Q

ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ Zeekr X คือเท่าไร ดูแนวคิดได้ที่นี่

รถไฟฟ้า Zeekr X ในฐานะ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ มีจุดเด่นเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ถูกกว่าการใช้รถน้ำมันแบบเดิมๆ ในประเทศไทย สาเหตุหลักเพราะโครงสร้างรถไฟฟ้าทำงานง่ายกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันเกียร์เหมือนรถทั่วไป จากประสบการณ์ของรถไฟฟ้าในตลาดไทย ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาพื้นฐานต่อปีของ Zeekr X (รวมการตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ การเปลี่ยนไส้กรองแอร์ และการตรวจสอบน้ำมันเบรก) จะอยู่ที่ประมาณ 5,000-8,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางการขับขี่และนโยบายราคาของศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ ที่น่าสนใจคือ รัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้าทั้งเรื่องภาษีและนโยบายอื่นๆ ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เช่น สถานีชาร์จบางแห่งให้บริการฟรีหรือลดราคาค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ระบบเบรกของรถไฟฟ้ายังสึกหรอน้อยกว่าด้วยเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน ทำให้อายุการใช้งานผ้าเบรกยาวนานกว่ารถน้ำมันถึง 50% แนะนำให้เจ้าของรถในไทยเลือกใช้บริการที่ศูนย์บริการของแบรนด์เพื่อรักษาสิทธิ์การรับประกันโดยเฉพาะส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูง พร้อมทั้งอัปเดตระบบรถผ่าน OTA เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด หากต้องขับทางไกลบ่อยๆ อาจพิจารณาซื้อบริการรับประกันแบตเตอรี่เพิ่มเติม เพื่อป้องกันผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนในไทยที่มีต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Zeekr X คืออะไร
Zeekr X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าที่เจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น อาจมีข้อจำกัดบางประการเมื่อใช้งานในประเทศไทย เช่น พื้นที่เบาะหลังที่ค่อนข้างกะทัดรัดอาจไม่เหมาะกับการเดินทางของครอบครัวใหญ่ โดยเฉพาะการเดินทางไกลที่อาจลดทอนความสบายลง อีกทั้งการใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยครั้งในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่อระยะทางวิ่งของรถ อย่างไรก็ตาม ระบบอัจฉริยะและการควบคุมที่คล่องตัวของ Zeekr X ถือเป็นข้อได้เปรียบเมื่อใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ สำหรับผู้บริโภคในไทย การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังควรคำนึงถึงความครอบคลุมของสถานีชาร์จ แม้ Zeekr X จะรองรับการชาร์จเร็ว แต่เครือข่ายสถานีชาร์จในไทยยังคงกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ พื้นที่ห่างไกลยังมีข้อจำกัดด้านความสะดวก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ผ่านมาตรการลดภาษีนำเข้าและสนับสนุนเงินอุดหนุนการซื้อรถ ซึ่งช่วยให้รถ EV รวมถึง Zeekr X มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถพิจารณาจากลักษณะการใช้งานประจำวันและความสะดวกในการชาร์จไฟเพื่อประกอบการตัดสินใจ
Q
Zeekr X อยู่ในกลุ่ม Segment ใด
รถ Zeekr X อยู่ในกลุ่มรถยนต์รุ่น C หรือที่เรียกกันว่า SUV ขนาดกะทัดรัดแบบไฟฟ้า 100% ด้วยขนาดตัวรถที่ยาว 4,432 มม. กว้าง 1,836 มม. และสูง 1,566 มม. ระยะฐานล้อ 2,750 มม. ซึ่งจัดว่าเป็นขนาดมาตรฐานของ SUV Compact ส่วนในเรื่องสมรรถนะ Zeekr X มีทั้งรุ่นมอเตอร์เดียวขับเคลื่อนล้อหลังและรุ่นมอเตอร์คู่แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่แตกต่างกัน เช่น รุ่นมอเตอร์เดียวสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.6 วินาที ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่ทำได้เร็วเพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น ด้านอุปกรณ์ก็ครบครันไม่น้อยหน้า มีถุงลมนิรภัยถึง 7 จุด พร้อมระบบ ABS ควบคุมการล็อกล้อและระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ รวมถึงฟังก์ชันความปลอดภัยและความสะดวกสบายอื่นๆ ที่ช่วยให้การขับขี่เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้
Q
ขนาด PCD ของ Zeekr X คืออะไร
สำหรับรถ Zeekr X นั้นมีขนาด PCD (ระยะวงกลมของรูยึดล้อ) อยู่ที่ 5×112 มิลลิเมตร ซึ่งหมายความว่ารูสลักทั้ง 5 รูบนล้อจะเรียงตัวเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 112 มิลลิเมตร ขนาดนี้เป็นมาตรฐานเดียวกับรถยุโรปหลายรุ่น เช่น รถโวลค์สวาเก้นหรือออดี้บางแบบ ทำให้เจ้าของรถในไทยสามารถหาล้ออะไหล่หรืออัพเกรดล้อได้ง่ายขึ้น แต่ต้องบอกว่าในไทยเนี่ยะ ถนนบางพื้นที่ก็ขรุขระ แถมฤดูฝนก็ยาว เลยแนะนำให้ใช้ล้อที่ได้มาตรฐานของทางโรงงานหรือล้อที่ผ่านการรับรองเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงเวลาขับขี่ ส่วนใครที่อยากแต่งล้อเพิ่มเติม ในไทยก็มีร้านแต่งรถมืออาชีพหลายร้านที่บริการปรับ PCD ให้ แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายด้วยนะ เช่น ห้ามให้ล้อยื่นออกมานอกตัวถังเกินกำหนด นอกจากนี้ PCD ไม่ใช่แค่ตัวเดียวที่ต้องดูเวลาซื้อล้อ ยังต้องเช็คค่าอื่นๆ เช่น เส้นผ่านศูนย์กลางรูกลางล้อ (CB) หรือค่าโอฟเซ็ต (ET) ด้วย จะได้ไม่เกิดปัญหาล้อไม่พอดีหรือส่งผลต่อการควบคุมรถ ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำให้ปรึกษาเซ็นเตอร์ของ Zeekr ในไทยหรือร้านขายล้อมืออาชีพจะดีที่สุดครับ
Q
Does Zeekr X มี Apple Carplay ไหม
ตามข้อมูลในปัจจุบัน Zeekr X ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า รองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay หรือไม่ แต่ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่มุ่งทำตลาดระดับโลก ระบบอินโฟเทนเมนต์ภายในรถอาจมีการอัปเดตผ่าน OTA เพื่อเพิ่มการรองรับ CarPlay ได้ในอนาคต แนะนำให้ผู้ใช้งานในประเทศไทยติดตามข่าวสารจาก Zeekr อย่างใกล้ชิด ในประเทศไทย Apple CarPlay ได้รับความนิยมอย่างมากจากความสามารถในการเชื่อมต่อกับ iPhone ได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้จำนวนมากคุ้นเคยกับการใช้ CarPlay สำหรับนำทาง ฟังเพลง และสื่อสาร หาก Zeekr X รองรับฟีเจอร์นี้ในอนาคต จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้ในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ระบบเชื่อมต่อภายในรถของแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นแตกต่างกัน เช่น Android Auto หรือระบบที่พัฒนาขึ้นเองก็สามารถมอบฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน ผู้บริโภคในไทยควรพิจารณาความต้องการของตนเองประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถ เช่น ความเข้ากันได้กับสมาร์ตโฟน ความลื่นไหลของระบบ และบริการที่รองรับในประเทศ เพื่อเลือกรถที่มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งาน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Zeekr X คืออะไร
Zeekr X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าที่เน้นกลุ่มตลาดวัยรุ่น มาพร้อมยางติดรถจากโรงงานซึ่งอาจเลือกใช้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Michelin หรือ Continental ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ยางประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและความทนทานที่ดีในสภาพอากาศร้อนและฝนตกของไทย พร้อมทั้งปรับปรุงโครงสร้างยางและลดแรงต้านการหมุนเพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานและเพิ่มระยะทางในการขับขี่ สำหรับผู้ใช้ในไทยที่ต้องการเปลี่ยนยาง นอกจากรุ่นเดียวกับยางติดรถแล้ว ยังสามารถพิจารณาแบรนด์ที่พบเห็นบ่อยในประเทศอย่าง Bridgestone หรือ Dunlop ซึ่งมีไลน์ผลิตภัณฑ์รองรับรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน และมีจำหน่ายทั่วไปในโชว์รูม 4S และร้านยางต่างๆ สิ่งสำคัญคือยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแตกต่างจากยางของรถยนต์เครื่องยนต์ทั่วไปในด้านดัชนีการรับน้ำหนักและเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน จึงแนะนำให้เลือกยางที่มีสัญลักษณ์ EV เป็นหลัก พร้อมทั้งตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากอุณหภูมิสูงในไทยอาจทำให้แรงดันยางเปลี่ยนแปลงเร็ว ซึ่งมีผลต่อการใช้พลังงานและความปลอดภัยในการขับขี่
Q
รถ Zeekr X เป็นรถที่ดีหรือไม่ เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
Zeekr X เป็น SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและล้ำยุค พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ครบครันและสมรรถนะไฟฟ้าที่โดดเด่น เหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ เพราะขนาดตัวรถที่กะทัดรัดทำให้ขับเคลื่อนในซอยแคบๆ ได้อย่างคล่องตัว แถมยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันและลดมลพิษได้อีกด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่า Zeekr X อาจมีจุดอ่อนเรื่องสถานีชาร์จในไทยที่ยังไม่ครอบคลุมนัก ถ้าจะขับทางไกลต้องวางแผนจุดชาร์จล่วงหน้า รวมถึงเครือข่ายบริการหลังการขายที่อาจยังไม่แข็งแรงเท่ายี่ห้อเก่าแก่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทรนด์แห่งอนาคต ควรประเมินความเหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองก่อนซื้อ เช่น มีจุดชาร์จที่บ้านหรือไม่ หรือต้องเดินทางไกลบ่อยแค่ไหน ตอนนี้รัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้า ทั้งลดภาษีและให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนในการซื้อ Zeekr X ได้ ใครที่สนใจลองไปทดลองขับและสอบถามโปรโมชั่นกับตัวแทนจำหน่ายดูได้นะครับ
Q
ความกว้างของ Zeekr X คือเท่าไร
Zeekr X มีความกว้างตัวถังอยู่ที่ 1836 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ากว้างเมื่อเทียบกับรถ SUV ขนาดกะทัดรัดทั่วไป ส่งผลให้ห้องโดยสารกว้างขวางและเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการจราจรของเมืองไทย เช่น ถนนที่แออัดในกรุงเทพฯ หรือซอยแคบๆ ซึ่งตัวถังที่กว้างช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ Zeekr X ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้ายังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งรูปทรงแบบกว้างช่วยลดแรงต้านลมและเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน ส่งผลให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นและสามารถวิ่งได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สำหรับผู้บริโภคในไทย นี่หมายถึงต้นทุนการใช้งานที่ลดลงและประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง Zeekr X ด้วยขนาดและสมรรถนะที่ลงตัว เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางระยะสั้น อีกทั้งดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยยังตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและความทันสมัย
Q
ราคาภาษีรถยนต์ของ Zeekr X คือเท่าไร จะคำนวณอย่างไร
เรื่องราคาภาษีรถยนต์ของ Zeekr X ในประเทศไทย ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่ได้นำเข้าโมเดลนี้อย่างเป็นทางการ ดังนั้นอัตราภาษีที่แน่นอนยังไม่มีการประกาศออกมา แต่สามารถอ้างอิงจากวิธีคำนวณภาษีรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยได้ โดยปกติแล้วประเทศไทยจะเรียกเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากกำลังมอเตอร์ (กิโลวัตต์) หรือน้ำหนักรถ โดยมีอัตราภาษีที่ถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพื่อส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นอาจได้สิทธิ์ยกเว้นภาษีในปีแรก ถ้าในอนาคต Zeekr X เข้าสู่ตลาดไทย ภาษีอาจจะคำนวณตามระดับกำลังมอเตอร์ เช่น 15-50 กิโลวัตต์ อาจมีอัตราภาษีประมาณ 400-800 บาทต่อปี แต่สุดท้ายแล้วต้องดูกฎหมายที่กรมการขนส่งทางบก (DLT) ประกาศอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายอย่าง เช่น ลดภาษีนำเข้า ลดภาษีสรรพสามิต เป็นต้น ก่อนซื้อแนะนำให้ตรวจสอบนโยบายล่าสุดกับตัวแทนจำหน่ายหรือหน่วยงานภาษี และที่สำคัญอย่าลืมว่า ค่าประกันรถยนต์ ค่าตรวจสภาพรถประจำปี ก็มีผลต่อค่าใช้จ่ายในการใช้งานด้วย ควรพิจารณารวมๆกันให้ดี
Q
ความดันลมยางของ Zeekr X คือเท่าไร
ค่าแรงดันลมยางมาตรฐานของ Zeekr X แนะนำให้อยู่ระหว่าง 2.3 ถึง 2.5 บาร์ หรือประมาณ 33 ถึง 36 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว โดยค่าที่แน่นอนอาจแตกต่างเล็กน้อยตามรุ่นรถ ประเภทยาง หรือภาระน้ำหนักที่บรรทุก แนะนำให้ตรวจสอบจากคู่มือผู้ใช้รถหรือติดตามฉลากบนกรอบประตูรถ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย อุณหภูมิสูงอาจทำให้แรงดันลมยางเพิ่มขึ้น จึงควรตรวจสอบเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนการขับขี่ยาว ปรับแรงดันลมยางในสภาวะเย็นให้อยู่ในค่าที่แนะนำ เพื่อป้องกันแรงดันยางสูงเกินไปจนส่งผลต่อการยึดเกาะถนน หรือแรงดันต่ำเกินไปที่อาจเพิ่มการสิ้นเปลืองพลังงาน หากใช้ล้อขนาด 18 หรือ 19 นิ้วจากโรงงานพร้อมยางโปรไฟล์ต่ำ ควรใส่ใจความแม่นยำของแรงดันลมยางเพื่อรักษาความสบายและการควบคุมรถ ในช่วงฤดูฝนของไทย แนะนำให้รักษาแรงดันลมยางให้ใกล้เคียงค่าบนสุดเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ พร้อมตรวจสอบแรงดันยางทุกสองเดือน หากรถมีระบบตรวจสอบแรงดันยาง (TPMS) จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆ เช่น Tesla หรือ BYD ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน ค่าแรงดันลมยางก็มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน แต่ควรอิงข้อมูลจากผู้ผลิตเป็นหลัก
Q
ขนาดยางของ Zeekr X คืออะไร
รถยนต์ Zeekr X มีสเปกรถแต่ละรุ่นที่แตกต่างกัน โดยรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังมาตรฐานจะมีขนาดยางทั้งคู่ที่ 18 นิ้ว ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อระดับ Flagship จะใช้ยางขนาด 245/45R20 ทั้งคู่ ซึ่งขนาดยางแต่ละแบบก็ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ต่างกันออกไป ยางขนาดเล็กอย่าง 18 นิ้วจะให้ความนุ่มสบายเป็นหลัก ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนและลดเสียงยางได้ดี เหมาะมากสำหรับการขับขี่ในเมืองทั่วไปหรือคนที่เน้นความสบายเป็นหลัก ส่วนยางขนาดใหญ่แบบ 245/45R20 จะให้ความแม่นยำในการควบคุมรถและความมั่นคงสูงกว่า แถมยังดูสปอร์ตเท่ๆ อีกด้วย เหมาะกับคนที่ชอบการขับขี่แบบสปอร์ตหรือต้องการสัมผัสถึงประสิทธิภาพการควบคุมรถอย่างเต็มที่

ข้อดี

หน้าตาสวยงาม
หน้าตาสดใส

ข้อเสีย

ความไม่แน่นอนในความน่าเชื่อถือระยะยาว
ซอฟต์แวร์ไม่สมบูรณ์
การกระทำของยานพาหนะที่มากเกินไป

Q&A ล่าสุด

Q
รถ Porsche 718 มีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางมีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีในด้านความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ตรงข้ามแนวนอนได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี แม้ว่าหากขับแบบแรงๆ หรือใช้รอบเครื่องสูงอาจมีปัญหาเรื่องการสึกหรอบ้าง แต่ถ้าละเลียดดูแลตามกำหนดก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบไทย แนะนำให้ใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องระบบระบายความร้อนและน้ำมันเกียร์ โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Porsche ที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ อะไหล่ของ 718 ในไทยก็มีพร้อมพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามค่าซ่อมบำรุงสำหรับรถสปอร์ตนำเข้าย่อมสูงอยู่แล้ว ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวก่อนตัดสินใจ ส่วนตัวรถขนาดกะทัดรัดของ 718 นั้นเหมาะทั้งขับเลียบชายทะเลไทยหรือลัดเลาะภูเขา แถมยังได้เปรียบในถนนกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นประจำ ถ้ามีงบเพียงพอ การเลือกแพ็กเกจประกันจาก Porsche โดยตรงจะช่วยให้อุ่นใจกว่า ในระดับเดียวกันนี้ 718 ถือว่าคงมูลค่าได้ดี เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่อยากได้ทั้งความมันส์ในการขับและความมั่นใจในแบรนด์
Q
“718 นั่งสบายไหม?”
Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตเครื่องกลางนั้น เรื่องความสะดวกสบายต้องดูจากสภาพการใช้งานจริงในไทย ระบบช่วงล่างของ 718 นั้นปรับสมดุลระหว่างสปอร์ตกับความนุ่มสบายได้ดี ระบบ PASM ที่มาสแตนดาร์ดจะปรับแรงดันตามสภาพถนนอัตโนมัติ ทำให้ขับทั้งในเมืองและเส้นทางเขาชานเมืองของไทยได้อย่างมั่นใจ เบาะรองรับได้ดีแต่วัสดุเติมค่อนข้างแข็ง อาจรู้สึกเหนื่อยในการขับทางไกล แต่สำหรับอากาศร้อนแบบไทย เบาะระบายอากาศที่มาสแตนดาร์ดถือเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้จริง เรื่องเสียงในห้องโดยสาร 718 ควบคุมได้ดีกว่ารถสปอร์ตระดับเดียวกัน แต่บางเส้นทางในไทยที่ผิวถนนไม่เรียบอาจมีเสียงถนนรบกวนบ้าง ที่ต้องระวังคือตัวรถต่ำ ทำให้การขึ้นลงต้องปรับตัว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ต้องขึ้นลงรถบ่อยอาจไม่สะดวกนัก หากใช้ระบบอัพเกรดพวงมาลัยเพาเวอร์ที่แนะนำเป็นหลักในกรุงเทพฯ นอกจากนี้เครือข่ายหลังการขายในประเทศไทยสามารถให้การบำรุงรักษาอย่างมืออาชีพ แต่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่า ควรพิจารณาสัญญาต่อประกันเพิ่มเติม สำหรับคนไทยที่มองหาความมันส์ในการขับขี่แต่ยังใช้ชีวิตประจำวันได้ 718 ถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าชอบความสบายเป็นหลักอาจลองทดสอบขับรถรุ่น GT ในระดับเดียวกันเปรียบเทียบดู
Q
Porsche 718 จะมีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่?
พอรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง Porsche 718 อายุการใช้งานส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาประจำวัน นิสัยการขับขี่ รวมถึงสภาพอากาศและถนนในไทย ถ้าใช้อย่างถูกต้องและบำรุงรักษาสม่ำเสมอ เครื่องยนต์และเกียร์ของ 718 สามารถวิ่งได้เกิน 2 แสนกิโลเมตรอย่างสบายๆ โครงสร้างตัวถังก็แข็งแรงทนทานได้ในระยะยาว สภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยทำให้ต้องดูแลรถเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันสนิมและการเปลี่ยนชิ้นส่วนยางตามระยะ ควรนำรถไปบริการที่ศูนย์ Porsche ทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือ 12 เดือน พร้อมใช้อะไหล่แท้จากศูนย์ ซึ่งสำคัญมากสำหรับการรักษาสมรรถนะของรถ การบริการจากศูนย์ Porsche ในไทยจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ดี เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบบ็อกเซอร์ฮอริซอนทัลของ 718 นั้นมีความเสถียรและน่าเชื่อถือ แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นตามกำหนด เครื่องยนต์ก็จะอยู่กับเราไปนานๆ สำหรับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพนฯ ที่รถติดบ่อย ควรตรวจสอบคลัตช์และเบรคบ่อยกว่าปกติ ส่วนใครที่ชอบขับบนถนนภูเขาในไทย ต้องคอยเช็คสภาพช่วงล่างโดยเฉพาะโช้คอยู่เสมอ แม้ 718 จะเป็นรถสปอร์ตแต่การตั้งค่าช่วงล่างก็ออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งานประจำวัน ถ้าไม่ขับแบบกระโชกโฮกฮากเกินไป ชิ้นส่วนช่วงล่างก็ใช้งานได้นาน ส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถที่อาจได้รับผลจากความร้อนและความชื้นในไทย ควรตรวจสอบวงจรไฟฟ้าและเซ็นเซอร์เป็นประจำ สรุปแล้ว 718 สามารถใช้งานในไทยได้อย่างสบายๆ 15-20 ปี แม้ในตลาดมือสองรุ่นเก่าที่สภาพดียังคงมีมูลค่าดี ซึ่งพิสูจน์ถึงความทนทานของรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี
Q
718 ยังคงผลิตอยู่หรือไม่?
ปัจจุบันรถรุ่น Porsche 718 ซีรีส์ยังคงอยู่ในขั้นตอนการผลิต โดยรุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตคลาสสิกของแบรนด์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์กลางตัวถัง ในตลาดไทยก็ได้รับความนิยมไม่น้อย โดยเฉพาะกับเส้นทางขับขี่ในเขตภูเขาที่เต็มไปด้วยทางโค้งหรือถนนเลียบชายทะเล ซีรีส์ 718 มีทั้งรุ่นคูเป้ออย่าง Cayman และรุ่นเปิดประทุนอย่าง Boxster พร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้งแบบเทอร์โบชาร์จ 4 สูบและแบบแอตโมสเฟียร์ 6 สูบ โดยเฉพาะรุ่น GTS 4.0 ที่ใช้เครื่อง 6 สูบจะให้ประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบกว่า ในไทย 718 ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถสปอร์ตที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้แต่ก็ยังคงประสิทธิภาพเหมาะสำหรับการแข่ง ขนาดที่กะทัดรัดยังเหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองอย่างกรุงเทพฯ อีกด้วย ที่น่าสนใจคือรุ่น 718 ที่นำเข้าไทยมักมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อน เช่น ระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกป้องกันรังสียูวี เมื่อเทรนด์รถไฟฟ้ากำลังมาแรง Porsche ก็ประกาศว่าจะเปิดตัวรุ่น 718 แบบไฟฟ้าในอนาคต แต่รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปยังคงผลิตต่อไปจนกว่าจะถึงช่วงเปลี่ยนรุ่น สำหรับคนไทยที่สนใจตอนนี้ยังสามารถสั่งซื้อรุ่นล่าสุดได้และยังได้รับบริการปรับแต่งรถตามความต้องการจากแบรนด์อีกด้วย
Q
ควรนำ Porsche 718 เข้ารับการตรวจเช็กหรือให้บริการทุกปีหรือไม่?
สำหรับคำถามที่ว่าควรนำรถ Porsche 718 เข้ารับบริการประจำปีหรือไม่นั้น คำตอบคือจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย การบริการตามระยะเป็นเรื่องสำคัญมาก Porsche แนะนำอย่างเป็นทางการว่ารถรุ่น 718 ควรเข้ารับบริการทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน ซึ่งจากสภาพการขับขี่ทั่วไปในไทย ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักจะขับใกล้หรือเกินระยะนี้ในแต่ละปี ดังนั้นการบริการปีละครั้งจึงสมเหตุสมผล สภาพอากาศร้อนและความชื้นสูงของไทยส่งผลให้น้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมทั้งฝุ่นทรายและน้ำฝนอาจกระทบต่อตัวกรองอากาศและระบบเบรก การเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ตามระยะจะช่วยให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเสมอ นอกจากนี้ Porsche 718 ในฐานะรถสปอร์ตสมรรถนะสูง มีโครงสร้างเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การตรวจสอบช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนและเกียร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับสภาพถนนในไทยที่ค่อนข้างหลากหลาย สำหรับเจ้าของรถในไทย การเลือกใช้บริการจากศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Porsche จะทำให้ได้อะไหล่แท้และเข้าถึงอุปกรณ์วินิจฉัยมาตรฐาน ซึ่งสำคัญต่อคุณภาพการบริการ อีกจุดที่ควรคำนึงคือการทำตามกำหนดการบริการอย่างเคร่งครัดจะช่วยรักษามูลค่ารถไว้ได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหากคิดจะขายรถในอนาคต และหากคุณขับแบบสปอร์ตหรือใช้รถในกรุงเทพที่การจราจรหนาแน่นบ่อยครั้ง อาจต้องเข้ารับบริการบ่อยกว่าปกติเล็กน้อย
ดูเพิ่มเติม