Q

ราคารถตู้ไฟฟ้า MG แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เท่าไหร่

ปัจจุบัน MG ได้เปิดตัวรถตู้ไฟฟ้า 100% ในตลาดประเทศไทยอย่าง MG Maxus 9 โดยราคาประจำทางเริ่มต้นที่ 2.39 ล้านบาท แต่ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับการเลือกอุปกรณ์เสริมหรือโปรโมชั่นต่างๆ รถรุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 72kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดถึง 350 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และรองรับระบบชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 40 นาที เหมาะสมทั้งสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์หรือการเดินทางพร้อมครอบครัวในประเทศไทย ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแข็งขัน ทั้งการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต รวมถึงให้สิทธิประโยชน์ส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท ทำให้ต้นทุนการซื้อจริงถูกลงอีก สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถตู้ไฟฟ้า นอกจากเรื่องระยะทางและราคาแล้ว ควรตรวจสอบการกระจายตัวของสถานีชาร์จในพื้นที่ด้วย เพราะแม้ปัจจุบันในกรุงเทพฯและเมืองหลักจะมีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในพื้นที่ห่างไกลยังจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้า MG ถือเป็นแบรนด์ที่เข้ามาลงทุนในตลาดรถไฟฟ้าของประเทศไทยค่อนข้างเร็ว ทำให้มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ค่อนข้างครอบคลุม ซึ่งนับเป็นจุดแข็งที่ผู้ซื้อควรพิจารณาเมื่อตัดสินใจเลือกซื้อรถตู้ไฟฟ้าสักคัน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ MG Cyberster มีอะไรบ้าง?
MG Cyberster อาจไม่ถึงกับมี “ข้อเสีย” แบบชัดเจน แต่จากเสียงของผู้ใช้และปัจจัยโดยรวม พบว่ามีบางประเด็นที่ควรพิจารณา เช่น บางคนรู้สึกว่าชั้นสีของตัวถังค่อนข้างบาง ขูดขีดได้ง่าย จึงต้องระมัดระวังในการใช้งานประจำวัน นอกจากนี้เรื่องบริการหลังการขาย อะไหล่บางชิ้นอาจใช้เวลาสั่งนาน ทำให้การซ่อมแซมล่าช้า อีกทั้งศูนย์บริการบางแห่งอาจยังมีประสบการณ์ไม่มากกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่แบบนี้ จึงอาจจัดการปัญหาได้ไม่คล่องตัวนัก อีกจุดที่หลายคนมองคือเรื่องราคา ที่อาจสูงกว่าคู่แข่งบางรุ่น ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีงบจำกัด อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตเหล่านี้ไม่ได้ถือว่าเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรง และในด้านดีไซน์กับสมรรถนะ MG Cyberster ก็มีจุดเด่นชัดเจน ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการของผู้ซื้อแต่ละคนในการตัดสินใจ.
Q
MG Cyberster อยู่ใน Segment ไหน?
MG Cyberster เป็นรถยนต์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะสูง เจาะกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นที่ชื่นชอบความสนุกในการขับขี่และความล้ำสมัยของเทคโนโลยี ในตลาดประเทศไทย รถรุ่นนี้สามารถดึงดูดผู้ใช้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชอบความทันสมัย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ ที่โครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จไฟฟ้ากำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถประเภทนี้ใช้งานได้จริงมากขึ้นในชีวิตประจำวัน MG Cyberster มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้าขั้นสูง มีจุดเด่นด้านอัตราเร่งและระยะทางขับขี่ที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและทริปสั้น ๆ ดีไซน์ที่เป็นรถสปอร์ตผสานกับฟีเจอร์อัจฉริยะ ทำให้กลายเป็นจุดสนใจบนท้องถนน ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการความโดดเด่นและทันสมัย รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตยังถือว่าเป็นตลาดใหม่ในไทย แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากภาครัฐและการรับรู้ของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้ MG Cyberster มีศักยภาพสูงในการเติบโต และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ชาวไทย.
Q
มูลค่ามือสองของ MG Cyberster คือเท่าไหร่?
มูลค่ามือสองของ MG Cyberster ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย จึงไม่สามารถระบุราคาแน่นอนได้อย่างชัดเจน โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 2,499,000 บาท ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าที่มีสมรรถนะโดดเด่น มีกำลังสูงสุด 400kW (544 แรงม้า) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. และวิ่งได้ระยะทางถึง 503 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายแบบครบครัน ถ้ารถยังใหม่ ใช้งานน้อย สภาพดี และตลาดยังมีความต้องการสูง ราคามือสองก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่หากรถมีสภาพสึกหรอหรือความต้องการในตลาดลดลง ก็อาจส่งผลให้ราคาตกลงได้ นอกจากนี้ การเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ หรือเทคโนโลยีที่พัฒนาเร็วก็มีผลต่อมูลค่ามือสองเช่นกัน แนะนำให้เช็กข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสอง หรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายเพื่อประเมินราคาคร่าว ๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น.
Q
MG Cyberster มีขนาดรูน็อตล้อ (PCD) เท่าไหร่?
MG Cyberster มีขนาดรูน็อตล้อ (PCD) อยู่ที่ 5x112 หมายถึง ล้อของรถรุ่นนี้มีรูน็อต 5 รู และรูน็อตทั้งหมดกระจายตัวอยู่บนวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 112 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่พบได้บ่อยในรถยุโรปหลายรุ่น เช่น Volkswagen หรือ Mercedes-Benz จึงทำให้การหาอะไหล่หรือเปลี่ยนล้อแม็กในตลาดไทยทำได้ง่ายขึ้น เพราะมีของที่ใช้ร่วมกันได้มาก อย่างไรก็ตาม เวลาจะเปลี่ยนล้อหรืออัปเกรดระบบเบรก ยังต้องคำนึงถึงขนาดของรูดุมกลาง (CB) และค่า Offset หรือ ET ให้ตรงกับสเปกรถด้วย ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ล้อไม่แน่นพอ หรือมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ สำหรับประเทศไทยที่อากาศร้อนและฝนตกบ่อย แนะนำให้เลือกแม็กที่น้ำหนักเบาและระบายความร้อนได้ดี เพื่อช่วยให้รถขับนิ่งและปลอดภัยมากขึ้นในสภาพอากาศแบบนี้ ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี สามารถปรึกษาศูนย์บริการ MG หรือร้านแม็กมืออาชีพในไทยได้เลย พวกเขาจะช่วยแนะนำรุ่นที่เหมาะกับถนนและอากาศบ้านเราได้ตรงจุดที่สุดค่ะ.
Q
MG Cyberster มี Apple Carplay หรือไม่
MG Cyberster เป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจอย่างมาก และยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Apple CarPlay ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในไทยได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยให้เชื่อมต่อ iPhone ได้สะดวก ทั้งระบบนำทาง เล่นเพลง หรือแม้แต่โทรศัพท์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ สำหรับตลาดไทยแล้ว ความเข้ากันได้ของ Apple CarPlay ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้ใช้งานที่นี่มักพึ่งพาสมาร์ทโฟนในการวางแผนเดินทาง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ระบบนำทางแบบเรียลไทม์และการควบคุมด้วยเสียงจะช่วยลดความเครียดในการขับรถได้มาก นอกจากนี้ MG Cyberster ยังรองรับ Android Auto อีกด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่หลากหลาย เมื่อคนไทยเลือกซื้อรถไฟฟ้า นอกจากจะสนใจเรื่องสมรรถนะและระยะทางแล้ว ความสะดวกของระบบสมาร์ทในรถก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ซึ่ง MG Cyberster ก็ทำได้ดีในจุดนี้ และเมื่อโครงสร้างพื้นฐานของรถไฟฟ้าในไทยพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ฟังก์ชันอัจฉริยะเหล่านี้จะยิ่งช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น แนะนำให้ผู้ที่สนใจไปทดลองขับด้วยตัวเองที่โชว์รูม MG ในพื้นที่
Q
ยางที่ติดมากับ MG Cyberster ใช้ยี่ห้ออะไร?
MG Cyberster ในฐานะที่เป็นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจมาก รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยอาจมาพร้อมยางจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Michelin หรือ Pirelli ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและสเปกที่นำเข้า ซึ่งยางทั้งสองแบรนด์นี้มีจำหน่ายและศูนย์บริการครอบคลุมในประเทศไทย เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อยของไทย ยางเป็นส่วนสำคัญที่สัมผัสพื้นถนนโดยตรง มีผลต่อการควบคุมรถ ความนุ่มนวล และความปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ยางที่รีดน้ำดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการลื่นไถล สำหรับ MG Cyberster ที่เป็นรถไฟฟ้าสมรรถนะสูง ยางที่เลือกใช้ต้องบาลานซ์ระหว่างแรงต้านทานการหมุนต่ำ เพื่อยืดระยะทางขับขี่ และแรงยึดเกาะที่ดีเพื่อรองรับแรงบิดทันทีจากมอเตอร์ไฟฟ้า ผู้ใช้ในไทยเวลาจะเปลี่ยนยาง ควรดูไม่แค่ยี่ห้อ แต่รวมถึงขนาด ดัชนีน้ำหนัก และระดับความเร็วที่เหมาะสมกับสเปกจากโรงงาน พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพยางและแรงดันลมเป็นประจำ เพื่อให้ขับขี่ได้ปลอดภัยและเต็มประสิทธิภาพ.
Q
MG Cyberster เป็นรถดีไหม? มาดูข้อดีและข้อสังเกตกันที่นี่!
MG Cyberster เป็นรถที่มีจุดเด่นหลายด้านอย่างชัดเจน ด้านดีไซน์ภายนอก มาพร้อมหลังคาผ้าใบเปิดประทุนและประตูปีกนกสุดเท่ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมไฟท้ายทรงลูกศร และสีตัวถังที่มีให้เลือกหลายเฉดสี สะท้อนความทันสมัยและความเป็นเอกลักษณ์อย่างเต็มที่ ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ทั้งเบาะหนัง Nappa และวัสดุ Alcantara แผงคอนโซลแบบ 3 หน้าจอ มาพร้อมไฟสร้างบรรยากาศ 64 สี และลำโพง Bose 8 ตัว ให้ความรู้สึกหรูหราและล้ำสมัย ด้านสมรรถนะก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยมอเตอร์คู่แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 77kWh ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิด 725 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. วิ่งได้ไกลถึง 503 กม. ต่อการชาร์จ พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็วอีกด้วย อย่างไรก็ตาม รถรุ่นนี้ก็ยังมีข้อจำกัดบ้าง เช่น เป็นรถแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานแบบครอบครัว และราคาที่ตั้งไว้ประมาณ 2,499,000 บาท อาจสูงสำหรับบางกลุ่มผู้บริโภค โดยรวมแล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความโดดเด่น สมรรถนะแรง และประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร MG Cyberster ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก.
Q
ความกว้างของ MG Cyberster คือเท่าไร?
MG Cyberster มีความกว้าง 1,913 มม. โดยขนาดตัวรถทั้งหมดคือ 4,535 × 1,913 × 1,329 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,690 มม. การที่ตัวรถกว้างกว่าปกติให้ข้อดีหลายอย่าง อย่างแรกเวลาขับรถ รถที่กว้างกว่าจะช่วยให้ทรงตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะตอนขับเร็วหรือเข้าโค้ง ตัวรถที่กว้างจะช่วยให้รถอยู่ในท่าที่มั่นคง ลดโอกาสเกิดการโคลงด้านข้าง อีกอย่างตัวรถที่กว้างยังส่งผลดีต่อการจัดวางพื้นที่ภายในด้วย แม้ MG Cyberster จะเป็นรถสปอร์ตสองที่นั่ง แต่ความกว้างที่มากขึ้นช่วยให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารมีพื้นที่ด้านข้างที่เหลือเฟือ นั่งแล้วสบายไม่รู้สึกอึดอัด
Q
รถสปอร์ตไฟฟ้า MG Cyberster ต้องเสียภาษีถนนเท่าไหร่? แล้วคิดคำนวณยังไง?
MG Cyberster ในฐานะที่เป็นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า จะมีวิธีการคำนวณภาษีถนนประจำปี (Road Tax) ที่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปแบบทั่วไป โดยภาษีถนนของรถยนต์ไฟฟ้าจะคิดจากกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า (หน่วยเป็นกิโลวัตต์) ตามสูตร: ภาษีถนน = กำลังมอเตอร์ (kW) × 6 บาท ยกตัวอย่าง MG Cyberster รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) มีกำลังมอเตอร์ 231 กิโลวัตต์ จะต้องเสียภาษีถนนปีละประมาณ 1,386 บาท ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ซึ่งใช้มอเตอร์คู่มีกำลังรวม 400 กิโลวัตต์ จะเสียภาษีประมาณ 2,400 บาทต่อปี รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีมากกว่ารถใช้น้ำมันแบบดั้งเดิม ซึ่งเก็บภาษีตามขนาดความจุของเครื่องยนต์ (ซีซี) ที่ยิ่งมากก็ยิ่งแพง ดังนั้นรถไฟฟ้าอย่าง MG Cyberster จึงจ่ายภาษีถนนถูกกว่าชัดเจน นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อ MG Cyberster ยังมีสิทธิได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า และลดภาษีสรรพสามิตตามนโยบายส่งเสริมรถ EV อีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ MG Cyberster มีความคุ้มค่ามากขึ้นในตลาดไทย อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับตัวแทนจำหน่าย MG หรือกรมการขนส่งทางบก (DLT) เพราะมาตรการสนับสนุนอาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายรัฐบาล.
Q
MG Cyberster ต้องเติมน้ำมันเครื่อง (ถ้ามี) ปริมาณเท่าไหร่?
MG Cyberster เป็นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า จึงไม่มีเครื่องยนต์สันดาปแบบรถทั่วไป และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเหมือนรถใช้น้ำมันที่เราคุ้นเคยในไทย อย่างไรก็ตาม ระบบเกียร์ทดรอบ (Reduction Gearbox) ที่ใช้ในรถไฟฟ้า อาจต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นตามระยะ โดยปริมาณและประเภทน้ำมันควรอ้างอิงจากคู่มือผู้ใช้หรือสอบถามจากศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรง ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย การดูแลระบบระบายความร้อนและแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับทางไกลหรือใช้การชาร์จเร็วบ่อย ๆ เพราะระบบจัดการอุณหภูมิของแบตเตอรี่มีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพการใช้งาน เจ้าของรถในไทยควรใส่ใจการดูแลเพิ่มเติมในช่วงฤดูฝน เช่น หลีกเลี่ยงการขับลุยน้ำลึก แม้ว่าแบตเตอรี่ของ MG Cyberster จะมีมาตรฐานกันน้ำระดับ IP67 ก็ตาม แต่การหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบต่าง ๆ ได้มากขึ้น หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ไฟฟ้าในสภาพอากาศร้อน เช่น การดูแลแบตเตอรี่หรือการติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน แนะนำให้ปรึกษาตัวแทนจำหน่าย MG ในไทย พวกเขาจะให้คำแนะนำที่เหมาะกับสภาพการใช้งานในท้องถิ่นได้ดีที่สุด.

ข้อดี

การออกแบบด้านภายนอกที่งดงามทำให้ดูน่าสนใจ
กำลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งทำให้การขับรถมีความตื่นเต้น
คุณสมบัติเทคโนโลยีล้ำหน้าเพิ่มประสบการณ์การขับรถ

ข้อเสีย

บางคนคิดว่าพื้นที่ภายในค่อนข้างแคบ
การควบคุมรถเมื่อขับด่วนอาจต้องปรับปรุง
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอาจค่อนข้างสูง

Q&A ล่าสุด

Q
วิธีดูกล้องสดบนรถยนต์ Tesla Model 3
เมื่อคุณใช้ฟังก์ชันดูภาพสดจากกล้องของ Tesla Model 3 ในประเทศไทย คุณสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Tesla บนมือถือได้ง่ายๆ โดยก่อนอื่นต้องมั่นใจว่ารถอยู่ในโหมดพร้อมใช้งานและเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่เสถียร หลังจากเปิดแอปให้เลือกเมนู "ความปลอดภัย" เพื่อเข้าถึงภาพสดจากกล้องในรถ ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์มากในสภาพอากาศร้อนและฝนตกบ่อยของไทย ช่วยให้คุณตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบรถได้ตลอดเวลา เช่น ตรวจดูว่ามีสัตว์เล็กๆ หลบร้อนใต้รถหรือไม่ หรือยืนยันตำแหน่งจอดรถว่าปลอดภัย ระบบกล้องของ Model 3 ใช้เลนส์มุมกว้างและเซ็นเซอร์ความไวสูง แม้ในเวลากลางคืนหรือในที่จอดรถใต้ดินที่แสงน้อยก็ยังให้ภาพที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่ของไทยอาจเกิดปัญหาสัญญาณเน็ตเวิร์กไม่คงที่ซึ่งส่งผลต่อความลื่นไหลของการส่งภาพ แนะนำให้ทดสอบการเชื่อมต่อล่วงหน้าในสถานการณ์สำคัญ นอกจากนี้โหมด Sentry ของ Tesla ที่ทำงานร่วมกับกล้องยังช่วยบันทึกเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายไทยที่รับรองหลักฐานดิจิทัล ทำให้การรักษาความปลอดภัยของรถเป็นสองชั้น สำหรับการใช้งานประจำวัน การทำความสะอาดเลนส์กล้องอย่างสม่ำเสมอในการใช้งานประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงฝนหรือฝุ่นที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของภาพเป็นมาตรการบำรุงรักษาที่จำเป็น
Q
วิธีปิดการขับขี่ด้วยเพียงเท้าเดียวบนรถ Tesla Model 3
หากคุณต้องการปิดโหมดขับขี่ด้วยคันเร่งเดียว (Single Pedal Driving) ในรถ Tesla Model 3 สามารถทำได้ง่ายๆ โดยเข้าไปที่หน้าจอกลางรถ เลือกเมนู "ควบคุม" จากนั้นเลือก "คันเร่งและพวงมาลัย" แล้วไปที่การตั้งค่า "โหมดหยุด" แล้วเปลี่ยนเป็น "โหมดครีป" หรือ "โหมดปล่อยไหล" แค่นี้รถก็จะทำงานเหมือนรถน้ำมันทั่วไปที่เมื่อคุณปล่อยคันเร่ง รถจะค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าเอง โหมดขับขี่ด้วยคันเร่งเดียวของ Tesla นี้ทำงานผ่านระบบกักเก็บพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ แต่ยังลดการสึกหรอของผ้าเบรกอีกด้วย เหมาะมากกับการขับขี่ในเมืองไทยที่รถติดบ่อย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยมีฝนตกชุก ถนนอาจลื่นได้ เราแนะนำให้ผู้ขับขี่มือใหม่ควรเริ่มจากการใช้โหมดขับขี่ปกติก่อนก่อน หากคุณต้องขับรถในเมืองที่มีรถติดมากๆ อย่างกรุงเทพฯ ลองค่อยๆปรับตัวใช้โหมดคันเร่งเดียวดู จะช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ได้มากนะ ไม่ว่าคุณจะเลือกโหมดไหน ขอให้ระมัดระวังรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ถนนลื่นมากๆ
Q
ต้องใช้กี่กิโลวัตต์ชั่วโมงในการชาร์จ Tesla Model 3 ปี 2022
สำหรับ Tesla Model 3 รุ่นปี 2022 ในประเทศไทย ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการชาร์จจะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 50-75 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รุ่น Standard Range เมื่อชาร์จเต็มจะใช้ไฟประมาณ 50 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่วนรุ่น Long Range ต้องการประมาณ 75 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แต่การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อยเนื่องจากปัจจัยเช่นประสิทธิภาพการชาร์จและอุณหภูมิแวดล้อม ในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ชาร์จในที่ร่มเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากความร้อนของแบตเตอรี่ และการใช้สถานี Supercharger ของ Tesla (เช่นในกรุงเทพหรือพัทยา) จะช่วยลดเวลาชาร์จลงได้มาก โดยทั่วไปใช้เวลาเพียง 30 นาทีเพื่อชาร์จไฟได้ถึง 80% ควรทราบว่าค่าไฟสำหรับการชาร์จที่บ้านจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) อยู่ที่ประมาณ 4-6 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง การชาร์จเต็มสำหรับรุ่น Standard Range จึงมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200-300 บาท ซึ่งช่วยประหยัดได้มากกว่า 60% เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน หากวางแผนจะติดตั้งที่ชาร์จที่บ้าน ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายไฟรองรับกำลังไฟมากกว่า 7 กิโลวัตต์ และควรสมัครมิเตอร์ไฟฟ้าเฉพาะจาก PEA เพื่อใช้ประโยชน์จากอัตราค่าไฟช่วงเวลากลางคืนที่ถูกลง ปัจจุบันในไทยมีสถานีชาร์จสาธารณะกว่า 500 แห่งครอบคลุมเมืองหลักๆ และสามารถตรวจสอบจุดชาร์จที่ว่างได้แบบเรียลไทม์ผ่านระบบนำทางของ Tesla สำหรับการเดินทางไกล แนะนำให้เลือกใช้สถานีชาร์จที่ร่วมมือกับ Central Group หรือการไฟฟ้านครหลวง (MEA) เพื่อความมั่นใจในความเข้ากันได้ของระบบ
Q
Tesla Model 3 เปิดตัวเมื่อไหร่
Tesla Model 3 ปรากฏตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2019 ตอนนั้น Tesla เพิ่งเริ่มเปิดตัวในตลาดไทยและเริ่มรับจองอย่างเป็นทางการ ส่วนการส่งมอบรถจริงๆเริ่มทยอยกันมาตั้งแต่ปี 2020 รุ่นนี้ดึงดูดผู้บริโภคไทยจำนวนมากด้วยระยะขับขี่ที่เยี่ยมยอด ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอันล้ำสมัย และการออกแบบภายในที่เรียบหรู โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ เพราะรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าทั้งลดภาษีและให้เงินสนับสนุน ทำให้ Model 3 กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ขายดีในไทย สำหรับตลาดไทย Tesla เสนอ Model 3 แบบสองขับเคลื่อนพร้อมแบตเตอรี่ระยะมาตรฐานกับแบบสี่ขับเคลื่อนพร้อมแบตเตอรี่ระยะยาว ที่ให้ระยะขับขี่ได้ประมาณ 400 กม. และมากกว่า 500 กม. ตามลำดับ เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนเมืองและการเดินทางใกล้ๆ ในไทย แถม Tesla ยังขยายเครือข่ายซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ทั่วประเทศ ช่วยให้เจ้าของรถชาร์จไฟได้สะดวกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรัฐบาลไทยยังเดินหน้านโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าต่อไป เทสลาคาดว่าจะนำรุ่นอื่นๆ เข้ามาในตลาดไทยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย พร้อมๆ กับช่วยพัฒนาระบบสาธารณูปโภคสำหรับรถไฟฟ้าในประเทศให้ดีขึ้น
Q
Tesla Model 3 มีความจุแบตเตอรี่เท่าไหร่
สำหรับ Tesla Model 3 ที่วางขายในตลาดไทย ความจุแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (Standard Range Plus) จะใช้แบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate (LFP) ความจุประมาณ 60 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่วนรุ่น Long Range และ Performance จะใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ NCA หรือ NCM ความจุประมาณ 82 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งความจุจริงอาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างตามปีที่ผลิตและสเปคของรถ ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ทำงานมีประสิทธิภาพดี แต่แนะนำให้เจ้าของรถหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยๆ เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ นอกจากนี้เครือข่ายสถานีชาร์จในไทยกำลังขยายตัวเร็วมาก โดยมีทั้ง Supercharger ของ Tesla และสถานีชาร์จของบริษัทอื่นครอบคลุมทั้งในเมืองใหญ่และเขตท่องเที่ยว สะดวกสำหรับการเดินทางไกล อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงที่รถวิ่งได้จะขึ้นอยู่กับสไตล์การขับ การใช้แอร์ และสภาพถนน เช่น การติดขัดในกรุงเทพอาจทำให้กินไฟมากขึ้น ส่วนแบตเตอรี่แบบ LFP นั้นเหมาะกับการใช้งานในไทยที่ต้องชาร์จบ่อย เพราะทนความร้อนได้ดีและอายุการใช้งานยาวนานกว่า รัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถ EV ทำให้ Model 3 ได้รับการลดหย่อนภาษีนำเข้า จึงมีราคาจับต้องง่ายขึ้นในตลาดไทย อีกทั้ง Tesla ยังอัปเดตระบบจัดการแบตเตอรี่ผ่าน OTA เป็นประจำ ผู้ใช้ไม่ต้องไปศูนย์บริการก็ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นได้เลย
ดูเพิ่มเติม