Q

Mazda3 เป็นรถขนาดเต็มหรือไม่?

Mazda 3 ไม่ใช่รถยนต์ขนาดเต็ม (Full-size) แต่จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็กต์ หรือที่เรียกกันว่า “รถยนต์กลุ่ม C” รถขนาดเต็มมักมีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่า พื้นที่ภายในกว้างขวางกว่า และมักมาพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังมากกว่า Mazda 3 ทั้งรุ่นแฮทช์แบ็กและซีดานมีขนาดตัวถังที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยรุ่นแฮทช์แบ็กมีความยาว 4,459 มม. สูง 1,440 มม. ส่วนรุ่นซีดานยาว 4,662 มม. สูง 1,445 มม. ทั้งสองรุ่นมีความกว้าง 1,797 มม. และมีระยะฐานล้อเท่ากันที่ 2,725 มม. ซึ่งถือเป็นขนาดมาตรฐานของรถยนต์กลุ่มคอมแพ็กต์ ที่ออกแบบมาเพื่อสมดุลระหว่างความคล่องตัวและการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยขนาดตัวถังที่กะทัดรัด รถยนต์กลุ่มคอมแพ็กต์จึงได้รับความนิยมในการใช้งานในเมือง เพราะสามารถหาที่จอดได้ง่าย และขับขี่คล่องตัวในสภาพจราจรที่หนาแน่น เมื่อเทียบกับรถขนาดเต็มแล้ว รถคอมแพ็กต์มักมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจำนวนมาก
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Mazda 3 นีอะไรบ้าง?
แม้ว่า Mazda3 จะได้รับความนิยมในตลาดไทยจากดีไซน์ที่สวยงามและสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อสังเกตบางประการที่ควรพิจารณา อย่างแรกคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวไทยที่มักโดยสารหลายคน โดยเฉพาะในกรณีเดินทางไกล พื้นที่วางขาอาจรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Mazda3 ถูกเซ็ตมาในแนวสปอร์ต แม้จะให้ความมั่นคงและควบคุมดีในทางโค้ง แต่เมื่อเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบในบางพื้นที่ของไทย จะรู้สึกกระด้างและไม่ค่อยสบาย อีกจุดที่ควรพิจารณาคือค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อาจเป็นภาระกับผู้ใช้งานบางกลุ่ม แม้เทคโนโลยี Skyactiv จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี แต่เมื่อเปิดแอร์ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย อัตราการสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายคือเรื่องของระบบเก็บเสียง ที่ยังมีจุดให้พัฒนา โดยเฉพาะเวลาขับเร็วหรือใช้งานในเมืองที่มีเสียงรบกวนมาก ถึงแม้จะมีข้อด้อยเหล่านี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของ Mazda3 ที่เน้นความสนุกในการขับขี่มากกว่าความอเนกประสงค์ เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นและประสบการณ์หลังพวงมาลัยเป็นหลัก
Q
Mazda 3 อยู่ใน Segment ไหน?
Mazda3 ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่ม C-segment หรือรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ยอดนิยมในประเทศไทย คู่แข่งหลักคือรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota Corolla และ Honda Civic Mazda3 ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นไทย ด้วยดีไซน์ “KODO – Soul of Motion” ที่โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ ในตลาดไทย Mazda3 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่น 2.0 ลิตรจะมาพร้อมระบบ G-Vectoring Control ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้ง ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Mazda3 รุ่นที่จำหน่ายในไทยยังมีการปรับจูนช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับทั้งถนนเมืองและพื้นที่ที่มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ ราคาจำหน่ายของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท ถือเป็นกำลังหลักของตลาดรถบ้านในไทย ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อด้วยระบบผ่อนรายเดือน เพราะ Mazda3 ถือว่ามีมูลค่าคงเหลือ (resale value) ดีในระยะยาว ขายต่อแล้วขาดทุนน้อยเมื่อเทียบกับหลายรุ่นในระดับเดียวกัน
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 คือเท่าไหร่?
Mazda3 ในตลาดรถมือสองของไทยจัดว่ามีมูลค่าคงเหลืออยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดี โดยรถที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี จะมีมูลค่าคงเหลือราว 60-65% ส่วนรถอายุ 5 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 50-55% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ รุ่นย่อย และความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น ในไทย รถญี่ปุ่นได้รับการยอมรับสูง และ Mazda3 ก็เป็นที่นิยมด้วยดีไซน์ KODO ที่โดดเด่น รวมถึงเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความประหยัดและทนทาน ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะรุ่นที่มีออปชันสูงหรือรุ่นดีเซล จะมีราคาขายต่อที่ดีกว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาขายต่อ ได้แก่ ประวัติการเข้าศูนย์บริการ การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพของตัวถังรถที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถเก็บบันทึกการเข้ารับบริการที่ศูนย์ให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขายต่อ เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Mazda3 มีอัตราการคงมูลค่าที่ต่ำกว่า Toyota Corolla เล็กน้อย แต่ดีกว่า Honda Civic ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และต้นทุนในการบำรุงรักษาที่ต่างกัน นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) และมาตรการภาษีของรัฐบาล อาจทำให้ราคารถใหม่ผันผวน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคารถมือสองด้วย ดังนั้นก่อนขาย ควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว ราคาขายต่อในกรุงเทพฯ จะสูงกว่าจังหวัดอื่นประมาณ 5-10%
Q
Mazda 3 มีกี่ CC
มาสด้า 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 2.0L แรงม้าเยอะพอสมควร ขับสบายทั้งในเมืองและบนทางด่วน จะแซงหรือเร่งเมื่อไหร่ก็มั่นใจ ทุกรุ่นย่อยของมาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเลย แม้จะต่างกันที่ราคา ยาง หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง แต่เรื่องกำลังไม่ต้องห่วง ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและแรงดีทั้งตอนจอดๆ ไปๆ ในเมืองหรือเวลาครูดความเร็วสูงบนทางหลวง เรียกว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์จริงๆ
Q
Mazda3 ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Mazda3 ที่จำหน่ายในตลาดไทย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G แบบไม่มีเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร โดยกำลังสูงสุดจะออกที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 4,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดตรง (Direct Injection) พร้อมฝาสูบและเสื้อสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ (แบบ Manual Mode) Mazda3 ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันและมีงบประมาณจำกัด ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจะเหมาะกับผู้ที่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การใช้งานของตนเอง
Q
Mazda3 ใช้เกียร์แบบไหน?
Mazda3 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (6AT) ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองที่ต้องเจอการหยุด-เคลื่อนตัวบ่อย ๆ หรือการวิ่งทางไกลบนถนนความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น เกียร์ 6AT นี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และลักษณะการเหยียบคันเร่งของผู้ขับ ช่วยให้ขับง่าย ประหยัดแรง และเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความทนทานและเชื่อถือได้ ช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาเกียร์ในระยะยาว ทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
Q
PCD (รูน็อตล้อ) ของ Mazda3 คือขนาดเท่าไหร่?
PCD (Pitch Circle Diameter) ของ Mazda3 อยู่ที่ขนาด 5x114.3 มม. หมายความว่าล้อแม็กของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และตำแหน่งของรูน็อตจะเรียงกันเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มม. ขนาดนี้ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่พบได้บ่อยในรถญี่ปุ่นหลายรุ่น เช่น Honda และ Toyota ทำให้ในไทยสามารถหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กได้ง่าย และสะดวกเวลาต้องการอัปเกรดระบบเบรกหรือเปลี่ยนล้อใหม่ การรู้ขนาด PCD เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกล้อที่มีขนาดไม่ตรง อาจทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจเกิดปัญหาในการขับขี่ เช่น การสั่นหรือไม่ปลอดภัยในระยะยาว ในสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของประเทศไทย ควรเลือกใช้ล้อแม็กและยางที่มีคุณภาพดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ลื่นหรือขรุขระ และการเลือกรุ่นของยางหรือขนาดล้อที่เหมาะสม ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
Q
Mazda3 รองรับ Apple CarPlay ไหม?
Mazda3 รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ บนหน้าจอรถยนต์ได้โดยตรง เช่น แผนที่นำทาง เพลง หรือการโทรออก-รับสาย เพิ่มความสะดวกในการขับขี่อย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว Mazda3 ตั้งแต่ปี 2019 ขึ้นไป จะมี Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นที่เก่ากว่านั้น อาจต้องนำรถไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย ในไทย ผู้ใช้จำนวนมากนิยมเชื่อมต่อ CarPlay เพื่อใช้ Google Maps หรือ Waze ในการหลีกเลี่ยงรถติด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงใช้งานแอปเพลงอย่าง Spotify หรือ Joox เพื่อความบันเทิงระหว่างเดินทาง แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้หรือสายคุณภาพดีเมื่อต่อ CarPlay เพื่อป้องกันปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียร และนอกจาก Apple CarPlay แล้ว Mazda3 ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์อีกด้วย Mazda3 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมที่ดีและความประหยัดน้ำมัน ยิ่งเมื่อผสานกับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มค่าและน่าใช้งานมากขึ้นอีกขั้น
Q
Mazda3 ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
ยางติดรถเดิมของ Mazda3 ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและรุ่นย่อย โดยส่วนใหญ่มักใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone, Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นยางที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้านการยึดเกาะบนถนนเปียกและความทนทานที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผู้ใช้ในไทยสามารถเลือกแบรนด์อื่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เช่น Michelin รุ่น Primacy หรือ Goodyear รุ่น Assurance ซึ่งมีสมรรถนะดีทั้งในช่วงฤดูฝนและอุณหภูมิสูงของไทย อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านยางหรือศูนย์บริการทั่วไป คำแนะนำสำหรับเจ้าของรถคือ เลือกยางตามลักษณะการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการความเงียบและนุ่มสบาย หรือเน้นความทนทานก็ควรเลือกรุ่นที่เหมาะสม และอย่าลืมตรวจสอบลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนของไทย ควรเน้นยางที่มีประสิทธิภาพในการรีดน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
Q
Mazda 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
มาสด้า 3 เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตและทันสมัย พร้อมด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราและให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวเหมาะกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทย นอกจากนี้เทคโนโลยี Skyactiv ยังช่วยประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข้อดีในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง ระบบความปลอดภัยอย่าง i-Activsense ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย อย่างไรก็ตาม มาสด้า 3 มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ สำหรับครอบครัวไทยที่ชอบเดินทางพร้อมหน้าพร้อมตาอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย ส่วนค่าบำรุงรักษาก็สูงกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ เล็กน้อย และที่สำคัญในอากาศร้อนๆ แบบไทย บางคนอาจรู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร ถ้าคุณเป็นคนชอบความสปอร์ตและความสวยงามของดีไซน์ มาสด้า 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้รถที่กว้างขวางและค่าดูแลถูกกว่านี้ อาจต้องมองหารุ่นอื่น ในตลาดไทยยังมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า คอร์ลล่า หรือฮอนด้า ซีวิค ที่น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบดูให้ดี และอย่าลืมเลือกรุ่นที่เหมาะกับอากาศร้อนแบบไทย เช่น มีกระจกกันความร้อนและระบบแอร์ที่แรงพอสู้กับแดดเมืองไทยได้

ข้อดี

ภายในรถมีการตกแต่งที่ดี ด้วยโทนสีดำที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยสปอร์ตหรู คุณภาพของวัสดุภายในรถดี การออกแบบทำให้รถดูหรูหราและขั้นสูง การจัดวางแผงอุปกรณ์สะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งสบาย การออกแบบที่นั่งตรงกับร่างกาย รองรับด้านข้างที่ดีสำหรับคนขับและผู้โดยสาร สามารถนั่งนานๆ โดยไม่รู้สึกเหนื่อย และที่นั่งขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทางโดยใช้ไฟฟ้า
ฟังก์ชันและคุณสมบัติที่ดี มีจอภาพที่คนขับสามารถดูได้ สามารถแสดงความเร็วในการเร่งและการใช้น้ำมัน มีกล้องทั่วรถที่ติดตั้งอย่างดี
สมรรถนะทางการจับคืนดินเป็นอย่างดี ระบบความแข็งแรงกับที่อยู่ใต้รถดีเยี่ยม สมรรถนะทางการจับคืนดินสูงในระหว่างการเลี้ยวหรือในส่วนที่อยู่ใต้รถที่เดินทาง ขับเคลื่อนไม่อย่างรวดเร็ว การเร่งและหมุนกำลังไม่เปลี่ยนแปลงมากจากรุ่นก่อนหน้านี้ น้ำหนักของรถเพิ่มขึ้น

ข้อเสีย

การปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสารไม่ตรงกัน ที่นั่งของคนขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทาง แต่ที่นั่งของผู้โดยสารไม่สามารถเติมเต็ม 10 ทิศทาง ฟีเจอร์ที่นั่งไม่ได้ตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่
แต่ฟังก์ชั่นของระบบควบคุมการท่องเที่ยวไม่เพียงพอ แม้ว่าจะสามารถเพิ่มหรือลดความเร็วของรถและตามรถที่อยู่ด้านหน้าผ่านเส้นทางที่กว้าง แต่ไม่มีฟังก์ชั่น Stop-and-go
พื้นที่ภายในรถไม่สะกดกว่าผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน มาสด้ามักมีข้อเสียด้านพื้นที่ที่นั่งด้านหลังในแทบทุกรุ่น แต่รุ่น Mazda 3 Sedan ปี 2019 กว้างขึ้นเล็กน้อยกว่าที่ผ่านมา แต่ยังไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน
ความสบายของชานเส้นไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน เมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่ราบหรือถนนที่มีลูกรัง คุณจะรู้สึกถึงการสั่น โดยมีความรู้สึกว่ามีการสั่นสะเทือนจากพื้นผิวที่ยางกระทบ

Q&A ล่าสุด

Q
รถ Porsche Macan 2024 เป็นแบบไฟฟ้าเท่านั้นหรือไม่
ใช่แล้ว รุ่นปี 2024 ของ Porsche Macan จะมีเฉพาะรุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบเท่านั้น นี่ถือเป็นก้าวสำคัญของ Porsche ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า โดย Macan รุ่นไฟฟ้าตัวใหม่นี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม PPE ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์คู่ คาดว่าจะมีระยะทางขับขี่เกิน 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) และรองรับการชาร์จเร็ว 270 กิโลวัตต์ เหมาะกับความต้องการของตลาดรถไฟฟ้าในไทยที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะผู้ใช้ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรและเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อม รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมรถไฟฟ้าผ่านมาตรการลดภาษี เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ Macan รุ่นไฟฟ้าอาจมีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น นอกจากนี้ Porsche ในไทยยังมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและสถานีชาร์จที่พร้อมรองรับ รวมถึงบางศูนย์บริการที่ติดตั้งหัวชาร์จเร็ว 800 โวลต์ ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางในการขับขี่ การเปิดตัว Macan รุ่นไฟฟ้ายังสอดคล้องกับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ในอนาคตตลาดไทยอาจได้เห็นรถ SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมรุ่นอื่นๆ เข้ามาเพิ่ม เช่น Audi Q6 e-tron ที่ใช้แพลตฟอร์ม PPE เดียวกัน เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น
Q
ราคา Porsche Macan ปี 2024 เท่าไหร่
รถโฟล์กสวาเกน มาแคน รุ่นปี 2024 ที่ไทย เปิดราคาเริ่มต้นประมาณ 4,990,000 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามอุปกรณ์เสริมและนโยบายของตัวแทนจำหน่าย) SUV ระดับหรูขนาดกลางคันนี้ยังคงดีเอ็นเอแห่งความสปอร์ตของโพร์เช่ ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า คู่กับเกียร์ PDK 7 จังหวะ เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.2 วินาที สำหรับตลาดไทย มาแคนได้เปรียบจากขนาดกะทัดรัดที่เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ พร้อมระบบกันสะเทือนลมปรับระดับได้เพื่อความสบายยิ่งขึ้น โดยตัวแทนจำหน่ายในไทยยังให้บริการรับประกันยาวถึง 5 ปี ต้องบอกเลยว่ารถนำเข้าที่ไทยมีภาษีสูงแต่มาแคนยังคงมูลค่าดี แถมยังมาพร้อมไฟหน้า LED Matrix และหน้าจอสัมผัส 10.9 นิ้ว ที่ตอบโจทย์ความนิยมเทคโนโลยีของคนไทย แม้จะมีคู่แข่งอย่าง BMW X3 หรือ Mercedes-Benz GLC ที่ราคาใกล้เคียงในตลาดไทย แต่การตั้งค่าสไตล์สปอร์ตและแบรนด์โพร์เช่ทำให้มาแคนดูโดดเด่นกว่าในตลาดระดับไฮเอนด์ แนะนำให้ผู้สนใจไปทดลองขับที่โพร์เช่เซ็นเตอร์ สาขากรุงเทพฯ จะดีที่สุด
Q
วิธีปิดระบบเบรกแบบรีเจนเนอเรทีฟใน Tesla Model Y 2025
หากต้องการปิดฟังก์ชัน regenerative braking (การเบรกเพื่อเก็บพลังงาน) ใน Tesla Model Y 2025 สามารถทำได้ผ่านหน้าจอกลางของรถ โดยเข้าไปที่เมนู "Controls" เลือก "Driving" แล้วค้นหาการตั้งค่า "Regenerative Braking" จากนั้นปรับเป็น "Low" หรือ "Off" โดยตัวเลือกอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามเวอร์ชันซอฟต์แวร์ ในประเทศไทยที่การจราจรในเมืองมักติดขัด ฟังก์ชันนี้จะช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่เมื่อต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆ แต่บางคนอาจคุ้นเคยกับการปล่อยรถไหลแบบรถยนต์น้ำมัน การปิดฟังก์ชันนี้จะทำให้รถไหลได้ไกลขึ้น จึงต้องปรับตัวเรื่องแรงเบรกที่ใช้ โปรดทราบว่าเทคโนโลยี regenerative braking ของ Tesla พัฒนามาอย่างดีแล้ว ช่วยลดการสึกหรอของผ้าเบรกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แนะนำให้เปิดใช้งานเมื่อขับบนทางหลวงหรือทางลาดชันเพื่อการขับขี่ที่ดีที่สุด ส่วนในวันที่ฝนตกหรือถนนลื่น สามารถลดระดับการเก็บพลังงานลงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ฝนตกบ่อย ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในจุดนี้
Q
วิธีการรีบูต Tesla Model Y 2025
วิธีรีสตาร์ท Tesla Model Y รุ่นปี 2025 นั้นง่ายมาก ก่อนอื่นให้จอดรถในที่ปลอดภัยและเข้าเกียร์ P จากนั้นกดปุ่มลูกกลิ้งทั้งสองด้านบนพวงมาลัยพร้อมกันค้างไว้ประมาณ 10 วินาทีจนหน้าจอกลางดับและปรากฏโลโก้ Tesla อีกครั้ง การรีสตาร์ทแบบนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อข้อมูลการขับขี่ปกติ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นในไทย หากหน้าจอค้างหรือระบบตอบสนองช้า วิธีรีสตาร์ทแบบซอฟต์แวร์นี้ช่วยแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบปัญหาระบบรุนแรงกว่า สามารถลองปิดระบบไฟฟ้าผ่านเมนู “Safety & Security” รอไม่กี่นาทีแล้วเปิดใหม่ ซึ่งเหมือนการบูตเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ Cold Boot จะช่วยแก้ปัญหาระบบลึก ๆ สำหรับผู้ใช้ในไทย การอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ Tesla จะส่งอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดผ่าน OTA แนะนำให้ทำเมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อความเสถียร ซึ่งที่สถานีชาร์จในกรุงเทพฯ มักมี Wi-Fi ฟรีให้บริการ นอกจากนี้ ในฤดูฝนควรระวังไม่ให้หน้าจอกลางและปุ่มสัมผัสเปียก เพราะความชื้นอาจลดความไวในการสัมผัส หากรีสตาร์ทแล้วยังมีปัญหา สามารถติดต่อศูนย์บริการ Tesla ที่กรุงเทพฯ หรือพัทยาเพื่อรับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์
Q
วิธีเปิดใช้งานระบบออโตไพลอตใน Tesla Model Y 2025
หากต้องการเปิดใช้งานระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Tesla Model Y รุ่นปี 2025 ก่อนอื่นให้แตะที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอควบคุมเพื่อเข้าสู่เมนูการตั้งค่ารถ จากนั้นเลือก "AutoPilot การขับขี่อัตโนมัติ" แล้วเปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เช่น การช่วยเลี้ยวอัตโนมัติ การแจ้งเตือนการชน และการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หลังจากนั้น ขับรถบนถนนที่มีเส้นแบ่งช่องทางชัดเจน คุณจะเห็นเส้นแบ่งช่องทางสีเทาชัดเจนที่ด้านซ้ายของหน้าจอควบคุม จากนั้นดันก้านเกียร์ด้านขวาของพวงมาลัยลงสองครั้งติดกัน เมื่อเห็นเส้นแบ่งช่องทางทั้งสองด้านเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินบนหน้าจอ แสดงว่ารถเข้าสู่โหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ AutoPilot แล้ว เมื่อเปิดใช้งานแล้ว สามารถปรับความเร็วของการขับขี่อัตโนมัติได้โดยใช้ปุ่มหมุนด้านขวาของพวงมาลัย อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่านี่ไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ คุณยังต้องคอยสังเกตการณ์สภาพถนนและพร้อมที่จะควบคุมรถทุกเมื่อ รวมถึงต้องมั่นใจว่าไม่มีสิ่งของใดๆ บังทัศนวิสัยของกล้องที่กระจกหน้ารถ และปฏิบัติตามข้อจำกัดความเร็วเพื่อความปลอดภัยในการใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ดูเพิ่มเติม