Q

ปัญหาเบรคสำหรับ Hyundai Palisade 2024

ปัญหาเกี่ยวกับการเบรกของ Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 ตอนนี้ทางบริษัทยังไม่ได้ออกประกาศเรียกคืนหรือแจ้งเตือนทางเทคนิคอย่างเป็นทางการ แต่มีเจ้าของรถบางส่วนในต่างประเทศรายงานว่าอาจรู้สึกถึงการกระตุกเบาๆ เมื่อเบรกที่ความเร็วต่ำ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการตั้งค่าลอจิกของระบบช่วยเบรกอิเล็กทรอนิกส์หรือช่วงการปรับตัวของแผ่นเบรก ในสภาพอากาศร้อนชื้น แนะนำให้ตรวจสอบดิสก์เบรกเป็นประจำเพื่อดูว่ามีสนิมเกิดขึ้นจากความชื้นสูงหรือไม่ โดยเฉพาะหลังจากใช้งานในเขตพื้นที่ชายฝั่งควรล้างช่วงล่างรถทันที ระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น HBA Hydraulic Brake Assist) สามารถช่วยลดระยะทางเบรกในกรณีฉุกเฉินได้ แต่ต้องมั่นใจว่าน้ำในน้ำมันเบรกมีปริมาณความชื้นต่ำกว่า 3% และเปลี่ยนทุก 2 ปี สำหรับรถ SUV 7 ที่นั่งที่มีน้ำหนักมาก ควรหลีกเลี่ยงการเบรกต่อเนื่องบนทางลาดชันเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพจากความร้อน หากสังเกตว่าคันเบรกนิ่มลงหรือระยะการเหยียบยาวขึ้น ควรรีบไปที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตเพื่อตรวจสอบระบบทันที ระบบเบรกอัจฉริยะ (SBS) ที่ Hyundai ใช้นั้นสามารถอัปเดตผ่าน OTA เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้ แนะนำให้อัปเกรดซอฟต์แวร์รถเป็นประจำเพื่อให้ระบบทำงานได้ดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
รุ่นไหนของ Hyundai ที่ถูกเรียกคืนในปี 2024?
ในปี 2024 Hyundai ได้เรียกคืนรถบางรุ่นในบางตลาดเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ระบบควบคุมความมั่นคงของรถหรือ ESC ซึ่งรวมถึงรถรุ่น Tucson รุ่นใหม่และ Kona Electric สาเหตุหลักเพราะซอฟต์แวร์อาจส่งผลต่อการทำงานของระบบควบคุมความมั่นคง Hyundai ได้จัดบริการอัปเกรดซอฟต์แวร์ฟรีผ่านตัวแทนจำหน่ายสำหรับรถที่ได้รับผลกระทบแล้ว เรื่องที่น่าสนใจคือการเรียกคืนรถไฟฟ้าในท้องถิ่นนั้นค่อนข้างหายาก ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกที่เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมความปลอดภัยของรถไฟฟ้า แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสถานะรถอย่างสม่ำเสมอผ่านเว็บไซต์ทางการของฮุนไดหรือแอป MyHyundai หากหมายเลข VIN อยู่ในรายการเรียกคืน ควรนัดหมายเพื่อดำเนินการทันที สำหรับเจ้าของรถไฮบริดแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนครั้งนี้ แต่ก็ควรดูแลแบตเตอรี่ 12V เสริมเป็นพิเศษ เพราะสภาพอากาศร้อนชื้นอาจเร่งให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น Hyundai ในท้องถิ่นมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครบวงจร โดยตัวแทนจำหน่ายส่วนใหญ่มีอุปกรณ์วินิจฉัยที่ได้มาตรฐาน UNECE R155 สามารถทำงานเรียกคืนซอฟต์แวร์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป การเรียกคืนซอฟต์แวร์ดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า Hyundai ในระยะหลังนี้ให้ความสำคัญกับการเรียกคืนเชิงรุกเป็นอย่างดี ในปี 2023 ความเร็วในการตอบสนองการเรียกคืนทั่วโลกของฮุนไดถูกจัดโดย J.D. Power ให้อยู่ในอันดับ Top 5 ของอุตสาหกรรม สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยของแบรนด์นี้
Q
ฉันควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องในรถ Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 บ่อยแค่ไหน?
