Q

ที่เก็บของด้านหลัง Tank 300 กว้างไหม

Tank 300 ในฐานะ SUV ที่ผสมผสานระหว่างสมรรถนะออฟโรดกับความใช้งานได้จริง พื้นที่กระโปรงท้ายถือเป็นจุดสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในไทยที่มีภูมิประเทศหลากหลาย ในสภาวะปกติกระโปรงท้ายมีความจุประมาณ 400 ลิตร เพียงพอต่อการช้อปปิ้งหรือทริปสั้นๆ ในชีวิตประจำวัน แต่หากพับเบาะหลังลงจะขยายความจุได้ถึงประมาณ 1,000 ลิตร เหมาะสำหรับใส่สัมภาระขนาดใหญ่เช่นอุปกรณ์ตั้งแคมป์หรืออุปกรณ์กีฬา การออกแบบพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนได้นี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบท่องเที่ยวแบบขับรถเองหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง สิ่งที่สังเกตได้คือความสูงของพื้นกระโปรงท้ายอยู่ในระดับที่พอดี ทำให้หยิบของสะดวก ขณะที่การออกแบบภายในที่เรียบร้อยก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ สำหรับผู้บริโภคไทยแล้ว เวลาเลือกซื้อ SUV นอกจากการดูเรื่องกำลังเครื่องและความสามารถออฟโรดแล้ว ความใช้งานได้จริงของกระโปรงท้ายก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับสภาพถนนหลากหลายหรือการเดินทางแบบครอบครัว แนะนำให้ลองสัมผัสประสบการณ์การบรรทุกของจริงก่อนซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นที่รถตรงกับความต้องการส่วนตัว และควรเปรียบเทียบการออกแบบกระโปรงท้ายกับรุ่นอื่นๆ ด้วย เช่น ดูว่ามีจุดยึดสัมภาระหรือม่านปิดกระโปรงหรือไม่ เพราะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ส่งผลต่อความสะดวกในการใช้งานประจำวันอย่างมาก
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Tank 300 คุ้มไหม? มาดูฟีเจอร์กัน!
Tank 300 เป็นรถ SUV สไตล์ออฟโรดที่ตอบโจทย์ตลาดไทยได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบขับรถลุยธรรมชาติหรือถนนที่ไม่เรียบ ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้กำลังขับเคลื่อนที่เพียงพอ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบปรับได้และมีดิฟล็อก 3 จุด เสริมสมรรถนะในการลุยทางวิบาก เหมาะกับเส้นทางบนภูเขาหรือถนนลูกรังในต่างจังหวัดของไทย ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุนุ่มและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น หน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ให้ความรู้สึกหรูหราและสะดวกสบาย ขณะเดียวกัน ระยะใต้ท้องรถค่อนข้างสูง และสามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 700 มิลลิเมตร จึงเหมาะกับสภาพอากาศแบบฤดูฝนของไทย ในแง่ความคุ้มค่า Tank 300 มีจุดเด่นเรื่องราคาที่จับต้องได้ เมื่อเทียบกับรถออฟโรดจากญี่ปุ่นหรืออเมริกาที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ข้อเสียอาจอยู่ที่ชื่อเสียงของแบรนด์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในไทย ดังนั้นควรทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการรถลุยที่ขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้ด้วย Tank 300 ถือว่าน่าสนใจ เพียงแต่ควรคำนึงถึงขนาดตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งอาจไม่คล่องตัวนักในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ
Q
Tank 300 เปิดตัวเมื่อไหร?
รถ Tank 300 มีหลายรุ่นออกวางจำหน่ายในเวลาที่ต่างกัน เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 Great Wall Motors ได้เปิดตัวรุ่น Tank 300 HEV อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ส่วนรุ่นดีเซลจะเริ่มวางขายในเดือนมีนาคม 2568 โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นให้เลือก ทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล GW4D24 ที่พัฒนาขึ้นเองโดย Great Wall เทคโนโลยีนี้ใช้ระบบคอมมอนเรลแรงดันสูง 2000 บาร์ร่วมกับเทอร์โบทวินไพล์ ส่งแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรที่ความเร็วเพียง 1,800 รอบต่อนาที ราคาอยู่ที่ 999,000 ถึง 1,249,000 บาท ถ้าสนใจรถ Tank 300 รุ่นไหนเป็นพิเศษ แนะนำให้ศึกษารายละเอียดการแต่งตั้งและสมรรถนะเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อรถคันนี้ครับ
Q
Tank 300 วางจำหน่ายเมื่อไร
Tank 300 มีการเปิดตัวหลายเวอร์ชันในประเทศไทย โดยในวันที่ 28 กันยายน 2023 เกรทวอลล์มอเตอร์ได้เปิดตัว Tank 300 อย่างเป็นทางการในไทย โดยรุ่นที่เปิดตัวในตอนนั้นคือรุ่น HEV ซึ่งภายหลังก็ได้ยุติการจำหน่าย ต่อมาในเดือนมีนาคม 2025 รุ่นใหม่ล่าสุดคือ Tank 300 ดีเซล ได้เปิดตัวในตลาดไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ Pro รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ Ultra และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยจุดเด่นด้านสมรรถนะและความสามารถในการลุยทางที่หลากหลาย รวมถึงการตั้งราคาที่เหมาะสม ทำให้ Tank 300 เวอร์ชันดีเซลกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ในตลาดรถ SUV สไตล์ออฟโรดที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน และเริ่มได้รับความสนใจจากตลาดในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
Q
ความยาวตัวถัง Tank 300 เท่าไหร่?
รถยนต์ Tank 300 มีความยาวตัวถัง 4,760 มม. ซึ่งจัดว่าเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในกลุ่ม SUV Compact แต่ด้วยความยาวระดับนี้กลับขับขี่ได้คล่องตัวทั้งในซอยแคบๆ ในเมืองหรือทางต่างจังหวัดของไทย แถมยังให้พื้นที่ภายในกว้างขวาง สบายๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบขับรถเที่ยววันหยุดหรือออกทริปกับครอบครัว ส่วนโครงสร้างตัวถังแบบ Non-Body on Frame ทำให้ Tank 300 มีสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยม สามารถลุยทั้งเส้นทางภูเขาทางเหนือหรือถนนลูกรังช่วงฤดูฝนทางใต้ได้สบายๆ เพราะมีการปรับแต่งมุมเข้า-ออกและความสูงจากพื้นรถอย่างมืออาชีพ จุดเด่นอีกอย่างคือตลาด SUV ในไทยตอนนี้กำลังบูม โดยเฉพาะรุ่นที่ขับในเมืองได้สบายแต่ก็ลุยได้แบบ Tank 300 ที่มาพร้อมดีไซน์แข็งแรงและฟีเจอร์ใช้งานได้จริง แถมคนไทยยังให้ความสำคัญกับความทนทานของรถและบริการหลังการขายซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญเวลาตัดสินใจซื้อรถด้วย
Q
ความจุแบตเตอรี่ Tank 300 เท่าไหร่
TANK 300 แต่ละรุ่นจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่น TANK 300 HEV PRO AWD 2025 และ TANK 300 HEV ULTRA AWD 2025 จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 1.7kWh ในขณะที่รุ่นปี 2023 อย่าง TANK 300 HEV ULTRA ใช้แบตเตอรี่ขนาด 37.1kWh ซึ่งความจุแบตเตอรี่มีผลต่อระยะทางที่สามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว รวมถึงสมรรถนะอื่น ๆ ของรถด้วย แบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าจะสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้นานขึ้น เหมาะกับความต้องการในการเดินทางที่หลากหลาย ทั้งนี้ ความแตกต่างของขนาดแบตเตอรี่ยังส่งผลต่อเวลาในการชาร์จและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย.
Q
ค่าบำรุงรักษา Tank 300 เท่าไหร่?
Tank 300 เป็นรถ SUV สไตล์ออฟโรดที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง ค่าบำรุงรักษาในไทยขึ้นอยู่กับความถี่ในการเข้าศูนย์และการเปลี่ยนอะไหล่ โดยค่าบำรุงรักษาทั่วไป เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมัน จะอยู่ที่ประมาณ 3,000–5,000 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการและยี่ห้อน้ำมันเครื่องที่เลือก การเข้ารับบริการตามระยะจะช่วยยืดอายุการใช้งานและคงสมรรถนะของรถไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นในไทย ควรให้ความสำคัญกับระบบแอร์ แบตเตอรี่ และยางรถยนต์ เช่น ล้างคอยล์แอร์ ตรวจเช็คกำลังไฟของแบตเตอรี่ และควบคุมแรงดันลมยางให้เหมาะสมกับการขับขี่ทางลุย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่ Tank 300 มีโครงสร้างตัวถังแบบแยกส่วนและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เหมาะกับภูมิประเทศหลากหลายของไทย แต่หลังจากใช้งานแบบออฟโรดควรตรวจเช็คใต้ท้องรถและช่วงล่าง เพื่อป้องกันคราบโคลนหรือความชื้นสะสมที่อาจก่อให้เกิดสนิม สำหรับการเปลี่ยนอะไหล่ ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานได้อย่างลงตัว หรืออาจเลือกใช้อะไหล่แบรนด์อื่นที่คุณภาพดีและราคาย่อมเยาจากอู่ทั่วไปในไทยก็ได้ ขึ้นอยู่กับงบประมาณของผู้ใช้ โดยรวมแล้วหากวางแผนการดูแลรักษาให้ดีและเลือกศูนย์บริการที่มีมาตรฐาน Tank 300 ก็ถือว่าเป็นรถที่มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และตอบโจทย์ทั้งการใช้งานลุยและขับขี่ในชีวิตประจำวันของคนไทยได้อย่างลงตัว.
Q
ล้อแม็ก Tank 300 กี่นิ้ว
รถ Tank 300 มีขนาดล้อให้เลือก 2 แบบตามรุ่น คือ 17 นิ้วและ 18 นิ้ว ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ออฟโรดและความสบายบนถนนทั่วไป ทำให้ใช้งานได้ดีทั้งในเส้นทางภูเขาและถนนในเมืองของไทย สำหรับคนไทยที่กำลังตัดสินใจเลือกขนาดล้อ ควรคำนึงถึงการใช้งานจริง - ล้อ 18 นิ้วที่ใหญ่กว่าจะเหมาะกับการขับขี่บนถนนมากกว่า ให้ความรู้สึกในการควบคุมที่ดีกว่าและดูสปอร์ตขึ้น ส่วนล้อ 17 นิ้วจะเหมาะกับเส้นทางออฟโรดมากกว่า เพราะสามารถใช้ยางที่มีแก้มยางหนาเพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า สภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกยาง แนะนำให้เลือกยางออลเทอร์เรนที่มีคุณสมบัติการรีดน้ำดีและทนความร้อนสูง พร้อมทั้งตรวจสอบลมยางและสภาพดอกยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย ในตลาดไทยก็มีออปชันอัพเกรดล้อขนาดใกล้เคียงให้เลือกหลากหลาย แต่ต้องมั่นใจว่าการโมดิฟายนั้นเป็นไปตามกฎหมายและไม่ส่งผลต่อการตรวจสภาพรถหรือประกัน
Q
Tank 300 แต่ละรุ่นต่างกันยังไง
Tank 300 แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันในหลายด้าน รุ่นดีเซลมาพร้อมเครื่องยนต์ 2.4T ให้แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที เหมาะกับการลุยหนักและเดินทางไกล โดยหนึ่งถังน้ำมันสามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,200 กิโลเมตร ส่วนรุ่นเบนซินใช้เครื่องยนต์ 2.0T เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและลุยเบา ๆ ด้านรุ่นไฮบริดจะผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0T กับมอเตอร์ไฟฟ้า วิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 105 กิโลเมตร และระยะทางรวมมากกว่า 800 กิโลเมตร ระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบขับหลังและขับสี่ล้อ โดยขับเคลื่อนสี่ล้อจะให้สมรรถนะในการลุยที่เหนือกว่า อุปกรณ์ภายในและระบบช่วยขับขี่ก็มีความแตกต่างกันในแต่ละรุ่น เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ และการเตือนออกนอกเลน รวมถึงฟีเจอร์ความสะดวกสบายอื่น ๆ ส่วนราคาก็ต่างกันตามรุ่น โดยรุ่นดีเซล PRO 2WD ราคา 1,049,000 บาท ขณะที่รุ่น HEV ULTRA AWD ราคา 1,799,000 บาท ผู้ใช้สามารถเลือกตามความต้องการและงบประมาณได้อย่างเหมาะสม.
Q
น้ำหนักรถ Tank 300 เท่าไหร่
น้ำหนักของรถ Tank 300 ในรุ่นต่าง ๆ จะมีความแตกต่างกัน เช่น รุ่น Tank 300 HEV PRO ปี 2023 มีน้ำหนัก 2,305 กิโลกรัม ส่วนรุ่น Tank 300 HEV ULTRA ปี 2023 มีน้ำหนัก 2,355 กิโลกรัม โดยทั่วไปแล้ว น้ำหนักพร้อมใช้งานของ Tank 300 จะเกิน 2.1 ตัน ซึ่งหมายถึงรถที่พร้อมขับเคลื่อนในสภาพปกติ (ถังน้ำมันเติมไว้ 90%) พร้อมอุปกรณ์เสริมในรถ เช่น ยางอะไหล่ เครื่องมือ เป็นต้น ส่วนสาเหตุที่น้ำหนักต่างกันในแต่ละรุ่นก็เพราะความแตกต่างของชิ้นส่วนและอุปกรณ์ เช่น รุ่นพื้นฐานมักจะเบากว่า แต่รุ่นท็อปที่เพิ่มอุปกรณ์พิเศษอย่างล็อกดิฟเฟอเรนเชียล หรือชั้นวางของบนหลังคา ก็จะหนักกว่า โดยน้ำหนักรถเปล่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.1 ตัน ถ้าเติมน้ำมันเต็มถังและมีคนนั่ง 1 คน ก็จะหนักประมาณ 2.2 ตัน ถ้านั่งเต็มคันรถจะเกือบถึง 2.3 ตัน และน้ำหนักสูงสุดที่รับได้จะอยู่ที่ 2.5 ตัน
Q
ประกันรถ Tank 300 ราคาเท่าไหร่
เรื่องค่าเบี้ยประกันรถ Tank 300 ในไทยเนี่ย ค่าประกันจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะ เช่น รุ่นรถ ราคาซื้อ นโยบายของบริษัทประกัน รวมถึงประวัติการขับขี่ของผู้เอาประกันด้วย โดยปกติแล้วปีแรกค่าเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-40,000 บาท ซึ่งรวมประกันภาคบังคับและประกันเชิงพาณิชย์แล้ว ส่วนประกันภาคบังคับนี่เป็นกฎหมายบังคับนะ คือประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ค่าเบี้ยจะค่อนข้างคงที่ ส่วนประกันเชิงพาณิชย์จะขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่เลือก เช่น ประกันรถเสียหาย ประกันรถหาย ประกันผู้โดยสาร ฯลฯ แนะนำให้เช็คราคาที่แน่นอนจากเว็บไซต์หรือตัวแทนประกันในไทยอย่างวิริยะ หรือไทยพาณิชย์ประกันภัยนะ เวลาซื้อประกันรถในไทยนอกจากราคาแล้ว ต้องดูเรื่องเครือข่ายบริการและความเร็วในการเคลมด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดนะ บางบริษัทมีโปรโมชั่นลดเบี้ยให้คนขับรถปลอดภัยที่ไม่มีเคลมด้วย ถ้าขับดีๆนานๆก็ประหยัดไปได้ ส่วน Tank 300 ที่เป็น SUV โฉบเฉี่ยว สูงๆ แรงๆแบบนี้ เบี้ยอาจจะแพงกว่ารถเก๋งทั่วไปนิดหน่อย แต่ถ้าเพิ่มอุปกรณ์ป้องกันขโมยหรือเลือกแบบเสียเบี้ยสูงหน่อยก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ แนะนำให้เปรียบเทียบหลายๆบริษัทก่อนตัดสินใจนะ

ข้อดี

เครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพสูงและมีแรงบิดสูงในอัตราตัวรอบต่ำ
ระบบล้อสี่ลูกแบบพาร์ทไทม์อัจฉริยะและล็อกดิฟเฟอเรนเชียล
การออกแบบส่วนนอกที่แข็งแกร่งและมีสไตล์พร้อมความจำเพาะสูง
ห้องนั่งภายในกว้างขวางพร้อมความละเอียดในการผลิตและวัสดุที่ดี
ความปลอดภัยครอบคลุมและการตั้งค่าทางเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ราคาที่มีคุณค่าต่อราคาและแพ็คเกจการดูแลหลังการขายที่น่าสนใจ

ข้อเสีย

การใช้เชื้อเพลิงค่อนข้างสูงทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
รถบางคันอาจมีปัญหาการสั่นเสียงความถี่ต่ำ
พื้นที่สำหรับที่นั่งหลังและช่องเก็บของค่อนข้างเล็ก
ความละเอียดในการผลิตและวัสดุของที่นั่งหลังมีความถ่วงน้อยลงเล็กน้อย
ระบบเครื่องทำงานในรถมประสบการณ์ปานกลางและขาดปุ่มกดทางกายภาพ

Q&A ล่าสุด

Q
“Ford Everest จะเปิดตัวในปี 2025 ใช่หรือไม่?”
ขณะนี้ทาง Ford ประเทศไทยยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนการนำเข้า Ford Everest รุ่นปี 2025 แต่ด้วยความนิยมของรุ่นนี้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Everest รุ่นปัจจุบันในไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการนำเข้ารุ่นใหม่ค่อนข้างสูง สำหรับ Everest 2025 คาดว่าจะยังคงตำแหน่ง SUV แข็งแกร่ง พร้อมอาจอัพเกรดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอัพเดตเหล่านี้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายรูปแบบในไทยและความต้องการเทคโนโลยีของผู้บริโภค แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Ford ประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ทาง Everest Series ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวางโดยเฉพาะในเขตภูเขาและชนบททางภาคเหนือของไทย ส่วนรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเช่น Toyota Fortuner หรือ Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ควรทดลองขับและเปรียบเทียบตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
Q
Ford กำลังจะออก SUV รุ่นใหม่ในปี 2025 หรือไม่?
จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน Ford มีแผนที่จะเปิดตัว SUV รุ่นใหม่ในปี 2025 โดยคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นไฟฟ้าหรือไฮบริด เพื่อตอบสนองเทรนด์ตลาดรถยนต์โลกที่กำลังเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาด สำหรับตลาดไทย Ford เองก็มีการนำเข้า SUV หลายรุ่นอย่าง Everest และ EcoSport ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด การเปิดตัว SUV รุ่นใหม่นี้จะช่วยเสริมสายผลิตภัณฑ์ของ Ford ในไทยให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในแง่ของพื้นที่ใช้งาน ประสิทธิภาพ และความรักษ์สิ่งแวดล้อม ไทยถือเป็นตลาดรถยนต์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความต้องการ SUV สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดและไฟฟ้าที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล SUV รุ่นใหม่ของ Ford อาจมีการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคนไทย เช่น ระบบปรับอากาศที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนหรือช่วงล่างที่ทนทานมากขึ้น นอกจากนี้ นโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยอาจทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจในด้านราคามากขึ้น หากต้องการข้อมูลที่แน่นอน แนะนำให้ติดตามข่าวสารล่าสุดจากเว็บไซต์ฟอร์ดประเทศไทยหรือตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่
Q
รถยนต์รุ่นใดที่จะหยุดการผลิตในปี 2025?
จากสถานการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์โลกและการปรับกลยุทธ์ของบางแบรนด์ในปัจจุบัน คาดว่าภายในปี 2025 จะมีรถบางรุ่นที่ทยอยหยุดผลิตเนื่องจากอัปเดตสายการผลิตหรือเปลี่ยนไปผลิตรถไฟฟ้า เช่น รุ่นดีเซลของ Toyota Land Cruiser Prado ในตลาดไทยอาจลดลงเนื่องจากกฎหมายเรื่องการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้น ส่วน Mitsubishi Pajero ที่หยุดผลิตไปแล้วทั่วโลกตั้งแต่ปี 2021 อาจยังเหลือสต็อกขายในไทยไปจนถึงปี 2025 ผู้บริโภคไทยควรระวังว่าเมื่อรัฐบาลเพิ่มนโยบายสนับสนุนรถพลังงานสะอาด รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่อาจค่อยๆ หายไปจากตลาด เช่น Ford ประกาศแล้วว่าจะหยุดขายรถน้ำมันในยุโรปก่อนปี 2025 แต่สำหรับตลาดไทยยังต้องรอฟังประกาศจากตัวแทนจำหน่ายอีกที แนะนำให้เจ้าของรถไทยติดตามข่าวการหยุดผลิตจากช่องทางทางการ และลองศึกษารุ่นรถไฟฟ้าทดแทนล่วงหน้า เช่น รถพลังงานใหม่ของ BYD หรือ MG ที่เปิดตัวในไทย เพื่อเตรียมพร้อมรับเทรนด์ในอนาคต นอกจากนี้ไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจจะมีรถไฮบริดและรถไฟฟ้าเข้ามาแทนที่รถน้ำมันแบบเดิม ผู้บริโภคควรพิจารณาค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์จากนโยบายต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อรถคันต่อไป
Q
Ford Everest 2025 ราคาเท่าไหร่?
คาดว่าราคาของ Ford Everest รุ่นปี 2025 ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 ถึง 2.5 ล้านบาท โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องแต่งตัว เช่น รุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นสูงสุด Platinum ที่มีราคาห่างกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ผู้ซื้อติดตามราคาอัปเดตล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น รุ่นนี้ยังคงดีไซน์แนว SUV ทรหด พร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลาและระบบจัดการการขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ เหมาะสมกับสภาพเส้นทางภูเขาและฤดูฝนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของรุ่นปี 2025 คือการอัปเกรดหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและภาพพาโนรามา 360 องศา ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ชัดเจนในส่วนของเทคโนโลยี ในตลาดไทย Everest มีคู่แข่งหลักอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ผู้บริโภคควรเปรียบเทียบนโยบายหลังการขายที่แต่ละแบรนด์เสนอ เช่น Ford ไทยปัจจุบันให้บริการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร และบางตัวแทนยังมีโปรโมชั่นบริการฟรีให้อีกด้วย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รุ่นดีเซลของ Everest จึงได้เปรียบด้านภาษีมากกว่ารุ่นเบนซิน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนไทยนิยม SUV ระบบดีเซล
Q
รถ SUV รุ่นไหนดีที่สุดที่ควรซื้อในปี 2025?
หากคุณกำลังมองหา SUV ที่มีประสิทธิภาพครบวงจรสำหรับตลาดไทยในปี 2025 มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ เช่น โตโยต้า RAV4 Hybrid, ฮอนด้า CR-V e:HEV และ MG ZS EV ซึ่งแต่ละคันต่างโดดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมัน ความสะดวกสบายของพื้นที่ภายใน และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนชื้นและถนนในเมืองของไทย โตโยต้า RAV4 Hybrid เป็นตัวท็อปสำหรับครอบครัวด้วยเทคโนโลยีไฮบริดที่ผ่านการทดสอบมาแล้วและบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ ส่วนฮอนด้า CR-V e:HEV จะเหนือชั้นในด้านความรู้สึกขณะขับขี่และความหรูหราของห้องโดยสาร แต่ถ้าชอบรถไฟฟ้า 100% MG ZS EV ก็เป็นตัวเลือกน่าจับตามองด้วยระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จและเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมในไทย แถมรัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ทำให้ราคาซื้อรถไฟฟ้าและไฮบริดถูกกว่าในระยะยาวยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้อีกด้วย ก่อนตัดสินใจแนะนำให้ลองขับเปรียบเทียบตามความต้องการส่วนตัว และตรวจสอบเครือข่ายบริการหลังการขายในพื้นที่ของคุณเพื่อความมั่นใจในระยะยาว
ดูเพิ่มเติม