Q
Mitsubishi Xpander ผลิตที่ประเทศไหน?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่พัฒนามาเพื่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ และได้รับความนิยมในตลาดไทยเช่นกัน ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและการออกแบบที่ใช้งานได้จริง เหมาะสมกับความต้องการการเดินทางของครอบครัวคนไทยเป็นอย่างดี ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถซื้อ Xpander แบบนำเข้าแท้ๆ ผ่านช่องทางทางการได้
ที่น่าสนใจคือ Mitsubishi มีโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยด้วย เช่น โรงงานระยอง (จังหวัดชลบุรี) ที่ผลิตรุ่นอย่าง Pajero Sport เป็นต้น แม้ว่า Xpander จะยังไม่มีการผลิตในประเทศไทยตอนนี้ แต่การมีฐานการผลิตในไทยก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแบรนด์ต่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในอนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตตามความต้องการของตลาดก็เป็นได้
สำหรับผู้ใช้รถในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Xpander ที่นำเข้า หรือรุ่นอื่นๆ ของ Mitsubishi ที่ผลิตในประเทศ ล้วนได้รับบริการหลังการขายที่ครบวงจรจากแบรนด์ รวมถึงเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศและอะไหล่แท้จากโรงงาน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
หมวดหมู่ของ Xpander คืออะไร?
รถ Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มรถ MPV 7 ที่นั่ง ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าครอบครัวและผู้ที่ให้ความสำคัญกับความประหยัดพื้นที่ ข้อเด่นของรุ่นนี้คือการออกแบบภายในที่กว้างขวางและปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย พร้อมกับระยะความสูงจากพื้นรถ 220 มม. และระบบช่วงล่างที่ถูกปรับให้เหมาะกับสภาพถนนในไทย Xpander เป็นที่นิยมมากในไทยเพราะตอบโจทย์การเดินทางของครอบครัวไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเบาะแถวที่สามที่พับเก็บได้ ช่วยให้สามารถใช้งานได้ทั้งขนของหรือนั่งคนเต็มคัน ส่วนระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ 1.5L MIVEC คู่กับเกียร์ 4AT ที่ให้ทั้งความประหยัดน้ำมันและดูแลรักษาง่าย ที่น่าสนใจคือในไทยยังมีรุ่น Xpander Cross ที่เพิ่มสไตล์ครอสโอเวอร์ด้วยชุดแต่งภายนอกที่สปอร์ตและอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ครอบครัวรุ่นใหม่ที่ชอบความแตกต่าง ในตลาด MPV ไทยนอกจาก Xpander แล้วยังมีคู่แข่งอย่าง Toyota Avanza และ Suzuki Ertiga ที่เน้นความคุ้มค่าในด้านพื้นที่ใช้สัยเหมือนกัน เวลาจะเลือกซื้อจริงๆ ลูกค้ามักจะดูจากความชอบในแบรนด์ ศูนย์บริการใกล้บ้าน และโปรโมชั่นเป็นหลัก
Q
Xpander เป็น SUV หรือ MPV?
