Q
ระยะเวลาดำเนินการของ Neta X คือเมื่อใด?
สำหรับรถ SUV ไฟฟ้ารุ่น Neta X ที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดไทย ระยะเวลารอรับรถจะแตกต่างกันไปตามการเลือกสเปค สีที่ชอบ และจำนวนคำสั่งซื้อในขณะนั้น โดยทั่วไปแล้วตั้งแต่สั่งซื้อจนถึงรับรถจะใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ แนะนำให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลการผลิตล่าสุดโดยตรงจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในพื้นที่ ในตลาดไทย วงจรการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไปได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของห่วงโซ่อุปทานโลกและประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ ตัวอย่างเช่น ความเร็วในการผ่านพิธีการศุลกากรสำหรับแบตเตอรี่นำเข้า หรือความคืบหน้าของการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ อาจเป็นปัจจัยที่ผันแปร ที่น่าสนใจคือนโยบายสนับสนุน EV 3.5 ของรัฐบาลไทย (ปี 2024-2027) ยังคงกระตุ้นความต้องการรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถรุ่นยอดนิยมบางรุ่นอาจต้องรอคิวรับรถเพิ่มขึ้น ดังนั้นการทดลองขับและยืนยันเงื่อนไขการซื้อล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับผู้บริโภคไทยที่สนใจรถไฟฟ้า ควรคำนึงถึงความพร้อมของสถานีชาร์จด้วย ปัจจุบันในเมืองหลักของไทยมีสถานีชาร์จสาธารณะมากกว่า 12,000 แห่ง ครอบคลุมส่วนใหญ่ในศูนย์การค้าและเส้นทางหลัก ส่วนการติดตั้งสถานีชาร์จที่บ้านปกติต้องใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์เพื่อประเมินระบบไฟฟ้าและดำเนินการติดตั้ง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Neta X มีอะไรบ้าง?
Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้า อาจมีจุดอ่อนหลักในตลาดประเทศไทยอยู่ที่ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อน โดยอุณหภูมิที่สูงของไทยอาจทำให้ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้น ขณะเดียวกัน เครือข่ายสถานีชาร์จในบางพื้นที่ห่างไกลยังไม่ครอบคลุม อาจกระทบต่อความสะดวกในการเดินทางระยะไกล
ระบบขับขี่อัจฉริยะของรถรุ่นนี้ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวให้เหมาะกับสภาพการจราจรที่ซับซ้อนของไทย เช่น การตรวจจับมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งอยู่บนถนนอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม รถยนต์ไฟฟ้ายังมีอัตราการคงมูลค่าในตลาดมือสองที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณา
ในมุมการใช้งานจริง ผู้บริโภคชาวไทยควรพิจารณาด้วยว่ารถรุ่นดังกล่าวมีศูนย์บริการหลังการขายกระจายตัวเพียงพอหรือไม่ รวมถึงมีเทคโนโลยีป้องกันน้ำในแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับฤดูฝนของไทยหรือเปล่า เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานโดยตรง
Q
Neta X จัดอยู่ในรถกลุ่มเซกเมนต์ไหน?
เนตา เอ็กซ์ เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ตำแหน่งทางการตลาดอยู่ในเซ็กเมนต์ C-SUV ที่มีการแข่งขันสูงในตลาดรถไฟฟ้าโลก สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเพราะตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองที่คล่องตัว และความประหยัดพื้นที่เหมาะกับครอบครัว ตัวถังมีความยาวประมาณ 4.6 เมตร ระยะฐานล้อ 2.77 เมตร จุผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง ซึ่งขนาดนี้เหมาะกับการขับขี่ในซอยแคบๆ แบบกรุงเทพฯ พร้อมกันนั้นยังช่วยให้รองรับสภาพถนนช่วงฤดูฝนได้ดีด้วย สเปคการขับขี่แบบ CLTC วิ่งได้ไกล 501-660 กิโลเมตร เมื่อรวมกับนโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาลไทย เช่น การลดภาษีนำเข้าและสนับสนุนสถานีชาร์จ ก็ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางได้มาก ในส่วนระบบอัจฉริยะ มาพร้อมหน้าจอกลาง 15.6 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่ระดับ L2+ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนไทยที่การจราจรค่อนข้างซับซ้อน คู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง BYD Atto 3 และ MG ZS EV อาจสู้ไม่ได้ในจุดเด่นอย่างขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าและแบตเตอรี่จาก CATL ที่เนตา เอ็กซ์ นำมาใช้ ตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้าไทยโตเกิน 300% ต่อปี โดยเฉพาะ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดในราคา 1-1.5 ล้านบาทกำลังมาแรง เมื่อมีแบรนด์จีนเข้ามาเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายขึ้นในอนาคต
Q
มูลค่าขายต่อของ Neta X คือเท่าไหร่?
เนต้า เอ็กซ์ ในฐานะรถอีวีเอสยูวีรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดไทย มูลค่าซื้อขายต่อในตลาดมือสองจะถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย ทั้งการรับรู้ของคนไทยต่อแบรนด์ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ความต้องการในตลาด รวมถึงนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าจากรัฐบาลไทย ปัจจุบันตลาดอีวีในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รัฐบาลออกมาตรการลดภาษีและให้เงินสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าคงเหลือของเนต้า เอ็กซ์ ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและความสะดวกในการหาสถานีชาร์จก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าซื้อขายต่อ ถ้าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพคงที่และมีบริการหลังการขายที่ครบวงจร มูลค่าก็จะสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้วรถไฟฟ้าในไทยมักมีมูลค่าซื้อขายต่อต่ำกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย แต่เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาไปและคนเริ่มนิยมมากขึ้น ช่องว่างนี้ก็กำลังลดลง สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อ แนะนำให้ศึกษานโยบายการรับประกันจากบริษัทและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพราะสองเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อมูลค่ารถในระยะยาว รวมถึงสภาพอากาศร้อนของไทยก็อาจกระทบต่ออายุแบตเตอรี่ได้ การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอและการใช้งานอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ และรักษามูลค่าของรถไว้ได้ในระดับที่ดี
Q
ขุมพลังใน Neta X คืออะไร?
Neta X มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางระยะสั้นได้อย่างเหมาะสม แบตเตอรี่มีให้เลือกหลายขนาดตามแต่ละรุ่น โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและทริปท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์
ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย Neta X ยังมีระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ (BMS) ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้เสถียรแม้ในอุณหภูมิสูง และช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อีกด้วย อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จไฟจาก 0–80% ได้ภายใน 30 นาที ซึ่งตอบโจทย์กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จที่กำลังขยายตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
Q
ขนาด PCD ของ Neta X คือเท่าไหร่?
ขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสกรู) ของ Neta X ที่ 5×114.3 มิลลิเมตร เป็นหนึ่งในขนาดยอดนิยมสำหรับการติดตั้งล้อในตลาดไทย ซึ่งเหมาะกับการอัพเกรดรถ SUV และรถเก๋งส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยในประเทศไทย รุ่นยอดฮิตอย่าง Toyota Fortuner หรือ Honda CR-V ก็ใช้ขนาด PCD เดียวกัน ทำให้เจ้าของ Neta X สามารถหาล้อที่เข้ากันได้ง่ายหรืออัพเกรดล้อได้สะดวกกว่า PCD นับเป็นพารามิเตอร์สำคัญในการเลือกซื้อล้อ เพราะถ้าเลือกขนาดถูกต้องจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันปัญหาการสั่นสะเทือนหรือการสึกหรอจากขนาดที่ไม่พอดี สำหรับคนไทยที่อยากเปลี่ยนล้อ นอกจาก PCD แล้ว ควรเช็กค่ากลางล้อ (CB) และค่าโอฟเซ็ต (ET) ด้วย แนะนำให้ซื้อจากร้านมืออาชีพหรือช่องทางตัวแทนจำหน่ายแท้เพื่อความมั่นใจในความเข้ากันได้ อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงคือสภาพอากาศเมืองไทยที่ฝนชุก ควรเลือกวัสดุล้อที่ป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เช่น อลูมิเนียมอัลลอยด์ และเลือกลายดอกยางที่รีดน้ำได้มีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น
Q
Neta X รับรอง Apple CarPlay หรือไม่?
ตอนนี้รถรุ่น Neta X ที่วางขายในตลาดไทยมีการรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ในไทยได้สัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อในรถที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยสามารถใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานอย่างแผนที่หรือเพลงผ่านหน้าจอกลางรถได้เลย สำหรับสภาพอากาศในไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ฟังก์ชันการเชื่อมต่อแบบไร้สายของ Apple CarPlay จะช่วยลดปัญหาสายชาร์จเสื่อมสภาพจากความร้อน ส่วนระบบควบคุมด้วยเสียงก็เหมาะกับการใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ เพราะช่วยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ที่น่าสนใจคือรถบางรุ่นจากแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดไทยยังใช้ระบบ CarPlay แบบมีสาย ทำให้จุดเด่นของ Neta X ที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายดูน่าสนใจกว่า แถมยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android อีกด้วย
ก่อนตัดสินใจซื้อ แนะนำให้ลองทดสอบระบบมัลติมีเดียในรถด้วยตัวเอง เพื่อเช็คความลื่นไหลและการทำงานร่วมกับบริการแผนที่ในไทย โดยเฉพาะการแสดงชื่อสถานที่แบบไทยและระบบแจ้งเตือนการจราจร เพราะปัจจุบันฟังก์ชันเชื่อมต่ออัจฉริยะแบบนี้กำลังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจรถ EV ในไทยซึ่งกำลังมาแรง
Q
Neta X ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจในตลาดไทย ยางติดรถจากโรงงานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อยและความต้องการของตลาด โดยทั่วไปมักเลือกใช้ยางจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Continental หรือ Michelin ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและการยึดเกาะบนถนนเปียก เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกบ่อยของประเทศไทย
สำหรับการเลือกยางในประเทศไทย นอกจากเรื่องยี่ห้อแล้ว ยังควรพิจารณาสภาพถนนในพื้นที่ใช้งาน เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือถนนที่ซับซ้อนนอกเมือง โดยควรให้ความสำคัญกับคุณสมบัติทนความร้อน การรีดน้ำ และความประหยัดน้ำมัน ยางอย่าง Michelin รุ่น Energy Saver หรือ Continental รุ่น EcoContact เป็นตัวเลือกที่ดีที่เน้นทั้งความสบายและความคุ้มค่า
ทั้งนี้ กฎหมายไทยกำหนดความลึกของดอกยางต้องไม่ต่ำกว่า 1.6 มิลลิเมตร จึงควรตรวจสอบสภาพดอกยางและแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในรถไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูง ยิ่งต้องดูแลรักษายางอย่างใกล้ชิดเพื่อยืดอายุการใช้งาน หากผู้ใช้งานต้องการประสบการณ์ขับขี่ที่เงียบหรือประหยัดพลังงานมากขึ้น ก็สามารถปรึกษาร้านยางเพื่อเปลี่ยนเป็นยางแบบเงียบหรือแบบแรงต้านต่ำได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นรุ่นที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกของไทยแล้วเท่านั้น
Q
ความกว้างของ Neta X คือเท่าไหร่?
รถ Neta X มีรุ่นย่อยให้เลือกหลายแบบ เช่น Neta X Comfort 2024 และ Neta X Smart 2024 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีความกว้างตัวรถที่ 1,860 มม. เท่ากัน ความกว้างของรถเป็นพารามิเตอร์สำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงในการขับขี่ การผ่านพ้นสิ่งกีดขวางบนถนน รวมถึงการจัดวางพื้นที่ภายในรถ รถที่มีความกว้างมากกว่าปกติมักจะให้พื้นที่ด้านข้างที่กว้างขวางกว่า ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่นั่งแถวหลังที่จะไม่รู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ความกว้างของตัวรถยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมรถขณะขับเคลื่อนอีกด้วย
Q
แรงดันลมยางของ Neta X ควรเติมเท่าไหร่?
ค่าลมยางมาตรฐานของ Neta X อยู่ที่ประมาณ 2.3 ถึง 2.5 บาร์ (ประมาณ 33 ถึง 36 psi) ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในเมืองและทางหลวงที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อน ลมยางจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติเมื่อขับขี่ ดังนั้นควรเติมลมในขณะยางเย็นตามค่ามาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและความนุ่มนวลในการขับขี่
หากต้องบรรทุกของหนักบ่อย หรือขับทางไกล แนะนำให้เพิ่มลมยางล้อหลังอีกประมาณ 0.1 ถึง 0.2 บาร์ แต่อย่าลืมตรวจสอบค่าที่แนะนำจากฉลากข้างประตูรถหรือฝาถังน้ำมันเป็นหลัก
การตรวจสอบลมยางอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ควรเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้งด้วยเกจวัดลม เพราะอุณหภูมิที่สูงในไทยอาจทำให้แรงดันลมยางผันผวนได้ หากลมยางต่ำเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง แต่ถ้าลมยางสูงเกินไปจะลดการยึดเกาะถนนและเพิ่มระยะเบรก
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Neta X ลมยางยังมีผลต่อระยะทางที่สามารถขับได้ในแต่ละการชาร์จอีกด้วย การรักษาค่าลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงช่วยให้ประหยัดพลังงานและขับขี่ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Q
ยางของ Neta X ใช้ขนาดเท่าไหร่?
Neta X มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ซึ่งถือเป็นขนาดมาตรฐานในกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกลางในตลาดประเทศไทย ขนาดนี้สามารถให้ความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่และสมรรถนะการควบคุม เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายในไทย ทั้งในเมืองและนอกเมือง
ล้อขนาด 19 นิ้วยังช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับรูปลักษณ์ของรถ และยังส่งผลดีต่อเสถียรภาพของตัวรถ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทยที่ถนนเปียกบ่อย การใช้ล้อขนาดใหญ่ร่วมกับยางที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มการยึดเกาะบนพื้นผิวเปียกได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้านอกจากจะดูเรื่องขนาดล้อแล้ว ยังควรพิจารณาประเภทของยาง เช่น ยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ (Low Rolling Resistance) เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น หรือยางที่มีร่องรีดน้ำดีเพื่อความปลอดภัยในฤดูฝน
นอกจากนี้ วัสดุของล้อก็มีความสำคัญ ล้ออัลลอยที่ทำจากอะลูมิเนียมจะทนต่อการกัดกร่อนได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย และยังมีน้ำหนักเบา ช่วยลดการใช้พลังงาน หากผู้ใช้งานต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัว ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยนล้อจากศูนย์หรือชุดแต่งที่ถูกกฎหมายได้ แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายจราจรในประเทศไทย
Q&A ล่าสุด
Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
Q
Ford กำลังจะออก SUV รุ่นใหม่ในปี 2025 หรือไม่?
จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน Ford มีแผนที่จะเปิดตัว SUV รุ่นใหม่ในปี 2025 โดยคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นไฟฟ้าหรือไฮบริด เพื่อตอบสนองเทรนด์ตลาดรถยนต์โลกที่กำลังเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาด สำหรับตลาดไทย Ford เองก็มีการนำเข้า SUV หลายรุ่นอย่าง Everest และ EcoSport ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด การเปิดตัว SUV รุ่นใหม่นี้จะช่วยเสริมสายผลิตภัณฑ์ของ Ford ในไทยให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในแง่ของพื้นที่ใช้งาน ประสิทธิภาพ และความรักษ์สิ่งแวดล้อม ไทยถือเป็นตลาดรถยนต์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความต้องการ SUV สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดและไฟฟ้าที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล SUV รุ่นใหม่ของ Ford อาจมีการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคนไทย เช่น ระบบปรับอากาศที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนหรือช่วงล่างที่ทนทานมากขึ้น นอกจากนี้ นโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยอาจทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจในด้านราคามากขึ้น หากต้องการข้อมูลที่แน่นอน แนะนำให้ติดตามข่าวสารล่าสุดจากเว็บไซต์ฟอร์ดประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่
Q
รถยนต์รุ่นใดที่จะหยุดการผลิตในปี 2025?
จากสถานการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์โลกและการปรับกลยุทธ์ของบางแบรนด์ในปัจจุบัน คาดว่าภายในปี 2025 จะมีรถบางรุ่นที่ทยอยหยุดผลิตเนื่องจากอัปเดตสายการผลิตหรือเปลี่ยนไปผลิตรถไฟฟ้า เช่น รุ่นดีเซลของ Toyota Land Cruiser Prado ในตลาดไทยอาจลดลงเนื่องจากกฎหมายเรื่องการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้น ส่วน Mitsubishi Pajero ที่หยุดผลิตไปแล้วทั่วโลกตั้งแต่ปี 2021 อาจยังเหลือสต็อกขายในไทยไปจนถึงปี 2025 ผู้บริโภคไทยควรระวังว่าเมื่อรัฐบาลเพิ่มนโยบายสนับสนุนรถพลังงานสะอาด รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่อาจค่อยๆ หายไปจากตลาด เช่น Ford ประกาศแล้วว่าจะหยุดขายรถน้ำมันในยุโรปก่อนปี 2025 แต่สำหรับตลาดไทยยังต้องรอฟังประกาศจากตัวแทนจำหน่ายอีกที แนะนำให้เจ้าของรถไทยติดตามข่าวการหยุดผลิตจากช่องทางทางการ และลองศึกษารุ่นรถไฟฟ้าทดแทนล่วงหน้า เช่น รถพลังงานใหม่ของ BYD หรือ MG ที่เปิดตัวในไทย เพื่อเตรียมพร้อมรับเทรนด์ในอนาคต นอกจากนี้ไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจจะมีรถไฮบริดและรถไฟฟ้าเข้ามาแทนที่รถน้ำมันแบบเดิม ผู้บริโภคควรพิจารณาค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์จากนโยบายต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อรถคันต่อไป
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
รถ SUV รุ่นไหนดีที่สุดที่ควรซื้อในปี 2025?
หากคุณกำลังมองหา SUV ที่มีประสิทธิภาพครบวงจรสำหรับตลาดไทยในปี 2025 มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ เช่น โตโยต้า RAV4 Hybrid, ฮอนด้า CR-V e:HEV และ MG ZS EV ซึ่งแต่ละคันต่างโดดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน ความสะดวกสบายของพื้นที่ภายใน และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนชื้นและถนนในเมืองของไทย โตโยต้า RAV4 Hybrid เป็นตัวท็อปสำหรับครอบครัวด้วยเทคโนโลยีไฮบริดที่ผ่านการทดสอบมาแล้วและบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ ส่วนฮอนด้า CR-V e:HEV จะเหนือชั้นในด้านความรู้สึกขณะขับขี่และความหรูหราของห้องโดยสาร แต่ถ้าชอบรถไฟฟ้า 100% MG ZS EV ก็เป็นตัวเลือกน่าจับตามองด้วยระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จและเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมในไทย แถมรัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ทำให้ราคาซื้อรถไฟฟ้าและไฮบริดถูกกว่าในระยะยาวยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้อีกด้วย ก่อนตัดสินใจแนะนำให้ลองขับเปรียบเทียบตามความต้องการส่วนตัว และตรวจสอบเครือข่ายบริการหลังการขายในพื้นที่ของคุณเพื่อความมั่นใจในระยะยาว
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวลือว่า Neta ค้างเงินเดือนพนักงานในประเทศจีน ซื้อ Neta X ได้หรือไม่
วิรุฬห์Nov 21, 2024

รถยนต์ไฟฟ้า NETA X 350 คัน เริ่มเดินทางจากเซี่ยงไฮ้มุ่งหน้าไปยังตลาดในประเทศไทย!
AshleyAug 16, 2024

Neta X นําแบรนด์จีนบุกเข้าไทย ยอดสั่งจองของไทยพุ่งทะลุ 1,000 คันภายใน 72 ชั่วโมง!
AshleyAug 2, 2024

THB 739,000! NETA X ไทยเปิดตัวบทใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!
AshleyJul 26, 2024

NETA ไลฟ์โชว์การทดสอบมาตรฐานการกันน้ำของรถ จะเปิดตัวรถเอสยูวีไฟฟ้า NETA X!
AshleyJul 24, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย