Q

Neta X ความจุแบตเตอรี่และเวลาชาร์จคือเท่าไหร่?

ข้อมูลจากแหล่งสาธารณะระบุว่า NETA X มีความจุแบตเตอรี่ 50kWh โดยในโหมดชาร์จเร็วสามารถชาร์จไฟได้ถึง 80% ในเวลาประมาณ 30 นาที ส่วนโหมดชาร์จช้าจะใช้เวลา 6-8 ชั่วโมงในการชาร์จเต็ม อย่างไรก็ตาม เวลาชาร์จอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับกำลังไฟของสถานีชาร์จและสภาพไฟฟ้าในประเทศไทย สำหรับการใช้งานรถไฟฟ้าในไทย แนะนำให้เลือกใช้สถานีชาร์จเร็วแบบ DC ที่ติดตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน หรือปั๊มบริการบนทางด่วน ซึ่งมีให้บริการอย่างแพร่หลายในเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ช่วยลดเวลารอชาร์จได้อย่างมาก ควรระวังว่าสภาพอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ แนะนำให้จอดรถในที่ร่มหรือลานจอดรถใต้ดินเป็นหลัก พร้อมทั้งตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ รัฐบาลไทยส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าอย่างจริงจัง ลดภาษีสำหรับผู้ซื้อ และบางผู้ให้บริการชาร์จยังมีโปรโมชั่นค่าไฟช่วงกลางคืน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย หากวางแผนเดินทางไกล แนะนำให้ตรวจสอบแผนที่สถานีชาร์จของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ล่วงหน้า เพื่อวางเส้นทางชาร์จไฟระหว่างทางได้อย่างสะดวก
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Neta X มีอะไรบ้าง?
Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้า อาจมีจุดอ่อนหลักในตลาดประเทศไทยอยู่ที่ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อน โดยอุณหภูมิที่สูงของไทยอาจทำให้ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้น ขณะเดียวกัน เครือข่ายสถานีชาร์จในบางพื้นที่ห่างไกลยังไม่ครอบคลุม อาจกระทบต่อความสะดวกในการเดินทางระยะไกล ระบบขับขี่อัจฉริยะของรถรุ่นนี้ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวให้เหมาะกับสภาพการจราจรที่ซับซ้อนของไทย เช่น การตรวจจับมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งอยู่บนถนนอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม รถยนต์ไฟฟ้ายังมีอัตราการคงมูลค่าในตลาดมือสองที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณา ในมุมการใช้งานจริง ผู้บริโภคชาวไทยควรพิจารณาด้วยว่ารถรุ่นดังกล่าวมีศูนย์บริการหลังการขายกระจายตัวเพียงพอหรือไม่ รวมถึงมีเทคโนโลยีป้องกันน้ำในแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับฤดูฝนของไทยหรือเปล่า เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานโดยตรง
Q
Neta X จัดอยู่ในรถกลุ่มเซกเมนต์ไหน?
เนตา เอ็กซ์ เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ตำแหน่งทางการตลาดอยู่ในเซ็กเมนต์ C-SUV ที่มีการแข่งขันสูงในตลาดรถไฟฟ้าโลก สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเพราะตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองที่คล่องตัว และความประหยัดพื้นที่เหมาะกับครอบครัว ตัวถังมีความยาวประมาณ 4.6 เมตร ระยะฐานล้อ 2.77 เมตร จุผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง ซึ่งขนาดนี้เหมาะกับการขับขี่ในซอยแคบๆ แบบกรุงเทพฯ พร้อมกันนั้นยังช่วยให้รองรับสภาพถนนช่วงฤดูฝนได้ดีด้วย สเปคการขับขี่แบบ CLTC วิ่งได้ไกล 501-660 กิโลเมตร เมื่อรวมกับนโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาลไทย เช่น การลดภาษีนำเข้าและสนับสนุนสถานีชาร์จ ก็ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางได้มาก ในส่วนระบบอัจฉริยะ มาพร้อมหน้าจอกลาง 15.6 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่ระดับ L2+ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนไทยที่การจราจรค่อนข้างซับซ้อน คู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง BYD Atto 3 และ MG ZS EV อาจสู้ไม่ได้ในจุดเด่นอย่างขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าและแบตเตอรี่จาก CATL ที่เนตา เอ็กซ์ นำมาใช้ ตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้าไทยโตเกิน 300% ต่อปี โดยเฉพาะ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดในราคา 1-1.5 ล้านบาทกำลังมาแรง เมื่อมีแบรนด์จีนเข้ามาเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายขึ้นในอนาคต
Q
มูลค่าขายต่อของ Neta X คือเท่าไหร่?
เนต้า เอ็กซ์ ในฐานะรถอีวีเอสยูวีรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดไทย มูลค่าซื้อขายต่อในตลาดมือสองจะถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย ทั้งการรับรู้ของคนไทยต่อแบรนด์ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ความต้องการในตลาด รวมถึงนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าจากรัฐบาลไทย ปัจจุบันตลาดอีวีในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รัฐบาลออกมาตรการลดภาษีและให้เงินสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าคงเหลือของเนต้า เอ็กซ์ ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและความสะดวกในการหาสถานีชาร์จก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าซื้อขายต่อ ถ้าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพคงที่และมีบริการหลังการขายที่ครบวงจร มูลค่าก็จะสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้วรถไฟฟ้าในไทยมักมีมูลค่าซื้อขายต่อต่ำกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย แต่เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาไปและคนเริ่มนิยมมากขึ้น ช่องว่างนี้ก็กำลังลดลง สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อ แนะนำให้ศึกษานโยบายการรับประกันจากบริษัทและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพราะสองเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อมูลค่ารถในระยะยาว รวมถึงสภาพอากาศร้อนของไทยก็อาจกระทบต่ออายุแบตเตอรี่ได้ การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอและการใช้งานอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ และรักษามูลค่าของรถไว้ได้ในระดับที่ดี
Q
ขุมพลังใน Neta X คืออะไร?
Neta X มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางระยะสั้นได้อย่างเหมาะสม แบตเตอรี่มีให้เลือกหลายขนาดตามแต่ละรุ่น โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและทริปท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย Neta X ยังมีระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ (BMS) ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้เสถียรแม้ในอุณหภูมิสูง และช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อีกด้วย อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จไฟจาก 0–80% ได้ภายใน 30 นาที ซึ่งตอบโจทย์กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จที่กำลังขยายตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
Q
ขนาด PCD ของ Neta X คือเท่าไหร่?
ขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสกรู) ของ Neta X ที่ 5×114.3 มิลลิเมตร เป็นหนึ่งในขนาดยอดนิยมสำหรับการติดตั้งล้อในตลาดไทย ซึ่งเหมาะกับการอัพเกรดรถ SUV และรถเก๋งส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยในประเทศไทย รุ่นยอดฮิตอย่าง Toyota Fortuner หรือ Honda CR-V ก็ใช้ขนาด PCD เดียวกัน ทำให้เจ้าของ Neta X สามารถหาล้อที่เข้ากันได้ง่ายหรืออัพเกรดล้อได้สะดวกกว่า PCD นับเป็นพารามิเตอร์สำคัญในการเลือกซื้อล้อ เพราะถ้าเลือกขนาดถูกต้องจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันปัญหาการสั่นสะเทือนหรือการสึกหรอจากขนาดที่ไม่พอดี สำหรับคนไทยที่อยากเปลี่ยนล้อ นอกจาก PCD แล้ว ควรเช็กค่ากลางล้อ (CB) และค่าโอฟเซ็ต (ET) ด้วย แนะนำให้ซื้อจากร้านมืออาชีพหรือช่องทางตัวแทนจำหน่ายแท้เพื่อความมั่นใจในความเข้ากันได้ อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงคือสภาพอากาศเมืองไทยที่ฝนชุก ควรเลือกวัสดุล้อที่ป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เช่น อลูมิเนียมอัลลอยด์ และเลือกลายดอกยางที่รีดน้ำได้มีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น
Q
Neta X รับรอง Apple CarPlay หรือไม่?
ตอนนี้รถรุ่น Neta X ที่วางขายในตลาดไทยมีการรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ในไทยได้สัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อในรถที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยสามารถใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานอย่างแผนที่หรือเพลงผ่านหน้าจอกลางรถได้เลย สำหรับสภาพอากาศในไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ฟังก์ชันการเชื่อมต่อแบบไร้สายของ Apple CarPlay จะช่วยลดปัญหาสายชาร์จเสื่อมสภาพจากความร้อน ส่วนระบบควบคุมด้วยเสียงก็เหมาะกับการใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ เพราะช่วยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ที่น่าสนใจคือรถบางรุ่นจากแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดไทยยังใช้ระบบ CarPlay แบบมีสาย ทำให้จุดเด่นของ Neta X ที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายดูน่าสนใจกว่า แถมยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android อีกด้วย ก่อนตัดสินใจซื้อ แนะนำให้ลองทดสอบระบบมัลติมีเดียในรถด้วยตัวเอง เพื่อเช็คความลื่นไหลและการทำงานร่วมกับบริการแผนที่ในไทย โดยเฉพาะการแสดงชื่อสถานที่แบบไทยและระบบแจ้งเตือนการจราจร เพราะปัจจุบันฟังก์ชันเชื่อมต่ออัจฉริยะแบบนี้กำลังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจรถ EV ในไทยซึ่งกำลังมาแรง
Q
Neta X ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจในตลาดไทย ยางติดรถจากโรงงานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อยและความต้องการของตลาด โดยทั่วไปมักเลือกใช้ยางจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Continental หรือ Michelin ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและการยึดเกาะบนถนนเปียก เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกบ่อยของประเทศไทย สำหรับการเลือกยางในประเทศไทย นอกจากเรื่องยี่ห้อแล้ว ยังควรพิจารณาสภาพถนนในพื้นที่ใช้งาน เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือถนนที่ซับซ้อนนอกเมือง โดยควรให้ความสำคัญกับคุณสมบัติทนความร้อน การรีดน้ำ และความประหยัดน้ำมัน ยางอย่าง Michelin รุ่น Energy Saver หรือ Continental รุ่น EcoContact เป็นตัวเลือกที่ดีที่เน้นทั้งความสบายและความคุ้มค่า ทั้งนี้ กฎหมายไทยกำหนดความลึกของดอกยางต้องไม่ต่ำกว่า 1.6 มิลลิเมตร จึงควรตรวจสอบสภาพดอกยางและแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในรถไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูง ยิ่งต้องดูแลรักษายางอย่างใกล้ชิดเพื่อยืดอายุการใช้งาน หากผู้ใช้งานต้องการประสบการณ์ขับขี่ที่เงียบหรือประหยัดพลังงานมากขึ้น ก็สามารถปรึกษาร้านยางเพื่อเปลี่ยนเป็นยางแบบเงียบหรือแบบแรงต้านต่ำได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นรุ่นที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกของไทยแล้วเท่านั้น
Q
ความกว้างของ Neta X คือเท่าไหร่?
รถ Neta X มีรุ่นย่อยให้เลือกหลายแบบ เช่น Neta X Comfort 2024 และ Neta X Smart 2024 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีความกว้างตัวรถที่ 1,860 มม. เท่ากัน ความกว้างของรถเป็นพารามิเตอร์สำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงในการขับขี่ การผ่านพ้นสิ่งกีดขวางบนถนน รวมถึงการจัดวางพื้นที่ภายในรถ รถที่มีความกว้างมากกว่าปกติมักจะให้พื้นที่ด้านข้างที่กว้างขวางกว่า ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่นั่งแถวหลังที่จะไม่รู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ความกว้างของตัวรถยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมรถขณะขับเคลื่อนอีกด้วย
Q
แรงดันลมยางของ Neta X ควรเติมเท่าไหร่?
ค่าลมยางมาตรฐานของ Neta X อยู่ที่ประมาณ 2.3 ถึง 2.5 บาร์ (ประมาณ 33 ถึง 36 psi) ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในเมืองและทางหลวงที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อน ลมยางจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติเมื่อขับขี่ ดังนั้นควรเติมลมในขณะยางเย็นตามค่ามาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและความนุ่มนวลในการขับขี่ หากต้องบรรทุกของหนักบ่อย หรือขับทางไกล แนะนำให้เพิ่มลมยางล้อหลังอีกประมาณ 0.1 ถึง 0.2 บาร์ แต่อย่าลืมตรวจสอบค่าที่แนะนำจากฉลากข้างประตูรถหรือฝาถังน้ำมันเป็นหลัก การตรวจสอบลมยางอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ควรเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้งด้วยเกจวัดลม เพราะอุณหภูมิที่สูงในไทยอาจทำให้แรงดันลมยางผันผวนได้ หากลมยางต่ำเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง แต่ถ้าลมยางสูงเกินไปจะลดการยึดเกาะถนนและเพิ่มระยะเบรก สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Neta X ลมยางยังมีผลต่อระยะทางที่สามารถขับได้ในแต่ละการชาร์จอีกด้วย การรักษาค่าลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงช่วยให้ประหยัดพลังงานและขับขี่ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Q
ยางของ Neta X ใช้ขนาดเท่าไหร่?
Neta X มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ซึ่งถือเป็นขนาดมาตรฐานในกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกลางในตลาดประเทศไทย ขนาดนี้สามารถให้ความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่และสมรรถนะการควบคุม เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายในไทย ทั้งในเมืองและนอกเมือง ล้อขนาด 19 นิ้วยังช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับรูปลักษณ์ของรถ และยังส่งผลดีต่อเสถียรภาพของตัวรถ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทยที่ถนนเปียกบ่อย การใช้ล้อขนาดใหญ่ร่วมกับยางที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มการยึดเกาะบนพื้นผิวเปียกได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้านอกจากจะดูเรื่องขนาดล้อแล้ว ยังควรพิจารณาประเภทของยาง เช่น ยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ (Low Rolling Resistance) เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น หรือยางที่มีร่องรีดน้ำดีเพื่อความปลอดภัยในฤดูฝน นอกจากนี้ วัสดุของล้อก็มีความสำคัญ ล้ออัลลอยที่ทำจากอะลูมิเนียมจะทนต่อการกัดกร่อนได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย และยังมีน้ำหนักเบา ช่วยลดการใช้พลังงาน หากผู้ใช้งานต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัว ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยนล้อจากศูนย์หรือชุดแต่งที่ถูกกฎหมายได้ แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายจราจรในประเทศไทย
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

ราคาประกอบด้วยคุณสมบัติที่ดีและได้รับรางวัลสองรางวัลในประเทศไทย
กำลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพการควบคุมที่แม่นยำ
ประสบการณ์ขับรถที่สบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทาง

ข้อเสีย

บริษัท NETA Auto ประเทศไทยประสบความสูญเสียและยอดขายลดลง
ความกังวลที่อาจเกิดขึ้นในด้านความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
การถอนออกจากตลาดบางแห่งทำให้ความกังวลเพิ่มขึ้น

Q&A ล่าสุด

Q
ฉันควรเลือก M2 หรือ M3 ในปี 2024?
การเลือกระหว่าง BMW M2 กับ M3 ในปี 2024 นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานและงบประมาณของคุณเป็นหลัก M2 เป็นรถสปอร์ตคอมแพคที่เหมาะกับการขับขี่ในเมือง ด้วยขนาดตัวรถที่คล่องตัว ช่วยให้ขับในเส้นทางติดขัดหรือจอดในที่แคบๆ ได้สะดวกกว่า แถมราคายังจับต้องได้ เหมาะกับคนที่ชอบความสปอร์ตแต่มีงบจำกัด ส่วน M3 นั้นเป็นระดับสูงกว่า ทั้งแรงเครื่องที่เหนือกว่าและอุปกรณ์ความหรูที่ครบครัน เหมาะสำหรับคนที่ขับทางไกลบ่อยๆ หรือต้องการสมรรถนะขั้นสูง แต่ก็ต้องแลกมากับราคาและค่าดูแลที่สูงกว่าในสภาพอากาศบ้านเรา ระบบแอร์และระบายความร้อนของทั้งสองรุ่นรับมือกับอากาศร้อนได้ดี แต่ M3 ให้ความสะดวกสบายมากกว่า โดยเฉพาะฟังก์ชันเก้าอี้ระบายอากาศที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนจัด ส่วนเรื่องถนนหนทางนั้น แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบช่วงล่างปรับได้ เพื่อการขับขี่ที่นิ่งกว่าในเส้นทางขรุขระ ทั้งสองรุ่นมีศูนย์บริการครอบคลุมและอะไหล่พร้อม แต่ค่าใช้จ่ายดูแลรักษา M3 จะสูงกว่าเล็กน้อย ถ้าคุณเน้นการใช้ชีวิตประจำวันและความคุ้มค่า M2 นั้นตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าต้องการสมรรถนะระดับพรีเมียมและประสบการณ์การขับขี่สุดหรู พร้อมงบประมาณพร้อมจ่าย M3 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน แนะนำให้ลองขับดูก่อน เพื่อสัมผัสความแตกต่างของทั้งสองคันด้วยตัวเอง
Q
"รถ M3 ปี 2024 เป็นรถที่ดีสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันไหม?"
BMW M3 ปี 2024 ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะรถยนต์ใช้งานประจำวัน เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 6 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังเหลือเฟือ ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาอย่างดีช่วยรักษาความสบายแม้ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้การทำงานที่ราบรื่นกว่ารุ่นก่อนหน้า ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟมาตรฐานช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังบ่อยครั้งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาด 430 ลิตรเพียงพอสำหรับการซื้อของของครอบครัวหรือการเดินทางระยะสั้น และระบบ iDrive 8.5 รองรับภาษาไทยและระบบนำทางในท้องถิ่นเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ แม้ว่า M3 จะมีการควบคุมที่ยอดเยี่ยม แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive เพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นบนถนนลื่นในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ รถคันนี้ยังได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับน้ำมันเบนซิน 95 ออกเทน ซึ่งเหมาะสมกับสภาพน้ำมันในท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยของรถคันนี้ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยเฉลี่ยประมาณ 11-13 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรในสภาพการขับขี่ในเมือง ซึ่งถือว่าประหยัดน้ำมันมากสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูง เครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ วงจรการจัดหาอะไหล่ค่อนข้างสมเหตุสมผล และต้นทุนการใช้งานในระยะยาวสามารถควบคุมได้
Q
เครื่องยนต์ใน BMW M3 ปี 2024 คืออะไร?
BMW M3 ปี 2024 ติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ รหัส S58 เครื่องยนต์สมรรถนะสูงนี้ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีกำลังสูงสุด 473 แรงม้าในรุ่นมาตรฐาน และ 503 แรงม้าในรุ่น Competition จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า) สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที (รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเกียร์ธรรมดา) ถึง 3.5 วินาที (รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ Competition) เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีลดน้ำหนัก เช่น เพลาข้อเหวี่ยงแบบตีขึ้นรูป และฝาสูบพิมพ์ 3 มิติ และติดตั้งระบบระบายความร้อนระดับสนามแข่ง ทำให้เหมาะสำหรับการขับขี่ที่มีความเข้มข้นสูงในสภาพอากาศร้อน เป็นที่น่าสังเกตว่าเครื่องยนต์ 558 นั้นยังใช้ในรุ่นต่างๆ เช่น X3M/X4M ด้วย แต่การปรับแต่งของ M3 เน้นการส่งกำลังที่ราบรื่นและการตอบสนองของรอบเครื่องยนต์ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยวและการขับขี่ในสนามแข่งระยะสั้นซึ่งพบได้ทั่วไปในประเทศไทย สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เราขอแนะนำรุ่น M xDrive ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อรับมือกับถนนที่ลื่นในช่วงฤดูฝน ศูนย์บริการ BMW กรุงเทพฯ ยังมีแพ็คเกจการบำรุงรักษารถยนต์สมรรถนะสูงแบบพิเศษ รวมถึงน้ำมันเครื่องและน้ำยาหล่อเย็นเกรดพิเศษสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงอีกด้วย
Q
"ราคา 2024 M3 เท่าไหร่?"
ราคาของ BMW M3 ปี 2024 แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย รุ่นพื้นฐานมีราคาประมาณ 4.5 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นสมรรถนะสูง Competition xDrive อาจมีราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท ราคาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมและส่วนลดจากดีลเลอร์ รถคันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลัง 480 แรงม้าในรุ่นมาตรฐาน และ 510 แรงม้าในรุ่น Competition จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ในตลาดท้องถิ่น คู่แข่งหลัก ได้แก่ Mercedes-AMG C63 และ Audi RS5 แต่ M3 มีชื่อเสียงในด้านระบบขับเคลื่อนล้อหลังและการควบคุมที่แม่นยำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความสนุกสนานในการขับขี่ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ นอกเหนือจากราคารถแล้ว ควรพิจารณาภาษีจดทะเบียนเริ่มต้น ประกันภัย และค่าบำรุงรักษาด้วย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ หากงบประมาณจำกัด ตลาดรถยนต์มือสองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากมูลค่าการขายต่อของ M3 ค่อนข้างคงที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดี
Q
2024 M3 CS มีกำลังม้ากี่ตัว?
รถ BMW M3 CS รุ่นปี 2024 นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จคู่ ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว สามารถทำกำลังสูงสุดได้ถึง 550 แรงม้า และแรงบิดพีค 650 นิวตันเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 40 แรงม้าเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน M3 เมื่อทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.4 วินาที แสดงศักยภาพที่ดุดันมากๆ รุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบรถสปอร์ตสมรรถนะสูง โดยเฉพาะเวลาขับบนทางด่วนหรือสนามแข่งแถวกรุงเทพฯ จะรู้สึกถึงความแรงเต็มๆ นอกจากนี้ M3 CS ยังมีส่วนประกอบลดน้ำหนักพิเศษ เช่น หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์และระบบไอเสีย ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่อีกด้วย ถ้าสนใจรถสปอร์ตแรงๆ แบบนี้ ลองไปดูรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่าง AMG C 63 S หรือ Audi RS 5 ก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงสมรรถนะบนสนามแข่งและความสนุกในการขับแล้ว M3 CS นี่ถือว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างชัดเจนเลยล่ะ
ดูเพิ่มเติม