Q

สีของ Ford Ranger มีอะไรบ้าง คุณชอบสีไหน

ในตลาดไทยตอนนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์มีสีให้เลือกหลายเฉดเพื่อตอบโจทย์ความชอบของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสีอาร์กติกไวท์ (ขาวสโนว์) สีมีเทอร์เกรย์ (เทียมุก) สีบลูลายท์เทนนิ่ง (น้ำเงินลึก) สีแอบโซลูทแบล็ก (ดำเงา) สีเรซเรด (แดงสด) และสำหรับรุ่น Wildtrak/Raptor จะมีสีส้มสเปเชี่ยลกับสีคองเคอร์เกรย์ (เทาทราย) ส่วนตัวแล้วผมแนะนำสีมีเทอร์เกรย์ครับ โทนนี้ดูคลาสสิกไม่หวือหวาแต่ให้ความรู้สึกพรีเมียม แถมยังซ่อนฝุ่นได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศมีฝุ่นเยอะแบบไทยๆ และใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ถ้าชอบสไตล์สปอร์ตหน่อยก็ลองดูสีส้ม Wildtrak นะครับ สีจัดจ้านดูมีพลัง แถมยังโดดเด่นบนถนนด้วย แต่สุดท้ายแล้วการเลือกสีก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนครับ สีเข้มอย่างดำเงาดูธุรกิจกว่าแต่แสดงรอยขีดข่วนได้ง่าย ส่วนสีอ่อนอย่างขาวสโนว์ทนความร้อนและดูแลง่ายกว่า แนะนำให้ไปดูสีจริงที่โชว์รูมฟอร์ดใกล้บ้านคุณ แล้วลองคำนึงถึงการดูแลในระยะยาวก่อนตัดสินใจครับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A ล่าสุด

Q
Ford Ranger มีขนาดเท่าไหร่ ใหญ่แค่ไหน
Ford Ranger เป็นกระบะยอดนิยมในตลาดไทย มาพร้อมมิติตัวรถยาว 5,370 มม. กว้าง 1,918 มม. สูง 1,880 มม. และระยะฐานล้อ 3,270 มม. ขนาดกระบะหลังอยู่ที่ 1,458×1,584×529 มม. พร้อมระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 237 มม. ทำให้ Ranger มีความคล่องตัวในเมือง และสมรรถนะลุยทางขรุขระได้ดี ขนาดโดยรวมเมื่อเทียบกับ Isuzu D-MAX (5,265×1,870×1,850 มม.) จะใหญ่กว่าเล็กน้อย และระยะฐานล้อยาวกว่า 145 มม. เหมาะกับภูมิประเทศหลากหลายในไทยและรองรับงานบรรทุกได้ดี ถังน้ำมันขนาด 80 ลิตร กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.2 ลิตร ให้ระยะทางวิ่งไกลและแรงบิดสูง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและยางขนาด 265/65R17 ที่ช่วยเพิ่มการควบคุมการขับขี่ ขณะที่เมื่อเทียบกับ Ford F-150 Raptor (5,930×2,199×1,992 มม.) Ranger มีขนาดกะทัดรัดกว่าและเหมาะกับถนนแคบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า อีกทั้งยังมาพร้อมเบาะหนังเทียมและไฟหน้า LED รวมฟังก์ชันใช้งานจริงอย่างสมดุลระหว่างการบรรทุก ลุย และความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร
Q
ราคารถ Ford Ranger คือเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
Ford Ranger ในตลาดไทยมีช่วงราคาประมาณ 749,000 ถึง 1,499,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและเครื่องยนต์ รุ่นพื้นฐานเป็นรุ่น 2.0L XL กระบะตอนเดียว เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์ธรรมดา ราคาประมาณ 749,000 บาท เน้นความคุ้มค่า เหมาะสำหรับลูกค้าธุรกิจที่มีงบจำกัด รุ่นกลาง 2.0L XLT SuperCab เกียร์อัตโนมัติ ราคาอยู่ที่ประมาณ 999,000 บาท เพิ่มความสะดวกสบายด้วยพื้นที่โดยสารที่กว้างขึ้นและจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รุ่นท็อป 2.0L Wildtrak 4x4 เกียร์อัตโนมัติ ราคาสูงสุดราว 1,499,000 บาท มาพร้อมหลังคากระจก Panoramic จอใหญ่ 12 นิ้ว ระบบช่วยขับขั้นสูง และชุดแต่งออฟโรด เหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งความหรูหราและสมรรถนะ สำหรับรุ่นพิเศษอย่าง Raptor หรือรุ่นสีพิเศษ ราคาจะสูงขึ้นอีก แต่บางดีลเลอร์อาจมีโปรโมชันผ่อนชำระหรือส่วนลดเงินสด โดยเฉพาะช่วงปลายปีหรือตอนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ หากงบจำกัด ยังสามารถเลือกซื้อรถมือสองจากศูนย์รับรองที่มีอายุ 2-3 ปี โดยราคาจะถูกกว่ารถใหม่ประมาณ 30-40% แต่ควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเพื่อป้องกันปัญหาสภาพรถ นอกจากนี้ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ประกันภัย ค่าจดทะเบียน และภาษี ซึ่งภาษีรถกระบะในไทยอยู่ที่ประมาณ 3% ของราคารถ รวมแล้วจะมีผลต่อราคาสุทธิที่ลูกค้าต้องจ่าย
Q
Ford Ranger Specs คืออะไร นี่คือรายละเอียด specifications เต็มรูปแบบ
Ford Ranger ในตลาดไทยมีรุ่นเครื่องยนต์และฟังก์ชันหลากหลาย รุ่นยอดนิยม เช่น 2.0L Wildtrak และ 2.0L XL มีรายละเอียดสำคัญดังนี้ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ กำลัง 180-213 แรงม้า ขึ้นกับการจูน กำลังแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่นเริ่มต้นมีเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือก เหมาะกับภูมิประเทศและการบรรทุกของในไทย ตัวรถแบบแค็บคู่ ความยาว 5370 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3270 มิลลิเมตร กระบะบรรจุของได้ประมาณ 1.5 ลูกบาศก์เมตร น้ำหนักบรรทุกสูงสุดประมาณ 1 ตัน รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมีระบบแยกกำลังไฟฟ้า 4H/4L และล็อกดิฟเฟอเรนเชียล ออกแบบสำหรับการลุยภูเขาและเส้นทางโคลนในไทย รุ่น Wildtrak ระดับสูงติดตั้งจอสัมผัสกลาง 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย กล้อง 360 องศา ระบบครูซคอนโทรลปรับตามระยะ และระบบช่วยควบคุมรถในเลน รุ่นพื้นฐาน XL เน้นใช้งานจริง พร้อมแอร์ธรรมดาและจอ 8 นิ้ว ระบบความปลอดภัยครบทั้งถุงลม 7 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP และระบบช่วยลงทางลาดชัน แนะนำให้ผู้ใช้ Ford Ranger ในไทยเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรที่ขายดีในประเทศ เนื่องจากประหยัดน้ำมันประมาณ 10-12 กิโลเมตรต่อลิตร หากขับในเมืองบ่อยควรติดตามรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่จะออกมาในอนาคต ต้นทุนการบำรุงรักษาสูงกว่ารถกระบะญี่ปุ่นเล็กน้อย แต่มีศูนย์บริการครอบคลุมและอะไหล่พร้อม ใช้เวลาทดลองขับและเปรียบเทียบกับรถระดับเดียวกัน เช่น Toyota Hilux หรือ Isuzu D-MAX เพื่อเลือกสเปกที่เหมาะสมตามงบประมาณและความต้องการ
Q
ข้อเสียของ Toyota Veloz คืออะไร
Toyota Veloz ในฐานะ MPV ขนาดเล็กสำหรับครอบครัวในตลาดไทย มีจุดเด่นด้านความใช้งานจริงอย่างชัดเจน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ แม้จะใช้เบาะ 2+3+2 แบบ 7 ที่นั่ง แต่ด้วยความยาวฐานล้อ 2750 มิลลิเมตรและความยาวตัวรถ 4475 มิลลิเมตร พื้นที่วางขาในแถวสามค่อนข้างจำกัด ผู้ใหญ่เมื่อนั่งเต็มจำนวนในระยะทางไกลอาจไม่สะดวกสบาย เหมาะกับการเดินทางระยะสั้นหรือเด็กนั่งมากกว่า ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมดา ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า แรงบิด 136 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ในสภาพอากาศร้อนและเปิดแอร์พร้อมไต่เขา อาจพบว่ากำลังสำรองไม่เพียงพอ เกียร์ 4 สปีดรุ่นเก่าทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขณะขับทางไกล ส่งผลต่อความประหยัดน้ำมันและเสียงรบกวนทั่วไป โดยทั่วไป MPV เครื่องยนต์เล็กมักมีข้อจำกัดระหว่างกำลังและพื้นที่ใช้งาน Veloz จึงเน้นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จุดแข็งคือเบาะ 7 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน อัตราสิ้นเปลืองต่ำเพียง 6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และระบบบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ของโตโยต้า เหมาะกับครอบครัวที่ใช้ในเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ หากต้องการกำลังแรงขึ้น แนะนำพิจารณารุ่นที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดซึ่งผสานความประหยัดน้ำมันกับการตอบสนองกำลังได้ดีกว่า
Q
Toyota Veloz อยู่ในกลุ่มไหน
Toyota Veloz ในตลาดไทยอยู่ในกลุ่ม MPV ขนาดกะทัดรัด เน้นความใช้งานได้จริงสำหรับครอบครัวและความประหยัด ด้วยการออกแบบที่ผสมผสานข้อดีของพื้นที่กว้างในสไตล์ MPV กับความสูงใต้ท้องรถแบบ SUV ถึง 190 มิลลิเมตร จึงเหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในประเทศไทย รุ่นนี้ใช้เบาะ 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถวสามพับเก็บเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 408 ลิตร พร้อมระบบชาร์จไร้สาย การเชื่อมต่อ CarPlay และ Android Auto รวมถึงระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ที่มีฟังก์ชันครูสคอนโทรลแบบปรับความเร็วอัตโนมัติและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ ในตลาดไทย Veloz มีคู่แข่งสำคัญอย่าง Honda BR-V และ Mitsubishi Xpander โดยมีการตั้งราคาที่เหมาะสมกับครอบครัวไทยที่ต้องการรถที่มีพื้นที่กว้าง คุ้มค่าในการใช้งานและค่าดูแลรักษาต่ำ พร้อมระบบขับเคลื่อนที่ประหยัดน้ำมันและช่วงล่างที่ออกแบบมาให้รองรับถนนช่วงฤดูฝนหรือถนนที่ยังไม่ลาดยาง จึงได้รับความนิยมทั้งในเมืองและชนบทของไทย
ดูเพิ่มเติม