Q
ราคาของ BMW X7 คือเท่าไหร่
รถ BMW X7 เป็น SUV หรูขนาดใหญ่เต็มรูปแบบ ราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์ ออปชั่นเสริม และนโยบายของตลาดในขณะนั้น รุ่นพื้นฐาน xDrive40i (เครื่องยนต์ 3.0L เทอร์โบชาร์จ 6 สูบเรียง 340 แรงม้า) เริ่มต้นที่ 8,990,000 บาท ส่วนรุ่นท็อป X7 M60i xDrive (เครื่องยนต์ 4.4T V8 เทอร์โบคู่ 530 แรงม้า) ราคาอาจสูงกว่า 19,000,000 บาท ราคาสุดท้ายยังขึ้นอยู่กับออปชั่นเสริม เช่น ระบบช่วยขับอัตโนมัติ วัสดุตกแต่งภายในระดับพรีเมียม หรือเก้าอี้แถวหลังแบบหรูหรา รวมถึงโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายแต่ละแห่งด้วย
จุดเด่นของ X7 อยู่ที่พื้นที่ภายในกว้างขวางรองรับผู้โดยสาร 3 แถวเต็มตัว ระบบช่วยขับอัตโนมัติขั้นสูง (BMW Driving Assistant Professional) และการตกแต่งภายในระดับหรู เช่น เกียร์คริสตัล หลังคากระจกพาโนรามา ระบบปรับอากาศ 4 โซน เหมาะสำหรับครอบครัวไทยที่มองหาความสบายระดับสูงและแบรนด์คุณภาพ
หากสนใจสามารถสอบถามราคาอัปเดตและทดลองขับได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW ในประเทศไทย เช่น โชว์รูม Rama 3 หรือ Bang Na พร้อมศึกษานโยบายการรับประกันและบริการหลังการขายเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ราคาของ BMW X7 M50i คือเท่าไหร่
ปัจจุบันในตลาดไทย BMW X7 M50i มีราคาประมาณ 15.99 ล้านบาทขึ้นไป (ราคาอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์เสริมที่เลือก โปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย หรือพื้นที่) รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของ BMW ในตลาด SUV หรูระดับใหญ่ นอกจากราคารถแล้ว ผู้ซื้อในไทยควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นค่าจดทะเบียน ค่าประกัน และภาษีที่อาจเกี่ยวข้อง สังเกตได้ว่าความต้องการ SUV ระดับหรูในตลาดไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา BMW X7 ด้วยห้องโดยสารสามแถวที่นั่งกว้างขวางและเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูง จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มครอบครัวระดับไฮเอนด์และนักธุรกิจ สำหรับลูกค้าที่สนใจ แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW ในไทยเพื่อขอราคาล่าสุดและนัดหมายทดลองขับ พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน เช่น Mercedes-Benz GLS หรือ Lexus LX ทั้งในแง่สเปกและราคา เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน
Q
เมื่อ BMW X7 ใหม่จะวางจำหน่าย
ตามข่าวล่าสุด รถยนต์ BMW X7 รุ่นใหม่ล่าสุดคาดว่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดประเทศไทยช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 โดย SUV หรูรุ่นนี้ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในไทย การออกแบบภาษาที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่อัพเกรดจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผู้บริโภคไทยสามารถตั้งตารอ X7 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบ Hybrid แบบ 48V ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น คู่กับเครื่องยนต์ Turbocharge 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียงหรือ 4.4 ลิตร V8 ที่ให้ทั้งพลังและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ส่วนภายในติดตั้งระบบ iDrive 8 ล่าสุด พร้อมหน้าจอคู่แบบโค้งและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ
ในตลาดไทยที่ความต้องการ SUV ระดับหรูยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง BMW X7 มีคู่แข่งสำคัญอย่าง Mercedes-Benz GLS และ Lexus LX แต่ X7 ยังคงดึงดูดกลุ่มครอบครัวระดับไฮเอนด์ไทยด้วยสไตล์สปอร์ตหรูที่ไม่เหมือนใครและการออกแบบพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่น ข้อสังเกตสำคัญคือผู้บริโภคไทยไม่เพียงแต่สนใจสมรรถนะรถ แต่ยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายและอัตราคงเหลือของมูลค่า ซึ่ง BMW ประเทศไทยได้เตรียมแพ็คเกจบริการและประกันที่แข่งขันได้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อไม่พลาดโอกาสทดลองขับและจองรถรุ่นนี้
Q
BMW X7 ประกบกับ Mercedes-Benz GLS อันไหนดีกว่า
รถ BMW X7 และ Mercedes-Benz GLS ถือเป็นสุดยอด SUV หรูระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย โดยแต่ละรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันไป BMW X7 นั้นโดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ sporty และให้ความรู้สึกสนุกสนาน behind the wheel โดยเฉพาะรุ่น xDrive40i ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเทอร์โบชาร์จ คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ให้กำลังส่งเรียบแต่ตอบสนองไว เหมาะกับคนที่ชอบความรู้สึก sporty ส่วนเก้าอี้แถวสามก็มีพื้นที่กว้างขวาง เอื้ออำนวยสำหรับครอบครัวใหญ่ ในทางกลับกัน Mercedes-Benz GLS จะเน้นความหรูหราและความสะดวกสบายเป็นหลัก ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมระบบเทคโนโลยีครบครัน โดยเฉพาะระบบ MBUX ที่ใช้งานง่าย รุ่น GLS 450 4MATIC ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเทอร์โบชาร์จร่วมกับระบบ mild hybrid 48V ที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสบายในการขับขี่ ในไทยทั้งสองรุ่นมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม แต่ค่าบำรุงรักษาและอะไหล่อาจแตกต่างกันบ้าง แนะนำให้ลองขับทั้งสองรุ่นก่อนตัดสินใจ และด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัด ควรเลือกรุ่นที่มีระบบเก้าอี้ระบายอากาศและแอร์ประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้อากาศร้อน
Q
BMW X7 มีที่นั่งกี่ที่
รถ BMW X7 ในฐานะ SUV หรูขนาดเต็มรูปแบบ วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยด้วยรูปแบบมาตรฐาน 7 ที่นั่ง (2+2+3) และในรุ่นท็อปบางรุ่นสามารถอัพเกรดเป็นแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) ได้ เพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้ในครอบครัวและธุรกิจ ที่นั่งแถวสามพับเก็บได้แบบไฟฟ้า พื้นที่กระโปรงหลังสามารถปรับจาก 326 ลิตรขยายไปจนถึง 2,120 ลิตร เหมาะมากสำหรับการเดินทางไกลหรือการเดินทางเป็นกลุ่มในไทย ที่สำคัญในสภาพอากาศร้อนของไทย X7 มาพร้อมระบบปรับอากาศ 4 โซนและระบบระบายอากาศบนเบาะที่นั่งมาตรฐาน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริง ส่วนความยาวตัวรถที่เกิน 5.1 เมตรอาจทำให้ขับเคลื่อนในซอยแคบๆอย่างในกรุงเทพฯ ได้ลำบาก จึงแนะนำให้เลือกติดตั้งระบบกล้องรอบทิศทาง 360 องศา เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน X7 ได้รับความนิยมจากคนไทยเนื่องจากพื้นที่ขาในแถวสามที่กว้างขวางกว่า และเครื่องยนต์ 3.0T แบบ 6 สูบตรง (รุ่นหลักที่ขายในไทย) ก็แสดงประสิทธิภาพดีเยี่ยมเมื่อขับบนเส้นทางภูเขา แนะนำให้บริการรักษาอย่างสม่ำเสมอที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ BMW ประเทศไทยเพื่อรักษาสภาพรถให้พร้อมใช้งานเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา
Q
แบตเตอรี่ของ BMW X1 ตั้งอยู่ที่ไหน
สำหรับรถ BMW X1 ที่ขายในประเทศไทย ตำแหน่งแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามปีที่ผลิตและประเภทของระบบขับเคลื่อน โดยรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินทั่วไป แบตเตอรี่มักจะอยู่ใต้พื้นห้องสัมภาระด้านหลัง เพียงยกแผ่นปูพื้นขึ้นก็จะเห็นชัดเจน การออกแบบนี้ช่วยในการกระจายน้ำหนักตัวรถและเพิ่มพื้นที่ในห้องเครื่อง ส่วนรุ่นไฮบริดมักจะติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมแรงดันสูงไว้ใต้ที่นั่งหลังหรือในพื้นที่ห้องสัมภาระ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำว่ามีการกัดกร่อนหรือไม่ (สามารถใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำทำความสะอาดได้) และควรหลีกเลี่ยงการจอดรถทิ้งไว้นานๆ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพได้ สามารถรับบริการตรวจเช็คและเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ BMW เช่น โชว์รูม BMW สยาม ในกรุงเทพฯ ข้อสังเกตสำหรับรุ่น X1 รุ่นใหม่บางรุ่นจะมีระบบจัดการการชาร์จอัจฉริยะ ที่สามารถปรับประสิทธิภาพการชาร์จตามพฤติกรรมการขับขี่ หากเห็นสัญญาณเตือนแบตเตอรี่ขึ้นที่หน้าปัดควรรีบไปตรวจสอบทันที สำหรับเจ้าของรถในไทยควรเลือกใช้แบตเตอรี่แบบ AGM ที่ได้มาตรฐานของ BMW เพื่อให้เข้ากับระบบ Start-Stop อัตโนมัติ ซึ่งแบตเตอรี่ประเภทนี้มีจำหน่ายตามร้านอะไหล่รถยนต์ใหญ่ๆ ในไทย เช่น B-Quik
Q&A ล่าสุด
Q
รถ BYD Shark 6 เป็นรถไฮบริดหรือไม่?
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี DM-o ล่าสุดจาก BYD ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5T และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้ระยะวิ่งไฟฟ้าบริสุทธิ์ได้ถึง 100 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) และมีระยะวิ่งรวมที่ยอดเยี่ยม เหมาะสุดๆ สำหรับคนไทยทั้งขับขี่ในเมืองและเดินทางไกล ตอนนี้ตลาดไทยกำลังนิยมรถปลั๊กอินไฮบริดเพราะประหยัดน้ำมันแถมยืดหยุ่นเรื่องระยะวิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการทั้งความต้องการในการขับขี่ในเมืองและการขนส่งสินค้าเป็นครั้งคราว Shark 6 นี่ตอบโจทย์ทั้งประหยัด (สิ้นเปลืองแค่ 2L/100km ตามข้อมูลบริษัท) และแรง (กำลังรวมเกิน 300 แรงม้า) รัฐบาลไทยยังมีสิทธิพิเศษลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตให้รถพลังงานใหม่ ถ้าซื้อ PHEV ก็อาจได้ประโยชน์ ส่วน BYD เขามีฐานการผลิตในไทยแล้ว อนาคตเรื่องบริการหลังการขายของ Shark 6 จะสะดวกขึ้น แถมสถานีชาร์จในไทยก็พัฒนาต่อเนื่อง ทำให้ใช้รถไฮบริดสบายกว่าเดิม แต่อย่าลืมว่าระยะวิ่งและความประหยัดจริงๆ ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนนด้วย แนะนำให้ลองนัดทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ BYD Shark 6 คือเท่าไร?
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้งานได้ดีในไทย แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี หรือราว 2 แสนกิโลเมตรถ้าใช้และดูแลตามคำแนะนำ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ ช่วงเวลาในการชาร์จ และการบำรุงรักษาในสภาพอากาศร้อนของไทยด้วย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการจอดตากแดดจัดเป็นเวลานานเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ สำหรับตลาดไทย BYD Shark 6 ออกแบบมาให้เข้ากับสภาพถนนไทย พร้อมระบบชาร์จเร็วที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและการขนส่งระยะสั้น นอกจากนี้ระบบไฮบริดยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากในสภาวะที่ราคานํ้ามันในไทยค่อนข้างสูง แบตเตอรี่ยังมีบริการรับประกันระยะยาวให้คุณมั่นใจได้ ถ้าอยากให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น แนะนำให้ตรวจสอบระบบเป็นประจำและรักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20%-80% เทคนิคเหล่านี้ใช้ได้กับรถพลังงานสะอาดรุ่นอื่นๆ ในไทย ช่วยให้ผู้บริโภคไทยปรับตัวสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
Q
BYD Shark 6 ถูกผลิตขึ้นที่ไหน?
BYD Shark 6 เป็นรถกระบะพลังงานใหม่จาก BYD ที่ปัจจุบันผลิตในโรงงานหลักของบริษัทในประเทศจีน ตั้งอยู่ที่เมืองเหอเฝย์ มณฑลอันฮุย ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์พลังงานสะอาดที่สำคัญของ BYD ด้วยระบบสายการผลิตที่ทันสมัยและมาตรฐานควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด สำหรับผู้บริโภคไทย แม้ว่า BYD Shark 6 จะยังไม่มีการผลิตในประเทศไทย แต่ BYD ก็ได้เตรียมพร้อมฐานการผลิตในไทยแล้ว เช่น โรงงานที่จังหวัดระยอง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการนำรุ่นอื่นๆ ที่เหมาะกับตลาดไทยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะหรือ SUV
ประเทศไทยเป็นตลาดรถยนต์ที่สำคัญในอาเซียน ความต้องการรถพลังงานสะอาดที่นี่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง BYD ก็ให้ความสำคัญกับตลาดไทยด้วยการนำเสนอรถไฟฟ้าหลายรุ่น เช่น ATTO 3 พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายการขายและบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทำให้ผู้บริโภคไทยมั่นใจได้ในสินค้าของ BYD
BYD มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และรถไฟฟ้า โดยเฉพาะเทคโนโลยีใบมีด (Blade Battery) ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งาน หากในอนาคต BYD Shark 6 เข้าสู่ตลาดไทย ก็อาจจะเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจในตลาดรถกระบะพลังงานสะอาดของไทยเลยทีเดียว
Q
ใช้เวลานานเท่าไรในการชาร์จ BYD Shark 6?
สำหรับ BYD Shark 6 ที่เป็นรถปิคอัพแบบปลั๊กอินไฮบริด ถ้าใช้ที่ชาร์จไฟที่บ้านในไทย (7kW) การชาร์จจาก 0% จนเต็มจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เวลาอาจจะคลาดเคลื่อนนิดหน่อยขึ้นอยู่กับสภาพการชาร์จจริงๆ เช่นความเสถียรของแรงดันไฟหรืออุณหภูมิแวดล้อม แต่ถ้าใช้ที่ชาร์จสาธารณะแบบเร็ว (50kW) เวลาในการชาร์จจะลดลงเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง เหมาะกับคนไทยที่ต้องการชาร์จไฟตามศูนย์การค้าหรือสถานีชาร์จในเมือง สภาพอากาศร้อนของไทยส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ไม่มาก แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการชาร์จตอนกลางวันที่แดดจัดเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ข้อควรรู้คือรถแบบปลั๊กอินไฮบริดจะมีความจุแบตเตอรี่น้อยกว่ารถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ดังนั้นเวลาชาร์จจึงสั้นกว่า สามารถใช้โหมดไฟฟ้าล้วนสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันได้ (ระยะทางประมาณ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC) และเมื่อรวมกับราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงในไทย โหมดไฮบริดจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มาก รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการสร้างสถานีชาร์จไฟมากขึ้นในอนาคต การมีที่ชาร์จแบบเร็วมากขึ้นจะทำให้สะดวกขึ้น เวลาเลือกซื้อแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรให้แบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อนได้ดี
Q
BYD Shark 6 มีเกียร์หรือไม่?
BYD Shark 6 เป็นรถปิกอัพแบบปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมกับเกียร์จริงๆ แต่เป็นระบบ E-CVT ที่พัฒนาโดยไบเอ็ดเอง ซึ่งระบบแบบนี้เป็นที่นิยมในรถไฮบริด เพราะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล ไม่สะดุด แถมยังประหยัดน้ำมันและขับขี่สบายด้วย สำหรับคนไทยแล้ว ระบบขับเคลื่อนของ Shark 6 นี่เหมาะมากกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองที่หลากหลาย แม้แต่ทางออฟโรดก็เอาอยู่ แถมยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะราคานํ้ามันที่ไทยค่อนข้างสูง จุดเด่นของ E-CVT คือโครงสร้างต่างจากเกียร์ทั่วไป มันบรรลุความเร็วตัวแปรโดยชุดเกียร์ดาวเคราะห์และมอเตอร์ทำงานร่วมกัน ทำให้เสียกำลังน้อยและไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย ซึ่งเหมาะกับอากาศร้อนชื้นของไทยที่มักสร้างปัญหาให้เกียร์ธรรมดาในเรื่องการหล่อลื่นและการระบายความร้อน ยิ่งตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมรถพลังงานสะอาด รุ่นแบบ Shark 6 ยังได้สิทธิ์ลดภาษีและสวัสดิการอื่นๆ ด้วย นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่ชอบคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

แท่งเหล็กกันโคลงในรถยนต์คืออะไร? และมันมีผลอะไรกับรถยนต์?
พงศธรSep 11, 2025

BMW รุ่นใหม่ iX3 ยืนยันเปิดตัววันที่ 5 กันยายน สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Neue Klasse
ณัฐวุฒิSep 1, 2025

BMW จะนำ Neue Klasse iX3 และ JCW Concept Car มาที่ IAA Mobility
พงศธรAug 7, 2025

BMWและBenzยืนยันการเข้าร่วมงานIAAรถยนต์โชว์ พร้อมนำSUVไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเขามาแสดง
LienJul 18, 2025

BMW i3 เวอร์ชันใหม่ 2027 เตรียมชน Tesla Model 3 ด้วยพลังเทคโนโลยี Gen6
พงศธรJul 15, 2025
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย