Q

ขนาดล้อของ Xpeng X9 คืออะไร

ล้อของ Xpeng X9 มีขนาด 19 นิ้ว ซึ่งขนาดนี้เหมาะมากกับสภาพอากาศแบบร้อนชื้นในไทย เพราะให้ความมั่นคงและความนุ่มนวลในการขับขี่ แถมยังช่วยประหยัดพลังงานและควบคุมรถได้ดีด้วย ในไทยที่ฝนตกบ่อยและถนนซับซ้อน ล้อ 19 นิ้วที่คู่กับยางที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะบนถนนลื่น ลดความเสี่ยงรถไถล นอกจากนี้ X9 ที่เป็นรถอีวีแบบ MPV ล้อขนาดใหญ่ยังช่วยระบายความร้อนได้ดี ยืดอายุการใช้งานของระบบเบรก สำหรับคนไทยเวลาจะเลือกล้อ นอกจากขนาดแล้วต้องดูสเปกยางและวัสดุด้วย แนะนำให้เลือกยางที่เหมาะกับอากาศร้อนชื้น เช่นแบบมีร่องระบายน้ำ จะช่วยรับมือกับฝนที่ตกบ่อยในไทยได้ดีขึ้น เพิ่มความปลอดภัยเวลาขับขี่ และอย่าลืมตรวจสอบการสึกหรอของยางกับความดันลมยางเป็นประจำด้วยนะ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
M5 Touring competition มีแรงม้าเท่าไหร่
BMW M5 Touring Competition คือวาเกนสปอร์ตระดับเทพที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ส่งกำลังสูงสุดถึง 617 แรงม้า แรงบิดทะลุ 750 นิวตันเมตร ทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.5 วินาที แม้ในสภาพอากาศร้อนแบบไทยๆ ก็ยังคงเสถียรไม่สั่งล้ม เหมาะทั้งขับทางไกลหรือวิ่งในเมืองแบบเร่งรีบ สำหรับคนไทยแล้ว M5 Touring Competition ไม่ใช่แค่รถเอสเตทหรูธรรมดา แต่ยังคงสปิริตของรถสปอร์ตซีรีส์ M ไว้ครบถ้วน ทั้งระบบดิฟเฟอเรนเชียลแอคทีฟและระบบช่วงล่างปรับได้ที่พร้อมรับมือทุกสภาพถนนไทย ตั้งแต่ถนนติดขัดในกรุงเทพฯ จนถึงโค้งเขาชันในเชียงใหม่ ที่น่าสนใจคือรถสปอร์ตเอสเตทแบบนี้ในไทยยังเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม แต่ช่วงหลังเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะคนไทยมองหารถที่ทั้งแรงและใช้งานได้จริง แถมดีไซน์เอสเตทยังเหมาะกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยมากกว่ารถซีดานสปอร์ตทั่วไปอีกด้วย
Q
BMW M5 Touring หนักเท่าไหร่
จากข้อมูลทางการ รถ BMW M5 Touring มีน้ำหนักตัวรถประมาณ 2,100 กิโลกรัม ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์เสริมที่เลือกติดตั้ง รถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ที่ให้กำลังมากกว่า 600 แรงม้า สำหรับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย เจ้าของรถควรให้ความสำคัญกับการดูแลระบบระบายความร้อนเป็นพิเศษ ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสภาพถนนบางแห่งในประเทศไทยอาจมีความซับซ้อน ระบบช่วงล่างอัจฉริยะและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ของ M5 Touring จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุม แต่น้ำหนักตัวรถที่ค่อนข้างมากอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเขตเมืองที่การจราจรหนาแน่น ดังนั้นเจ้าของรถในประเทศไทยควรเลือกโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงของประเทศไทยยังส่งผลต่อระบบเบรก จึงแนะนำให้เปลี่ยนผ้าเบรกสมรรถนะสูงบ่อยขึ้นเพื่อความปลอดภัย
Q
ความเร็วสูงสุดของ BMW M5 Touring คือเท่าไร
รถ BMW M5 Touring ถูกจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม. ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ถ้าเลือกแพ็กเกจ M Driver's Package จะสามารถเพิ่มขีดจำกัดนี้ไปได้ถึง 305 กม./ชม. ต้องขอบคุณเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จคู่ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ไม่เพียงแต่ทำความเร็วสูงได้ดี แต่ยังเร่งแรงจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาทีเท่านั้น ในไทยแล้ว รถคันนี้ทำความเร็วได้สบายๆ ทั้งบนทางด่วนและถนนในเมือง แต่ต้องระวังเพราะบางเส้นทางมีกฎหมายจำกัดความเร็วค่อนข้างเคร่งครัด ควรใช้ความเร็วในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต นอกจากสมรรถนะแล้ว M5 Touring ยังใช้งานได้จริงด้วยพื้นที่กระโปรงหลังที่กว้างขวางและห้องโดยสารสุดหรู ทำให้เป็นตัวเลือกที่ลงตัวทั้งสำหรับครอบครัวไทยหรือคนที่ชื่นชอบความมันส์ในการขับขี่
