Q

ความเร็วสูงสุดของ Porsche Cayenne คืออะไร มาดูความเร็วสูงสุดของมันกัน

ความเร็วสูงสุดของรุ่นต่างๆ ในตระกูล Porsche Cayenne นั้นมีความแตกต่างกัน เช่น รุ่น Cayenne 2023 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 248 กม./ชม. ส่วนรุ่น Cayenne Coupe 2023 ก็ทำความเร็วสูงสุดได้เท่ากันที่ 248 กม./ชม. สำหรับรุ่น Cayenne E-Hybrid 2023 และ Cayenne E-Hybrid Coupe 2023 นั้นมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 254 กม./ชม. ส่วนรุ่น Cayenne S 2023 ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 273 กม./ชม. เช่นเดียวกับรุ่น Cayenne S Coupe 2023 ที่มีความเร็วสูงสุดเท่ากัน แต่ถ้าพูดถึงรุ่นที่ทำความเร็วสูงสุดได้มากที่สุดในตระกูลนี้ก็คงหนีไม่พ้นรุ่น Cayenne Turbo GT Coupe 2023 ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 305 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดของรถมักมีความสัมพันธ์โดยตรงกับระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะของเครื่องยนต์ ยิ่งรถมีกำลังมาก ความเร็วสูงสุดก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติแล้ว เรามักไม่ขับรถด้วยความเร็วสูงสุดนี้เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Porsche Cayenne คืออะไร
พอร์เช่ คาเยนน์ ในฐานะรถ SUV ระดับหรู แม้จะโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะและมูลค่าของแบรนด์ แต่ในตลาดไทยก็ยังมีข้อด้อยบางประการ เช่น ราคาที่ค่อนข้างสูงและค่าบำรุงรักษาหลังการขาย ซึ่งอาจเป็นภาระไม่น้อยสำหรับผู้บริโภคไทย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน นอกจากนี้ ขนาดตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ของคาเยนน์อาจทำให้การขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรหนาแน่นและถนนคับแคบไม่ค่อยคล่องตัวนัก รวมถึงการจอดรถที่ค่อนข้างยาก แม้เครื่องยนต์จะแรงแต่ในสภาพการจราจรทั่วไปของไทย ประสิทธิภาพนี้อาจไม่ได้ใช้เต็มที่และยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าเมื่อเทียบกับรถ SUV ประหยัดน้ำมันที่คนไทยนิยมมากขึ้น ทำให้ความประหยัดใช้งานจริงอาจไม่ตอบโจทย์เท่าไร ส่วนสภาพอากาศไทยที่ร้อนชื้นก็ต้องการระบบแอร์และความแน่นหนาของรถที่ดี ซึ่งคาเยนน์ทำได้ดีอยู่แต่หลังจอดตากแดดนานๆ อุณหภูมิในรถขึ้นเร็ว ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่ประสิทธิภาพสูงมาช่วย ทว่า ความหรูหราของห้องโดยสารและเทคโนโลยีทันสมัยในคาเยนน์ก็ยังเป็นจุดขายดึงดูดผู้บริโภคไทยที่มองหาคุณภาพ เพียงแต่ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจซื้อให้ดี
Q
Porsche Cayenne อยู่ในกลุ่ม Segment ไหน?
พอร์เช่ คาเยนน์ เป็น SUV ระดับหรูขนาดกลางที่อยู่ในเซกเมนต์ Luxury Mid-Size SUV Segment ซึ่งรุ่นนี้ได้รับความนิยมมากในตลาดไทย เพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องสมรรถนะสูงและการใช้งานในชีวิตประจำวัน เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ และการขับขี่ในเส้นทางภูเขาทางภาคเหนือของไทย คาเยนน์ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จประสิทธิภาพสูง พร้อมเทคโนโลยีช่วงล่างขั้นสูง ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่พื้นที่ภายในอันกว้างขวางและอุปกรณ์หรูหราก็ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม SUV ระดับพรีเมียมในไทยได้เป็นอย่างดี ในตลาดไทย คาเยนน์ มีคู่แข่งสำคัญอย่าง BMW X5 และ Mercedes-Benz GLE แต่ด้วยดีเอ็นเอด้านสปอร์ตและการเป็นแบรนด์ระดับตำนานของพอร์เช่ ทำให้คาเยนน์ มีจุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาด SUV หรู นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนของไทยยังต้องการระบบระบายความร้อนและแอร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคาเยนน์ ทำได้ดีเสมอมา นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้รุ่นนี้ขายดีต่อเนื่องในไทย สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา SUV ระดับหรู คาเยนน์ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะไม่เพียงเหมาะกับการใช้งานในครอบครัว แต่ยังตอบโจทย์คนรักความสนุกในการขับขี่ได้อย่างลงตัว
Q
“Porsche Cayenne ขายต่อได้ราคาเท่าไหร่”
รถโปโล่ Cayenne ในตลาดมือสองของไทยถือว่ามีอัตราการรักษามูลค่าสูงมาก สาเหตุหลักมาจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง คุณภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความต้องการที่ต่อเนื่องของตลาด SUV หรูในไทย จากข้อมูลตลาดพบว่า Cayenne ที่ใช้งานประมาณ 3 ปี มักจะรักษามูลค่าได้ถึง 60%-70% ของราคาเดิม ขึ้นอยู่กับรุ่น อุปกรณ์เสริม ประวัติการบริการและเลขไมล์ด้วย ในไทยนั้น รุ่นดีเซลของ Cayenne มักจะรักษามูลค่าได้ดีกว่ารุ่นเบนซินเล็กน้อยเพราะประหยัดน้ำมันมากกว่า แถมรถที่เข้าศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของโปโล่ยังเป็นที่ต้องการมากกว่าและได้ราคาดีกว่าเวลาขายต่ออีกต่างหาก อีกปัจจัยสำคัญคือนโยบายภาษีนำเข้ารถของไทยที่ส่งผลต่อราคามือสองของ Cayenne เพราะราคารถใหม่ที่สูงก็ช่วยพยุงราคาตลาดมือสองไปด้วย สำหรับคนที่กำลังมองหา Cayenne มือสอง การเลือกรถสภาพดีที่มีประวัติการบำรุงรักษาครบถ้วนถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด ตลาดรถหรูของไทยที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีมานี้ก็ทำให้ Cayenne มีแนวโน้มจะรักษามูลค่าได้ดีในอนาคต แต่ก่อนซื้อควรเช็กราคาตลาดท้องถิ่นและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินราคาที่แม่นยำจะดีที่สุดครับ
Q
Porsche Cayenne มีกี่ซีซี
พอร์เช่ คายenne ในฐานะรถ SUV หรู ขนาดความจุเครื่องยนต์จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและปีที่ผลิต สำหรับในตลาดไทยรุ่นที่นิยมจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน เช่น รุ่น 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ (ประมาณ 2,995 ซีซี), รุ่น 2.9 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ (ประมาณ 2,894 ซีซี) และรุ่น 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ (ประมาณ 3,996 ซีซี) ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น Cayenne E-Hybrid ที่ใช้เครื่อง 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบ (ประมาณ 1,984 ซีซี) หรือรุ่น 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการทั้งสมรรถนะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในไทยด้วยปัญหารถติดและราคาน้ำมันที่สูง ทำให้หลายคนเลือกใช้รุ่นไฮบริดเพื่อความประหยัด แถมยังได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยอีกด้วย ขนาดความจุเครื่องยนต์ (ซีซี) ส่งผลโดยตรงต่อกำลังและแรงบิด แต่ประสบการณ์การขับขี่ยังขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การตั้งค่ากรอบเกียร์ น้ำหนักตัวรถ และการออกแบบอากาศพลศาสตร์ ดังนั้นแนะนำให้ลูกค้าไทยเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง เช่น การขับขี่ในเมืองอย่างในกรุงเทพฯ หรือการเดินทางไกล พร้อมทั้งควรเข้าศูนย์บริการพอร์เช่ตามกำหนดเพื่อรักษาสภาพรถให้สมบูรณ์ที่สุด
Q
Porsche Cayenne ใช้เครื่องยนต์อะไร
Porsche Cayenne ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้มีให้เลือกหลากหลายขุมพลัง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ ขนาด 2.9 ลิตร กำลังสูงสุด 440 แรงม้า, เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร กำลังสูงสุด 549 แรงม้า รวมถึงรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 455 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องสมรรถนะและสิ่งแวดล้อม สำหรับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย Cayenne มาพร้อมระบบระบายความร้อนขั้นสูงและวัสดุที่ทนต่อความร้อน ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจแม้ในสภาพการใช้งานหนักต่อเนื่อง ระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S แบบ 8 สปีด ยังช่วยให้ตอบสนองการจราจรที่ติดขัดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ รถรุ่นไฮบริดยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากภาครัฐ ทำให้ Cayenne รุ่นปลั๊กอินไฮบริดมีความคุ้มค่ามากขึ้นในตลาดไทย และศูนย์บริการ Porsche ในประเทศก็มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษารถให้พร้อมใช้งานในสภาพอากาศชื้นและฝนตกบ่อยอย่างประเทศไทย เครื่องยนต์ของ Cayenne ยังถูกปรับจูนให้เหมาะกับทั้งการขับขี่บนทางเรียบและการลุยทางลาดชันหรือภูเขา ทำให้เหมาะกับสภาพถนนหลากหลาย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของไทย สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถทางเทคนิคของ Porsche ในการออกแบบระบบขับเคลื่อนที่ยืดหยุ่นและทรงพลัง
Q
Porsche Cayenne ใช้เกียร์แบบไหน”
สำหรับรถปอร์เช่ คายีน (Porsche Cayenne) ที่วางจำหน่ายในตลาดไทย จะใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด เป็นหลัก ซึ่งเกียร์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหลและตอบสนองเร็ว เหมาะสมกับสภาพการขับขี่แบบผสมผสานในไทย ทั้งการจราจรติดขัดในเมืองและการขับทางไกลบนทางหลวง พร้อมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีอีกด้วย ส่วนรุ่นที่เน้นสมรรถนะสูงอย่าง Cayenne Turbo GT จะใช้เกียร์รุ่นเดียวกันที่ได้รับการปรับแต่งพิเศษให้เหมาะกับการขับสปอร์ตมากขึ้น ทั้งในเรื่องตรรกะการเปลี่ยนเกียร์และความทนทาน พิเศษไปกว่านั้น ระบบเกียร์ของคายีนยังออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทยโดยเฉพาะ ด้วยระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง ที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่แม้อยู่ในอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน สำหรับคนที่ต้องการความสนุกในการขับขี่มากขึ้น ยังสามารถอัพเกรดด้วย Sport Chrono Package เพื่อเพิ่มความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ได้อีกด้วย ที่สำคัญ ปอร์เช่ประเทศไทยยังมีบริการหลังการขายสำหรับระบบเกียร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์หรืออัพเดตซอฟต์แวร์ เพื่อให้รถพร้อมใช้งานสมบูรณ์แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย
Q
Porsche Cayenne ใช้เกียร์แบบไหน”
ขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสลัก) ของ Porsche Cayenne คือ 5×130 หมายความว่าล้อมีรูสลัก 5 รู ที่เรียงตัวเป็นวงกลม диаметром 130 มม. ซึ่งสเปคนี้ใช้ได้กับรุ่น Cayenne ส่วนใหญ่ รวมถึงรุ่นที่ขายในประเทศไทย สำหรับคนไทยที่อยากอัพเกรดล้อใหม่ ต้องเช็ค PCD ให้ตรงเป๊ะๆ นะครับ ถ้าไม่匹配อาจทำให้ล้อติดตั้งไม่แน่น หรือเกิดอันตรายขณะขับขี่ได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงค่า offset (ET) และขนาดรูกลางล้อ (เช่น 71.6 มม.) ด้วย เพื่อให้ล้อใหม่เข้ากับรถได้พอดี พอพูดถึงสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกยางรถยนต์เกรดดีๆ เป็นยางฤดูร้อนหรือยางตลอด季節 จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเวลาฝนตกได้เยอะ เลือกล้อแปลง时ต้องดูให้ชัวร์ว่าผ่านมาตรฐาน TISI และเป็นไปตามกฎหมายขนส่งไทยด้วยนะ ถ้ายังไม่แน่ใจเรื่องสเปคล้อ สามารถเปิดคู่มือรถดูเพิ่มเติม หรือปรึกษาโชว์รูม Porsche ในไทยได้เลย เขามีบริการอัพเกรดล้อแบบ Original ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Cayenne โดยตรง ทำให้มั่นใจได้ว่าล้อจะทำงานได้สมบูรณ์แบบตามการออกแบบของรถ
Q
Porsche Cayenne รองรับ Apple CarPlay ไหม?
ใช่แล้วครับ Porsche Cayenne รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay เป็นมาตรฐานทุกคัน ช่วยให้คุณใช้งานแอปจาก iPhone เช่น แผนที่ navigation เพลง หรือโทรศัพท์ผ่านหน้าจอกลางรถได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณเช็กสภาพการจราจรผ่าน Google Maps หรือ Waze แบบเรียลไทม์ เพื่อเลือกเส้นทางที่โล่งที่สุด นอกจาก Apple CarPlay แล้ว Cayenne ยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android อีกด้วย ระบบมัลติมีเดียของโพร์เช่ทำงานได้อย่างเสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย พร้อมหน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้ดี และยังมีปุ่มควบคุมที่พวงมาลัยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ที่น่าสนใจคือบางรุ่นระดับสูงในไทยยังมี Wireless CarPlay ให้ใช้งานแบบไร้สายโดยไม่ต้องเสียบสายเคเบิลอีกด้วย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน สามารถติดต่อผู้จำหน่ายโพร์เช่ในประเทศไทยเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
Q
“Porsche Cayenne ใช้ยางยี่ห้ออะไร
ยางแท้ของ Porsche Cayenne จะมีแบรนด์แตกต่างกันไปตามรุ่นและปีที่ผลิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางระดับพรีเมียมเช่น Michelin, Pirelli หรือ Continental ตัวอย่างเช่น ยาง Michelin Latitude Sport 3 หรือ Pirelli Scorpion Verde ที่ออกแบบมาสำหรับ SUV ประสิทธิภาพสูง โดยให้ทั้งการยึดเกาะถนนทั้งสภาพแห้งและเปียก และความทนทาน สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้เลือกยางที่มีสูตรป้องกันการเสื่อมสภาพจากความร้อนและมีดอกยางที่รีดน้ำได้ดี เพราะถนนไทยมีทางลาดชันค่อนข้างมาก การเลือกยางที่มีโครงสร้างแข็งแรงบริเวณแก้มยางจะช่วยรับมือกับสภาพถนนที่หลากหลายได้ดีขึ้น คุณสามารถตรวจสอบสเปกยางมาตรฐานได้ที่ศูนย์ Porsche หรือร้านยางที่ได้รับอนุญาตในไทย หรืออาจเลือกแบรนด์อื่นที่นิยมในท้องตลาดอย่าง Bridgestone Alenza แต่ต้องมั่นใจว่ายางนั้นตรงกับค่าดัชนีน้ำหนักและระดับความเร็วที่กำหนด ควรตรวจสอบความดันลมยางและความลึกของดอกยางเป็นประจำ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทยที่ควรลดความดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐาน 3-5% เพื่อชดเชยการขยายตัวจากความร้อน ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้มากขึ้น
Q
รถ Porsche Cayenne เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
พอร์เช่ Cayenne คือ SUV ระดับไฮเอนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดไทย ด้วยการผสมผสานระหว่างความหรูหราและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทำให้เหมาะกับสภาพถนนและความต้องการในการขับขี่ที่หลากหลายของประเทศไทย จุดเด่นของ Cayenne อยู่ที่ระบบขับเคลื่อนอันทรงพลัง ที่มาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์หลายแบบ รวมถึงรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน เหมาะสมทั้งสำหรับการขับขี่ในเมืองที่เผชิญกับปัญหารถติดและการเดินทางไกล ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีครบครัน เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับการขับขี่ นอกจากนี้ พอร์เช่ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมในไทย มอบความมั่นใจให้กับเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่า Cayenne มีราคาและค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง และหากขับแบบสปอร์ตก็จะกินน้ำมันมากขึ้น นี่คือปัจจัยที่ผู้สนใจควรพิจารณาให้ดี สำหรับผู้บริโภคไทยที่มีงบประมาณเพียงพอและมองหารถที่รวมแบรนด์เนมกับสมรรถนะเข้าด้วยกัน Cayenne ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการรถหรูนำเข้าในตลาดไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Cayenne ยืนหนึ่งในฐานะ SUV ระดับไฮเอนด์ที่เต็มไปด้วยความสามารถ

ข้อดี

หน้าตายังคงทรงพลังและทันสมัยมากขึ้น ดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ๆ สะท้อนถึงลักษณะเฉพาะของแบรนด์
สินค้าที่ขายในราคาประมาณ 6 ล้าน ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่ารุ่นที่ขายขณะนี้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้
รุ่นพลังงานผสมมีพลังงานที่แรง ใช้งานประจำวันที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน มอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มพลัง ค่าประจุปกติประมาณ 4 ชั่วโมง ระยะทางการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าขpure ประมาณ 35 Killometer
เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันของครอบครัว ที่นั่งสามารถพับเก็บได้ มีจอห์นไฟฟ้าและหัวจับที่หลากหลาย 5 ที่นั่งสบาย
บริษัทให้ประกันทั้งคัน 9 ปีและประกันระบบพลังงานผสม 8 ปี

ข้อเสีย

ความปลอดภัยบางส่วนเช่นการรักษาทางที่ขับขี่และการควบคุมการท่องเที่ยวตามอัตราส่วนต้องการติดตั้งเพิ่มเติมด้วยการจ่ายเงิน
ปุ่มควบคุมกลางคือแบบสัมผัส ต้องย้ายสายตาเมื่อปรับโหมดและยืด
รุ่นเริ่มต้นที่สาขาระดับปรับอากาศไม่ได้อัตโนมัติ 3 สาขา พื้นที่ควบคุมมีช่องว่าง ไม่ได้ติดตั้งพอร์ต USB
วงจรมาตรฐานที่ไม่สวยงาม การติดตั้งงานที่ต้องการอาจทำให้ราคาของรถสูงกว่าราคาเริ่มต้นนี้พูล
ร่างกายต่างจากรุ่นก่อน ไม่ง่ายที่จะแยกความแตกต่างระหว่างรถยนต์รุ่นเก่าและรุ่นใหม่<br

Q&A ล่าสุด

Q
Nissan GT-R ใช้น้ำมันเท่าไรต่อแกลลอน
การบริโภคน้ำมันของ Nissan GT-R นั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและการขับขี่ โดยหากพูดถึงรุ่น R35 ที่พบเห็นบ่อยๆ ในสภาพถนนทั่วไปจะกินน้ำมันประมาณ 6-7 กิโลเมตร/ลิตร (หรือประมาณ 14-16 ลิตร/100 กิโลเมตร) ซึ่งเทียบได้กับระยะทางประมาณ 15-18 ไมล์ต่อแกลลอนเมื่อใช้น้ำมันเบนซิน 95 แบบที่นิยมในไทย รถสปอร์ตรุ่นนี้ติดเครื่องยนต์ V6 Twin Turbo ขนาด 3.8 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อขับอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทยและการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ที่แนะนำคือให้ผู้ขับขี่เร่งเครื่องอย่างนุ่มนวลและใช้โหมดเกียร์ธรรมดาอย่างเหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ต้องบอกว่า GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่การกินน้ำมันอยู่ในระดับสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน และรุ่นที่วางขายในไทยยังได้รับการปรับแต่ง ECU ให้เหมาะสมกับน้ำมันและสภาพถนนท้องถิ่นแล้ว หากอยากให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนหัวเทียนและกรองอากาศคุณภาพสูงเป็นประจำ พร้อมทั้งใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรตามที่ผู้ผลิตกำหนด ซึ่งเวิธีเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ดีที่สุด
Q
เครื่องยนต์ใน Nissan GT-R คืออะไร
เครื่องยนต์ของ Nissan GT-R ที่โด่งดังคือรุ่น VR38DETT ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตรแบบเทอร์โบชาร์จคู่ ที่โดดเด่นในเรื่องพลังและประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนแบบไทยแลนด์ ระบบระบายความร้อนและเทคโนโลยีเทอร์โบได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้อุณหภูมิจะสูง ก็ยังคงให้กำลังส่งออกอย่างสม่ำเสมอ เครื่องยนต์รุ่นนี้ทำกำลังสูงสุดได้ถึง 565 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 633 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ที่ให้ความเร่งอันน่าตื่นเต้น อีกจุดเด่นคือ VR38DETT ยังใช้เทคโนโลยีพลาสมาสเปรย์เคลือบกระบอกสูบ ช่วยลดแรงเสียดทานและเพิ่มความทนทาน เหมาะกับทั้งเส้นทางภูเขาและสภาพการจราจรติดขัดในเมืองของไทย สำหรับคนชอบแต่งรถ เครื่องยนต์รุ่นนี้มีศักยภาพในการอัพเกรดสูง มีอู่แต่งหลายแห่งในไทยที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงความน่าเชื่อถือได้ นี่คือเหตุผลที่ Nissan GT-R เป็นที่นิยมในหมู่คอรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของไทย
Q
ราคา BMW M5 เท่าไหร่
ปัจจุบันราคาขายอย่างเป็นทางการของ BMW M5 (F90) ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยอยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านบาท โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นมาตรฐาน M5 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ส่วนรุ่น M5 Competition ที่สมรรถนะสูงขึ้นไปอีก จะให้กำลังเพิ่มอีก 17 แรงม้า พร้อมการปรับแต่งช่วงล่างที่ดุดันขึ้น และราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจาก BMW M5 มีราคาสูงกว่าตลาดต่างประเทศเล็กน้อยเนื่องจากประเทศไทยมีอัตราภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นสำหรับรถหรู แต่ด้วยสมรรถนะและความหรูหราที่ยังคงดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบรถสมรรถนะสูงมากมาย แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย BMW อย่างเป็นทางการในไทยเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและทดลองขับ หรืออาจพิจารณาตลาดรถนำเข้าแบบขนาน (grey import) ที่บางครั้งก็มีราคาจับต้องได้กว่า
Q
น้ำหนักของ BMW M5 รุ่นใหม่คือเท่าไหร่
จากข้อมูลทางการล่าสุด รุ่นใหม่ล่าสุดของ BMW M5 มีน้ำหนักประมาณ 2,345 กิโลกรัม ตัวเลขนี้คำนึงถึงระบบไฮบริดและชิ้นส่วนเสริมสมรรถนะที่ติดตั้งมา ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลขึ้นกว่าเดิม สำหรับตลาดไทยแล้ว สภาพอากาศร้อนและถนนที่หลากหลายต้องการระบบระบายความร้อนและช่วงล่างที่เสถียรเป็นพิเศษ ซึ่ง M5 ตอบโจทย์ด้วยโครงสร้างอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและระบบช่วงล่างแอคทีฟที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ระบบปลั๊กอินไฮบริดยังช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้า 100% ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ M5 ที่นำเข้าเข้ามาในไทยจะติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและสารเคลือบป้องกันการกัดกร่อนเป็นมาตรฐาน แม้ว่าออปชั่นเหล่านี้จะเพิ่มน้ำหนักรถเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมท้องถิ่นมากขึ้น สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบความแรง M5 ยังคงรักษาสมดุลน้ำหนัก 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง พร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่ช่วยให้การควบคุมยังคงแม่นยำแม้ในวันที่ถนนลื่นช่วงฤดูฝน ส่วนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความแรง เพราะ M5 สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ด้วยพลังรวมสูงสุด 725 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 4.4 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
Q
BMW M5 Competition วิ่งเร็วแค่ไหร่
BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานหรูระดับสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 305 กม./ชม. แต่ถ้าเปิดลิมิตเตอร์ออกก็ไปได้เร็วกว่านี้ ในไทยอาจไม่มีถนนให้ขับถึงความเร็วสุดๆ เพราะกฎหมายและสภาพถนนไม่เอื้อ แต่พลังอันทรงพลังและการควบคุมที่แม่นยำของ M5 Competition ก็ยังให้ประสบการณ์การขับที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบนทางด่วนหรือสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีล้ำๆ เช่นระบบช่วงล่างปรับได้ Active Differential ที่ช่วยให้สมดุลระหว่างความสบายและสมรรถนะ สำหรับคนไทยแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความหรูหรา เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความแรงและความใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ข้อควรระวังคือสภาพอากาศร้อนๆ ของไทยอาจส่งผลต่อระบบระบายความร้อนและยางรถ ควรดูแลรักษาเป็นประจำและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงเพื่อให้รถแสดงศักยภาพได้เต็มที่
ดูเพิ่มเติม