Q
Mitsubishi Xpander ผลิตที่ประเทศไหน?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่พัฒนามาเพื่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ และได้รับความนิยมในตลาดไทยเช่นกัน ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและการออกแบบที่ใช้งานได้จริง เหมาะสมกับความต้องการการเดินทางของครอบครัวคนไทยเป็นอย่างดี ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถซื้อ Xpander แบบนำเข้าแท้ๆ ผ่านช่องทางทางการได้
ที่น่าสนใจคือ Mitsubishi มีโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยด้วย เช่น โรงงานระยอง (จังหวัดชลบุรี) ที่ผลิตรุ่นอย่าง Pajero Sport เป็นต้น แม้ว่า Xpander จะยังไม่มีการผลิตในประเทศไทยตอนนี้ แต่การมีฐานการผลิตในไทยก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแบรนด์ต่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในอนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตตามความต้องการของตลาดก็เป็นได้
สำหรับผู้ใช้รถในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Xpander ที่นำเข้า หรือรุ่นอื่นๆ ของ Mitsubishi ที่ผลิตในประเทศ ล้วนได้รับบริการหลังการขายที่ครบวงจรจากแบรนด์ รวมถึงเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศและอะไหล่แท้จากโรงงาน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Mitsubishi Xpander คืออะไร
Mitsubishi Xpander ในฐานะรถ MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ได้รับการยอมรับในด้านความกว้างขวางและความคุ้มค่าในการใช้งาน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น เบาะแถวสามมีพื้นที่วางขาแคบ ทำให้ผู้ใหญ่โดยสารได้ไม่สะดวกและไม่เหมาะกับการเดินทางไกล เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติเมื่อบรรทุกเต็มที่หรือขึ้นเขาจะรู้สึกแรงไม่เพียงพอ เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่เวลาต้องเร่งแซงบนทางด่วนควรวางแผนล่วงหน้า ส่วนวัสดุภายในเน้นพลาสติกแข็งทำให้สัมผัสและการเก็บเสียงอยู่ในระดับกลาง ระบบกันสะเทือนมีความแข็งพอสมควร จึงให้ความรู้สึกกระด้างเมื่อขับผ่านถนนชนบทที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม Xpander มีความประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ เหมาะกับครอบครัวที่เน้นประโยชน์ใช้สอย หากต้องใช้งานบรรทุกผู้โดยสารเต็มที่และเดินทางไกลบ่อย ควรทดลองขับเพื่อประเมินสมรรถนะและพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม ในตลาดไทยยังมีตัวเลือกอื่นอย่าง Toyota Avanza หรือ Honda BR-V ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องเครื่องยนต์และวัสดุภายในที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคควรพิจารณางบประมาณและความต้องการส่วนตัวประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ.
Q
วิธีปิดโหมด Eco บน Mitsubishi Xpander
การปิดโหมด Eco ของรถ Mitsubishi Xpander นั้น โดยปกติใช้งานผ่านปุ่มโหมด Eco ใกล้แผงหน้าปัดเครื่องมือ ซึ่งปุ่มนี้อาจจะอยู่ด้านซ้ายของพวงมาลัยหรือแถบกลางคอนโซลหน้า กดสลับโหมดได้เลย แต่ถ้าหาปุ่มไม่เจอแนะนำให้เปิดคู่มือผู้ใช้ดูตำแหน่งให้ชัดเจนอีกที ในสภาพอากาศร้อนของไทย การปิดโหมด Eco จะช่วยให้แอร์เย็นขึ้นแต่จะทำให้กินน้ำมันเพิ่มนิดหน่อย แนะนำว่าเวลาเจอรถติดในกรุงเทพฯ ให้เปิดโหมด Eco ไว้จะช่วยประหยัดน้ำมัน ส่วนเวลาเดินทางไกลหรือขับบนทางด่วนปิดโหมดนี้จะทำให้รถตอบสนองดีขึ้น โปรดทราบว่าวิธีการใช้งานของ Xpander แต่ละรุ่นในแต่ละปีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย รถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่นยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ผ่านเมนูการตั้งค่ารถบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางได้อีกด้วย การใช้โหมด Eco ให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ขับขี่ในหลากหลายสภาพถนนของไทยได้ดี แต่ยังช่วยบาลานซ์ระหว่างประหยัดน้ำมันกับความรู้สึกในการขับได้ แนะนำให้เจ้าของรถเลือกใช้ตามความต้องการจริงจะดีที่สุด