Q
BMW M5 Touring 2025 ยาวเท่าไหร่
รุ่นปี 2025 ของ BMW M5 Touring ที่กำลังจะมาถึงนี้ คาดว่าความยาวตัวถังจะอยู่ที่ประมาณ 4,960 มิลลิเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า เรียกได้ว่าเป็นรถเอสเตทสมรรถนะสูงที่ผสมผสานระหว่างความใช้งานได้จริงกับสปิริตสปอร์ตได้อย่างลงตัว เหมาะสุดๆ สำหรับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบขับรถเที่ยวไกลหรือพาครอบครัวไปทริป ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive นี่ช่วยให้การควบคุมทรงตัวมั่นใจยิ่งขึ้นในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ส่วนกระโปรงหลังขนาดใหญ่ความจุประมาณ 560 ลิตร (ในโหมดปกติ) ก็จัดเต็มได้ทั้งเซิร์ฟบอร์ดหรือของที่ซื้อมาจากร้านตลาดนัดสุดสัปดาห์ พลาดไม่ได้คือระบบไฮบริดปลั๊กอินที่ให้กำลังสุงถึง 718 แรงม้า แต่อย่าลืมเช็คจุดชาร์จในพื้นที่ก่อนนะ ส่วนเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ระบบช่วงล่างแบบปรับอากาศได้ของ M5 Touring นี่รับมือกับถนนบางเส้นในไทยที่สภาพไม่ค่อยดีได้อยู่หมัด ส่วนระบบเบรก M Compound ที่มากับมาตรฐานก็เด่นมากในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ที่ต้องเหยียบๆ หยุดๆ แม้ตัวรถจะยาวหน่อย แต่เทคโนโลยีพวงมาลัยหลังช่วยให้ขับในซอยแคบๆ ได้คล่องขึ้น โดยเฉพาะในเมืองเก่าของเชียงใหม่หรือตามซอกซอยของภูเก็ตที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูง
Q
BMW M5 Touring จะมีราคาเท่าไหร่
จากข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ คาดว่า BMW M5 Touring น่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 8-10 ล้านบาทในตลาดไทย โดยราคาสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับสเปกและอุปกรณ์เสริมที่เลือก ซึ่งต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจาก BMW ประเทศไทย รุ่นนี้เป็นวากันสมรรถนะสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังมากกว่า 600 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ผสมผสานระหว่างความสนุกในการขับขี่และความใช้งานได้จริง แม้ว่ารถวากันสมรรถนะสูงแบบนี้จะยังเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มในไทย แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการทั้งความมันส์และพื้นที่ใช้งานเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงว่าประเทศไทยมีอัตราภาษีนำเข้ารถที่ค่อนข้างสูง ซึ่งส่งผลต่อราคาขายโดยตรง เมื่อเทียบกับรุ่นซีดาน M5 รุ่น Touring นี้ให้พื้นที่กระโปรงหลังที่กว้างขวางกว่า เหมาะสำหรับครอบครัวหรือการเดินทางไกล แนะนำให้ผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารล่าสุดจากผู้จำหน่าย BMW ในประเทศไทย หรือลองนัดหมายทดลองขับเพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง
Q
ความสูงจากพื้นถึงตัวถังของ Riddara RD6 คือเท่าไร
รถกระบะ Riddara RD6 เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจในตลาดไทย ด้วยระยะความสูงจากพื้น 225 มม. ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ทั้งในเมืองและเส้นทางลูกรังชนบท ทำให้การขับขี่ผ่านพื้นที่ต่างๆ เป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่บางพื้นที่อาจมีน้ำท่วมขัง ระยะความสูงจากพื้นที่มากกว่าปกติจะช่วยลดความเสี่ยงในการให้น้ำสัมผัสกับช่วงล่างของรถ พร้อมทั้งยังเพิ่มความสามารถในการรับมือกับเส้นทางขรุขระได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นสำหรับผู้ใช้งานที่มักต้องขนของหรือชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ระยะความสูงจากพื้นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความสามารถในการขับขี่ผ่านพื้นที่ต่างๆ ของรถยนต์ โดยทั่วไปรถกระบะจะมีระยะความสูงจากพื้นมากกว่ารถเก๋ง เพื่อให้เหมาะสมกับการบรรทุกและการขับออฟโรด ซึ่งตัวเลข 225 มม. ของ RD6 นั้นอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตลาด สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถกระบะ นอกจากระยะความสูงจากพื้นแล้ว ควรพิจารณาระบบช่วงล่างและขนาดยางด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อความสามารถในการขับขี่และความนุ่มนวลขณะใช้งานจริง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณเลือกรถที่ตรงกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานได้อย่างเหมาะสมที่สุด
Q
ความยาวของ Omoda C9 คือเท่าไร
รถ Omoda C9 มีความยาว 4,781 มม. ในด้านขนาดตัวถัง นอกจากความยาวแล้ว ยังมีความกว้าง 1,920 มม. และความสูง 1,671 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 2,815 มม. ซึ่งขนาดเหล่านี้ทำให้ Omoda C9 มีพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวาง อำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี ขนาดของมันใกล้เคียงกับ SUV อย่าง Proton X90 และ Kia Sorento ทำให้สามารถแข่งขันในระดับเดียวกันได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมืองหรือการเดินทางไกล ก็ตอบโจทย์ได้ครบถ้วน ทั้งในเรื่องพื้นที่เก็บสัมภาระและความสะดวกสบายของผู้โดยสารที่สามารถขยับตัวได้อย่างอิสระ
Q
BYD Song Max เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือไม่?
ปัจจุบัน BYD Song Max ในตลาดจีนมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) เท่านั้น ยังไม่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) รุ่น MPV 7 ที่นั่งนี้เน้นความประหยัดและประโยชน์ใช้สอยสำหรับครอบครัว โดยมาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L หรือระบบไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก DM-i ที่ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่แบบไทยได้ดี โดยเฉพาะการเดินทางไกลอย่างไปเที่ยวหัวหินหรือเชียงใหม่ในช่วงวันหยุด สำหรับตลาดไทยแล้ว ลูกค้ามักสนใจเรื่องความประหยัดน้ำมันและความยืดหยุ่นของพื้นที่ภายใน รถรุ่นนี้มีการจัดวางที่นั่งแบบ 2+2+3 พร้อมพื้นที่เก็บของที่ปรับระดับเรียบได้ ซึ่งใช้งานได้สะดวกในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไทยมีอากาศร้อนชื้น ควรตรวจสอบระบบทำความเย็นและสารเคลือบใต้ท้องรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาหลังการใช้งานระยะยาว หากลูกค้าต้องการรถ MPV ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจริงๆ อาจต้องมองหารุ่นอื่นจากแบรนด์อื่นแทน แต่ต้องระวังว่าระบบ 4WD จะทำให้ราคาสูงขึ้นและกินน้ำมันมากขึ้น ซึ่งสำหรับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าก็เพียงพอแล้ว
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Honda City Hatchback คืออะไร
ยางรถยนต์รุ่นฮอนด้า ซีวีแฮทช์แบคที่ติดตั้งมาจากโรงงานในตลาดไทย อาจมีแบรนด์แตกต่างกันไปตามรุ่นและปีที่ผลิต โดยทั่วไปมักจะเป็นยางแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่างดันลอป (Dunlop), มิชลิน (Michelin) หรือ โยโกฮาม่า (Yokohama) ซึ่งผลิตในประเทศไทยเพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศแบบร้อนชื้นและถนนหลากหลายลักษณะ ยกตัวอย่างเช่น ยางดันลอป ENASAVE EC300+ จะโดดเด่นในเรื่องประหยัดน้ำมันและทนทาน ส่วนมิชลิน ENERGY XM2+ จะเน้นการยึดเกาะถนนเมื่อ路面เปียกลื่น สำหรับคนไทยเวลาจะเลือกซื้อยางต้องสังเกตเครื่องหมายรับรองมาตรฐานภายในประเทศอย่าง TISI ด้วย และควรเน้นยางที่มีดอกยางออกแบบมาเพื่อทนความร้อนสูงและรีดน้ำได้ดี ถ้าต้องการเปลี่ยนยางนอกจากยางที่ติดตั้งมาจากโรงงานแล้ว ยังสามารถพิจารณาแบรนด์อื่นๆ อย่างบริจสโตน (Bridgestone) หรือ Debica ที่ขายดีในไทย แต่ต้องตรวจสอบขนาดยางให้ตรงตามมาตรฐาน JATMA (เช่น 185/55 R16) นอกจากนี้การตรวจสอบความดันลมยางและความลึกดอกยางเป็นประจำก็สำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทย เพราะยางที่มีสภาพดีจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน
Q
ความดันลมยางของ Xpeng X9 คืออะไร
ค่ากดลมยางที่แนะนำสำหรับรถยนต์รุ่น小鹏X9จะอยู่ที่ประมาณ 2.3 ถึง 2.5 bar (หรือประมาณ 33 ถึง 36 psi) แต่ตัวเลขอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของรถ ยี่ห้อยาง หรือน้ำหนักบรรทุก ควรตรวจสอบคู่มือผู้ใช้หรือป้ายที่กรอบประตูรถเพื่อความแน่ชัด ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย ความดันลมยางอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากความร้อน ดังนั้นควรตรวจสอบเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล และปรับให้ได้มาตรฐานเมื่อยางอยู่ในสภาวะเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดสีไม่สม่ำเสมอหรือเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง นอกจากนี้ ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย ควรให้ความสนใจกับประสิทธิภาพการระบายน้ำของยาง หากใช้ยางแบบ Low-profile (เช่น รุ่นประสิทธิภาพสูงบางรุ่น) อาจเพิ่มความดันอีก 0.1 ถึง 0.2 bar เพื่อเพิ่มความมั่นคง แต่ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วย สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรุ่น X9 การรักษาความดันลมยางที่เหมาะสมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ผู้ใช้ในประเทศไทยควรให้ความสำคัญ

Q&A ล่าสุด

Q
ข้อเสียของ Honda City Hatchback คืออะไร
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีข้อสังเกตบางประการในตลาดไทยที่ผู้บริโภคควรพิจารณา อันดับแรกคือพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังค่อนข้างเล็ก มีความจุเพียง 289 ลิตร ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับครอบครัวไทยที่มักต้องบรรทุกของขนาดใหญ่ ประการต่อมาคือระบบกันสะเทือนหลังแบบคานบิด ที่อาจลดความนุ่มนวลเมื่อต้องวิ่งบนถนนที่มีสภาพไม่ดีในบางพื้นที่ของไทย นอกจากนี้ แม้จะใช้เครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร แต่ในสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดของเมืองไทย ประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศอาจลดลง และการควบคุมเสียงรบกวนเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ยังไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้ต้องพิจารณาควบคู่กับตำแหน่งทางการตลาดของรถรุ่นนี้ ในฐานะรถยนต์ระดับเริ่มต้นที่เน้นความประหยัดและใช้งานในเมืองเป็นหลัก จุดเด่นด้านความประหยัดน้ำมันและความคล่องตัวในเมืองยังถือว่าน่าพอใจ ผู้บริโภคชาวไทยจึงควรพิจารณาตามลักษณะการใช้งานของตน เช่น หากเดินทางไกลบ่อยหรือมีความต้องการใช้พื้นที่มาก อาจต้องพิจารณารุ่นอื่น แต่ถ้าใช้ขับขี่ในเมืองเป็นหลัก รถรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
Q
มูลค่าการขายต่อของ Honda City Hatchback คืออะไร
รถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดมือสองของไทยถือว่าคงมูลค่าได้ค่อนข้างดี สาเหตุหลักมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้าที่แข็งแกร่งในไทย คุณภาพที่เชื่อถือได้ รวมถึงจำนวนรถที่จำหน่ายออกไปในตลาดค่อนข้างสูง โดยทั่วไปรถอายุ 3 ปีจะยังคงมูลค่าได้ประมาณ 60% แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง เวอร์ชั่นอุปกรณ์ และประวัติการเซอร์วิสด้วย ในตลาดไทยผู้บริโภคมีความต้องการรถแฮทช์แบ็กขนาดเล็กค่อนข้างมาก แถมซิตี้ แฮทช์แบ็กยังประหยัดน้ำมันและค่าซ่อมบำรุงไม่แพง สิ่งเหล่านี้ช่วยพยุงมูลค่ารถมือสองได้ดี ถ้าคิดจะซื้อหรือขายรถรุ่นนี้ แนะนำให้เข้าศูนย์บริการตามกำหนดและเก็บหลักฐานการบำรุงรักษาให้ครบถ้วน จะช่วยเพิ่มมูลค่ารถมือสองได้อย่างเห็นได้ชัด ส่วนในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ควรตรวจสอบสภาพการป้องกันสนิมและระบบแอร์เป็นพิเศษ เพราะส่งผลต่อมูลค่ารถเช่นกัน โดยรวมแล้วซิตี้ แฮทช์แบ็กเป็นรถที่ขายง่ายในตลาดมือสองของไทย ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างตกลงราคาได้ไม่ยาก
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคมีกี่ซีซี
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบ็ก รุ่นปรับโฉมใหม่ มาพร้อมกับ 2 ตัวเลือกเครื่องยนต์ คือรุ่น 1.0 ลิตร และ 1.5 ลิตร โดยเครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ VTEC เป็นรุ่นเบนซิน คู่กับเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิด 173 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.3 กม./ลิตร มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยคือ S+, SV และ RS ส่วนรุ่น 1.5 ลิตร e:HEV เป็นระบบไฮบริด โดยเครื่องยนต์ผลิตกำลัง 98 แรงม้าและแรงบิด 126 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถเพิ่มกำลังได้ถึง 109 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 27.8 กม./ลิตร มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยคือ SV และ RS ด้วยความหลากหลายของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่ประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ตามความต้องการของแต่ละคน
Q
เครื่องยนต์ใน Honda City Hatchback คืออะไร
รถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กมีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกหลายแบบ แบบแรกคือเครื่องยนต์ 1.5L DOHC i-VTEC แบบสูบธรรมชาติ คู่กับเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 119 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามมาตรฐาน 5.6L/100km เครื่องยนต์แบบนี้ให้กำลังส่งที่เนียนๆ เหมาะกับการขับขี่ในเมืองทั่วไป ตอบโจทย์การใช้งานประจำวันได้ดี อีกแบบคือระบบไฮบริด 1.5L i-MMD ในรุ่น e:HEV RS ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า แต่แรงบิดสูงถึง 253 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันได้ดีมากแค่ 3.6L/100km ระบบไฮบริดนี้ผสมผสานจุดเด่นของทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า นอกจากให้กำลังขับเคลื่อนที่มั่นคงแล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำมันและลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะมองหารถที่ประหยัดน้ำมันหรือต้องการสมรรถนะการขับขี่ที่แรงกว่า ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กก็มีตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ทั้งนั้น
Q
เกียร์แบบใดคือเกียร์ของ Honda City Hatchback
รถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบที่มาพร้อมระบบเกียร์ต่างกัน สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิเตอร์ เทอร์โบ VTEC ใช้ระบบเกียร์ CVT ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์เนียนๆ ไม่สะดุด พร้อมแรงม้าสูงสุด 122 แรงม้าและแรงบิด 173 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.3 กม./ลิตร มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยคือ S+, SV และ RS ส่วนรุ่นไฮบริด 1.5 ลิเตอร์ e:HEV ไม่ได้ระบุประเภทเกียร์ชัดเจน แต่เครื่องยนต์หลักให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้าและแรงบิด 126 นิวตันเมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเพิ่มพลังเป็น 109 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร ทำให้ประหยัดน้ำมันขึ้นไปถึง 27.8 กม./ลิตร มีตัวเลือกรุ่น SV และ RS ระบบเกียร์ CVT ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหล ไม่สะดุด เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล สร้างความรู้สึกสบายขณะขับขี่ และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีอีกด้วย
ดูเพิ่มเติม