Q

เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน BMW M2 ปี 2025?

รุ่น BMW M2 ปี 2025 ยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส S58 ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง Twin-Turbo ที่ผ่านการปรับแต่งมาอย่างดี เครื่องยนต์สมรรถนะสูงนี้คาดว่าจะให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 453 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทรงพลังและแม่นยำ สำหรับตลาดไทยแล้ว ลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงในรอบสูงเหมาะอย่างยิ่งกับถนนภูเขาคดเคี้ยวและทางด่วนในเมือง โดยเฉพาะแรงบิดสูงที่รอบต่ำซึ่งช่วยให้ขับเคลื่อนในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯหรือเส้นทางขึ้นเขาที่เชียงใหม่ได้อย่างสบายๆ พูดถึงจุดเด่น เครื่องยนต์ S58 นี้มาพร้อมเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนและระบบฉีดเชื้อเพลิงรุ่นล่าสุดจาก BMW ที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างเสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย สำหรับคอรถไทยแล้ว เครื่องยนต์นี้ไม่เพียงเป็นตัวแทนของความสนุกในการขับขี่แบบแท้ๆ ของซีรีย์ M เท่านั้น แต่ดีไซน์แบบโมดูลาร์ยังช่วยให้ดูแลรักษาได้ง่าย โดยศูนย์บริการ BMW ที่ได้รับอนุญาตในไทยสามารถให้การสนับสนุนได้อย่างมืออาชีพ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน เครื่องยนต์นี้ยังคงความสมดุลระหว่างการตอบสนองกำลังขับและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดี เหมาะสุดๆ สำหรับคนไทยที่มองหาความมันส์ในการขับขี่แต่ก็ยังคำนึงถึงความประหยัดในชีวิตประจำวัน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ราคา BMW M2 Coupe เท่าไหร่?
ราคา BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาสุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับสเปค ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย แนะนำให้ติดต่อศูนย์ BMW ใกล้บ้านเพื่อขอราคาอัปเดตแบบเจาะจงได้เลย สำหรับ M2 Coupe เป็นคูเป้สปอร์ตคอมแพคที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 410 แรงม้า แถมยังเลือกได้ว่าจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.2 วินาที ถือว่าเหมาะกับทั้งขับในเมืองและลัดเลาะเส้นทางภูเขาในไทย แต่ต้องระวังเรื่องภาษีนำเข้า (ทั้งภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต) ที่อาจทำให้ราคาสูงขึ้นอีก ซึ่ง BMW ประเทศไทยมักมีโปรโมชั่นผ่อนซื้อหรือบริการรับประกันระยะยาวเพื่อช่วยลดภาระ ส่วนถ้าใครกำลังมองหารุ่นแข่งก็อาจดู Mercedes-AMG A45 S หรือ Audi RS3 แต่จุดเด่นของ M2 Coupe คือระบบขับเคลื่อนล้อหลังและการกระจายน้ำหนัก 50:50 ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตเฉพาะตัว แถมระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีในอากาศร้อนของไทย มั่นใจได้เรื่องความทนทานในระยะยาว
Q
"M2 coupe ราคาเท่าไหร่?"
ราคารถ BMW M2 Coupe ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 - 5.5 ล้านบาท โดยราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสเปก ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทน BMW โดยตรงเพื่อขอราคาที่อัปเดตที่สุด รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดถึง 453 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ทวินคลัตช์ 7 สปีดหรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่โดดเด่นในเรื่องการควบคุม ทำให้เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา ของไทย แต่ผู้ซื้อต้องคำนึงถึงค่าภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และค่าจดทะเบียนซึ่งจะส่งผลต่อราคาสุดท้ายอย่างมาก ส่วนนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์อีโคคาร์ของรัฐบาลไทยนั้น M2 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอาจไม่ได้รับสิทธิ์นี้ ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้เลือกออปชั่นระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน M2 Coupe ได้รับความนิยมในหมู่คนรักรถไทยด้วยขนาดกระทัดรัดและการควบคุมที่แม่นยำ แต่ค่าดูแลรักษาค่อนข้างสูง ต้องใช้น้ำมันเครื่องและอะไหล่คุณภาพดีเป็นประจำ
Q
รุ่นใหม่ของ BMW 2 Series ปี 2025 คืออะไร?
รถยนต์ BMW 2 ซีรี่ย์รุ่นปี 2025 เป็นรุ่นล่าสุดจาก BMW ที่ออกแบบมาในคอนเซปต์รถหรูขนาดกะทัดรัด แนวสปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีครบครัน สำหรับตลาดไทยคาดว่าจะมีให้เลือก 2 รุ่นเครื่องยนต์ คือ 220i และ 220d ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นมาตรฐาน (บางรุ่นมีตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive) การออกแบบกระจังหน้าไตคู่แบบคลาสสิก BMW แต่เพิ่มความลึกและมิติให้ดูโมเดิร์นขึ้น ระบบระบายความร้อนได้รับการออกแบบพิเศษให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในไทย ส่วนภายในตกแต่งด้วยหน้าจอคู่วงโค้งสุดล้ำพร้อมระบบ iDrive 8.5 ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย พิเศษสำหรับรุ่นไทยยังเพิ่มประสิทธิภาพระบบแอร์สำหรับสภาพอากาศร้อนและติดตั้งระบบระบายอากาศบนเบาะนั่งเป็นมาตรฐาน ส่วนรุ่นที่ประกอบในไทยอาจได้รับสิทธิ์ลดภาษีนำเข้า รถรุ่นนี้จะมาแข่งตัวฉกาจกับ Mercedes CLA และ Audi A3 ในตลาดรถหรูขนาดเล็ก โดยขนาดตัวที่กะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในกรุงเทพฯ แต่ยังต้องรอประกาศราคาอย่างเป็นทางการจาก BMW ประเทศไทย แนะนำให้ติดตามข่าวสารจากผู้จัดจำหน่ายเพื่อทดลองขับ
Q
“BMW M2 มีมูลค่าคงที่หรือไม่?”
ในตลาดไทย BMW M2 ในฐานะรถคูเป้สมรรถนะสูงขนาดกะทัดรัด มีอัตราการรักษามูลค่ารถค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์ นโยบายการผลิตแบบจำกัดจำนวน และความต้องการในตลาดรถสมรรถนะสูงโดยเฉพาะ เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบแบบเรียงติดเทอร์โบของ M2 รวมถึงประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้รถรุ่นนี้ยังคงเป็นที่สนใจในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อและกลุ่มผู้ที่หลงใหลในรถยนต์ อัตราภาษีนำเข้ารถที่ค่อนข้างสูงของประเทศไทยส่งผลให้ราคารถใหม่ของ M2 สูงตามไปด้วย ซึ่งช่วยพยุงราคารถมือสองให้อยู่ในระดับดี โดยทั่วไปแล้วรถอายุ 3 ปียังสามารถรักษามูลค่าไว้ได้ประมาณ 60-70% ซึ่งดีกว่ารถครอบครัวทั่วไป อย่างไรก็ตาม อัตราการรักษามูลค่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพรถจริง ออปชั่นที่ติดตั้งมา และการรับบริการจากศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของแบรนด์ สำหรับผู้บริโภคไทยที่วางแผนจะขายรถหลังจากใช้งานในระยะสั้น แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีสีสันโดดเด่น (เช่น สี Long Beach Blue) และรุ่นเกียร์ธรรมดา เพราะคอนฟิกเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดรถมือสองในประเทศไทย นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทยส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างมาก ดังนั้นประวัติการบริการอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มมูลค่าการขายต่อได้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน M2 ที่มีแนวคิดการออกแบบเน้นการขับขี่อย่างแท้จริง มักจะมีอัตราการรักษามูลค่าได้ดีกว่ารถหรูทั่วไป แต่จะน้อยกว่ารถซูเปอร์คาร์รุ่นพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัด
Q
รถ M2 รุ่นปี 2025 มีเฉพาะเกียร์ธรรมดาเท่านั้นหรือเปล่า?
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น BMW M2 ปี 2025 ที่มีคำถามว่าจะมีเฉพาะเกียร์ธรรมดาหรือไม่ ตอนนี้ข้อมูลทางการแสดงว่า รุ่นนี้ยังคงมีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ (8-speed Steptronic) ให้เลือก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในตลาดไทย แม้ว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาจะให้ความรู้สึกการขับขี่ที่สนุกและเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพการจราจรที่ติดขัดบ่อยในเมืองอย่างกรุงเทพฯ รุ่นเกียร์อัตโนมัติอาจจะสะดวกกว่าในการใช้งานประจำวัน BMW M2 เป็นรถคูเป้สมรรถนะสูงขนาดกะทัดรัด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบแบบเรียง แรงบิดสูงและควบคุมง่าย เหมาะมากกับถนนคดเคี้ยวในพื้นที่อย่างเชียงใหม่ เช่นเขตแม่ริม ในขณะที่ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดก็ทำให้ขับเคลื่อนในเมืองที่การจราจรหนาแน่นได้ง่ายขึ้น ข้อสังเกตสำคัญคือ ตลาดไทยมีความต้องการรถสมรรถนะสูงเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ผู้บริโภคมักจะคำนึงถึงประหยัดน้ำมันและความเหมาะสมในการใช้งานด้วย ดังนั้นแนะนำให้ผู้ซื้อพิจารณาจากลักษณะการขับขี่และสภาพการใช้งานเป็นหลัก ถ้าหากต้องขับทางไกลบ่อยหรือเน้นการขับบนสนามแข่ง เกียร์ธรรมดาก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าใช้ในเมืองเป็นหลัก เกียร์อัตโนมัติจะสะดวกกว่า
Q
ค่างวดรายเดือนสำหรับ BMW M2 อยู่ที่เท่าไหร่?
การผ่อนรายเดือนสำหรับรถ BMW M2 ในประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ราคารถ เงินดาวน์ ระยะเวลาผ่อน และอัตราดอกเบี้ย โดยในปัจจุบันถ้าอ้างอิงจากราคาตลาดไทยแบบคร่าวๆ ราคารถจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านบาท (ราคาจริงต้องตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายอีกที) ถ้าจ่ายดาวน์ 30% ผ่อน 5 ปี (60 เดือน) ดอกเบี้ยประมาณ 2.5%-3.5% (ตามอัตราดอกเบี้ยรถยนต์ของธนาคารชั้นนำในไทย) เงินผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 55,000-65,000 บาท แต่เพื่อความแม่นยำแนะนำให้สอบถามตัวแทน BMW หรือธนาคารที่ร่วมรายการโดยตรง อีกอย่างที่ต้องรู้ไว้คือ การผ่อนรถหรูในไทยมักจะมีแผนการผ่อนแบบยืดหยุ่น เช่น แบบเริ่มผ่อนน้อยแล้วเพิ่มขึ้นทีหลัง หรือแบบบอลลูน ซึ่งอาจทำให้เงินผ่อนต่อเดือนต่างจากที่คำนวณไว้ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องคิดรวมด้วย เช่น ประกันภัย (ส่วนใหญ่บังคับทำปีแรกแบบเต็ม) ค่าจดทะเบียน และภาษีซื้อรถ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินหลายๆ แห่ง ส่วนเรื่องภาษี รถ BMW M2 เป็นรุ่นสปอร์ตใช้เชื้อเพลิงปกติ ก็เลยไม่ได้รับสิทธิลดภาษีเหมือนรถพลังงานสะอาด แต่ถ้าใครงบน้อยอาจจะมองตัวเลือกรถมือสองที่ผ่านการรับรองจาก BMW ก็ได้ เพราะราคาถูกกว่าและยังผ่อนได้ แถมเงินผ่อนต่อเดือนก็เบาลงด้วย
Q
“ฉันควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของ BMW M2 บ่อยแค่ไหน?”
สำหรับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง BMW M2 แนะนำให้ปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษาของทางรถยนต์ซึ่งแนะนำให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าเงื่อนไขใดมาถึงก่อน ในประเทศไทยที่อากาศร้อนและการจราจรติดขัดบ่อยๆ อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ถ้าคุณขับแบบสปอร์ตบ่อยหรือขับระยะสั้นเป็นประจำ อาจพิจารณาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วขึ้นที่ทุก 8,000 กิโลเมตร พร้อมทั้งเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรที่ผ่านการรับรอง BMW Longlife-01 หรือ 04 เพื่อความมั่นใจในประสิทธิภาพการปกป้องเครื่องยนต์ในอุณหภูมิสูง ในไทยมีศูนย์บริการอย่าง Bavaria Group ที่ให้บริการแพ็คเกจบำรุงรักษาตามมาตรฐานโรงงาน แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำเพราะเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จประสิทธิภาพสูงต้องการการหล่อลื่นที่สมบูรณ์แบบ และอย่าลืมว่าสภาพอากาศชื้นในช่วงฤดูฝนของไทยอาจทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ระหว่างการบำรุงรักษาควรตรวจสอบไส้กรองอากาศไปด้วยเพราะฝุ่นในไทยค่อนข้างมากซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ การกำหนดระยะการบำรุงรักษาที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์แต่ยังช่วยให้รถแสดงสมรรถนะที่เสถียรในสนามแข่งหรือการขับขี่แบบสปอร์ตอีกด้วย
Q
"การกำหนดค่าสำหรับ 2025 M2 มีอะไรบ้าง"
รุ่น BMW M2 ปี 2025 ที่จะวางจำหน่ายในตลาดไทยคาดว่าจะมีให้เลือก 3 ระดับการจัดแต่งหลัก ได้แก่ ระดับพื้นฐาน ระดับกลาง และระดับสูงสุด โดยรุ่นพื้นฐานจะมาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบแบบเรียงแถวเทอร์โบชาร์จ (ให้กำลังประมาณ 453 แรงม้า) เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบช่วงล่างปรับได้ และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว เหมาะสำหรับการขับขี่ทั่วไปและความสนุกระดับเบื้องต้น ส่วนรุ่นระดับกลางจะเพิ่มเติมจากรุ่นพื้นฐานด้วยระบบดิฟเฟอเรนเชียลสปอร์ต M หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ ระบบเสียง Harman Kardon และระบบเบรกขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมันส์ในการขับขี่มากขึ้น ส่วนรุ่นสูงสุดจะเพิ่มเติมด้วยชุด M Competition ซึ่งรวมถึงระบบช่วงล่างที่ตั้งค่าเฉพาะ ล้อ forged ขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารหุ้มหนังแท้ และระบบช่วยผู้ขับขี่อัจฉริยะ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับบนสนามแข่ง สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้เลือกเพิ่มระบบระบายอากาศบนเบาะและระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ตลาดไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนเฉพาะเช่นพวงมาลัยด้านขวาและระบบควบคุมมลพิษที่สอดคล้องกับกฎหมายท้องถิ่น ด้วยขนาดตัวถังที่กะทัดรัดและการขับเคลื่อนล้อหลัง BMW M2 นั้นเหมาะกับสภาพถนนไทยที่มีทางคดเคี้ยวแคบๆ แต่ควรระวังเรื่องการยึดเกาะของยางสปอร์ตในช่วงฤดูฝน แนะนำให้เลือกยาง 24/7 ตามความต้องการที่แท้จริง หากจำเป็นต้องขับขี่ในสภาพถนนหลากหลาย
Q
รถ BMW M2 รุ่นปี 2025 ถูกผลิตที่ไหน?
รถสปอร์ต BMW M2 รุ่นปี 2025 จะเริ่มผลิตที่โรงงานในเมือง San Luis Potosi ประเทศเม็กซิโก ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านระบบควบคุมคุณภาพระดับสูงตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา โดยเคยผลิตรถรุ่นอื่นๆ อย่าง BMW 3 ซีรีส์มาก่อน สำหรับคนไทยที่รักความเร็ว รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ S58 3.0T แบบ 6 สูบเรียง ที่ให้กำลังสูงถึง 457 แรงม้า จะถูกนำเข้าโดยผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดเพียง 4,580 มม. และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้ขับเคลื่อนในซอยแคบๆในกรุงเทพฯได้คล่องตัว แถมยังแรงพอจะโจ๋งครึ่มบนถนนคดเคี้ยวอย่างเส้นทางเชียงใหม่-ปายได้สบายๆ ที่น่าสนใจคือตลาดไทยกำลังนิยมรถสปอร์ตขนาดกะทัดรัดมากขึ้นเรื่อยๆ BMW M2 2025 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive (แต่เลือกได้ว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง) ที่ช่วยให้ขับลื่นๆในช่วงฤดูฝน ส่วนหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยลดการใช้แอร์ในอากาศร้อนๆของไทย แถมผู้จัดจำหน่ายในไทยยังให้บริการประกันยาว 5 ปีหรือ 100,000 กม. พร้อมบริการฟรีตลอดระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับคนไทยที่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในระยะยาว
Q
BMW M2 CS 2025 มีสีอะไรบ้าง?
รุ่น BMW M2 CS 2025 มีตัวเลือกสีสันที่ดึงดูดใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสี Alpine White สุดคลาสสิก สี Sapphire Black ที่ดูหรู สี Brooklyn Grey ที่เท่ไม่ซ้ำใคร หรือสี Sao Paulo Yellow ที่สดใส ซึ่งสีเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อน DNA แห่งความสปอร์ตของ M2 CS แต่ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยทั้งในแง่ของการมองเห็นและการบำรุงรักษา ในประเทศไทยที่แสงแดดแรงมาก เจ้าของรถหลายคนมักเลือกสีเข้มหรือสีเมทัลลิก เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันรังสียูวีได้ดีแล้ว ยังช่วยให้ฝุ่นไม่เกาะเห็นชัดอีกด้วย BMW ใช้เทคโนโลยีสีคุณภาพสูงแบบ Water-based พร้อมนาโนโค้ทติ้ง ที่แม้อยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นก็ยังคงความเงางามและทนทานได้ยาวนาน นอกจากนี้ M2 CS ในฐานะรถสมรรถนะสูง ยังมีการเลือกสีที่สื่อถึงเลือดนักแข่ง เช่น สี Sao Paulo Yellow ที่เคยเป็นสีเอกลักษณ์ของรถแข่งซีรี่ส์ M ของ BMW เหมาะสุดๆ สำหรับวัยรุ่นไทยที่ชอบความแตกต่าง ถ้าคุณกำลังคิดจะซื้อ M2 CS ในไทย แนะนำให้เลือกสีเมทัลลิกหรือสีพิเศษ เพราะนอกจากจะเพิ่มความสะดุดตาแล้ว ยังเหมาะกับสภาพอากาศของเราอีกด้วย

ข้อดี

ภายในรถแสดงความรู้สึกทางกีฬา โดยใช้ M Sport พวงมาลัย ที่นั่งทำจากหนังและสีที่เฉพาะเจาะจง
ภายนอกมีลักษณะที่แข็งแกร่งและสปอร์ต มีชุด M และใช้การออกแบบที่ลดน้ำหนักและปรับปรุงการไหลของอากาศในหลายส่วน
มีพลังงานที่แข็งแกร่ง สูงสุด 450 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 280 กิโลเมตร/ชั่วโมง การเร่ง 0-100 กิโลใช้เวลาเพียง 4 วินาที
ชุดของชานจมูกที่ยอดเยี่ยม M Adaptive อาจปรับอัตโนมัติ การขับขี่ที่ความเร็วสูงเสถียร การควบคุมการเลี้ยวเรียบร้อย

ข้อเสีย

พื้นที่ภายในรถค่อนข้างเล็ก โดยเฉพาะที่นั่งด้านหลัง ผู้โดยสารที่สูง 180 เซนติเมตรอาจรู้สึกไม่สบายในการเดินทางระยะไกล
ราคาสูงถึง 6999000 บาท ซึ่งค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับขนาดรถ
ค่าอะไหล่และบริการบำรุงรักษาราคาแรง ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาททุกครั้งที่บำรุงรักษา
การใช้น้ำมันมาก ขับขี่ปกติต่อร้อยกิโลเมตร 8.5 ลิตร ขับขี่ที่กระตุกต่อร้อยกิโลเมตร 7 ลิตร

Q&A ล่าสุด

Q
Audi TT รุ่นไหนหายากที่สุด?
ในตลาดประเทศไทย รุ่นที่หายากที่สุดของ Audi TTคงหนีไม่พ้น Audi TT RS Clubsport Turbo คอนเซปต์คาร์ ที่เปิดตัวแบบลิมิเต็ดเอดิชันในปี 2016 ด้วยจำนวนการผลิตแค่ 1 คันทั่วโลก รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ 2.5T 5 สูบ ให้กำลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า พร้อมด้วยการออกแบบภายนอกที่ดุดันและการตั้งค่าแบบสปอร์ตเพื่อการแข่ง แม้จะไม่ได้ผลิตจริงแต่ก็ถือเป็นสุดยอดของสมรรถนะในตระกูล TT นอกจากนี้ยังมีรุ่น TT RS Plus แบบลิมิเต็ดเอดิชันที่นำเข้าไทยซึ่งหายากไม่แพ้กัน โดยรุ่นนี้เปิดตัวในปี 2012 ด้วยจำนวนจำกัด พร้อมเครื่องยนต์อัพเกรด 360 แรงม้าและสีสเปเชียลแบบด้าน สำหรับแฟนรถไทยแล้ว รุ่นพิเศษเหล่านี้ถือเป็นของมีค่ามาก เพราะสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยทำให้การดูแลรักษารถเก่าทำได้ยาก รถที่ยังคงสภาพดีจึงหายากยิ่ง สำหรับ Audi TT ในไทยจัดเป็นสปอร์ตคาร์เฉพาะกลุ่ม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ของ Audi TT นั้นเหมาะกับถนนลื่นช่วงฤดูฝนของไทย ขณะที่ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดก็ช่วยให้ขับเคลื่อนในซอยแคบๆกรุงเทพฯ ได้สะดวก อย่างไรก็ดี ราคาขายใหม่ที่สูงและค่าบำรุงรักษาที่แพงทำให้ Audi TT ทุกรุ่นในไทยมีจำนวนไม่มาก ส่งผลให้รุ่นพิเศษเหล่านี้มีมูลค่าการสะสมสูงขึ้นตามไปด้วย
Q
Audi TT 3.2 V6 มีสายพานไทม์มิ่งหรือโซ่ไทม์มิ่ง?
Audi TT 3.2 V6 ใช้ระบบไทม์มิ่งเชนแทนสายพาน ซึ่งดีกว่าในเรื่องความทนทานและประหยัดค่าบำรุงรักษา เพราะปกติแล้วไทม์มิ่งเชนไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยเหมือนสายพาน ทฤษฎีสามารถใช้งานไปได้ตลอดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ แต่ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบความตึงของเชนและรางเกลียวเป็นประจำ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมั่นคง แม้ว่าไทม์มิ่งเชนจะช่วยลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนสายพานทุก 6-8 หมื่นกิโลเมตร แต่คนไทยควรระวังเรื่องน้ำมันเครื่องต้องได้มาตรฐาน VW 502 00/505 00 เพราะอากาศร้อนแบบไท ทำให้คุณภาพน้ำมันเครื่องเสื่อมเร็ว การหล่อลื่นที่ดีมีความสำคัญมากต่อระบบเชน ข้อสังเกตอีกอย่างคือเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร VR6 นี้ยังใช้ในรถอย่าง Golf R32 และ Passat R36 ซึ่งพบได้บ่อยในตลาดมือสองไทย การออกแบบมุมแคบของเครื่องช่วยประหยัดพื้นที่ในขณะที่ยังคงความลื่นไหลของเครื่อง V6 ทำให้เหมาะกับถนนเมืองไทยที่คับแคบ แต่ถ้าจะซื้อ TT 3.2 มือสองแนะนำให้ตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ให้ดี เพราะการซ่อมเครื่อง VR6 ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญและเครื่องมือเฉพาะทาง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากถ้าไปซ่อมนอกศูนย์บริการอย่างเป็นทางการในไทย
Q
Audi TT รุ่นไหนทรงพลังที่สุด?
Audi TT รุ่นที่ทรงพลังที่สุดคือ Audi TT RS Coupe ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 5 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดถึง 400 แรงม้า แรงบิดพีค 480 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 7 จังหวะ S tronic แบบคลัตช์คู่และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่ช่วยให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที แสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยม สำหรับตลาดไทย รุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบรถสปอร์ตขนาดกะทัดรัดแต่ทรงพลัง ทั้งการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ หรือเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขาที่เชียงใหม่ ก็ให้ความสนุกได้เต็มที่ อีกทั้ง Audi TT RS ยังติดตั้งระบบช่วงล่างสปอร์ตและระบบพวงมาลัยแบบไดนามิก ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุม ยิ่งไปกว่านั้น แม้อากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จบ้าง แต่ระบบระบายความร้อนของ Audi ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้ดีแม้ในสภาพนี้ ทำให้รถยังคงความเสถียรแม้อุณหภูมิสูง สำหรับคนไทยที่มีงบประมาณพร้อมและต้องการความมันส์ในการขับขี่ TT RS นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากสมรรถนะที่แรงแล้ว ยังคงความประณีตและความหรูหราสไตล์ Audi ไว้อย่างครบถ้วน
Q
อะไหล่ของ Audi TT มีราคาแพงไหม?
Audi TT ในฐานะรถสปอร์ตนำเข้าเฉพาะกลุ่มในตลาดไทย ชิ้นส่วนอะไหล่ย่อมมีราคาสูงกว่ารถครอบครัวทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยหลักๆ ก่อนอื่น TT ใช้ชิ้นส่วนสปอร์ตเฉพาะของ Audi เป็นจำนวนมาก (เช่นชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ชมสปริงสปอร์ต ฯลฯ) ที่มีการออกแบบซับซ้อนกว่ารถทั่วไป ประการต่อมา ผู้จัดจำหน่ายในไทยมีสต็อกอะไหล่จำกัด บางส่วนต้องสั่งตรงจากโรงงานในเยอรมนี ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านลอจิสติกส์และระยะเวลารอนานขึ้น และที่สำคัญ ไทยมีการเก็บภาษีนำเข้าอะไหล่รถยนต์ในอัตราค่อนข้างสูง (ประมาณ 30%-80%) ถ้าพูดเป็นตัวเลขชัดเจน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองอาจอยู่ที่ 5,000-7,000 บาท แต่ชิ้นส่วนสำคัญอย่างชุดไฟหน้าทั้งคู่ราคาอาจพุ่งไปถึง 1.5 แสนบาทขึ้นไป สำหรับเจ้าของ TT ในไทยที่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย แนะนำ 3 วิธี หนึ่ง-เลือกใช้อะไหล่มือสองที่ผ่านการรับรองจาก Audi (มีร้านเฉพาะทางในตลาดนัดจตุจักร) สอง-ซื้อแพ็คเกจบริการจากศูนย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับส่วนลด สาม-ทำประกันขยายความคุ้มครองจากศูนย์เพื่อครอบคลุมค่าการซ่อมบำรุงสูงๆ อีกเรื่องที่ต้องเน้นคือสภาพอากาศร้อนๆ ของไทยส่งผลต่ออายุการใช้งานของส่วนยาง (เช่นซีลประตู) และระบบระบายความร้อนค่อนข้างมาก ควรตรวจเช็คถี่ขึ้นเป็นทุก 1 หมื่นกิโลเมตร การบำรุงรักษาเชิงป้องกันแบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าเปลี่ยนอะไหล่แพงๆ ในระยะยาว
Q
ทำไม Audi TT ถึงได้ชื่อว่า "TT"?
ชื่อของ Audi TT มาจากคำย่อของการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ "Tourist Trophy" หรือที่เรียกกันว่า "ทัวริสต์ โทรฟี" ซึ่งเป็นการแข่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องความท้าทายและมีประวัติศาสตร์ยาวนานบนเกาะแมนของอังกฤษ การที่ Audi เลือกใช้ชื่อนี้ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติกับการแข่งขันดังกล่าว และยังสะท้อนถึงดีเอ็นเอด้านสปอร์ตของรถรุ่น TT ด้วย ตอนที่รถคอนเซปต์ TT เปิดตัวครั้งแรกในงาน Frankfurt Motor Show ปี 1995 ด้วยดีไซน์เรียบกลมและสปิริตสปอร์ตที่ดึงดูดความสนใจได้มากมาย พอถึงรุ่นผลิตจริงก็ยังคงดีไซน์นี้ไว้จนกลายเป็นรถที่ดูออกทันทีว่าเป็น Audi สำหรับตลาดไทยแล้ว Audi TT เป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่และคอรถด้วยขนาดตัวที่กระทัดรัดเหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่ช่วยให้ขับลื่นไหลแม้ในหน้าฝน TT พัฒนามาแล้วสามรุ่น แต่ละรุ่นล้วนอัพเกรดทั้งดีไซน์และเทคโนโลยี เช่น รุ่นล่าสุดอย่าง TT RS ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.5T ห้าสูบให้กำลังสูงถึง 400 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที แสดงให้เห็นความสามารถของ Audi ในวงการรถสปอร์ต สำหรับคนไทยแล้ว TT ไม่ใช่แค่รถสปอร์ตสไตล์โดดเด่น แต่ยังเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณสปอร์ตจาก Audi ด้วย
ดูเพิ่มเติม