Xpander เป็นรุ่นรถ 7 ที่นั่งจาก Mitsubishi Motors ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดไทย โดยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม MPV (รถยนต์อเนกประสงค์) ไม่ใช่ SUV เพราะเน้นการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารและพื้นที่ใช้สัยภายในมากกว่า โครงสร้างรถใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระยะความสูงจากพื้นปานกลาง ไม่ได้เน้นความสูงเหมือนรถ SUV ที่เหมาะสำหรับการขับลุย แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีบนถนนสภาพซับซ้อนของไทย จุดเด่นของ Xpander อยู่ที่การจัดเรียงเบาะที่นั่งที่ปรับเปลี่ยนได้และพื้นที่เก็บของกว้างขวาง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว หรือต้องการรถสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันและท่องเที่ยวในวันหยุด ในตลาดไทยบางครั้งเส้นแบ่งระหว่าง MPV กับ SUV ค่อนข้างคลุมเครือ บางรุ่นอาจผสมผสานคุณสมบัติของทั้งสองประเภท แต่ Xpander ยังคงยึดแนวคิดการออกแบบแบบ MPV อย่างชัดเจน ซึ่งสังเกตได้จากประตูสไลด์ข้างและความรู้สึกในการขับที่ใกล้เคียงรถเก๋ง สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกระหว่าง MPV กับ SUV ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก ถ้าต้องการพื้นที่และความสะดวกสบาย Xpander ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการรถสำหรับเส้นทาง off-road หรือชอบท่าทางการขับขี่ที่สูงกว่า ก็อาจจะมองหา SUV ดีกว่า
Q
ข้อดีของ Xpander คืออะไร?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดประเทศไทย เนื่องมาจากความประหยัดและการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยเป็นอย่างดี เริ่มจากห้องโดยสารที่กว้างขวางแบบ 7 ที่นั่ง ซึ่งเหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่ในไทย โดยเฉพาะเวลาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวหรือการเดินทางในชีวิตประจำวันที่มีผู้โดยสารหลายคน นอกจากนี้ยังมีระยะความสูงจากพื้นรถที่เหมาะสมและระบบช่วงล่างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้สามารถขับเคลื่อนบนถนนสภาพไม่ดีในบางพื้นที่ของไทยได้อย่างสบายๆ ส่วนเครื่องยนต์ 1.5L MIVEC ที่ติดตั้งมานั้นให้สมดุลระหว่างพลังและความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม เหมาะสมกับสภาพการจราจรในเมืองที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆ พร้อมยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันในระยะยาว อีกทั้งยังมีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่างพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันและหน้าจอสัมผัสกลางห้องโดยสาร ที่สำคัญคือขนาดตัวรถที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางในขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนในซอยแคบๆของไทยได้อย่างคล่องตัว สำหรับการเลือกซื้อรถ MPV นั้น คนไทยไม่เพียงแต่คำนึงถึงความกว้างของห้องโดยสารและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเท่านั้น แต่ยังควรพิจารณาถึงเครือข่ายบริการหลังการขายซึ่งมีความสำคัญต่อประสบการณ์การใช้รถในระยะยาว ซึ่ง Xpander ก็ทำได้ดีในจุดนี้ด้วยเครือข่ายบริการของ Mitsubishi ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย
Q
ปัญหาทั่วไปของ Xpander มีอะไรบ้าง?
รถ Mitsubishi Xpander เป็นรถ MPV 7 ที่นั่งยอดนิยมในตลาดไทย ปัญหาที่มักพบส่วนใหญ่เป็นรายละเอียดเล็กน้อยในการใช้งานประจำวัน เช่น บางเจ้าของรถรายงานว่าการทำความเย็นของแอร์อาจลดลงเล็กน้อยในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้ล้างคอนเดนเซอร์และตรวจสอบความดันน้ำยาแอร์เป็นประจำ เพราะอากาศร้อนๆของไทยถือเป็นการทดสอบระบบแอร์อย่างดี นอกจากนี้ระบบช่วงล่างอาจมีเสียงดังเล็กน้อยหลังจากขับบนถนนขรุขระมานาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพถนนบางพื้นที่ของไทย แค่ตรวจสอบบูชช่วงล่างและช็อคอัพเป็นครั้งคราวก็แก้ไขได้ ส่วนเกียร์ CVT อาจมีการกระตุกเบาๆบ้างในสภาพการจราจรติดขัด นี่เป็นลักษณะทั่วไปของเกียร์ประเภทนี้ แค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามกำหนดก็พอ สำหรับชิ้นส่วนพลาสติกภายในรถอาจมีเสียงดังจาการขยายตัวเนื่องจากความร้อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในประเทศเขตร้อน ส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หน้าจอควบคุมกลางอาจตอบสนองช้าเป็นครั้งคราว แต่การรีสตาร์ทระบบก็สามารถแก้ไขได้ ปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือโดยรวม จุดเด่นของ Xpander ยังคงเป็นพื้นที่ใช้งานสะดวกและประหยัดน้ำมัน ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวไทย แค่ดูแลรักษารถตามกำหนดก็สามารถรักษาสภาพรถให้ดีได้ นอกจากนี้เจ้าของรถในไทยยังสามารถติดตามโปรโมชั่นดูแลรักษารถตามฤดูกาลจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น ซึ่งช่วยบำรุงรักษาสภาพรถได้ดีเลยทีเดียว
Q
Xpander เหมาะกับการขับทางไกลหรือไม่?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ในฐานะรถ MPV 7 ที่นั่งที่เน้นการใช้งานสำหรับครอบครัว ได้รับความนิยมในตลาดไทยเป็นอย่างมาก ด้วยความกว้างขวางของพื้นที่ภายในและความประหยัดที่ใช้งานได้จริง สำหรับการขับขี่ระยะไกลแล้ว Xpander ทำได้ดีมาก ระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร MIVEC ร่วมกับเกียร์ CVT ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลทั้งบนถนนเรียบและทางลาดชันเล็กน้อยในประเทศไทย อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันก็อยู่ในระดับประหยัด เหมาะกับงบประมาณของครอบครัวที่ชอบท่องเที่ยว ระบบช่วงล่างถูกปรับมาเพื่อความนุ่มสบายเป็นหลัก ช่วยลดแรงกระแทกจากถนนบางส่วนในชนบทของไทยได้ดี ที่นั่งแถวที่ 2 สามารถปรับเอนได้และแถวที่ 3 พับเก็บได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการจัดเก็บสัมภาระ แต่ควรระวังว่าถ้ามีผู้โดยสารครบ 7 คน พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังจะเหลือน้อย แนะนำให้จัดสรรสัมภาระให้เหมาะสม นอกจากนี้ Xpander ยังมีระยะความสูงจากพื้นรถที่ค่อนข้างดี ช่วยให้ขับผ่านเส้นทางในชนบทช่วงฤดูฝนของไทยได้สะดวก แต่ควรลดความเร็วเมื่อเข้าโค้งเพื่อความมั่นคง เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ แล้ว Xpander มีจุดเด่นในเรื่องค่าบำรุงรักษาและอะไหล่ที่หาง่ายในตลาดไทย อู่ซ่อมรถทั่วไปก็คุ้นเคยกับรุ่นนี้ดี ก่อนออกเดินทางไกลแนะนำให้ตรวจสอบสภาพยางและระบบระบายความร้อน เพราะอากาศร้อนของไทยต้องการการระบายความร้อนที่ประสิทธิภาพ สรุปแล้ว Xpander เป็นรถที่ปรับตัวเข้ากับสภาพการใช้รถในไทยได้ดี และเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับการเดินทางไกลของครอบครัวทั่วไป
Q
Innova หรือ Xpander อันไหนใหญ่กว่ากัน ?
เมื่อมองจากมิติตัวถัง Toyota Innova มักจะนำเสนอรุ่นที่ใหญ่กว่า Mitsubishi Xpander ในตลาดประเทศไทย โดย Innova มักมีความยาวตัวรถเกิน 4.7 เมตร ระยะฐานล้อประมาณ 2.75 เมตร และมาพร้อมกับแบบที่นั่ง 3 แถว เหมาะสำหรับครอบครัวหรือการใช้งานเชิงธุรกิจที่ต้องการพื้นที่กว้างขวาง ในขณะที่ Xpander มีความยาวตัวรถประมาณ 4.4 เมตร ระยะฐานล้อประมาณ 2.7 เมตร แม้จะมีที่นั่ง 3 แถวเช่นกัน แต่แถวที่ 3 จะเหมาะสำหรับเด็กหรือการเดินทางระยะสั้นกว่า ในถนนเมืองไทยอย่างกรุงเทพฯ ขนาดตัวรถที่เล็กกว่าของ Xpander ทำให้จอดและขับเคลื่อนได้สะดวกกว่า แต่หากต้องเดินทางไกลหรือรับส่งผู้โดยสารบ่อยๆ ความสบายของอินโนวาจะเหนือกว่า ทั้งสองรุ่นเป็นรถ MPV ที่นิยมในตลาดไทย การเลือกควรพิจารณาจากการใช้งานจริง นอกจากนี้คนไทยยังให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมัน โดยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรของ Xpander จะประหยัดน้ำมันกว่าในเมือง ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.0 หรือ 2.4 ลิตรของ Innova ให้พลังที่แข็งแกร่งขึ้น
Q
Xpander รุ่นปี 2020 มีแรงม้าเท่าไหร่?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander รุ่นปี 2020 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ใช้เครื่องยนต์เบนซิน MIVEC 1.5 ลิตร แบบประหยัดน้ำมัน ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า (77 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์ออโต้ 4 สปีด เครื่องยนต์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้เน้นความประหยัดน้ำมันและความทนทาน เหมาะกับการใช้งานในเมืองและครอบครัวชาวไทยเป็นอย่างดี
