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยขึ้นเพื่อรักษาความเงางาม นอกจากนี้ สีรถยังส่งผลต่อมูลค่ารถมือสองด้วย โดยทั่วไปแล้วสีกลางๆ อย่างขาวและเทามักเป็นที่นิยมในตลาดไทยและอาจขายต่อได้ง่ายกว่า BYD ในฐานะแบรนด์ผู้นำด้านรถพลังงานสะอาด ไม่เพียงออกแบบสีรถให้สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงประโยชน์ใช้สจริงและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เทคโนโลยีสีแบบ Eco-friendly เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังเลือกสีรถ นอกจากความชอบส่วนตัวแล้ว ควรคำนึงถึงสภาพอากาศของไทย รูปแบบการใช้งาน และมูลค่ารถในระยะยาว เพื่อเลือกสีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง
Q
ค่าประกันสำหรับ Land Rover Defender คือเท่าไหร่
ค่าเบี้ยประกันรถ Land Rover Defender ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปเบี้ยประกันจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ถึง 80,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ปีที่ผลิต พื้นที่ใช้งาน ประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ รวมถึงประเภทของประกันที่เลือก เช่น ประกันชั้น 1 (เต็ม) หรือประกันชั้น 3 (ภาคบังคับ) เนื่องจาก Defender เป็นรถออฟโรดระดับพรีเมี่ยมที่มีค่าซ่อมและอะไหล่ค่อนข้างสูง จึงทำให้เบี้ยประกันค่อนข้างแพง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่นและมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง อาจทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้นไปอีก นอกจากนี้เจ้าของรถยังสามารถเพิ่มความคุ้มครองด้วยประกันเสริม เช่น ประกันภัยธรรมชาติหรือประกันภัยรถหาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากน้ำท่วมหรือการโจรกรรมรถที่พบได้บ่อยในไทย เวลาซื้อประกันรถในไทย แนะนำให้เปรียบเทียบราคาและบริการจากหลายบริษัทประกัน เลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Viriyah หรือ Dhipaya เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ครบถ้วนและบริการหลังการขายที่ดี การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของรถวางแผนงบประมาณได้ดีขึ้น และยังสามารถปกป้องรถคู่ใจได้อย่างรอบด้าน
Q
ราคาของ Land Rover Defender เท่าไหร่
ราคาของ Land Rover Defender ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์เสริม โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 4-8 ล้านบาท ซึ่งราคาสุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย อุปกรณ์เสริมที่เลือกเพิ่ม รวมถึงภาษีนำเข้าและปัจจัยอื่นๆ Defender เป็นรุ่นคลาสสิกของ Land Rover ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องสมรรถนะออฟโรดที่แกร่งและการตกแต่งภายในที่หรูหรา เหมาะสมกับสภาพพื้นที่หลากหลายของไทย ทั้งการขับขี่ในเมืองและการผจญภัยกลางแจ้ง ในประเทศไทย รุ่นดีเซลของ Defender เป็นที่นิยมมากเนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลให้ประหยัดน้ำมันกว่าและมีแรงบิดสูง เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและเส้นทางทุรกันดาร นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Land Rover ในไทยยังมีบริการหลังการขายที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการบริการดูแลรักษาตามระยะหรือการฝึกอบรมการขับขี่ออฟโรด เพื่อช่วยให้เจ้าของรถสามารถใช้งานรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณสนใจ Defender แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่และตัวเลือกอุปกรณ์เสริมด้วยตัวเอง
Q
วิธีการเปิดฝาถังน้ำมันรถ Land Rover Defender
การเปิดฝาถังน้ำมันของรถ Land Rover Defender นั้นทำได้ง่ายมาก แค่ดูที่คันโยกเล็กๆ ที่มีสัญลักษณ์น้ำมันอยู่บริเวณด้านล่างของที่นั่งคนขับหรือแผงประตู ดึงเบาๆ เพื่อปลดล็อกฝาถัง จากนั้นกดที่ด้านนอกของฝาถังน้ำมันเพื่อเปิดได้เลย ข้อควรระวังคือประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อาจมีไอน้ำมันสะสมในถังเยอะหน่อย แนะนำให้รอสักสองสามวินาทีเพื่อให้ไอน้ำออกมาก่อนเปิด เพื่อหลีกเลี่ยงความแตกต่างของแรงดันที่เกิดจากการเปิดทันที อีกอย่างบางปั๊มในไทยต้องให้พนักงานเติมให้ แนะนำให้ถามก่อนว่าต้องเรียกพนักงานมั้ย ส่วนตัว Defender เป็นรถออฟโรดดีไซน์ถังน้ำมันถูกออกแบบมาสำหรับขับลุยน้ำ โดยจุ๊บน้ำมันจะอยู่สูงและมีระบบระบายน้ำ ซึ่งเหมาะมากกับฤดูฝนของไทย ถ้าเจอปัญหาฝาถังเปิดไม่ออก ลองเช็คว่ารถปลดล็อกหรือยัง เพราะปกติฝาถัง Defender จะล็อกตามระบบกลางของรถ และสำหรับคนที่ใช้รถแถวชายทะเลไทยบ่อยๆ ควรทำความสะอาดคราบเกลือรอบฝาถังน้ำมันเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนโลหะเป็นสนิมจนเปิดปิดยาก
ดูเพิ่มเติม