Q
วิธีสตาร์ท Mitsubishi Xpander
วิธีสตาร์ทรถ Mitsubishi Xpander ที่ถูกต้องคือต้องให้เกียร์อยู่ในตำแหน่ง P (จอด) หรือ N (ว่าง) ก่อน จากนั้นเหยียบแป้นเบรคแล้วกดปุ่มสตาร์ทหรือบิดกุญแจเพื่อติดเครื่อง เนื่องจากอากาศร้อนในไทยแนะนำให้เช็คสภาพแบตเตอรี่ก่อนสตาร์ทเสมอเพราะความร้อนสูงจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว พร้อมทั้งสังเกตุดูไฟสัญญาณบนแผงหน้าปัดว่าปกติหรือไม่ หลังสตาร์ทแนะนำให้วอร์มเครื่องสัก 30 วินาทีให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเพื่อหล่อลื่นชิ้นส่วนเครื่องยนต์ จะช่วยยืดอายุเครื่องได้ดีเลย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนถ้าต้องสตาร์ทรถหลังขับลุยน้ำ ต้องระวังเป็นพิเศษ ควรเช็คระบบไอดีว่ามีน้ำเข้าไปหรือไม่ สำหรับ Xpander รุ่นยอดนิยมนี้ระบบสมาร์ทคีย์อาจจะต้องวางใกล้กับเซ็นเซอร์กว่าปกติในวันที่อากาศชื้น แนะนำให้เช็คหัวเทียนและระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำเวลาซ่อมบำรุงจะทำให้สตาร์ทรถได้คล่องขึ้น อีกอย่างในไทยที่จอดรถตามห้างหลายที่มีพื้นเอียงมาก เวลาสตาร์ทบนทางลาดชันควรดึงเบรคมือก่อนแล้วค่อยเข้าเกียร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์รับน้ำหนักเกินไป
Q
Mitsubishi Xpander มีกี่ที่นั่ง?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander เป็นรุ่น MPV 7 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดไทย ด้วยการจัดเรียงเบาะแบบ 2+3+2 ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เบาะแถวกลางสามารถเลื่อนไปมาได้ตามความต้องการ ส่วนเบาะแถวหลังพับเก็บได้แบบ 50:50 ทำให้มีพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่น เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยหรือกลุ่มผู้โดยสารจำนวนมาก ภายใต้กระโปรงหน้ามีเครื่องยนต์ 1.5L MIVEC แบบสูบธรรมชาติ ที่มาพร้อมกับเกียร์ออโต้ 4 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้สมรรถนะการประหยัดน้ำมันที่น่าพอียด ส่วนความสูงของช่วงล่างอยู่ที่ 205 มม. ทำให้สามารถขับขี่บนเส้นทางสภาพถนนไม่ดีบางพื้นที่ของไทยได้อย่างมั่นใจ สำหรับตลาดไทยแล้ว Xpander ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมวดเดียวกัน ด้วยจุดเด่นด้านพื้นที่ใช้งานที่ตอบโจทย์และความทนทานที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษอย่าง Xpander Cross ที่เพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดแต่งภายนอกทรงสปอร์ต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชอบความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเอง
Q
ตารางการผ่อนชำระ Mitsubishi Xpander คืออย่างไร?
โปรแกรมผ่อนรถ Mitsubishi Xpander ในไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามตัวแทนจำหน่าย แคมเปญโปรโมชั่น และระยะเวลาการกู้ที่ลูกค้าเลือก (ปกติอยู่ที่ 12-84 เดือน) โดยทั่วไปเงินดาวน์เริ่มต้นต่ำสุดจะอยู่ที่ 20%-30% อัตราดอกเบี้ยรายปีประมาณ 2.5%-5% บางร้านอาจมีโปรโมชั่นดาวน์ 0% หรือดอกเบี้ยพิเศษ แนะนำให้สอบถามข้อมูลล่าสุดและเครื่องคำนวณผ่อนชำระโดยตรงที่โชว์รูม Mitsubishi ในพื้นที่ นอกจากนี้เมื่อซื้อรถในไทยควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่น ประกันภัย (ประกันภาคบังคับและประกันวินาศภัยประมาณ 15,000-30,000 บาท/ปี) ค่าทะเบียน (ประมาณ 2,000-5,000 บาท) และผลรวมดอกเบี้ยที่อาจส่งผลต่องบประมาณ ทั้งนี้หลายธนาคารในไทยเช่น Krungsri Auto SCB Auto ก็มีโปรแกรมสินเชื่อรถยนต์ที่น่าสนใจ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและความยืดหยุ่นในการชำระเงิน สำหรับ Mitsubishi Xpander ซึ่งเป็นรถ MPV ยอดนิยมในตลาดไทย นโยบายผ่อนชำระมักจะดีกว่ารถนำเข้าและเนื่องจากเป็นรถที่มียอดขายสูงจึงทำให้มูลค่าซื้อขายต่อค่อนข้างมั่นคง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายในการใช้รถระยะยาว
Q
ราคาเริ่มต้นของ Mitsubishi Xpander มือสองอยู่ที่เท่าไหร่?
