Q
หลอดไฟหน้า Isuzu D-max 2012 มีขั้วอะไร
ไฟหน้าของ Isuzu D-max รุ่นปี 2012 ปกติจะใช้ฐานหลอดไฟ H4 ที่พบได้ทั่วไป แต่ต้องระวังว่าอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยและล็อตการผลิต
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
อีซูซุ D-max ใช้น้ำมันเกียร์เบอร์อะไร
อีซูซุ ดี-แม็กซ์โดยปกติจะใช้น้ำมันเกียร์ประเภท 75W-90 แต่รุ่นน้ำมันเกียร์ที่ใช้จริงอาจแตกต่างไปตามปีที่ผลิต รุ่นอุปกรณ์เสริม และสภาพการใช้งานต่างๆ ในการบำรุงรักษาและเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ แนะนำให้ตรวจสอบจากคู่มือผู้ใช้ของรถยนต์หรือปรึกษาช่างซ่อมรถยนต์ผู้เชี่ยวชาญ
Q
อีซูซุดีแม็กซ์ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์อะไร
อีซูซุ ดี-แม็กซ์โดยปกติจะใช้น้ำมันเครื่องประเภท 5W-30 หรือ 10W-30 แต่การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมยังขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานของรถยนต์และพฤติกรรมการขับขี่ โดยทั่วไปแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือผู้ใช้ของรถยนต์ในการเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสม
Q
ราคาอีซูซุดีแม็กซ์เท่าไหร่
ราคาอีซูซุ ดี-แม็กซ์ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นอุปกรณ์เสริม ประเภทเครื่องยนต์ และสภาพตลาด โดยทั่วไปแล้ว ราคาของอีซูซุ ดี-แม็กซ์ที่มีการตั้งค่าอุปกรณ์ทั่วไปจะอยู่ในช่วงประมาณ 547,000-1,277,000 บาท
Q
อีซูซุ ดี-แม็กซ์ 2007 ถังน้ำมันมีกี่ลิตร
อีซูซุ ดี-แม็กซ์ 2007 ความจุถังน้ำมันโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 65 ลิตร แต่ต้องระวังว่า ความจุถังน้ำมันจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นการผลิตและความแตกต่างของอุปกรณ์เสริม
Q
Isuzu D-Max ทำในประเทศไหน
Isuzu D-Max ในประเทศไทยผลิตหลักที่โรงงานสองแห่ง ได้แก่ โรงงานสมบรงค์ในจังหวัดสมุทรปราการ และโรงงานเกตเวย์ในจังหวัดระยอง
Q
ที่ไหนจะเช็ครหัสสีรถอีซูซุดีแมค
คุณสามารถตรวจสอบรหัสสีของ Isuzu D-Max ได้จากหลายช่องทางดังนี้ ก่อนอื่นให้ตรวจสอบจากเอกสารทะเบียนรถหรือใบขับขี่ ซึ่งมักจะมีบันทึกรหัสสีของรถไว้ นอกจากนี้คุณยังสามารถสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายหรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตของ Isuzu ในประเทศไทย ซึ่งสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่คุณได้ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบจากสถาบันตรวจสอบรถยนต์หรือร้านซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งอาจมีความสามารถในการตรวจสอบรหัสสีของรถได้เช่นกัน
Q
เลขเครื่องยนต์อีซูซุดีแมคซ์อยู่ที่ไหน
หมายเลขเครื่องยนต์ของ Isuzu D-Max มักจะอยู่ที่ตัวบล็อกเครื่องยนต์ใกล้กับตำแหน่งที่เครื่องยนต์เชื่อมต่อกับระบบเกียร์ แต่ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและล็อตการผลิต โดยทั่วไปคุณสามารถหาหมายเลขเครื่องยนต์ได้ที่ด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านล่างของเครื่องยนต์ ซึ่งอาจจะมีแผ่นป้ายหรือสัญลักษณ์ที่สลักหมายเลขเครื่องยนต์อยู่
