Q&A ล่าสุด

Q
ความยาวของ Tesla Model 3 คือเท่าไร
Tesla Model 3 มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,724 มิลลิเมตร จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง ซึ่งขนาดแบบนี้เหมาะอย่างมากสำหรับการขับขี่ในถนนเมืองไทย โดยเฉพาะในพื้นที่แคบหรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างในกรุงเทพฯ ด้วยดีไซน์ที่กระทัดรัด ทำให้ Model 3 จอดรถง่าย ไม่กินพื้นที่ แต่ก็ยังคงความกว้างขวางภายในห้องโดยสารไว้ได้ดี เบาะหลังสามารถรองรับผู้ใหญ่นั่งได้สบาย และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน หลังคากระจกแบบเต็มบานของ Model 3 ออกแบบมาเพื่อกันความร้อนจากแดดเมืองไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้มุมมองที่กว้างและสว่างขณะขับขี่ จุดเด่นอีกอย่างคือความเงียบในห้องโดยสารจากการที่เป็นรถไฟฟ้า ช่วยให้การเดินทางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น นอกจากนี้ Tesla ยังมีเครือข่าย Supercharger ครอบคลุมในประเทศไทย ทำให้ระยะทางขับขี่ของ Model 3 เพียงพอต่อการเดินทางไกล เช่น กรุงเทพฯ–พัทยา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จระหว่างทาง สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและชอบเทคโนโลยีล้ำสมัย Model 3 ถือเป็นตัวเลือกที่ทั้งทันสมัยและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
Q
แบตเตอรี่ของ Tesla Model 3 มีความจุเท่าไหร่?
แบตเตอรี่ของ Tesla Model 3 จะมีความจุแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยรุ่น Standard Range จะมีความจุประมาณ 54 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่วนรุ่น Long Range จะอยู่ที่ประมาณ 75 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และรุ่น Performance จะมีความจุสูงถึง 82 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนนี้ให้ความหนาแน่นพลังงานสูงและวิ่งได้ระยะทางไกล ส่วนในไทยที่อากาศร้อน การระบายความร้อนของแบตเตอรี่เป็นเรื่องสำคัญ แต่ Tesla มีระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้ทำงานได้เสถียรและยืดอายุการใช้งานแม้อยู่ในสภาพอากาศร้อน แถมตอนนี้รัฐบาลไทยยังสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า ถ้าซื้อ Tesla Model 3 ก็จะได้ลดภาษีด้วย อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 8-15 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการชาร์จ แนะนำว่าอย่าชาร์จเร็วบ่อยๆ จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ ในไทย Tesla ก็มีเครือข่าย Supercharger ที่ค่อยๆ ขยายเพิ่มเรื่อยๆ ให้เจ้าของรถสะดวกขึ้น สำหรับคนไทยที่กำลังคิดจะซื้อรถไฟฟ้า นอกจากความจุแบตเตอรี่แล้ว ควรดูเรื่องสถานีชาร์จและบริการหลังการขายด้วย เพราะสองอย่างนี้มีผลต่อการใช้งานจริงไม่น้อย
Q
ราคาบริการของ Tesla Model 3 คือเท่าไหร่?
ราคาบริการสำหรับ Tesla Model 3 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรายละเอียดงานและศูนย์บริการ โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนยางหรือตรวจสอบเบรกอาจมีราคาประมาณ 5,000 ถึง 10,000 บาท ส่วนการซ่อมที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่หรือมอเตอร์อาจมีราคาสูงกว่านั้น แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Tesla ในประเทศไทยเพื่อขอใบเสนอราคาที่แน่นอน สำหรับในไทย การดูแลรักษารถไฟฟ้าจะง่ายกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพราะไม่มีเครื่องยนต์และเกียร์ ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเหมือนรถทั่วไป แต่การดูแลแบตเตอรี่และระบบอิเล็กทรอนิกส์ยังต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดำเนินการ Tesla ในไทยมีทั้งศูนย์บริการและทีมบริการเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของรถ พร้อมกันนี้ยังแนะนำให้อัปเดตระบบผ่าน OTA เป็นประจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของรถ ส่วนรัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า เช่น การให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้ต้นทุนการใช้รถไฟฟ้าอย่าง Tesla ถูกลงและดึงดูดความสนใจในตลาดไทยมากขึ้น
Q
รถ Tesla Model 3 ต้องเสียค่าดูแลรักษาเท่าไหร่?
Tesla Model 3 ในประเทศไทยมีค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากโครงสร้างของรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หัวเทียน หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ที่รถน้ำมันต้องใช้ การดูแลรักษาหลักๆ จะมีแค่การสลับยางรถยนต์ ตรวจเช็คของเหลวเบรก และเปลี่ยนไส้กรองแอร์เท่านั้น ค่าบำรุงรักษาเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 5,000–8,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และระยะทางที่ใช้งาน Tesla ยังมีศูนย์บริการอย่างเป็นทางการในไทย ซึ่งให้บริการด้วยราคาชัดเจนและทีมงานมืออาชีพ ทำให้เจ้าของรถรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น จุดสำคัญของต้นทุนระยะยาวสำหรับรถไฟฟ้าคืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่ง Tesla รับประกันแบตเตอรี่ของ Model 3 นานถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ซึ่งช่วยให้เจ้าของรถมั่นใจได้ในระยะยาว นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีนโยบายลดภาษีและสนับสนุนค่าชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานลดลงไปอีก ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่หลายแห่งก็มีสถานี Supercharger ของ Tesla ติดตั้งไว้แล้ว ใช้งานสะดวก โดยรวมแล้ว Tesla Model 3 เป็นรถที่ค่าดูแลรักษาไม่แพง เหมาะกับผู้ที่ต้องการความประหยัด เทคโนโลยีล้ำสมัย และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย
Q
ขนาดขอบล้อของ Tesla Model 3 คือเท่าไหร่?
ขนาดล้อของ Tesla Model 3 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นที่เลือก โดยรุ่นมาตรฐานมักจะมาพร้อมล้อขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่นสมรรถนะสูงอาจมาพร้อมล้อขนาด 19 นิ้ว ทั้งนี้ ขนาดล้ออาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตและประเทศที่จำหน่าย สำหรับในประเทศไทย ซึ่งมีสภาพถนนที่ค่อนข้างหลากหลาย ล้อขนาด 18 นิ้วจะเหมาะสมกว่า เพราะยางมีแก้มยางที่หนากว่า ให้ความนุ่มนวลและทนทานมากกว่าเมื่อต้องเจอกับหลุมบ่อหรือถนนขรุขระ ส่วนล้อขนาดใหญ่แม้จะดูสปอร์ตและสวยงาม แต่เวลาเจอถนนไม่เรียบอาจทำให้รู้สึกสะเทือนมากขึ้น เวลาจะเลือกขนาดล้อ ยังควรคำนึงถึงราคายางและความสะดวกในการหายางเปลี่ยนด้วย ในไทยมีแบรนด์ยางชื่อดังอย่าง Michelin, Bridgestone ที่มีรุ่นยางที่รองรับ Tesla Model 3 ให้เลือกหลายแบบ เจ้าของรถควรเลือกตามความต้องการการใช้งานและงบประมาณของตน อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ ขนาดล้อมีผลต่อระยะทางการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้า ล้อที่มีขนาดเล็กกว่า มักช่วยให้รถใช้พลังงานน้อยลงเล็กน้อย ทำให้ขับได้ไกลขึ้น จึงเป็นอีกเรื่องที่ผู้ใช้ในไทยควรพิจารณาเวลาจะเลือกเปลี่ยนล้อหรือเลือกรุ่นรถ
ดูเพิ่มเติม