ราคาเริ่มต้นของรถมือสอง Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามอายุรถ ระยะทาง สภาพรถ และอุปกรณ์ต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว รุ่นปี 2018-2020 จะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 450,000 ถึง 600,000 บาท แต่ราคาจริงจะต้องประเมินจากการตรวจสภาพรถและประวัติการบริการอย่างใกล้ชิด Xpander เป็นรถ MPV ที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ระบบขับเคลื่อนที่เชื่อถือได้ (เช่น เครื่องยนต์ 1.5L MIVEC) และระยะความสูงจากพื้นรถที่เหมาะสม ทำให้เหมาะกับการใช้งานของครอบครัวไทยและเส้นทางทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ควรระวังว่าตลาดรถมือสองไทยให้ความสำคัญกับประวัติการบริการจากศูนย์อย่างมาก แนะนำให้ตรวจสอบประวัติรถผ่านช่องทางที่ Mitsubishi รับรองหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ บางรุ่นหลังปี 2020 อาจมีการอัปเกรดระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม (เช่น ถุงลมนิรภัยเพิ่มหรือระบบ ESC) ซึ่งจะส่งผลต่อราคาขายสุดท้ายด้วย ส่วนมาตรฐานการปล่อยไอเสียรถมือสองของไทยนั้นไม่มีกฎหมายเข้มงวด แต่เพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว ควรเลือกรถที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีจะดีที่สุด
Q
Mitsubishi Xpander มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อหรือไม่?
ปัจจุบัน Mitsubishi Xpander ในตลาดประเทศไทยมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (2WD) เท่านั้น ยังไม่มีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวในเมืองเป็นหลัก โดยเน้นเรื่องประหยัดน้ำมันและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เลยเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า สำหรับคนไทยแล้ว Xpander มีระยะความสูงจากพื้นรถ (220 มม.) และระบบช่วงล่างที่ถูกตั้งค่าให้รับมือกับถนนชนบทหรือสภาพถนนช่วงฤดูฝนได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อาจจะต้องมองหาโมเดล 4WD ของ Mitsubishi อย่างเช่น Pajero Sport ก็ได้ อย่างไรก็ตาม รถ MPV ในตลาดไทยส่วนใหญ่จะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งสอดคล้องกับสภาพถนนและลักษณะการใช้งานของคนไทย ยกตัวอย่างรถในระดับเดียวกันอย่าง Toyota Avanza หรือ Suzuki Ertiga ก็ไม่มีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อเหมือนกัน แนะนำให้ลองเปรียบเทียบความต้องการก่อนซื้อ หากมักขับรถบนพื้นที่ขรุขระ คุณอาจพิจารณาติดตั้งโซ่กันลื่นหรือเลือกใช้ SUV ระดับไฮเอนด์ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความคุ้มค่า การจัดวางพื้นที่ภายใน และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา Xpander ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับครอบครัวไทยอยู่ดี
Q
ระบบความปลอดภัยใน Mitsubishi Xpander มีอะไรบ้าง?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยเพียบ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่ ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน BA ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาขับขี่ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะบนถนนไทยทั้งในเมืองและต่างจังหวัดที่ค่อนข้างหลากหลาย แถมยังมีจุดยึด ISOFIX สำหรับติดตั้งที่นั่งเด็กและล็อกประตูเด็กด้านหลัง เหมาะกับครอบครัวเป็นที่สุด ที่สำคัญตัวถังแข็งแรงของ Xpander ยังผ่านการทดสอบ ASEAN NCAP ได้ 4 ดาว โดยเฉพาะการรับแรงกระแทกด้านข้างที่ทำได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยยังสามารถเลือกซื้อระบบควบคุมเสถียรภาพตัวถัง ESC (ติดตั้งในรถรุ่นไฮเอนด์บางรุ่น) ได้อย่างมั่นใจเมื่อขับขี่บนถนนลื่นในช่วงฤดูฝน หากเดินทางไกลบ่อยๆ ยังสามารถเลือกระบบเรดาร์ถอยหลังหรือระบบถ่ายภาพได้อีกด้วย แม้ Xpander จะไม่มีระบบ ADAS แต่ในราคานี้ก็ถือว่าเซฟตี้เพียบแล้ว แนะนำให้เลือกรุ่นที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคนครับ
Q
Mitsubishi Xpander มีสีอะไรให้เลือกบ้าง?
รถยนต์ Mitsubishi Xpander ในตลาดไทยมีตัวเลือกสีให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความสวยงามของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน สีที่นิยมได้แก่ ไข่มุกขาว เงินเมทัลลิก ดำเข้ม ทับทิมแดง และน้ำเงินทะเล ซึ่งสีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทันสมัยและดูดีทนยุคทนสมัย แต่ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย เช่น สีไข่มุกขาวและสีเงินเมทัลลิกจะไม่ดูดซับความร้อนง่าย under แสงแดด ส่วนสีดำเข้มและทับทิมแดงจึงให้ความรู้สึกหรูหราและสปอร์ตมากขึ้น นอกจากนี้การออกแบบสีของ Xpander ยังคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่น ความทนทานต่อคราบสกปรกและความสะดวกในการดูแลรักษา เมื่อเลือกสี ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจตามความชอบส่วนบุคคลและสถานการณ์การใช้งานได้ เช่น ผู้ใช้ครอบครัวอาจชอบสีสว่างสดใส ในขณะที่ผู้ใช้ทางธุรกิจอาจต้องการโทนเสียงที่เสถียรและนุ่มนวลกว่า นอกเหนือจากสีแล้ว Xpander ยังได้รับความนิยมในตลาดไทยด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองและการใช้งานครอบครัว ด้วยสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ระบบช่วงล่างสูงและระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาอย่างดีของ Xpander ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพถนนได้ทุกประเภท มอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจและปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่
Q
Mitsubishi Xpander สามารถรองรับผู้โดยสารกี่คน?
รถ Mitsubishi Xpander เป็นรถอเนกประสงค์ที่ขายดีในตลาดไทย มาพร้อมการจัดวางเบาะมาตรฐานแบบ 7 ที่นั่ง (2+3+2) ที่นั่งได้ 7 คน โครงสร้างเบาะที่ปรับได้เหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มคน เบาะแถวกลางสามารถเลื่อนไปมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ขา ส่วนเบาะแถวหลังพับเก็บได้เมื่อต้องการพื้นที่เก็บของ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย รถยังติดตั้งระบบปรับอากาศแถวหลังเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ควรระวังว่ากฎหมายไทยกำหนดให้รถ 7 ที่นั่งต้องมีเข็มขัดนิรภัยครบทุกที่นั่ง และห้ามบรรทุกเกินจำนวน ในตลาดเดียวกันยังมี Toyota Avanza และ Honda BR-V ที่มีการจัดวางเบาะคล้ายกัน ให้เลือกตามงบประมาณและความชอบ Xpander มีความสูงช่วงล่าง 205 มม. ทำให้วิ่งบนถนนชนบทได้ดี แต่ด้วยโครงสร้างรถ MPV อาจโคลงเวลาเข้าโค้ง แนะนำให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวังในเมือง
Q&A ล่าสุด
Q
Nissan GTR R35 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Nissan GT-R 35 ติดตั้งเครื่องยนต์รหัส VR38DETT ขนาด 3.8 ลิตร วี6 เทอร์โบชาร์จคู่ ที่นอกจากจะใช้บล็อกและหัวสูบอลูมิเนียมน้ำหนักเบาแล้ว ยังมาพร้อมระบบ DOHC ที่ช่วยให้เครื่องยนต์นี้สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ถึง 565 แรงม้า (รุ่นหลังๆ เพิ่มขึ้นไปเกิน 600 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 633 นิวตัน-เมตร คู่กับเกียร์คลัทช์คู่ 6 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ATTESA E-TS ที่ทำให้มันแสดงศักยภาพได้เต็มที่แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย จุดเด่นของ VR38DETT คือเทคโนโลยีพลาสมาสเปรย์ที่ผนังสูบ ช่วยลดแรงเสียดทานและเพิ่มความทนทาน เหมาะสมทั้งขับลุยทางเขาของไทยหรือติดอยู่ในรถติดในเมือง ในตลาดไทย GT-R R35 เป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ตเพราะความแรงที่เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.7 วินาที และค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่ารถซูเปอร์คาร์ระดับเดียวกัน ร้านแต่งหลายแห่งในไทยมักอัพเกรดด้วยการปรับ ECU และระบบไอดี-ไอเสียเพื่อเพิ่มแรงม้าอีกหน่อย แต่อย่าลืมว่าในสภาพอากาศร้อนแบบไทย ควรตรวจสอบระบบระบายความร้อนและสภาพเทอร์โบเป็นประจำเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
Q
Nissan GTR R35 Nismo มีปริมาณการผลิตเท่าใด?