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการจาก Hyundai สำหรับรุ่น Palisade 2024 ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 12 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ในกรณีที่ขับขี่ภายใต้สภาวะปกติ แต่ถ้าต้องขับบ่อยๆ ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและมีฝุ่นมาก ขับระยะสั้นบ่อยๆ หรือลากของหนัก แนะนำให้เปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 6 เดือนหรือทุก 5,000 กิโลเมตร ส่วนรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ เนื่องจากทำงานภายใต้ความร้อนและความดันสูง อาจต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เวลาเลือกน้ำมันเครื่อง แนะนำให้ใช้น้ำมันสังเคราะห์เต็มสูตรที่ได้มาตรฐาน API SP/GF-6 หรือ ACEA C5 เพราะน้ำมันประเภทนี้จะช่วยป้องกันเครื่องยนต์ในสภาพอากาศร้อนและทำความสะอาดได้ดีกว่า โดยเฉพาะในเมืองไทยที่อากาศร้อนชื้น ช่วงหน้าฝนความชื้นอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรตรวจสอบระดับและสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำ ถ้ารถคุณมีระบบเตือนการบำรุงรักษาอัจฉริยะ ก็สามารถปรับเวลาการบำรุงรักษาตามการแจ้งเตือนบนหน้าปัดรถได้ และเพื่อยืดอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่อง ควรหลีกเลี่ยงการขับรถรอบสูงเป็นเวลานาน รวมถึงวอร์มเครื่องเล็กน้อยหลังสตาร์ทรถในตอนเช้าก็ช่วยได้เหมือนกัน
Q
การเรียกคืนเครื่องยนต์ของ Hyundai Palisade 2024 คืออะไร?
ทาง Hyundai ได้ออกประกาศเรียกคืนรถรุ่น Palisade ปี 2024 บางรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เนื่องจากพบปัญหาความเสี่ยงในระบบเครื่องยนต์ โดยพบว่าชุดสายไฟในห้องเครื่องอาจได้รับความเสียหายจากความร้อนสูง ซึ่งในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ ทางบริษัทจะให้บริการตรวจสอบและเปลี่ยนชุดสายไฟที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ฟรี สำหรับเจ้าของรถ หากสังเกตเห็นสัญญาณไฟเตือนเครื่องยนต์ติดหรือได้กลิ่นไหม้ ควรติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ทันที โดยศูนย์บริการ Hyundai ทุกแห่งมีอุปกรณ์วินิจฉัยปัญหาพร้อมให้บริการ ปัญหาชุดสายไฟในเครื่องยนต์แบบนี้ต้องระวังเป็นพิเศษในสภาพอากาศร้อนชื้น แนะนำให้ตรวจสอบสภาพฉนวนหุ้มสายไฟเพิ่มเติมในช่วงบริการประจำปี ที่น่าสนใจคือ Hyundai ได้ติดตั้งระบบจัดการสายไฟอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ และในรุ่นใหม่ๆ ได้รับการอัปเกรดการออกแบบเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวแล้ว เจ้าของรถสามารถตรวจสอบว่ารถของตนอยู่ในข่ายเรียกคืนหรือไม่ โดยป้อนเลข VIN ผ่านเว็บไซต์ทางการของ Hyundai บริการทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่ส่งผลต่อสิทธิ์การรับประกันของรถ
Q
รถยนต์ 2024 Palisade ต้องใช้น้ำมันเครื่องเท่าไหร่?
รถรุ่น Hyundai Palisade ปี 2024 นี้ต้องการน้ำมันเครื่องประมาณ 6.3 ลิตร แนะนำให้ใช้แบบสังเคราะห์เต็มสูตรที่ได้มาตรฐาน API SP หรือ ACEA C2 โดยความหนืดที่เหมาะคือ 5W-30 ซึ่งสูตรนี้จะช่วยป้องกันเครื่องยนต์ได้ดีในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย แต่ต้องระวังหน่อยนะว่าปริมาณน้ำมันเครื่องที่เติมจริงอาจต่างออกไปบ้างขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องยนต์หรือการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยก้านวัดทุกครั้งหลังเปลี่ยนน้ำมัน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เติมน้อยหรือมากเกินไป สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบแล้ว การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอสำคัญมาก เพราะการทำงานที่อุณหภูมิสูงและรับภาระหนักทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน แต่ถ้าขับบ่อยๆในเมืองที่รถติดหรือขับระยะสั้นเป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนถี่กว่านั้นหน่อย เพราะสภาพการขับแบบนี้ทำให้เครื่องยนต์เกิดคราบเขม้าง่าย เวลาเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง นอกจากดูเลขความหนืดแล้ว ควรเช็คด้วยว่าผ่านการรับรองจาก Hyundai หรือเปล่า น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน Hyundai Genuine จะเข้ากับเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด เพราะออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถ Hyundai โดยตรง
Q
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Hyundai Palisade ปี 2024
สำหรับรุ่นปี 2024 ของ Hyundai Palisade ที่กำลังได้รับความสนใจในตลาดโลกตอนนี้ ข้อติงเล็กน้อยที่เจอบ่อยคือระบบอินโฟเทนเมนต์อาจตอบสนองช้าบ้างในบางครั้ง รวมถึงบางเจ้าของรถที่รู้สึกว่าเบาะแถวสามสำหรับการเดินทางไกลอาจจะไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเพราะรถรุ่นนี้มาพร้อมกับเบาะระบายอากาศและระบบแอร์ที่เย็นฉ่ำช่วยคลายร้อนได้ดี ส่วนเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตรนั้นอาจจะกินน้ำมันปานกลางแต่ให้กำลังงานที่เรียบเสถียร แถมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC ยังช่วยให้การขับขี่บนถนนลื่นๆช่วงหน้าฝนปลอดภัยขึ้น อีกจุดขายที่ดึงดูดผู้ใช้ครอบครัวคือรางวัล Top Safety Pick+ จาก IIHS ที่การันตีความปลอดภัย ถ้าคุณกำลังมองหา SUV 7 ที่นั่ง แนะนำให้ลองนั่งทดสอบแถวสามให้แน่ใจว่ากว้างขวางเพียงพอ และควรเปรียบเทียบกับรุ่นไฮบริดในระดับเดียวกันด้วยเพราะเรื่องราคาน้ำมันในไทยก็เป็นปัจจัยสำคัญ ส่วนเครือข่ายศูนย์บริการ Hyundai ที่กระจายทั่วประเทศและค่าใช้จ่ายดูแลรักษาที่อยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับรถนำเข้า ก็เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์เวลาตัดสินใจเลือกซื้อรถคันนี้
Q
ขนาดถังน้ำมันของรถ Hyundai Palisade ปี 2024 คือเท่าไหร่?
รถ Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 มีความจุถังน้ำมัน 71 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรถ SUV ในระดับเดียวกัน ทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกล เช่น การขับจากกรุงเทพไปเชียงใหม่แบบไม่ต้องแวะเติมน้ำมันระหว่างทาง รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ที่กินน้ำมันประมาณ 9-10 ลิตร/100 กม. ในเมือง และลดลงเหลือ 7-8 ลิตร/100 กม. เมื่อขับทางไกลบนทางหลวง ดังนั้นระยะทางรวมต่อการเติมน้ำมันเต็มถังจะอยู่ที่ประมาณ 700-900 กม. ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน พิเศษกว่านั้น Hyundai Palisade ยังมีระบบจัดการน้ำมันอัจฉริยะที่ช่วยปรับประสิทธิภาพการใช้น้ำมันตามสภาพการขับขี่ ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่มักจะต้องเจอรถติด แนะนำให้ใช้เบนซิน 95 เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และควรตรวจสอบความหนาแน่นของถังน้ำมันและระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นแข่งอย่าง Toyota Fortuner มีถังน้ำมัน 80 ลิตร แต่ตัวรถหนักกว่า ทำให้ระยะทางจริงที่วิ่งได้ใกล้เคียงกัน ผู้ซื้อควรเปรียบเทียบตามความต้องการส่วนตัวก่อนตัดสินใจเลือก
Q
“ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของ Hyundai Palisade ปี 2024 คืออะไร?”
ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับปัญหาเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ใน Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 ในตลาดโลก แต่จากเสียงสะท้อนของเจ้าของรถบางส่วนในต่างประเทศ พบว่าอาจมีรถบางคันที่ประสบปัญหาการสั่นสะเทือนสั้นๆ ของเครื่องยนต์เมื่อสตาร์ทเครื่องในขณะที่อากาศเย็น หรือรอบเดินเบาไม่เสถียร ซึ่งกรณีเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในท้องถิ่นหรือการปรับตัวของโปรแกรม ECU หากพบปัญหาดังกล่าว แนะนำให้ตรวจสอบสภาพของหัวเทียนและความสะอาดของระบบเชื้อเพลิงเป็นอันดับแรก และหากจำเป็นสามารถอัปเกรดซอฟต์แวร์ควบคุมเครื่องยนต์ผ่านตัวแทนจำหน่ายได้ เครื่องยนต์ Theta III Series 3.8 ลิตร V6 ของฮุนไดมอเตอร์ใช้เทคโนโลยีการฉีดคู่และระบบวาล์วแปรผันแบบต่อเนื่องซึ่งสามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพอากาศเขตร้อน แต่ต้องให้ความสนใจกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ตามมาตรฐาน API SP เป็นประจำเนื่องจากอุณหภูมิสูงและความชื้นสูงจะช่วยเร่งการลดทอนประสิทธิภาพของน้ำมัน ในด้านการบำรุงรักษา แนะนำให้ปฏิบัติตามระยะเวลาบำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน (ตามเงื่อนไขใดถึงก่อน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดระบบไอดีและระบบระบายอากาศของกระบอกสูบ ซึ่งมาตรการป้องกันเหล่านี้จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการสูญเสียกำลังเนื่องจากคาร์บอนสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้สึกถึงพลังงานที่ผิดปกติหลังจากการขับขี่ในระยะยาวในฤดูฝน สามารถมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบว่าไส้กรองอากาศมีความชื้นและสภาพการปิดผนึกของขดลวดจุดระเบิดหรือไม่ การจัดการรายละเอียดเหล่านี้สามารถปรับปรุงความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นได้อย่างมาก
Q
รถ Hyundai Palisade ปี 2024 จะมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน?
รถยนต์ Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 ในฐานะ SUV ขนาดกลางใหญ่ ถ้าใช้งานปกติและดูแลรักษาตามกำหนด คาดว่าจะวิ่งได้มากกว่า 250,000-300,000 กิโลเมตร หรือใช้งานได้นานถึง 15 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการดูแลรักษา รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีกลุ่มเพลาขับเคลื่อนที่พัฒนามาอย่างดีจาก Hyundai รวมถึงเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตรและเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูง เหมาะกับสภาพการขับขี่ทั้งในเมืองที่รถติดและเดินทางไกลในบ้านเรา แนะนำให้ทำการตรวจเช็คระยะทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน โดยเฉพาะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันดิฟเฟอเรนเชียลเป็นประจำ ซึ่งสำคัญมากต่อการยืดอายุการใช้งานรถ ในส่วนของสภาพอากาศ ควรให้ความสำคัญกับการดูแลระบบแอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งตรวจสอบยางขอบประตูและป้องกันสนิมใต้ท้องรถเป็นประจำ รุ่นใกล้เคียงอย่าง Toyota Highlander หรือ Honda Pilot ก็มีความทนทานใกล้เคียงกัน แต่ Palisade มีจุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าและอุปกรณ์ที่ให้มากกว่า ถ้าอยากให้รถใช้งานได้นานๆ นอกจากดูแลรักษาตามกำหนดแล้ว การเลือกศูนย์บริการมาตรฐานและใช้อะไหล่แท้จากผู้ผลิตก็สำคัญมาก รวมถึงหลีกเลี่ยงการบรรทุกหนักหรือขับแบบหักโหมเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่ออายุการใช้งานรถอย่างชัดเจน
Q
เครื่องยนต์ใน Palisade 2024 เป็นแบบไหน?
รถ Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.8 ลิตร แบบดูดธรรมดา ให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 355 นิวตัน-เมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีฉีดน้ำมันแบบ MPI ที่เน้นความนุ่มนวลและความทนทาน เหมาะมากสำหรับการเดินทางครอบครัวหรือขับทางไกล ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนและระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นเทอร์โบแล้ว เครื่องดูดธรรมดาอาจประหยัดน้ำมันน้อยกว่าเล็กน้อยแต่ดูแลรักษาถูกกว่าและทนความร้อนได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีระบบเลือกโหมดขับขี่อัจฉริยะที่ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ตามสภาพถนนได้อย่างอัตโนมัติ ทั้งในเมืองที่รถติดหรือบนถนนขึ้นเขาก็ขับสบาย ถ้าอยากประหยัดน้ำมันแนะนำเลือกรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ถ้าช่วงฝนถนนลื่นๆ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะปลอดภัยกว่า Hyundai ให้ประกันเครื่องยนต์ 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ตามที่บริษัทแนะนำก็สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรได้เลย
Q
รถยนต์ Hyundai Palisade 2024 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
รถยนต์ Hyundai Palisade รุ่นปี 2024 เป็น SUV ขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในครอบครัวและการขับขี่บนเส้นทางหลากหลายประเภท ด้วยการออกแบบห้องโดยสารแบบ 3 แถวที่นั่งกว้างขวางและพื้นที่เก็บของที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ มีตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้งแบบ 2.2 ลิตร เทอร์โบดีเซล และ 3.5 ลิตร V6 เบนซิน ที่ให้ทั้งความประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไกลและการใช้งานในเมือง ระบบขับเคลื่อนสี่ลอัจฉริยะสามารถรับมือกับถนนลื่นในช่วงฤดูฝนและเส้นทางออฟโรดระดับเบาได้เป็นอย่างดี ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว ที่ทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียล่าสุด มอบประสบการณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ในด้านความปลอดภัย มาพร้อมระบบ Hyundai SmartSense มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงฟังก์ชั่นช่วยขับขี่อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบรักษาช่องทางเดินรถ และระบบเตือนจุดบอด ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ สำหรับตลาดไทย ทางผู้ผลิตให้บริการรับประกัน 7 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สะดวกสบายในเรื่องการซ่อมบำรุง ถือเป็นรุ่นที่คุ้มค่าเงินเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ข้อแนะนำคือควรทดลองขับทั้งสองรุ่นก่อนตัดสินใจ โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเหมาะสำหรับผู้ที่ขับทางไกลบ่อยๆ ส่วนรุ่นเบนซินจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานในเมืองมากกว่า
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

ส่วนที่อยู่ภายในมีขนาดกว้างขวาง ทำให้ทุกการเดินทางสบายสบันย์
เครื่องยนต์ V6 ที่แข็งแรงให้พลังงานเพียงพอ
มีเจ็ดโหมดขับขี่ที่เหมาะสำหรับภูมิประเทศต่างๆ
เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ดีเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย
มีที่ว่างสำหรับบรรทุกสินค้าเพียงพอเมื่อดัน сидนั่งลง

ข้อเสีย

ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงต่ำลงเนื่องจากเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่
ราคาสูงกว่าคู่แข่งบางตัว
ส่วนที่นั่งแถวที่สามอาจแคบสำหรับผู้ใหญ่

Q&A ล่าสุด

Q
ฉันควรเลือก M2 หรือ M3 ในปี 2024?
การเลือกระหว่าง BMW M2 กับ M3 ในปี 2024 นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานและงบประมาณของคุณเป็นหลัก M2 เป็นรถสปอร์ตคอมแพคที่เหมาะกับการขับขี่ในเมือง ด้วยขนาดตัวรถที่คล่องตัว ช่วยให้ขับในเส้นทางติดขัดหรือจอดในที่แคบๆ ได้สะดวกกว่า แถมราคายังจับต้องได้ เหมาะกับคนที่ชอบความสปอร์ตแต่มีงบจำกัด ส่วน M3 นั้นเป็นระดับสูงกว่า ทั้งแรงเครื่องที่เหนือกว่าและอุปกรณ์ความหรูที่ครบครัน เหมาะสำหรับคนที่ขับทางไกลบ่อยๆ หรือต้องการสมรรถนะขั้นสูง แต่ก็ต้องแลกมากับราคาและค่าดูแลที่สูงกว่าในสภาพอากาศบ้านเรา ระบบแอร์และระบายความร้อนของทั้งสองรุ่นรับมือกับอากาศร้อนได้ดี แต่ M3 ให้ความสะดวกสบายมากกว่า โดยเฉพาะฟังก์ชันเก้าอี้ระบายอากาศที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนจัด ส่วนเรื่องถนนหนทางนั้น แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบช่วงล่างปรับได้ เพื่อการขับขี่ที่นิ่งกว่าในเส้นทางขรุขระ ทั้งสองรุ่นมีศูนย์บริการครอบคลุมและอะไหล่พร้อม แต่ค่าใช้จ่ายดูแลรักษา M3 จะสูงกว่าเล็กน้อย ถ้าคุณเน้นการใช้ชีวิตประจำวันและความคุ้มค่า M2 นั้นตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าต้องการสมรรถนะระดับพรีเมียมและประสบการณ์การขับขี่สุดหรู พร้อมงบประมาณพร้อมจ่าย M3 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน แนะนำให้ลองขับดูก่อน เพื่อสัมผัสความแตกต่างของทั้งสองคันด้วยตัวเอง
Q
"รถ M3 ปี 2024 เป็นรถที่ดีสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันไหม?"
BMW M3 ปี 2024 ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะรถยนต์ใช้งานประจำวัน เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 6 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังเหลือเฟือ ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาอย่างดีช่วยรักษาความสบายแม้ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้การทำงานที่ราบรื่นกว่ารุ่นก่อนหน้า ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟมาตรฐานช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังบ่อยครั้งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาด 430 ลิตรเพียงพอสำหรับการซื้อของของครอบครัวหรือการเดินทางระยะสั้น และระบบ iDrive 8.5 รองรับภาษาไทยและระบบนำทางในท้องถิ่นเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ แม้ว่า M3 จะมีการควบคุมที่ยอดเยี่ยม แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive เพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นบนถนนลื่นในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ รถคันนี้ยังได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับน้ำมันเบนซิน 95 ออกเทน ซึ่งเหมาะสมกับสภาพน้ำมันในท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยของรถคันนี้ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยเฉลี่ยประมาณ 11-13 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพการขับขี่ในเมือง ซึ่งถือว่าประหยัดน้ำมันมากสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูง เครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ วงจรการจัดหาอะไหล่ค่อนข้างสมเหตุสมผล และต้นทุนการใช้งานในระยะยาวสามารถควบคุมได้
Q
เครื่องยนต์ใน BMW M3 ปี 2024 คืออะไร?
BMW M3 ปี 2024 ติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ รหัส S58 เครื่องยนต์สมรรถนะสูงนี้ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีกำลังสูงสุด 473 แรงม้าในรุ่นมาตรฐาน และ 503 แรงม้าในรุ่น Competition จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า) สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที (รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเกียร์ธรรมดา) ถึง 3.5 วินาที (รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ Competition) เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีลดน้ำหนัก เช่น เพลาข้อเหวี่ยงแบบตีขึ้นรูป และฝาสูบพิมพ์ 3 มิติ และติดตั้งระบบระบายความร้อนระดับสนามแข่ง ทำให้เหมาะสำหรับการขับขี่ที่มีความเข้มข้นสูงในสภาพอากาศร้อน เป็นที่น่าสังเกตว่าเครื่องยนต์ 558 นั้นยังใช้ในรุ่นต่างๆ เช่น X3M/X4M ด้วย แต่การปรับแต่งของ M3 เน้นการส่งกำลังที่ราบรื่นและการตอบสนองของรอบเครื่องยนต์ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยวและการขับขี่ในสนามแข่งระยะสั้นซึ่งพบได้ทั่วไปในประเทศไทย สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เราขอแนะนำรุ่น M xDrive ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อรับมือกับถนนที่ลื่นในช่วงฤดูฝน ศูนย์บริการ BMW กรุงเทพฯ ยังมีแพ็คเกจการบำรุงรักษารถยนต์สมรรถนะสูงแบบพิเศษ รวมถึงน้ำมันเครื่องและน้ำยาหล่อเย็นเกรดพิเศษสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงอีกด้วย
Q
"ราคา 2024 M3 เท่าไหร่?"
ราคาของ BMW M3 ปี 2024 แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย รุ่นพื้นฐานมีราคาประมาณ 4.5 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นสมรรถนะสูง Competition xDrive อาจมีราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท ราคาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมและส่วนลดจากดีลเลอร์ รถคันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลัง 480 แรงม้าในรุ่นมาตรฐาน และ 510 แรงม้าในรุ่น Competition จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ในตลาดท้องถิ่น คู่แข่งหลัก ได้แก่ Mercedes-AMG C63 และ Audi RS5 แต่ M3 มีชื่อเสียงในด้านระบบขับเคลื่อนล้อหลังและการควบคุมที่แม่นยำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความสนุกสนานในการขับขี่ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ นอกเหนือจากราคารถแล้ว ควรพิจารณาภาษีจดทะเบียนเริ่มต้น ประกันภัย และค่าบำรุงรักษาด้วย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ หากงบประมาณจำกัด ตลาดรถยนต์มือสองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากมูลค่าการขายต่อของ M3 ค่อนข้างคงที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดี
Q
2024 M3 CS มีกำลังม้ากี่ตัว?
รถ BMW M3 CS รุ่นปี 2024 นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จคู่ ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว สามารถทำกำลังสูงสุดได้ถึง 550 แรงม้า และแรงบิดพีค 650 นิวตันเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 40 แรงม้าเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน M3 เมื่อทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.4 วินาที แสดงศักยภาพที่ดุดันมากๆ รุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบรถสปอร์ตสมรรถนะสูง โดยเฉพาะเวลาขับบนทางด่วนหรือสนามแข่งแถวกรุงเทพฯ จะรู้สึกถึงความแรงเต็มๆ นอกจากนี้ M3 CS ยังมีส่วนประกอบลดน้ำหนักพิเศษ เช่น หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์และระบบไอเสีย ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่อีกด้วย ถ้าสนใจรถสปอร์ตแรงๆ แบบนี้ ลองไปดูรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่าง AMG C 63 S หรือ Audi RS 5 ก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงสมรรถนะบนสนามแข่งและความสนุกในการขับแล้ว M3 CS นี่ถือว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างชัดเจนเลยล่ะ
ดูเพิ่มเติม