Q
อีซูซุ ดี-แม็กซ์ อัตโนมัติใช้เกียร์น้ำมันขนาดใด
Isuzu D-Max ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ โดยทั่วไปน้ำมันเกียร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับรุ่นและปีของรถ โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นน้ำมันเกียร์อัตโนมัติสังเคราะห์ที่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ในตลาดไทย ผู้ขับขี่หลายคนเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่มีความทนทานต่อความร้อนและมีคุณสมบัติต้านการสึกหรอ เพื่อให้การทำงานของเกียร์ราบรื่นและยืดอายุการใช้งานของระบบเกียร์ได้อย่างยาวนาน
Q
Isuzu D-max หมายเลขถังอยู่ที่ไหน
หมายเลขตัวถังของ Isuzu D-MAX อาจอยู่ในหลายตำแหน่ง เช่น บนตัวถังใกล้ล้อหลัง หรืออาจอยู่ที่เสาคู่ประตูหรือเสาที่เชื่อมต่อกับตัวล็อคประตู ซึ่งอยู่ใกล้ที่นั่งคนขับ อีกทั้งยังสามารถพบหมายเลขตัวถังที่แผงหน้าปัดด้านซ้ายของตัวรถ (ฝั่งคนขับ) หรือบางคันอาจพบป้ายหมายเลขตัวถังที่แผงกันชนหน้าในห้องเครื่อง หรือแผ่นโลหะที่ขอบประตูฝั่งผู้โดยสาร
Q
Isuzu D-Max เติมน้ำมันอะไร
Isuzu D-Max ในประเทศไทยมักใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งการจัดหาน้ำมันและความเหมาะสมของรถกับสภาพการใช้งานในประเทศไทยทำให้รถคันนี้เลือกใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลัก ซึ่งช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพถนนและความต้องการในการใช้งานของผู้ขับขี่ในประเทศไทยได้ดี อีกทั้งยังมีสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันที่โดดเด่น
Q&A ล่าสุด
Q
รถยนต์ Lamborghini Countach ชนในภาพยนตร์เรื่องอะไร
แลมโบร์กินี Countach มีฉากชนรถที่โด่งดังในภาพยนตร์เรื่อง The Cannonball Run ปี 1981 ซึ่งนำแสดงโดย เบิร์ต เรย์โนลด์ส Countach ในหนังเป็นรถสปอร์ตที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และสมรรถนะ แม้เกิดอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำแต่กลับช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้รุ่นนี้ สำหรับแฟนรถในไทย Countach ถือเป็นหนึ่งในรุ่นคลาสสิกที่สุดของแลมโบร์กินี ด้วยประตูกรรไกรและตัวถังทรงลิ่มที่มีอิทธิพลต่อซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ๆ บางครั้งก็มีให้เห็นในงานแสดงรถหรูหรือคอลเลกชันของเศรษฐีในไทย สภาพอากาศร้อนจัดในไทยทำให้การดูแลรักษารถคลาสสิกนี้ต้องพิถีพิถัน โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์และการดูแลสีรถ แนะนำให้เก็บในโรงรถมืออาชีพและสตาร์ทเครื่องเป็นประจำเพื่อรักษาสภาพ แม้แลมโบร์กินีรุ่นใหม่อย่าง Aventador จะสืบทอดภาษาการออกแบบจาก Countach แต่ความบริสุทธิ์ทางกลไกของ Countach ดั้งเดิมยังคงเป็นที่หมายปองของนักสะสมในไทยจำนวนมาก
Q
ทำไมแลมโบร์กินีจึงนำ Countach กลับมา
การที่แลมโบร์กีนีนำรุ่น Countach กลับมาอีกครั้งนั้น ก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อรถคลาสสิกยุค 1970 อย่างแท้จริง พร้อมไปกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ที่หลงใหลในการผสมผสานระหว่างดีไซน์วินเทจกับเทคโนโลยีล้ำยุค แม้จะยังคงรักษาองค์ประกอบ iconic อย่างรูปทรงลิ่มแบบดั้งเดิมไว้ แต่ Countach รุ่นใหม่นี้ก็ได้เพิ่มระบบไฮบริดและเทคโนโลยีร่วมสมัยอื่นๆ เข้าไป ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการยกย่องประวัติศาสตร์ แต่ยังแสดงถึงความสามารถด้านนวัตกรรมของแบรนด์อีกด้วย สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้เหมาะเป็นพิเศษกับกลุ่มผู้บริโภคระดับสูงที่มองหาความแตกต่าง โดยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์และระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงยังช่วยรับประกันสมรรถนะที่เสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย ที่น่าสนใจคือ วัฒนธรรมซูเปอร์คาร์ในไทยนั้นกำลังเฟื่องฟู โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มักมีการจัดแสดงรถคลาสสิกบ่อยครั้ง ทำให้ Countach รุ่นใหม่นี้ซึ่งมาพร้อมทั้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสมรรถนะสมัยใหม่ สามารถสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ รถไทยได้ไม่ยาก คล้ายกับที่ Countach รุ่นแรกเคยโด่งดังไปทั่วโลกผ่านโปสเตอร์ในอดีต รุ่นใหม่นี้อาจกลายเป็นรถในฝันของคนรักรถรุ่นใหม่ในไทยได้เช่นกัน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผสานดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีที่ยั่งยืนอีกด้วย
Q
พวกเขาทำลายรถ Lamborghini Countach ของจริงใน Wolf of Wall Street หรือเปล่า?
ในภาพยนตร์เรื่อง The Wolf of Wall Street มีฉากที่รถแลมโบร์กินี Countach ถูกทำลายจริงแต่ทีมงานไม่ได้ทำลายรถจริงใช้รถจำลองและเทคนิคพิเศษแทนซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในวงการหนังเพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงและปกป้องรถคลาสสิกมีค่าจำนวนมากแลมโบร์กินี Countach คือซูเปอร์คาร์ที่โดดเด่นในยุค 1970 ถึง 1990 มีดีไซน์รูปทรงสามเหลี่ยมและประตูปีกนกในประเทศไทยก็มีผู้สะสมรถรุ่นนี้ไม่น้อยแต่เนื่องจากความหายากและราคาสูงจึงต้องดูแลบำรุงรักษาอย่างพิถีพิถันสภาพอากาศร้อนชื้นในไทยเป็นความท้าทายสำคัญในการเก็บรักษารถคลาสสิกแนะนำให้เจ้าของควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงรถอย่างเคร่งครัดและตรวจสอบยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นประจำเพื่อรักษาสภาพรถให้ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังการใช้รถจำลองในหนังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของวงการภาพยนตร์ในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมเพราะรถคลาสสิกอย่าง Countach ไม่ใช่แค่พาหนะแต่ยังเป็นพยานทางประวัติศาสตร์ของวงการรถยนต์อีกด้วย
Q
คุณสามารถขับแลนซ์คาวน์ทัชทุกวันได้ไหม
การขับลัมโบร์กินี Countach ในชีวิตประจำวันที่ไทยเป็นไปได้ในทางทฤษฎีแต่ไม่เหมาะสม รถซูเปอร์คาร์คลาสสิกรุ่นนี้ออกแบบเพื่อสมรรถนะในสนามแข่งไม่ใช่ความสะดวกสบายในการเดินทางประจำวัน ประตูกรรไกรที่เป็นเอกลักษณ์มักติดขัดในที่จอดแคบของกรุงเทพฯ เครื่องยนต์ V12 ใช้น้ำมันสูงมากในเมืองอาจต่ำกว่า 5 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ราคาน้ำมัน 95 ในไทยสูงมาก ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกทำงานได้จำกัดในสภาพจราจรติดขัด อากาศร้อนชื้นในไทยทำให้แอร์เครื่องจักรกลใน Countach รุ่นเก่ามีประสิทธิภาพต่ำ การดัดแปลงแอร์สมัยใหม่อาจกระทบมูลค่ารถสะสม ทั้งนี้ภาษีนำเข้ารถซูเปอร์คาร์ในไทยสูงถึง 300 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ราคาขายสูงกว่าตลาดโลกมาก การซ่อมบำรุงต้องพึ่งพาช่องทางนำเข้าเฉพาะ รออะไหล่แท้บางครั้งนานเป็นเดือน เมื่อเทียบกับรถสมรรถนะสูงประกอบในไทยเช่น BMW M ซีรีส์ หรือ Porsche 911 ที่ปรับระบบระบายความร้อนสำหรับภูมิอากาศร้อนและมีศูนย์บริการครบครัน การใช้ Countach เป็นรถประจำวันแนะนำรุ่นครบรอบ 25 ปีที่ปรับช่วงล่างให้เหมาะกับถนนขรุขระของไทยได้ดีขึ้นแต่ต้องระวังน้ำท่วมในฤดูฝนซึ่งเป็นปัญหาหนักในทุกปี
Q
แลมโบร์กินีหยุดผลิต Countach เมื่อไร
การผลิตรถซุปเปอร์คาร์สุดคลาสสิกอย่าง Lamborghini Countach ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการในปี 1990 โดยรถคันนี้ได้สร้างตำนานมาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1974 ด้วยดีไซน์รูปทรงลิ่มอันเป็นเอกลักษณ์และประตูแบบกรรไกรที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการยานยนต์ สำหรับประเทศไทยแล้ว Countach เป็นที่เลื่องลือในวงการนักสะสมทั้งจากความหายากและสถานะรถคลาสสิกระดับตำนาน การหยุดผลิต Countach ถือเป็นการปิดบทบาทสำคัญของแลมโบร์กินียุคหนึ่ง แต่นวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีของมันได้กลายเป็นพื้นฐานให้กับรุ่นหลังๆอย่าง Diablo และ Murciélago ซึ่งก็ได้รับความนิยมไม่น้อยในตลาดไทย สำหรับแฟนรถไทยแล้ว Countach ไม่ใช่แค่ตัวแทนของดีไซน์สุดล้ำสมัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของแบรนด์แลมโบร์กินี แม้ทุกวันนี้เรายังสามารถพบเห็นมันได้บ้างในงานคลาสสิกคาร์โชว์หรืองานอีเว้นท์รถระดับไฮเอนด์ของไทย ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลที่ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่น่าสนใจคือในปี 2021 แลมโบร์กินีได้เปิดตัว Countach LPI 800-4 รุ่นพิเศษเพื่อเป็นการสดุดี โดยรวมเอาดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสานต่อตำนานของ Countach ให้คงอยู่ต่อไป
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Isuzu D-Max รีวิว—ดีไซน์ดุดัน พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบาย ทนทานและประหยัดน้ำมัน รถกระบะอเนกประสงค์
ธนวัฒน์Mar 31, 2025

นี่คือราคาของรถกระบะ Isuzu คุณลักษณะของ 20 รุ่น และแผนการสินเชื่อ
Kevin WongFeb 28, 2025

THB 1,145,000! Isuzu D-Max 1.9 MHEV วางขายแล้ว: กำลังแรง 150PS, 350N·m!
ธนวัฒน์Oct 12, 2024

Isuzu D-Max EVเป็นรถกระบะไฟฟ้าเชิงพาณิชย์รุ่นแรกในยุโรป แต่ราคาแพงเกินไป!
Kevin WongJul 24, 2025

Isuzu เปิดตัวเครื่องยนต์ MAXFORCE ใหม่ มีพลังงานที่แข็งแรงกว่า!
ธนวัฒน์Nov 15, 2024
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย