Q

เงินผ่อนรายเดือนของ Ford Everest คือเท่าไหร่? ดูที่นี่!

การผ่อนรถ Ford Everest ในประเทศไทยแต่ละเดือนจะขึ้นอยู่กับรุ่นแบบรถ ระยะเวลาการกู้ยืม อัตราดาวน์ และอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร โดยตัวอย่างเช่น รุ่น 2.0L Wildtrak 4x4 หากเลือกดาวน์ 20% และผ่อน 5 ปี ค่าผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 25,000-30,000 บาท แต่จำนวนเงินที่แน่นอนควรสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายหรือสถาบันการเงินในพื้นที่ นอกจากค่าผ่อนรถแล้ว ยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ภาษีจดทะเบียนครั้งแรก ค่าประกัน ค่าทะเบียน ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 10%-15% ของราคารถ ตลาดไทยมีความต้องการรถปิคอัพและ SUV สูง โดย Ford Everest ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวาง ขอแนะนำก่อนซื้อควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและโปรโมชั่นจากธนาคารต่างๆ บางตัวแทนจำหน่ายในช่วงสิ้นปีหรืองานมอเตอร์โชว์อาจมีโปรโมชั่นผ่อน 0% พร้อมทั้งต้องระวังเงื่อนไขการชำระก่อนกำหนดและข้อกำหนดประกันในสัญญากู้ยืม เพื่อเลือกแผนการเงินที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ BYD M6 คือเท่าไหร่? หาคำตอบได้ที่นี่
สำหรับ BYD M6 รุ่น MPV ในไทย ค่าดูแลรักษาค่อนข้างสมเหตุสมผล หลักๆก็มีค่าบำรุงรักษาตามระยะ ค่าอะไหล่เปลี่ยนใหม่ และค่าประกัน โดยตามสภาพตลาดไทยแล้ว BYD M6 ควรเข้าศูนย์ทุก 10,000 กม.หรือทุก 6 เดือน ค่าบำรุงพื้นฐานอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท รวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองและตรวจเช็ครอบรถ ถ้าต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศหรือไส้กรองแอร์ที่สึกหรอง่าย ค่าบริการก็จะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่เมื่อเทียบกับรุ่น MPV ระดับเดียวกันจากญี่ปุ่นก็ยังคุ้มค่ากว่า นอกจากนี้เวลาที่ใช้รถไฟฟ้าหรือไฮบริดในไทย ต้องระวังเรื่องความร้อนที่มีผลต่อแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ แต่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ BYD ค่อนข้าง成熟น่าเชื่อถือในเรื่องความทนทาน ส่วนค่าประกันรถในไทยจะขึ้นอยู่กับรุ่นรถและแพ็กเกจประกันที่เลือก BYD M6 ก็มีค่าเบี้ยประกันอยู่ในระดับเดียวกับรถระดับเดียวกัน สำหรับคนไทยที่เลือก BYD M6 นอกจากจะได้รถที่มีพื้นที่กว้างขวางและฟังก์ชันใช้งานครบครันแล้ว ยังได้รับบริการรับประกันจากศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ ทำให้ควบคุมค่าดูแลรักษาได้ไม่ยาก
Q
BYD M6 มีสีอะไรบ้าง? คุณชอบสีไหน?
BYD M6 ในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีด้วยกัน คือ สีดำ Quantum Black, สีขาว Crystal White, สีเทา Harbour Grey และสีน้ำเงิน Quartz Blue ลูกค้าสามารถเลือกสีที่ชอบได้ตามสไตล์ส่วนตัว ทั้งสวยงามและทันสมัย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
Q
Tesla Model Y ราคาเท่าไหร่? ราคามันเท่าไหร่?
ราคารถ Tesla Model Y ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยรุ่นพื้นฐานแบบขับเคลื่อนล้อหลังมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1.9 ล้านบาท ส่วนรุ่น Performance สูงสุดอยู่ที่เกือบ 2.5 ล้านบาท ราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมที่เลือก โปรโมชัน หรือการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ในไทย Model Y เป็น SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีระยะทางสูงสุดถึง 533 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) และระบบเครือข่าย Supercharger ของ Tesla ที่ช่วยให้การชาร์จเร็วและสะดวก ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถ EV ค่อนข้างดี เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคารถไฟฟ้ามีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากเรื่องราคาแล้ว Model Y ยังโดดเด่นด้วยการออกแบบภายในที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ระบบช่วยขับ Autopilot ที่ทันสมัย และฟังก์ชันอัปเดตระบบผ่านทางอากาศ (OTA) ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถ SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่หลายคนจับตามอง สำหรับคนไทยที่กำลังคิดจะซื้อรถไฟฟ้า นอกจากดูเรื่องราคาและสมรรถนะของรถแล้ว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานีชาร์จในพื้นที่และมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีหรือเงินสนับสนุน เพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อประสบการณ์การใช้รถและค่าใช้จ่ายในระยะยาวด้วย
Q
เทสลา โมเดล 3 เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
特斯拉 Model 3 เป็นรถไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย ด้วยจุดเด่นเรื่องความแรงและความเร็วในการเร่ง เทคโนโลยี自动驾驶ที่ทันสมัย และค่าใช้จ่ายประจำวันที่ถูกกว่าหากเทียบกับรถน้ำมัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่油价ไทยค่อนข้างสูง ค่าไฟสำหรับรถไฟฟ้าจึงประหยัดกว่ามาก การออกแบบภายในของ Model 3 เป็นสไตล์มินิมอลโมเดิร์น พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และฟังก์ชันอัจฉริยะมากมาย เหมาะกับคนที่ชอบเทคโนโลยี นอกจากนี้ Tesla ยังมีเครือข่าย Supercharger ในไทยที่กำลังขยายตัว ช่วยให้การชาร์จไฟสะดวกสบายขึ้น อย่างไรก็ตาม Model 3 ก็มีข้อเสียบ้าง เช่น พื้นที่ด้านหลังค่อนข้างจำกัด อาจไม่เหมาะกับครอบครัวที่ต้องใช้รถร่วมกันหลายคน รวมถึงระบบช่วงล่างที่แข็ง ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายนักเมื่อขับบนถนนบางสายในไทยที่สภาพทางไม่ดีนัก แถมด้วยราคาที่สูงเพราะเป็นรถนำเข้า ค่าซ่อมและค่าประกันก็แพงตามไปด้วย สำหรับคนไทย ถ้าใช้รถแค่ในเมืองและมีที่ชาร์จไฟสะดวก Model 3 ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องขับทางไกลบ่อยๆ หรือต้องการพื้นที่ด้านหลังกว้างขวาง อาจต้องมองรถรุ่นอื่นแทน ส่วนแบตเตอรี่ของ Tesla ทนต่ออากาศร้อนของไทยได้ดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนานๆ เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
Q
Mercedes CLE ทำอยู่ที่ไหน?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ CLE ถูกผลิตในประเทศเยอรมนี เยอรมนีเป็นประเทศชั้นนำทางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีพื้นฐานการผลิตอันแข็งแกร่ง เทคโนโลยีล้ำสมัย และกระบวนการผลิตอันประณีต โรงงานผลิตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในเยอรมนีใช้ระบบสายการผลิตอัตโนมัติและอัจฉริยะ ควบคู่กับการควบคุมกระบวนการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อให้รถยนต์ CLE ทุกคันตรงตามมาตรฐานคุณภาพสูงของแบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ CLE ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยและแนวคิดการออกแบบคลาสสิกของแบรนด์ไว้ด้วยกัน ทั้งดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยและทรงพลัง การตกแต่งภายในอันหรูหราและเต็มไปด้วยเทคโนโลยี รวมถึงสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม ล้วนถูกสร้างขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมการผลิตอันเชี่ยวชาญและพิถีพิถันในเยอรมนี
Q
ยาง Giti ผลิตที่ประเทศไหน ผมควรจะแปลข้อความในนี้เป็นภาษาไทย
ยาง Giti ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศจีน แต่สำหรับตลาดในประเทศไทย ผู้ผลิตอาจมีแหล่งผลิตหรือนำเข้าจากหลายประเทศ ขึ้นอยู่กับรุ่นและความต้องการของตลาดในเวลานั้น ช่วยฉันแปลภาษาจีนที่อยู่ในนั้นเป็นภาษาไทย

Q&A ล่าสุด

Q
Neta V เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
Neta V เป็นรถ SUV ไฟฟ้าที่น่าสนใจในตลาดไทย ด้วยจุดเด่นเรื่องราคาที่จับต้องได้ ระยะขับขี่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง (ประมาณ 384 กม. ตามมาตรฐาน NEDC) พร้อมฟีเจอร์ใช้งานง่ายเช่น กล้องถอยหลัง จอแสดงผลขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่อยากใช้รถรักษ์โลกแต่มีงบจำกัด โดยเฉพาะในเมืองแบบกรุงเทพที่รถติดบ่อย แต่ก็มีข้อควรคิดบ้าง เช่น เวลาเติมไฟเร็วค่อนข้างนาน (30%-80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) และตัวรถขนาดกะทัดรัดทำให้พื้นที่ด้านหลังและกระบะเก็บของอาจสู้รถน้ำมันรุ่นเดียวกันบางรุ่นไม่ได้ ในสภาพอากาศร้อนของไทย ควรสังเกตเรื่องระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่และผลกระทบต่อระยะทางเมื่อต้องเปิดแอร์เต็มที่ ถ้าพูดถึงภาพใหญ่ ไทยมีนโยบายสนับสนุนรถ EV เช่น ลดภาษี และมีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าจะขับออกนอกเมืองยังต้องวางแผนเรื่องจุดชาร์จล่วงหน้า หากต้องเดินทางไกลบ่อยๆ ควรชั่งน้ำหนักระหว่างระยะทางและเวลาเติมไฟ สรุปแล้ว Neta V เหมาะกับการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก แนะนำให้ลองทดลองขับเพื่อเช็คความคล่องตัวและความสบายก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Neta V คืออะไร?
รถไฟฟ้ารุ่น Neta V ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดจีน เมื่อเปิดตัวในประเทศไทยอาจมีการติดตั้งยางรถยนต์แบรนด์ต่างกันไปตามความต้องการของตลาดและสภาพการจัดหาสินค้าในท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปรถไฟฟ้าราคาประหยัดแบบนี้มักจะใช้ยางแบรนด์อินเตอร์ที่มีราคาคุ้มค่าอย่างเช่น Linglong, Giti หรือ Maxxis ซึ่งเป็นแบรนด์ที่พบเห็นได้บ่อยในตลาดไทย ทั้งตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปและช่วยควบคุมต้นทุนได้ดี ในสภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก การเลือกยางควรเน้นที่ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเมื่อ路面เปียกและความทนทานต่ออุณหภูมิสูง ลวดลายยางที่ออกแบบมาสำหรับภูมิอากาศเขตร้อนโดยเฉพาะจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ช่วงฤดูฝนได้ นอกจากนี้ผู้บริโภคไทยยังสามารถพิจารณายางแบรนด์ท้องถิ่นยอดนิยมอย่าง Deestone หรือ Mazzini ซึ่งมักเหมาะกับสภาพถนนไทยและราคาก็เป็นมิตรกับกระเป๋า ไม่ว่าจะเลือกยางแบรนด์ไหน การตรวจสอบความดันลมยางและความลึกของดอกยางเป็นประจำคือสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนตลอดปีของไทยที่ทำให้ยางสึกหรอได้เร็วกว่าปกติ แนะนำให้ตรวจเช็กสภาพยางอย่างมืออาชีพทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน
Q
Neta V รองรับ Apple CarPlay หรือไม่?
สำหรับคำถามว่า Neta V รุ่นนี้รองรับ Apple CarPlay หรือไม่ จากข้อมูลทางการในตลาดไทยพบว่าโดยมาตรฐานแล้วรถรุ่นนี้ยังไม่มีฟังก์ชันนี้ติดตั้งมาให้ แต่เจ้าของรถสามารถอัปเกรดระบบหัวเครื่องหรือติดตั้งโมดูลเสริมที่รองรับได้ในภายหลัง แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในพื้นที่เพื่อรับคำแนะนำด้านเทคนิคที่ถูกต้อง ในตลาดไทย Apple CarPlay เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้รุ่นใหม่เพราะความสะดวกในการเชื่อมต่อกับ iPhone ทั้งในส่วนของแผนที่ เพลงและการโทรออก รถหลายยี่ห้ออย่าง Toyota หรือ Honda บางรุ่นก็ติดตั้งระบบนี้มาให้ตั้งแต่แรก ถ้าคุณต้องการฟังก์ชันนี้เป็นพิเศษอาจพิจารณารถที่รองรับ CarPlay แบบเต็มรูปแบบก่อนซื้อ อย่างไรก็ตามรถ Neta V แต่ละรุ่นปีและระดับความอาจมีความแตกต่างกัน แนะนำให้ตรวจสอบรายการอุปกรณ์อย่างเป็นทางการก่อนตัดสินใจซื้อ และด้วยสภาพอากาศไทยที่ร้อนชื้นอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ การเลือกบริการติดตั้งจากช่องทางที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้ระบบทำงานได้ดีและทนทานมากขึ้น
Q
ขนาด PCD ของ Neta V คือเท่าไหร่?
PCD ของ Neta V คือ 4×100 หมายความว่าล้อของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 4 รู และรูน็อตจะถูกจัดเรียงบนวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มม. ซึ่งเป็นขนาดที่พบได้บ่อยในรถ SUV ขนาดเล็กหรือรถยนต์ขนาดคอมแพคในตลาดไทย เหมาะกับล้อแม็กขนาด 16 หรือ 17 นิ้ว สำหรับผู้ใช้ในไทย เวลาจะเปลี่ยนล้อหรือยาง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า PCD ตรงกับของเดิม เพราะถ้าขนาดไม่ตรง อาจทำให้ล้อใส่ไม่พอดี หรือเกิดอาการสั่นไหวขณะขับขี่ ซึ่งเป็นอันตรายได้ อีกเรื่องที่ควรคำนึงคือสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนและฝนตกบ่อย จึงแนะนำให้เลือกล้อและยางที่ระบายความร้อนได้ดี และมีดอกยางที่ช่วยรีดน้ำได้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนถนนเปียก Neta V ถือว่าเป็นรถ EV ที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง ล้อเดิมที่ให้มาเน้นความเบาและแข็งแรง ซึ่งเหมาะกับถนนในไทยอยู่แล้ว แต่ถ้าคิดจะอัปเกรดล้อแม็ก แนะนำให้ปรึกษาร้านแต่งรถที่เชี่ยวชาญ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่าต่างๆ เช่น PCD, รูตรงกลาง (Center Bore) และค่า Offset ต้องตรงกับของเดิม เพื่อความปลอดภัยและไม่กระทบกับสมรรถนะของรถ
Q
Neta V ใช้เกียร์แบบไหน?
Neta V เป็นรถ SUV ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ โดยใช้เกียร์แบบ Single-Speed หรือเกียร์อัตราทดเดียว ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังที่พบได้ทั่วไปในรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้ามีช่วงรอบที่กว้างและให้แรงบิดได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีเกียร์หลายจังหวะเหมือนรถน้ำมัน ก็สามารถขับขี่ได้ลื่นไหล ในสภาพการจราจรที่แออัดอย่างกรุงเทพฯ ระบบเกียร์แบบนี้ช่วยให้ขับขี่นุ่มนวล ไม่สะดุด แถมยังดูแลง่าย เสียยาก เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอีกด้วย ต้องเข้าใจก่อนว่าเกียร์ของรถไฟฟ้าแบบนี้ไม่เหมือนกับเกียร์ CVT หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ใช้กันในรถญี่ปุ่นทั่วไป เพราะมันจะถ่ายทอดกำลังผ่านเฟืองลดรอบโดยตรง ทำให้ตัวระบบเล็กกว่า และมีการสูญเสียพลังงานน้อยกว่า ถ้าใครสนใจเปลี่ยนมาใช้รถ EV ก็อย่าลืมดูเรื่องระยะทางต่อการชาร์จ และจุดชาร์จใกล้บ้านด้วยนะ เพราะตอนนี้รัฐบาลไทยก็มีนโยบายลดภาษีให้รถ EV อยู่ ใช้แล้วประหยัดกว่ารถน้ำมันในระยะยาวแน่นอน
ดูเพิ่มเติม