Xpander ในฐานะรถ MPV 7 ที่นั่ง เป็นที่นิยมในหมู่ครอบครัวไทย เพราะมีระยะยกตัวสูงถึง 205 มิลลิเมตร ที่สามารถขับผ่านเส้นทางต่างจังหวัดได้บ้าง แถมยังมีพื้นที่ภายในที่ปรับแต่งได้หลากหลาย พร้อมฟังก์ชันใช้งานได้จริง เช่นช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก
สำหรับคนไทยแล้ว กำลังเครื่องขนาดนี้เพียงพอต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันและพาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด แม้ว่ากำลัง 105 แรงม้าอาจจะไม่แรงมากเวลาจะแซงบนทางหลวง แต่เมื่อพิจารณาจากปัญหารถติดและราคาน้ำมันในประเทศไทยแล้ว การตั้งค่าเครื่องยนต์แบบนี้กลับเหมาะสมกับสภาพการใช้งานจริงมากกว่า รถ MPV สำหรับครอบครัวระดับเดียวกันอย่าง Toyota Avanza หรือ Honda BR-V ก็ใช้แนวทางเดียวกันในการออกแบบเครื่องยนต์ นี่แสดงให้เห็นว่า MPV ประเภทนี้เน้นความสมดุลในทุกด้านมากกว่าการเน้นประสิทธิภาพสูงสุดเพียงอย่างเดียว
Q
จุดอ่อนของ Xpander คืออะไร?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander เป็นรถ MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ด้วยความประหยัดและความทนทานที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตาม รถรุ่นนี้ก็มีข้อด้อยบางประการที่ควรรู้ไว้ เช่น พื้นที่เบาะหลังแถวที่สามอาจจะคับเกินไปสำหรับผู้โดยสารที่ตัวสูง อาจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเมื่อมีผู้โดยสารครบทุกที่นั่งก็จะเหลือน้อย ไม่เหมาะกับการเดินทางไกลที่ต้องแบกสัมภาระจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเสียงลมที่ค่อนข้างดังเวลาขับความเร็วสูง ซึ่งส่งผลต่อความสบายในการนั่ง ส่วนด้านกำลังเครื่องยนต์ 1.5L แบบธรรมชาติแม้จะประหยัดน้ำมันและเชื่อถือได้ แต่เมื่อมีผู้โดยสารเต็มคันหรือเวลาขึ้นเนินอาจรู้สึกว่ากำลังไม่ค่อยพอ ส่วนวัสดุภายในห้องโดยสารเป็นพลาสติกแข็งเป็นหลัก ทำให้ความรู้สึกโดยรวมดูธรรมดาไปหน่อย อย่างไรก็ดี Xpander ก็มีจุดแข็งที่เหมาะกับสภาพถนนและอากาศร้อนชื้นของไทย เช่น รอบระยะล้อจากพื้นสูงและมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ดังนั้นสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถครอบครัวในเมือง Xpander ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีในด้านความประหยัดและความคล่องตัว แต่ถ้าต้องการใช้งานหนักแบบเดินทางไกลบ่อยๆ หรือมีผู้โดยสารเต็มคันเป็นประจำ อาจต้องพิจารณารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่านี้หรือระบบกันเสียงที่ดีกว่านี้จะเหมาะสมกว่า
Q
ข้อเสียของ Mitsubishi Xpander คืออะไร
Mitsubishi Xpander ในฐานะรถ MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ได้รับการยอมรับในด้านความกว้างขวางและความคุ้มค่าในการใช้งาน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น เบาะแถวสามมีพื้นที่วางขาแคบ ทำให้ผู้ใหญ่โดยสารได้ไม่สะดวกและไม่เหมาะกับการเดินทางไกล เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติเมื่อบรรทุกเต็มที่หรือขึ้นเขาจะรู้สึกแรงไม่เพียงพอ เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่เวลาต้องเร่งแซงบนทางด่วนควรวางแผนล่วงหน้า ส่วนวัสดุภายในเน้นพลาสติกแข็งทำให้สัมผัสและการเก็บเสียงอยู่ในระดับกลาง ระบบกันสะเทือนมีความแข็งพอสมควร จึงให้ความรู้สึกกระด้างเมื่อขับผ่านถนนชนบทที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม Xpander มีความประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ เหมาะกับครอบครัวที่เน้นประโยชน์ใช้สอย หากต้องใช้งานบรรทุกผู้โดยสารเต็มที่และเดินทางไกลบ่อย ควรทดลองขับเพื่อประเมินสมรรถนะและพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม ในตลาดไทยยังมีตัวเลือกอื่นอย่าง Toyota Avanza หรือ Honda BR-V ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องเครื่องยนต์และวัสดุภายในที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคควรพิจารณางบประมาณและความต้องการส่วนตัวประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ.
Q
วิธีปิดโหมด Eco บน Mitsubishi Xpander
การปิดโหมด Eco ของรถ Mitsubishi Xpander นั้น โดยปกติใช้งานผ่านปุ่มโหมด Eco ใกล้แผงหน้าปัดเครื่องมือ ซึ่งปุ่มนี้อาจจะอยู่ด้านซ้ายของพวงมาลัยหรือแถบกลางคอนโซลหน้า กดสลับโหมดได้เลย แต่ถ้าหาปุ่มไม่เจอแนะนำให้เปิดคู่มือผู้ใช้ดูตำแหน่งให้ชัดเจนอีกที ในสภาพอากาศร้อนของไทย การปิดโหมด Eco จะช่วยให้แอร์เย็นขึ้นแต่จะทำให้กินน้ำมันเพิ่มนิดหน่อย แนะนำว่าเวลาเจอรถติดในกรุงเทพฯ ให้เปิดโหมด Eco ไว้จะช่วยประหยัดน้ำมัน ส่วนเวลาเดินทางไกลหรือขับบนทางด่วนปิดโหมดนี้จะทำให้รถตอบสนองดีขึ้น โปรดทราบว่าวิธีการใช้งานของ Xpander แต่ละรุ่นในแต่ละปีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย รถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่นยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ผ่านเมนูการตั้งค่ารถบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางได้อีกด้วย การใช้โหมด Eco ให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ขับขี่ในหลากหลายสภาพถนนของไทยได้ดี แต่ยังช่วยบาลานซ์ระหว่างประหยัดน้ำมันกับความรู้สึกในการขับได้ แนะนำให้เจ้าของรถเลือกใช้ตามความต้องการจริงจะดีที่สุด
Q&A ล่าสุด
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา Lexus ES 2023 คือเท่าไร?
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา Lexus ES รุ่นปี 2023 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและระบบขับเคลื่อน ทั้งรุ่นเบนซิน ES 250 และรุ่นไฮบริด ES 300h มีระยะการบริการปกติที่ทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน โดยค่าใช้จ่ายพื้นฐานรวมสำหรับการบริการจนถึง 60,000 กิโลเมตรแรกจะอยู่ที่ประมาณ 35,000-45,000 บาท ซึ่งรุ่นไฮบริดอาจมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ารุ่นเบนซินเล็กน้อยเนื่องจากระบบแบตเตอรี่ได้รับการออกแบบมาให้ไม่ต้องดูแลรักษา ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ แต่การเปลี่ยนไส้กรองแอร์และน้ำมันเบรกจะมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่น่าสนใจคือตัวแทนจำหน่ายในไทยมักมีโปรโมชั่นแพ็กเกจบริการ เช่น ซื้อ 3 ครั้งแถมฟรี 1 ครั้ง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ สำหรับการดูแลรักษารถหรู Lexus ในไทยมีนโยบายบริการฟรี 4 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร (รุ่นไฮบริด 6 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร) ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในช่วงแรกได้มากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันที่มักให้บริการฟรีแค่ 2-3 ปี แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสถานะยางและผ้าเบรกอย่างสม่ำเสมอ ในสภาพอากาศเขตร้อนส่วนประกอบเหล่านี้อาจสูญเสียเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างเป็นทางการ หากเลือกการบำรุงรักษาร้านที่ไม่ใช่ 4S แม้ว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 30% แต่จะสูญเสียคุณสมบัติการรับประกันจากโรงงานเดิม ต้องชั่งน้ําหนักข้อดีและข้อเสีย
Q
2023 Lexus ต้องการน้ำมันเบนซินพรีเมียมหรือไม่?
สำหรับรุ่น Lexus รุ่นปี 2023 ส่วนใหญ่ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบหรือเครื่องยนต์สันดาปตามธรรมชาติประสิทธิภาพสูง เช่น IS 500, LC 500 แนะนำให้ใช้เบนซินไร้สารตะกั่วคุณภาพสูงระดับ 95 ขึ้นไป เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันมากที่สุด ส่วนรุ่นพื้นฐานอย่าง UX 200 สามารถใช้เบนซินธรรมดาระดับ 91 ได้ แต่ควรตรวจสอบป้ายข้างถังน้ำมันหรือคู่มือรถเพื่อความแน่ใจ ในประเทศไทย ปั้มน้ำมันส่วนใหญ่มีเบนซินระดับ 91 (เทียบเท่า RON 91) และ 95 (RON 95) หากใช้เบนซินระดับต่ำเป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องยนต์อัดสูงเกิดการน็อคหรือมีคาร์บอนสะสม โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนควรระวังเรื่องคุณภาพน้ำมันเป็นพิเศษ เทคโนโลยีเช่นระบบหัวฉีดคู่ D-4S ที่ Lexus นำมาใช้สามารถปรับให้เข้ากับเชื้อเพลิงได้ดี แต่แนะนำให้เจ้าของรถปฏิบัติตามคําแนะนําของผู้ผลิตเนื่องจากสารเติมแต่งที่สะอาดสําหรับน้ํามันเบนซินคุณภาพสูงสามารถปกป้องชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนของเครื่องยนต์ฉีดตรงได้ดีขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่ารถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่บางรุ่นมีข้อกําหนดที่ค่อนข้างหลวมสําหรับเครื่องหมายเชื้อเพลิง แต่การใช้น้ํามันเบนซินมาตรฐานสูงยังคงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานร่วมกันของมอเตอร์และเครื่องยนต์ หากบางครั้งพบสถานการณ์น้ํามันเบนซินเครื่องหมายต่ําในพื้นที่ห่างไกล การผสมในระยะสั้นจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ไม่ควรเป็นเช่นนี้ในระยะยาว
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน Lexus ES 350 รุ่นปี 2023?
รุ่น 2023 ของ Lexus ES 350 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2GR-FKS ขนาด 3.5 ลิตร V6 แบบดูดอากาศธรรมชาติ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีฉีดเชื้อเพลิง D-4S ซึ่งผสมผสานข้อดีของการฉีดเชื้อเพลิงตรงสู่อากาศในกระบอกสูบและการฉีดเชื้อเพลิงแบบพอร์ต ให้กำลังสูงสุดถึง 302 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 362 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้การส่งกำลังลื่นไหลและประหยัดน้ำมันได้ดี เครื่องยนต์ตัวนี้ทำงานได้อย่างเสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนของบ้านเรา ต้องขอบคุณระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงและการออกแบบวัสดุทนความร้อนที่เหมาะสมทั้งการขับขี่ในเมืองที่รถติดหรือการเดินทางไกลบนทางหลวง ที่สำคัญ เครื่องยนต์แบบดูดอากาศธรรมชาตินี้ให้ค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่าแบบเทอร์โบชาร์จ และยังให้ความรู้สึกการทำงานที่เรียบลื่นกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสบายในการขับขี่ Lexus ยังให้บริการรับประกันระยะยาวสำหรับระบบขับเคลื่อนนี้ ช่วยลดความกังวลในการใช้งานอีกด้วย ถ้าสนใจระบบไฮบริด ES 300h ในซีรีส์เดียวกันที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตรผสมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะตอบโจทย์คนที่ต้องการประหยัดน้ำมันมากกว่า แต่ ES 350 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถยนต์หรูขนาดกลาง-ใหญ่ ด้วยพลังอันหนักแน่นจากเครื่อง V6 ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ขับขี่ระดับพรีเมียม
Q
“รถ Lexus ES ปี 2023 ใช้งานได้นานแค่ไหน?”
รถยนต์รุ่น Lexus ES ปี 2023 ในสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาปกติ คาดว่าจะสามารถวิ่งได้มากกว่า 300,000 กิโลเมตร หรือเทียบเท่าการใช้งานประมาณ 20 ปี รุ่นนี้ขึ้นชื่อในเรื่องระบบขับเคลื่อนที่เชื่อถือได้และการผลิตที่แข็งแรง โดยเฉพาะเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรแบบธรรมชาติและระบบไฮบริดที่ผ่านการทดสอบจากตลาดมายาวนาน มีอัตราการเสียหายต่ำ ในสภาพอากาศร้อนชื้น แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่และระบบแอร์เป็นประจำ พร้อมทั้งระบบบริการหลังการขายของ Lexasus ก็มีความพร้อม แพ็คเกจดูแลรักษาจากโรงงานสามารถช่วยยืดอายุรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเจ้าของที่คิดจะใช้งานยาวๆ Lexus ES มีอัตราการรักษามูลค่าค่อนข้างสูง หลัง 5 ปียังคงรักษามูลค่าได้ประมาณ 60% ซึ่งเป็นผลมาจากชื่อเสียงที่ดีและคุณภาพที่มั่นคง ในชีวิตประจำวัน แนะนำให้ทำการดูแลรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือนตามคู่มือ ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง และเปลี่ยนน้ำมันเกียร์กับน้ำมันเบรกเป็นประจำ รายละเอียดเหล่านี้มีผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานของรถ หากใช้งานในเมืองเป็นหลัก รุ่นไฮบริดจะเหมาะสมกว่า เพราะระบบไฮบริดได้รับผลกระทบจากการสตาร์ทและหยุดบ่อยๆน้อยกว่า และยังเหมาะกับการใช้งานในสภาพการจราจรที่ติดขัดอีกด้วย
Q
รถ Lexus ES 350 ปี 2023 เป็นรถที่ดีหรือเปล่า?
รถหรู Lexus ES 350 รุ่นปี 2023 เป็นรถที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ด้วยเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร แบบอัดธรรมชาติที่ให้กำลังส่งเรียบแต่ทรงพลัง คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้การขับขี่ลื่นไหลนุ่มสบาย ทั้งในเมืองและทางไกล ด้านภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบประณีต เบาะนั่งสบายเป็นพิเศษ พร้อมเทคโนโลยีครบครัน เช่น จอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ระบบเสียง Mark Levinson และชุดความปลอดภัยล่าสุดจาก Lexus ที่รวมระบบเตือนการชนและช่วยรักษาช่องทาง ช่วยให้ขับขี่ได้มั่นใจมากขึ้น แม้จะเป็นเครื่อง V6 แต่ยังประหยัดน้ำมันได้ดีภายใต้การตั้งค่าของ Lexus ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานรถหรู ในตลาดท้องถิ่น Lexus มีบริการหลังการขายที่ได้เสียงชมเชย ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสมเหตุสมผล และยังเป็นรถที่ทรงมูลค่าสูงในระยะยาว สำหรับคนที่ชอบความหรูแบบเรียบง่ายแต่เน้นความน่าเชื่อถือ ES 350 นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW 5 Series หรือ Mercedes E-Class ที่อาจเน้นสปอร์ตหรือเทคโนโลยี แต่จุดแข็งของ ES 350 คือความสมดุลและความเงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสบายและคุณภาพในทุกการขับขี่
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Mitsubishi Xpander ตารางผ่อนชำระล่าสุด
Kevin WongNov 10, 2025

การทดสอบ Mitsubishi Xpander: ความสวยงามและความสบายของพื้นที่ ปรับปรุงประสบการณ์การขับขี่!
AshleyApr 9, 2025

"Mitsubishi Xpander เปรียบเทียบกับ Toyota Veloz, MPV ยอดนิยมคนไหนแรงกว่า?"
ธนวัฒน์Oct 21, 2024

Mitsubishi Xpander ผู้ช่วยที่ดีสำหรับการเดินทางกับครอบครัว มีราคาตั้งแต่ 799,000 บาท
LienMay 20, 2024

Mitsubishi พา Xpander และ Xpander Cross HEV มาร่วมงานที่นิทรรศการรถยนต์นานาชาติกรุงเทพฯ 2024
AshleyMar 18, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย