Q

Neta X ใช้ยางยี่ห้ออะไร?

Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจในตลาดไทย ยางติดรถจากโรงงานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อยและความต้องการของตลาด โดยทั่วไปมักเลือกใช้ยางจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Continental หรือ Michelin ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและการยึดเกาะบนถนนเปียก เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกบ่อยของประเทศไทย สำหรับการเลือกยางในประเทศไทย นอกจากเรื่องยี่ห้อแล้ว ยังควรพิจารณาสภาพถนนในพื้นที่ใช้งาน เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือถนนที่ซับซ้อนนอกเมือง โดยควรให้ความสำคัญกับคุณสมบัติทนความร้อน การรีดน้ำ และความประหยัดน้ำมัน ยางอย่าง Michelin รุ่น Energy Saver หรือ Continental รุ่น EcoContact เป็นตัวเลือกที่ดีที่เน้นทั้งความสบายและความคุ้มค่า ทั้งนี้ กฎหมายไทยกำหนดความลึกของดอกยางต้องไม่ต่ำกว่า 1.6 มิลลิเมตร จึงควรตรวจสอบสภาพดอกยางและแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในรถไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูง ยิ่งต้องดูแลรักษายางอย่างใกล้ชิดเพื่อยืดอายุการใช้งาน หากผู้ใช้งานต้องการประสบการณ์ขับขี่ที่เงียบหรือประหยัดพลังงานมากขึ้น ก็สามารถปรึกษาร้านยางเพื่อเปลี่ยนเป็นยางแบบเงียบหรือแบบแรงต้านต่ำได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นรุ่นที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกของไทยแล้วเท่านั้น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Neta X มีอะไรบ้าง?
Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้า อาจมีจุดอ่อนหลักในตลาดประเทศไทยอยู่ที่ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อน โดยอุณหภูมิที่สูงของไทยอาจทำให้ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้น ขณะเดียวกัน เครือข่ายสถานีชาร์จในบางพื้นที่ห่างไกลยังไม่ครอบคลุม อาจกระทบต่อความสะดวกในการเดินทางระยะไกล ระบบขับขี่อัจฉริยะของรถรุ่นนี้ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวให้เหมาะกับสภาพการจราจรที่ซับซ้อนของไทย เช่น การตรวจจับมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งอยู่บนถนนอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม รถยนต์ไฟฟ้ายังมีอัตราการคงมูลค่าในตลาดมือสองที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณา ในมุมการใช้งานจริง ผู้บริโภคชาวไทยควรพิจารณาด้วยว่ารถรุ่นดังกล่าวมีศูนย์บริการหลังการขายกระจายตัวเพียงพอหรือไม่ รวมถึงมีเทคโนโลยีป้องกันน้ำในแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับฤดูฝนของไทยหรือเปล่า เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานโดยตรง
Q
Neta X จัดอยู่ในรถกลุ่มเซกเมนต์ไหน?
เนตา เอ็กซ์ เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ตำแหน่งทางการตลาดอยู่ในเซ็กเมนต์ C-SUV ที่มีการแข่งขันสูงในตลาดรถไฟฟ้าโลก สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเพราะตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองที่คล่องตัว และความประหยัดพื้นที่เหมาะกับครอบครัว ตัวถังมีความยาวประมาณ 4.6 เมตร ระยะฐานล้อ 2.77 เมตร จุผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง ซึ่งขนาดนี้เหมาะกับการขับขี่ในซอยแคบๆ แบบกรุงเทพฯ พร้อมกันนั้นยังช่วยให้รองรับสภาพถนนช่วงฤดูฝนได้ดีด้วย สเปคการขับขี่แบบ CLTC วิ่งได้ไกล 501-660 กิโลเมตร เมื่อรวมกับนโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาลไทย เช่น การลดภาษีนำเข้าและสนับสนุนสถานีชาร์จ ก็ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางได้มาก ในส่วนระบบอัจฉริยะ มาพร้อมหน้าจอกลาง 15.6 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่ระดับ L2+ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนไทยที่การจราจรค่อนข้างซับซ้อน คู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง BYD Atto 3 และ MG ZS EV อาจสู้ไม่ได้ในจุดเด่นอย่างขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าและแบตเตอรี่จาก CATL ที่เนตา เอ็กซ์ นำมาใช้ ตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้าไทยโตเกิน 300% ต่อปี โดยเฉพาะ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดในราคา 1-1.5 ล้านบาทกำลังมาแรง เมื่อมีแบรนด์จีนเข้ามาเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายขึ้นในอนาคต
Q
มูลค่าขายต่อของ Neta X คือเท่าไหร่?
เนต้า เอ็กซ์ ในฐานะรถอีวีเอสยูวีรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดไทย มูลค่าซื้อขายต่อในตลาดมือสองจะถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย ทั้งการรับรู้ของคนไทยต่อแบรนด์ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ความต้องการในตลาด รวมถึงนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าจากรัฐบาลไทย ปัจจุบันตลาดอีวีในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รัฐบาลออกมาตรการลดภาษีและให้เงินสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าคงเหลือของเนต้า เอ็กซ์ ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและความสะดวกในการหาสถานีชาร์จก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าซื้อขายต่อ ถ้าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพคงที่และมีบริการหลังการขายที่ครบวงจร มูลค่าก็จะสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้วรถไฟฟ้าในไทยมักมีมูลค่าซื้อขายต่อต่ำกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย แต่เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาไปและคนเริ่มนิยมมากขึ้น ช่องว่างนี้ก็กำลังลดลง สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อ แนะนำให้ศึกษานโยบายการรับประกันจากบริษัทและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพราะสองเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อมูลค่ารถในระยะยาว รวมถึงสภาพอากาศร้อนของไทยก็อาจกระทบต่ออายุแบตเตอรี่ได้ การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอและการใช้งานอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ และรักษามูลค่าของรถไว้ได้ในระดับที่ดี
Q
ขุมพลังใน Neta X คืออะไร?
Neta X มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางระยะสั้นได้อย่างเหมาะสม แบตเตอรี่มีให้เลือกหลายขนาดตามแต่ละรุ่น โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและทริปท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย Neta X ยังมีระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ (BMS) ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้เสถียรแม้ในอุณหภูมิสูง และช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อีกด้วย อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จไฟจาก 0–80% ได้ภายใน 30 นาที ซึ่งตอบโจทย์กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จที่กำลังขยายตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
Q
ขนาด PCD ของ Neta X คือเท่าไหร่?
ขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสกรู) ของ Neta X ที่ 5×114.3 มิลลิเมตร เป็นหนึ่งในขนาดยอดนิยมสำหรับการติดตั้งล้อในตลาดไทย ซึ่งเหมาะกับการอัพเกรดรถ SUV และรถเก๋งส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยในประเทศไทย รุ่นยอดฮิตอย่าง Toyota Fortuner หรือ Honda CR-V ก็ใช้ขนาด PCD เดียวกัน ทำให้เจ้าของ Neta X สามารถหาล้อที่เข้ากันได้ง่ายหรืออัพเกรดล้อได้สะดวกกว่า PCD นับเป็นพารามิเตอร์สำคัญในการเลือกซื้อล้อ เพราะถ้าเลือกขนาดถูกต้องจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันปัญหาการสั่นสะเทือนหรือการสึกหรอจากขนาดที่ไม่พอดี สำหรับคนไทยที่อยากเปลี่ยนล้อ นอกจาก PCD แล้ว ควรเช็กค่ากลางล้อ (CB) และค่าโอฟเซ็ต (ET) ด้วย แนะนำให้ซื้อจากร้านมืออาชีพหรือช่องทางตัวแทนจำหน่ายแท้เพื่อความมั่นใจในความเข้ากันได้ อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงคือสภาพอากาศเมืองไทยที่ฝนชุก ควรเลือกวัสดุล้อที่ป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เช่น อลูมิเนียมอัลลอยด์ และเลือกลายดอกยางที่รีดน้ำได้มีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น
Q
Neta X รับรอง Apple CarPlay หรือไม่?
ตอนนี้รถรุ่น Neta X ที่วางขายในตลาดไทยมีการรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ในไทยได้สัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อในรถที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยสามารถใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานอย่างแผนที่หรือเพลงผ่านหน้าจอกลางรถได้เลย สำหรับสภาพอากาศในไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ฟังก์ชันการเชื่อมต่อแบบไร้สายของ Apple CarPlay จะช่วยลดปัญหาสายชาร์จเสื่อมสภาพจากความร้อน ส่วนระบบควบคุมด้วยเสียงก็เหมาะกับการใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ เพราะช่วยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ที่น่าสนใจคือรถบางรุ่นจากแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดไทยยังใช้ระบบ CarPlay แบบมีสาย ทำให้จุดเด่นของ Neta X ที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายดูน่าสนใจกว่า แถมยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android อีกด้วย ก่อนตัดสินใจซื้อ แนะนำให้ลองทดสอบระบบมัลติมีเดียในรถด้วยตัวเอง เพื่อเช็คความลื่นไหลและการทำงานร่วมกับบริการแผนที่ในไทย โดยเฉพาะการแสดงชื่อสถานที่แบบไทยและระบบแจ้งเตือนการจราจร เพราะปัจจุบันฟังก์ชันเชื่อมต่ออัจฉริยะแบบนี้กำลังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจรถ EV ในไทยซึ่งกำลังมาแรง
Q
ความกว้างของ Neta X คือเท่าไหร่?
รถ Neta X มีรุ่นย่อยให้เลือกหลายแบบ เช่น Neta X Comfort 2024 และ Neta X Smart 2024 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีความกว้างตัวรถที่ 1,860 มม. เท่ากัน ความกว้างของรถเป็นพารามิเตอร์สำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงในการขับขี่ การผ่านพ้นสิ่งกีดขวางบนถนน รวมถึงการจัดวางพื้นที่ภายในรถ รถที่มีความกว้างมากกว่าปกติมักจะให้พื้นที่ด้านข้างที่กว้างขวางกว่า ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่นั่งแถวหลังที่จะไม่รู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ความกว้างของตัวรถยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมรถขณะขับเคลื่อนอีกด้วย
Q
แรงดันลมยางของ Neta X ควรเติมเท่าไหร่?
ค่าลมยางมาตรฐานของ Neta X อยู่ที่ประมาณ 2.3 ถึง 2.5 บาร์ (ประมาณ 33 ถึง 36 psi) ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในเมืองและทางหลวงที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อน ลมยางจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติเมื่อขับขี่ ดังนั้นควรเติมลมในขณะยางเย็นตามค่ามาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและความนุ่มนวลในการขับขี่ หากต้องบรรทุกของหนักบ่อย หรือขับทางไกล แนะนำให้เพิ่มลมยางล้อหลังอีกประมาณ 0.1 ถึง 0.2 บาร์ แต่อย่าลืมตรวจสอบค่าที่แนะนำจากฉลากข้างประตูรถหรือฝาถังน้ำมันเป็นหลัก การตรวจสอบลมยางอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ควรเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้งด้วยเกจวัดลม เพราะอุณหภูมิที่สูงในไทยอาจทำให้แรงดันลมยางผันผวนได้ หากลมยางต่ำเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง แต่ถ้าลมยางสูงเกินไปจะลดการยึดเกาะถนนและเพิ่มระยะเบรก สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Neta X ลมยางยังมีผลต่อระยะทางที่สามารถขับได้ในแต่ละการชาร์จอีกด้วย การรักษาค่าลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงช่วยให้ประหยัดพลังงานและขับขี่ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Q
ยางของ Neta X ใช้ขนาดเท่าไหร่?
Neta X มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ซึ่งถือเป็นขนาดมาตรฐานในกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกลางในตลาดประเทศไทย ขนาดนี้สามารถให้ความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่และสมรรถนะการควบคุม เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายในไทย ทั้งในเมืองและนอกเมือง ล้อขนาด 19 นิ้วยังช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับรูปลักษณ์ของรถ และยังส่งผลดีต่อเสถียรภาพของตัวรถ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทยที่ถนนเปียกบ่อย การใช้ล้อขนาดใหญ่ร่วมกับยางที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มการยึดเกาะบนพื้นผิวเปียกได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้านอกจากจะดูเรื่องขนาดล้อแล้ว ยังควรพิจารณาประเภทของยาง เช่น ยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ (Low Rolling Resistance) เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น หรือยางที่มีร่องรีดน้ำดีเพื่อความปลอดภัยในฤดูฝน นอกจากนี้ วัสดุของล้อก็มีความสำคัญ ล้ออัลลอยที่ทำจากอะลูมิเนียมจะทนต่อการกัดกร่อนได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย และยังมีน้ำหนักเบา ช่วยลดการใช้พลังงาน หากผู้ใช้งานต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัว ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยนล้อจากศูนย์หรือชุดแต่งที่ถูกกฎหมายได้ แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายจราจรในประเทศไทย
Q
ความยาวของ Neta X คือเท่าไหร่?
รถ Neta X มีความยาว 4,619 มม. ซึ่งสำหรับรถรุ่นระดับ C อย่าง Neta X แล้ว ความยาวขนาดนี้ถือเป็นพื้นฐานที่ดีในการออกแบบพื้นที่ภายในรถ ความยาวตัวรถที่ 4,619 มม. ทำให้ผู้โดยสารโดยเฉพาะผู้ที่นั่งแถวหลังมีพื้นที่ขาที่กว้างขวาง นั่งสบายไม่รู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ยังช่วยให้การออกแบบภายนอกดูสมส่วนและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง Neta X ยังมีรุ่นย่อยอื่นๆ เช่น Neta X Comfort 2024 และ Neta X Smart 2024 ที่มีความยาวตัวรถเท่ากัน แต่แตกต่างกันในเรื่องความจุแบตเตอรี่และระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย

ข้อดี

ราคาประกอบด้วยคุณสมบัติที่ดีและได้รับรางวัลสองรางวัลในประเทศไทย
กำลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพการควบคุมที่แม่นยำ
ประสบการณ์ขับรถที่สบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทาง

ข้อเสีย

บริษัท NETA Auto ประเทศไทยประสบความสูญเสียและยอดขายลดลง
ความกังวลที่อาจเกิดขึ้นในด้านความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
การถอนออกจากตลาดบางแห่งทำให้ความกังวลเพิ่มขึ้น

Q&A ล่าสุด

Q
ยางของ Neta X มีขนาดและสเปกยังไงบ้าง?
รถ Neta X มีขนาดยางหน้าขนาด 225/60 R18 และยางหลังก็ขนาด 225/60 R18 เหมือนกัน โดยเลข "225" หมายถึงความกว้างของหน้ายางที่ 225 มิลลิเมตร ยิ่งตัวเลขมากแรงยึดเกาะก็จะดีขึ้น แต่ก็อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ส่วน "60" คืออัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างหน้ายางในหน่วยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวเลขนี้ให้ความนุ่มสบายขณะขับขี่ดี ส่วนตัวอักษร "R" หมายถึงยางเรเดียล และเลข "18" คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อที่ 18 นิ้ว สเปคยางเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับรถอย่างดี เพื่อให้มั่นใจในเรื่องความมั่นคงในการขับขี่ การควบคุม และความสบาย รวมถึงประสิทธิภาพอื่นๆ หากต้องการเปลี่ยนยางในภายหลัง ต้องเลือกขนาดยางตามสเปคนี้เท่านั้น ห้ามเปลี่ยนเองเพราะอาจทำให้ตรวจสภาพรถไม่ผ่านหรือเกิดอันตรายได้
Q
พื้นที่เก็บของหรือขนาดห้องเก็บสัมภาระของ Neta X มีเท่าไหร่?
Neta X มีความจุห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายอยู่ที่ 508 ลิตร ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเดินทางระยะสั้นของครอบครัว เช่น สามารถใส่ถุงช้อปปิ้งได้หลายใบ หรือจัดเก็บกระเป๋าเดินทางใบเล็ก กระเป๋าเป้ และของใช้จำเป็นในการท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก การออกแบบห้องเก็บของยังมีความเป็นระเบียบ ทำให้จัดวางสัมภาระได้ง่ายและใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ความจุระดับนี้นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
Q
ขนาดตัวถังของ Neta X เท่าไหร่?
Neta X เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดคอมแพกต์ โดยมีขนาดตัวถังยาว 4,619 มิลลิเมตร กว้าง 1,860 มิลลิเมตร และสูง 1,628 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,770 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ขับขี่ได้คล่องตัวบนถนนในเมืองของไทย ขณะเดียวกันก็ยังมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งในชีวิตประจำวันและการใช้งานในครอบครัว ระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) ของ Neta X อยู่ที่ 170 มิลลิเมตร ช่วยให้รองรับถนนที่ไม่ได้ลาดยางหรือถนนขรุขระในบางพื้นที่ของไทยได้ดี พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังสามารถขยายได้ถึง 1,388 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง รองรับการใช้งานทั้งการซื้อของหรือเดินทางระยะสั้นได้อย่างสะดวก ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย ระบบควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ใน Neta X มีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของแบตเตอรี่ ช่วยให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เมื่อรวมกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน สำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรติดขัดอย่างกรุงเทพฯ ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดของ Neta X ประกอบกับแรงบิดที่ตอบสนองทันใจของรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยให้การขับขี่ในสภาพจราจรที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยครั้งเป็นไปอย่างคล่องตัว นอกจากนี้ ระบบชาร์จพลังงานกลับ (Regenerative Braking) ยังช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งต่อการชาร์จอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ Neta X เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย
Q
ค่าเบี้ยประกันของ Neta X ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่?
ค่าเบี้ยประกันสำหรับรถ Neta X ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ราคาซื้อ แผนประกันที่เลือก และนโยบายของบริษัทประกัน โดยทั่วไปประกันรถในไทยแบ่งเป็นประกันชั้น 1 (ประกันเต็ม) และประกันชั้น 2 (ประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก) สำหรับประกันเต็มจะมีค่าเบี้ยประมาณ 3%-5% ของราคารถใหม่ สมมติว่ารุ่นเริ่มต้นของ Neta X ราคาประมาณ 1 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกันเต็มอาจอยู่ที่ 30,000-50,000 บาทต่อปี ส่วนประกันชั้น 2 จะถูกกว่า แนะนำให้ตรวจสอบราคาที่แน่นอนผ่านเว็บไซต์บริษัทประกันชั้นนำในไทยเช่น วิริยะ ธรรมภรณ์ หรือ MSIG โดยกรอกข้อมูลรถของคุณเพื่อขอใบเสนอราคา ปัจจุบันประกันรถไฟฟ้าในไทยมีความคุ้มครองเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า บางบริษัทอาจมีประกันกรณีเกิดเหตุระหว่างชาร์จไฟด้วย ควรตรวจสอบเงื่อนไขว่าครอบคลุมเรื่องเหล่านี้หรือไม่ นอกจากนี้กฎหมายไทยบังคับให้รถทุกคันต้องมีประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ป.ร.บ.) เป็นอย่างน้อย ซึ่งมีความคุ้มครองขั้นต่ำ 100,000 บาทต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต่อครั้ง เจ้าของรถยังสามารถเพิ่มความคุ้มครองการโจรกรรมหรือภัยธรรมชาติได้ตามต้องการ ค่าเบี้ยประกันยังได้รับผลจากอายุผู้ขับขี่ ประวัติการขับขี่ และสถานที่จอดรถ หากจอดในพื้นที่เสี่ยงเช่นกรุงเทพฯ อาจมีค่าเบี้ยเพิ่มขึ้น 10%-15%
Q
Neta X หนักเท่าไหร่?
รถ Neta X มีหลายรุ่นด้วยกัน โดยรุ่น Neta X Comfort 2024 มีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,745 กิโลกรัม ส่วนรุ่น Neta X Smart 2024 น้ำหนักจะมากกว่าคือ 1,815 กิโลกรัม น้ำหนักรถนี่แหละที่มีผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่หลายด้านเลย เช่นเรื่องความเร็วในการเร่ง ยิ่งรถหนักการเร่งก็จะช้าลง หรืออย่างการเบรกรถ ยิ่งรถหนักแรงเฉื่อยก็มากขึ้น ทำให้ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถมากขึ้นกว่าเดิม แถมน้ำหนักรถยังส่งผลต่อการกินพลังงานด้วย รถที่หนักกว่าย่อมต้องการพลังงานมากขึ้นในการขับเคลื่อน ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเป็นธรรมดา
ดูเพิ่มเติม