Nissan GT-R R35 Nismo เป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชันด้วยจำนวนการผลิตต่อปีทั่วโลกประมาณ 200-300 คัน แม้ตัวเลขที่แน่นอนจะไม่เปิดเผยสาธารณะ แต่จากข้อมูลการผลิตและกลยุทธ์การจำหน่ายแบบลิมิเต็ดก็สามารถประมาณการได้ สำหรับตลาดไทย รถรุ่นนี้มีการนำเข้าแบบทางการปีละประมาณ 5-10 คันเท่านั้น กลุ่มเป้าหมายหลักคือนักสะสมรถระดับไฮเอนด์และกลุ่มคนรักการขับแข่ง ด้วยเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ที่ถูกอัพเกรดมาพิเศษให้มีกำลังสูงถึง 600 แรงม้า พร้อมชุดแอโรไดนามิกเฉพาะรุ่น ที่สำคัญในสภาพอากาศร้อนแบบไทยต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับระบบระบายความร้อน เจ้าของรถในไทยมักเลือกติดตั้งหม้อน้ำเพิ่ม และแนะนำให้ใช้เชื้อเพลิงระดับ 98 ขึ้นไปเพื่อให้เครื่องยนต์ VR38DETT ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
จุดที่น่าสนใจคือรุ่น Nismo มีราคาสูงกว่ารุ่นปกติถึง 3 ล้านบาท แต่ก็มาพร้อมกับอุปกรณ์พิเศษเช่นหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะแข่ง Recaro และที่สำคัญรุ่นพวงมาลัยขวาสำหรับตลาดไทยยังคงการตั้งค่าตามโรงงานทุกประการ ไม่มีการลดทอนประสิทธิภาพเพื่อให้ผ่านกฎหมาย ส่วนในตลาดมือสอง รุ่นปี 2017-2020 ในไทยยังคงมูลค่าสูงถึง 85% ของราคาใหม่ ซึ่งสูงกว่ารถสมรรถนะทั่วไปมาก บางคันที่วิ่งน้อยอาจมีราคาสูงกว่าราคาเดิมด้วยซ้ำ แนวโน้มนี้คล้ายกับตลาดรถในญี่ปุ่น
Q
Nissan GT-R ถูกผลิตครั้งแรกเมื่อใด?
รถ Nissan GT-R ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1969 ในฐานะรุ่นประสิทธิภาพสูงของซีรีส์ Skyline รหัสว่า PGC10 ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ส่วนในไทย GT-R ก็เป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ตเพราะความแรงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่โดดเด่น โดยเฉพาะรุ่น R35 (ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบัน) ที่เห็นวิ่งตามท้องถนนไทยบ่อยๆ แถมยังมักโผล่ในงานรวมตัวคนรักรถที่กรุงเทพหรือพัทยา
GT-R พัฒนาผ่านหลายรุ่น จากยุคแรกที่เป็น Skyline GT-R จนแยกมาเป็นซีรีส์ของตัวเอง ทุกรุ่นล้วนใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก Nissan อย่างรุ่น R32 (ปี 1989) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ATTESA E-TS และเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ RB26DETT ทำให้โดดเด่นทั้งบนสนามแข่งและถนนทั่วไป ส่วนรุ่นปัจจุบัน R35 ติดตั้งเครื่อง V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงกว่า 500 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในราว 3 วินาที แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ระบบระบายความร้อนและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ GT-R ก็ยังทำงานได้ดี
สำหรับแฟนรถไทย GT-R ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมรถยนต์ญี่ปุ่น เวิร์คช็อปหลายแห่งในไทยมักอัพเกรด GT-R ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม เช่น ปรับปรุงระบบระบายความร้อนหรือตั้งค่า ECU ใหม่ให้เข้ากับอากาศร้อน ทำให้รถสปอร์ตคลาสสิคคันนี้ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Q
BYD SEALION 7 มีสีอะไรบ้าง?
BYD SEALION 7 ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีด้วยกันคือ Quantum Black Horizon White Space Grey และ Shark Grey ซึ่งสีเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์เทรนด์ความสวยงามสมัยใหม่ แต่ยังตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของผู้บริโภคได้อย่างดี สี Quantum Black ให้ความรู้สึกคลาสสิกดูหรู เหมาะกับคนทำงานหรือคนที่ชอบสไตล์เรียบหรู ส่วน Horizon White เป็นสีขาวสว่างสดใส ช่วยสะท้อนแสงแดดและลดความร้อนภายในรถได้ดีในสภาพอากาศร้อนของไทย ขณะที่ Space Grey และ Shark Grey ให้ความรู้สึกล้ำสมัยและสปอร์ต เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือคนที่ชอบความทันสมัย
ในประเทศไทยที่แสงแดดแรงและฝนตกบ่อย การเลือกสีอ่อนอย่าง Horizon White จะช่วยให้รถดูสะอาดอยู่เสมอและไม่แสดงรอยขีดข่วนชัดเจน ส่วนสีเข้มอย่าง Quantum Black อาจต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยขึ้นเพื่อรักษาความเงางาม นอกจากนี้ สีรถยังส่งผลต่อมูลค่ารถมือสองด้วย โดยทั่วไปแล้วสีกลางๆ อย่างขาวและเทามักเป็นที่นิยมในตลาดไทยและอาจขายต่อได้ง่ายกว่า
BYD ในฐานะแบรนด์ผู้นำด้านรถพลังงานสะอาด ไม่เพียงออกแบบสีรถให้สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงประโยชน์ใช้สจริงและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เทคโนโลยีสีแบบ Eco-friendly เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับคนไทยที่กำลังเลือกสีรถ นอกจากความชอบส่วนตัวแล้ว ควรคำนึงถึงสภาพอากาศของไทย รูปแบบการใช้งาน และมูลค่ารถในระยะยาว เพื่อเลือกสีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง
Q
ค่าประกันสำหรับ Land Rover Defender คือเท่าไหร่
ค่าเบี้ยประกันรถ Land Rover Defender ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปเบี้ยประกันจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ถึง 80,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ปีที่ผลิต พื้นที่ใช้งาน ประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ รวมถึงประเภทของประกันที่เลือก เช่น ประกันชั้น 1 (เต็ม) หรือประกันชั้น 3 (ภาคบังคับ) เนื่องจาก Defender เป็นรถออฟโรดระดับพรีเมี่ยมที่มีค่าซ่อมและอะไหล่ค่อนข้างสูง จึงทำให้เบี้ยประกันค่อนข้างแพง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่นและมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง อาจทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้นไปอีก นอกจากนี้เจ้าของรถยังสามารถเพิ่มความคุ้มครองด้วยประกันเสริม เช่น ประกันภัยธรรมชาติหรือประกันภัยรถหาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากน้ำท่วมหรือการโจรกรรมรถที่พบได้บ่อยในไทย เวลาซื้อประกันรถในไทย แนะนำให้เปรียบเทียบราคาและบริการจากหลายบริษัทประกัน เลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Viriyah หรือ Dhipaya เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ครบถ้วนและบริการหลังการขายที่ดี การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของรถวางแผนงบประมาณได้ดีขึ้น และยังสามารถปกป้องรถคู่ใจได้อย่างรอบด้าน
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

การทดสอบ Mitsubishi Xpander: ความสวยงามและความสบายของพื้นที่ ปรับปรุงประสบการณ์การขับขี่!
AshleyApr 9, 2025

"Mitsubishi Xpander เปรียบเทียบกับ Toyota Veloz, MPV ยอดนิยมคนไหนแรงกว่า?"
ธนวัฒน์Oct 21, 2024

Mitsubishi Xpander ผู้ช่วยที่ดีสำหรับการเดินทางกับครอบครัว มีราคาตั้งแต่ 799,000 บาท
LienMay 20, 2024

Mitsubishi พา Xpander และ Xpander Cross HEV มาร่วมงานที่นิทรรศการรถยนต์นานาชาติกรุงเทพฯ 2024
AshleyMar 18, 2024

Mitsubishiปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีลง 30% เนื่องจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันทั่วโลก
ธนวัฒน์Aug 28, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย