Q

"งบประมาณสำหรับ EV 2025 คือเท่าไหร่?"

ตามการคาดการณ์ของวงการและทิศทางนโยบายรัฐบาล ภายในปี 2025 งบประมาณสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับระดับรุ่นและเทคโนโลยีที่ติดตั้ง โดยรถไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นคาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ 700,000-900,000 บาท พร้อมแบตเตอรี่มาตรฐาน (ระยะทางประมาณ 300-400 กิโลเมตร) และฟังก์ชันอัจฉริยะพื้นฐาน ส่วนรุ่นกลางถึงสูงอาจพุ่งไปที่ 1.2-1.8 ล้านบาท ด้วยแบตเตอรี่ระยะยาว (เกิน 500 กิโลเมตร) และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ขณะที่รถปลั๊กอินไฮบริดจะมีราคาสูกว่ารุ่นไฟฟ้าแท้ในระดับเดียวกันประมาณ 10-15% เนื่องจากใช้ระบบขับเคลื่อนสองแบบ ที่น่าสนใจคือ เมื่อการผลิตในประเทศเพิ่มขึ้นและเทคโนโลยีแบตเตอรี่พัฒนาต่อไป ต้นทุนแบตเตอรี่ลิเธียมในปี 2025 อาจลดลง 20-30% จากปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลตรงต่อราคาขายปลีก นอกจากนี้ผู้บริโภคควรติดตามนโยบายสนับสนุนของรัฐที่อาจมีการปรับเปลี่ยน เช่น มาตรการลดภาษีนำเข้าและเงินอุดหนุนการซื้อรถไฟฟ้าที่อาจจะไม่ต่อเนื่อง ด้านโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจำนวนสถานีชาร์จเร็วจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า จากปัจจุบัน โดยกระจายตัวรอบกรุงเทพและเมืองท่องเที่ยวหลัก ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรถูกกว่ารถน้ำมันประมาณ 40-60% แต่ต้องคำนวณค่าติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้านซึ่งอยู่ที่ 20,000-30,000 บาท สำหรับการรับประกัน ส่วนใหญ่จะครอบคลุมแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร โดยกำหนดเกณฑ์การเสื่อมสภาพที่ความจุเหลือ 70%
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

Q&A ล่าสุด

Q
แนวโน้มเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศจีนในปี 2025 คืออะไร?
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนในปี 2025 มีแนวโน้มสดใสมาก คาดว่าจะกลายเป็นหนึ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก รัฐบาลส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าผ่านนโยบายสนับสนุนและการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่ายอดขายรถยนต์พลังงานใหม่จะมีสัดส่วนเกิน 30% ภายในปี 2025 ในขณะที่เทคโนโลยีแบตเตอรียังคงก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระยะทางการขับขี่และประสิทธิภาพการชาร์จดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับภูมิภาคอื่นที่กำลังเผชิญกับความต้องการในการเปลี่ยนผ่านพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม แบรนด์จีนมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติและเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ซึ่งเป็นโซลูชันที่ตลาดอื่นสามารถนำไปปรับใช้ได้ นอกจากนี้ การเติบโตของห่วงโซ่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังช่วยลดต้นทุนลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้สามารถรับรถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วขึ้น สำหรับผู้บริโภค การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้านอกจากจะดูเรื่องระยะทางและราคาแล้ว ยังสามารถอ้างอิงเทรนด์เทคโนโลยีจากตลาดจีนได้ เช่น ระบบเปลี่ยนแบตเตอรี่และฟังก์ชั่นเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในรถ ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญของการเดินทางในอนาคต
Q
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นในปี 2025 หรือไม่?
จากแนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกและการสนับสนุนนโยบายในประเทศ คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง หลักๆแล้วมาจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล ทั้งส่วนลดค่าซื้อรถ ลดหย่อนภาษี และแผนขยายสถานีชาร์จที่ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แถมรุ่นใหม่ๆจากแบรนด์ดังๆก็ออกมาด้วยระยะทางที่ยาวขึ้น ราคาก็จับต้องได้ ส่งผลให้ความต้องการในตลาดพุ่งแรง โดยเฉพาะในสภาพอากาศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จุดแข็งของแบตเตอรี่และค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าชัดเจน แค่ใช้ขับในเมืองก็ประหยัดค่าน้ำมันแล้ว แถมยังเงียบ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวน เลยถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นพิเศษ ที่น่าสนใจคือตอนนี้ตลาดรถมือสองเริ่มโตแล้ว เทคโนโลยีชาร์จเร็วก็พัฒนาขึ้น เลยทำให้คนกังวลเรื่องอายุแบตเตอรี่และความสะดวกในการชาร์จน้อยลง อนาคตอาจเห็นรถไฮบริดขายคู่ไปกับรถไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ ส่วนการผลิตรถภายในประเทศมากขึ้นก็ช่วยดันราคาให้ถูกลงด้วย แนะนำให้จับตาดูรถรุ่นใหม่ในงาน motor show สิ้นปีนี้ รวมถึงโปรโมชั่นสินเชื่อสีเขียวจากธนาคารที่จะส่งผลต่อความนิยมซื้อรถปีหน้าโดยตรง
Q
ประเทศใดมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในปี 2025?
จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกและแรงสนับสนุนจากนโยบายของแต่ละประเทศ คาดว่าภายในปี 2025 นอร์เวย์ยังคงเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลก โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% เนื่องมาจากมาตรการส่งเสริมต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีทางหลวงสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จที่ครอบคลุม ส่วนจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเกิน 40% ในปี 2025 เช่นกัน ขณะที่ประเทศในยุโรปอย่างเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ก็จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากกฎหมายควบคุมการปล่อยคาร์บอนที่เข้มงวด แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดท้องถิ่นยังต่ำกว่า 10% แต่มาตรการสนับสนุนของรัฐบาลทั้งการอุดหนุนค่าซื้อรถ การลดภาษีนำเข้า และแผนขยายสถานีชาร์จกำลังเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น การเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพียง 0-20% (เทียบกับรถยนต์น้ำมันที่สูงถึง 80%) พร้อมทั้งบริษัทท้องถิ่นก็กำลังเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนอย่างรุ่น Ora Good Cat ผู้บริโภคที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้าควรให้ความสนใจกับปัญหาการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้เลือกรถที่ติดตั้งระบบจัดการแบตเตอรี่แบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและมีระยะเวลารับประกันที่ยาวนาน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นใดจะขายดีที่สุดในยุโรปในปี 2025
คาดการณ์ว่าในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในตลาดยุโรปจะยังคงเป็น Tesla Model Y ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ประสิทธิภาพการชาร์จที่รวดเร็ว และเครือข่ายสถานีชาร์จ Supercharger ที่ครอบคลุม ทำให้ครองตำแหน่งแชมป์ยอดขายมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนรุ่นยอดนิยมอย่าง Volkswagen ID.4 และ ID.3 ก็ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดได้ดีด้วยสมรรถนะที่ครบครันและราคาที่จับต้องได้ สำหรับผู้ที่สนใจรถไฟฟ้า นอกจากจะดูยอดขายแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อประสบการณ์ใช้งานจริง เช่น ความสะดวกของโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในพื้นที่ ความทนทานของแบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อน รวมถึงบริการหลังการขาย ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน แนวโน้มรถไฟฟ้าในยุโรปยังเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยหลายแบรนด์เริ่มเปิดตัวรถไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับใช้ในเมือง หรือรุ่นระดับกลางถึงสูงที่ตอบโจทย์ทั้งระยะทางและเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ในอนาคตเมื่อแบตเตอรี่พัฒนาขึ้นและเครือข่ายสถานีชาร์จขยายตัว รถไฟฟ้าจะใช้งานได้จริงและคุ้มค่ามากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น
Q
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหนที่มีระยะทางวิ่งไกลที่สุดในปี 2025?
ภายในปี 2025 คาดว่ารถไฟฟ้าที่มีระยะทางไกลที่สุดจะเป็น Lucid Air Grand Touring ด้วยระยะทางสูงสุด 516 ไมล์ (ประมาณ 830 กิโลเมตร) ตามมาตรฐาน EPA รุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 113kWh และระบบขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง เหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับการเดินทางไกล ส่วน Tesla Model S Plaid และ Mercedes-Benz EQS 580 ก็ติดโผด้วยระยะทาง 405 ไมล์ (ประมาณ 652 กิโลเมตร) และ 350 ไมล์ (ประมาณ 563 กิโลเมตร) ตามลำดับ โดยรถทั้งสองแบบใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาร่วมกับการออกแบบลดแรงต้านอากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน สำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหารรถไฟฟ้าระยะไกล ควรให้ความสนใจกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ (เช่น ความก้าวหน้าของแบตเตอรี่โซลิดสเตต) ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ (เช่น มาตรฐานการชาร์จในประเทศ) และประสิทธิภาพการใช้งานจริง (เช่น ผลกระทบของสภาพอากาศร้อนต่อแบตเตอรี่) ปัจจุบันเทคโนโลยีชาร์จเร็วสามารถเติมไฟได้ 80% ใน 30 นาที ขณะที่เครือข่ายสถานีชาร์จในท้องถิ่นก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสะดวกในการใช้งาน
ดูเพิ่มเติม