Q

Neta X รองรับฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่อะไรบ้าง?

NETA X ในฐานะรถ EV SUV ที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่อัจฉริยะ ในตลาดไทยได้นำเสนอฟีเจอร์ช่วยขับขี่ที่ใช้งานได้จริงมากมาย ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ACC) ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (LKA) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบจดจำป้ายจราจร (TSR) ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่บนถนนเมืองที่วุ่นวายและทางหลวงของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันของ ACC และ LKA ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ระหว่างติดรถติดในกรุงเทพฯได้มาก ส่วน AEB ก็ตอบโจทย์กับการเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นรถมอเตอร์ไซค์หรือคนเดินถนนตัดหน้า ซึ่งเหมาะกับสภาพการจราจรเฉพาะตัวของไทย นอกจากนี้ NETA X ยังอาจติดตั้งระบบกล้องรอบทิศทาง 360 องศาและระบบจอดรถอัตโนมัติ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจอดรถในพื้นที่จำกัดของไทยอีกด้วย ตอนนี้ตลาดรถ EV ในไทยกำลังเติบโต ฟีเจอร์ขับขี่อัจฉริยะแบบนี้กำลังเป็นที่สนใจของผู้บริโภคมากขึ้น แนะนำให้ลองทดลองขับในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อสัมผัสการทำงานของระบบจริงๆ และควรอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าระบบช่วยขับขี่ทุกชนิดยังต้องการความตั้งใจของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรแบบผสมผสานของไทย การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมเท่านั้นที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เต็มที่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Neta X มีอะไรบ้าง?
Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้า อาจมีจุดอ่อนหลักในตลาดประเทศไทยอยู่ที่ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในสภาพอากาศร้อน โดยอุณหภูมิที่สูงของไทยอาจทำให้ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้น ขณะเดียวกัน เครือข่ายสถานีชาร์จในบางพื้นที่ห่างไกลยังไม่ครอบคลุม อาจกระทบต่อความสะดวกในการเดินทางระยะไกล ระบบขับขี่อัจฉริยะของรถรุ่นนี้ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวให้เหมาะกับสภาพการจราจรที่ซับซ้อนของไทย เช่น การตรวจจับมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งอยู่บนถนนอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม รถยนต์ไฟฟ้ายังมีอัตราการคงมูลค่าในตลาดมือสองที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณา ในมุมการใช้งานจริง ผู้บริโภคชาวไทยควรพิจารณาด้วยว่ารถรุ่นดังกล่าวมีศูนย์บริการหลังการขายกระจายตัวเพียงพอหรือไม่ รวมถึงมีเทคโนโลยีป้องกันน้ำในแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับฤดูฝนของไทยหรือเปล่า เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานโดยตรง
Q
Neta X จัดอยู่ในรถกลุ่มเซกเมนต์ไหน?
เนตา เอ็กซ์ เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ตำแหน่งทางการตลาดอยู่ในเซ็กเมนต์ C-SUV ที่มีการแข่งขันสูงในตลาดรถไฟฟ้าโลก สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเพราะตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองที่คล่องตัว และความประหยัดพื้นที่เหมาะกับครอบครัว ตัวถังมีความยาวประมาณ 4.6 เมตร ระยะฐานล้อ 2.77 เมตร จุผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง ซึ่งขนาดนี้เหมาะกับการขับขี่ในซอยแคบๆ แบบกรุงเทพฯ พร้อมกันนั้นยังช่วยให้รองรับสภาพถนนช่วงฤดูฝนได้ดีด้วย สเปคการขับขี่แบบ CLTC วิ่งได้ไกล 501-660 กิโลเมตร เมื่อรวมกับนโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาลไทย เช่น การลดภาษีนำเข้าและสนับสนุนสถานีชาร์จ ก็ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางได้มาก ในส่วนระบบอัจฉริยะ มาพร้อมหน้าจอกลาง 15.6 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่ระดับ L2+ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนไทยที่การจราจรค่อนข้างซับซ้อน คู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง BYD Atto 3 และ MG ZS EV อาจสู้ไม่ได้ในจุดเด่นอย่างขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าและแบตเตอรี่จาก CATL ที่เนตา เอ็กซ์ นำมาใช้ ตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้าไทยโตเกิน 300% ต่อปี โดยเฉพาะ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดในราคา 1-1.5 ล้านบาทกำลังมาแรง เมื่อมีแบรนด์จีนเข้ามาเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายขึ้นในอนาคต
Q
มูลค่าขายต่อของ Neta X คือเท่าไหร่?
เนต้า เอ็กซ์ ในฐานะรถอีวีเอสยูวีรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดไทย มูลค่าซื้อขายต่อในตลาดมือสองจะถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย ทั้งการรับรู้ของคนไทยต่อแบรนด์ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ความต้องการในตลาด รวมถึงนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าจากรัฐบาลไทย ปัจจุบันตลาดอีวีในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รัฐบาลออกมาตรการลดภาษีและให้เงินสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าคงเหลือของเนต้า เอ็กซ์ ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและความสะดวกในการหาสถานีชาร์จก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าซื้อขายต่อ ถ้าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพคงที่และมีบริการหลังการขายที่ครบวงจร มูลค่าก็จะสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้วรถไฟฟ้าในไทยมักมีมูลค่าซื้อขายต่อต่ำกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย แต่เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาไปและคนเริ่มนิยมมากขึ้น ช่องว่างนี้ก็กำลังลดลง สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อ แนะนำให้ศึกษานโยบายการรับประกันจากบริษัทและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพราะสองเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อมูลค่ารถในระยะยาว รวมถึงสภาพอากาศร้อนของไทยก็อาจกระทบต่ออายุแบตเตอรี่ได้ การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอและการใช้งานอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ และรักษามูลค่าของรถไว้ได้ในระดับที่ดี
Q
ขุมพลังใน Neta X คืออะไร?
Neta X มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางระยะสั้นได้อย่างเหมาะสม แบตเตอรี่มีให้เลือกหลายขนาดตามแต่ละรุ่น โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและทริปท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย Neta X ยังมีระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ (BMS) ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้เสถียรแม้ในอุณหภูมิสูง และช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อีกด้วย อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จไฟจาก 0–80% ได้ภายใน 30 นาที ซึ่งตอบโจทย์กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จที่กำลังขยายตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
Q
ขนาด PCD ของ Neta X คือเท่าไหร่?
ขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสกรู) ของ Neta X ที่ 5×114.3 มิลลิเมตร เป็นหนึ่งในขนาดยอดนิยมสำหรับการติดตั้งล้อในตลาดไทย ซึ่งเหมาะกับการอัพเกรดรถ SUV และรถเก๋งส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยในประเทศไทย รุ่นยอดฮิตอย่าง Toyota Fortuner หรือ Honda CR-V ก็ใช้ขนาด PCD เดียวกัน ทำให้เจ้าของ Neta X สามารถหาล้อที่เข้ากันได้ง่ายหรืออัพเกรดล้อได้สะดวกกว่า PCD นับเป็นพารามิเตอร์สำคัญในการเลือกซื้อล้อ เพราะถ้าเลือกขนาดถูกต้องจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันปัญหาการสั่นสะเทือนหรือการสึกหรอจากขนาดที่ไม่พอดี สำหรับคนไทยที่อยากเปลี่ยนล้อ นอกจาก PCD แล้ว ควรเช็กค่ากลางล้อ (CB) และค่าโอฟเซ็ต (ET) ด้วย แนะนำให้ซื้อจากร้านมืออาชีพหรือช่องทางตัวแทนจำหน่ายแท้เพื่อความมั่นใจในความเข้ากันได้ อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงคือสภาพอากาศเมืองไทยที่ฝนชุก ควรเลือกวัสดุล้อที่ป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เช่น อลูมิเนียมอัลลอยด์ และเลือกลายดอกยางที่รีดน้ำได้มีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น
Q
Neta X รับรอง Apple CarPlay หรือไม่?
ตอนนี้รถรุ่น Neta X ที่วางขายในตลาดไทยมีการรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ในไทยได้สัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อในรถที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยสามารถใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานอย่างแผนที่หรือเพลงผ่านหน้าจอกลางรถได้เลย สำหรับสภาพอากาศในไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ฟังก์ชันการเชื่อมต่อแบบไร้สายของ Apple CarPlay จะช่วยลดปัญหาสายชาร์จเสื่อมสภาพจากความร้อน ส่วนระบบควบคุมด้วยเสียงก็เหมาะกับการใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ เพราะช่วยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ที่น่าสนใจคือรถบางรุ่นจากแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดไทยยังใช้ระบบ CarPlay แบบมีสาย ทำให้จุดเด่นของ Neta X ที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายดูน่าสนใจกว่า แถมยังรองรับ Android Auto สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android อีกด้วย ก่อนตัดสินใจซื้อ แนะนำให้ลองทดสอบระบบมัลติมีเดียในรถด้วยตัวเอง เพื่อเช็คความลื่นไหลและการทำงานร่วมกับบริการแผนที่ในไทย โดยเฉพาะการแสดงชื่อสถานที่แบบไทยและระบบแจ้งเตือนการจราจร เพราะปัจจุบันฟังก์ชันเชื่อมต่ออัจฉริยะแบบนี้กำลังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจรถ EV ในไทยซึ่งกำลังมาแรง
Q
Neta X ใช้ยางยี่ห้ออะไร?
Neta X ในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจในตลาดไทย ยางติดรถจากโรงงานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อยและความต้องการของตลาด โดยทั่วไปมักเลือกใช้ยางจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Continental หรือ Michelin ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและการยึดเกาะบนถนนเปียก เหมาะกับสภาพอากาศร้อนและฝนตกบ่อยของประเทศไทย สำหรับการเลือกยางในประเทศไทย นอกจากเรื่องยี่ห้อแล้ว ยังควรพิจารณาสภาพถนนในพื้นที่ใช้งาน เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือถนนที่ซับซ้อนนอกเมือง โดยควรให้ความสำคัญกับคุณสมบัติทนความร้อน การรีดน้ำ และความประหยัดน้ำมัน ยางอย่าง Michelin รุ่น Energy Saver หรือ Continental รุ่น EcoContact เป็นตัวเลือกที่ดีที่เน้นทั้งความสบายและความคุ้มค่า ทั้งนี้ กฎหมายไทยกำหนดความลึกของดอกยางต้องไม่ต่ำกว่า 1.6 มิลลิเมตร จึงควรตรวจสอบสภาพดอกยางและแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในรถไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูง ยิ่งต้องดูแลรักษายางอย่างใกล้ชิดเพื่อยืดอายุการใช้งาน หากผู้ใช้งานต้องการประสบการณ์ขับขี่ที่เงียบหรือประหยัดพลังงานมากขึ้น ก็สามารถปรึกษาร้านยางเพื่อเปลี่ยนเป็นยางแบบเงียบหรือแบบแรงต้านต่ำได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นรุ่นที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกของไทยแล้วเท่านั้น
Q
ความกว้างของ Neta X คือเท่าไหร่?
รถ Neta X มีรุ่นย่อยให้เลือกหลายแบบ เช่น Neta X Comfort 2024 และ Neta X Smart 2024 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีความกว้างตัวรถที่ 1,860 มม. เท่ากัน ความกว้างของรถเป็นพารามิเตอร์สำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงในการขับขี่ การผ่านพ้นสิ่งกีดขวางบนถนน รวมถึงการจัดวางพื้นที่ภายในรถ รถที่มีความกว้างมากกว่าปกติมักจะให้พื้นที่ด้านข้างที่กว้างขวางกว่า ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่นั่งแถวหลังที่จะไม่รู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ความกว้างของตัวรถยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการควบคุมรถขณะขับเคลื่อนอีกด้วย
Q
แรงดันลมยางของ Neta X ควรเติมเท่าไหร่?
ค่าลมยางมาตรฐานของ Neta X อยู่ที่ประมาณ 2.3 ถึง 2.5 บาร์ (ประมาณ 33 ถึง 36 psi) ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนในเมืองและทางหลวงที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อน ลมยางจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติเมื่อขับขี่ ดังนั้นควรเติมลมในขณะยางเย็นตามค่ามาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและความนุ่มนวลในการขับขี่ หากต้องบรรทุกของหนักบ่อย หรือขับทางไกล แนะนำให้เพิ่มลมยางล้อหลังอีกประมาณ 0.1 ถึง 0.2 บาร์ แต่อย่าลืมตรวจสอบค่าที่แนะนำจากฉลากข้างประตูรถหรือฝาถังน้ำมันเป็นหลัก การตรวจสอบลมยางอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ควรเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้งด้วยเกจวัดลม เพราะอุณหภูมิที่สูงในไทยอาจทำให้แรงดันลมยางผันผวนได้ หากลมยางต่ำเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง แต่ถ้าลมยางสูงเกินไปจะลดการยึดเกาะถนนและเพิ่มระยะเบรก สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Neta X ลมยางยังมีผลต่อระยะทางที่สามารถขับได้ในแต่ละการชาร์จอีกด้วย การรักษาค่าลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงช่วยให้ประหยัดพลังงานและขับขี่ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Q
ยางของ Neta X ใช้ขนาดเท่าไหร่?
Neta X มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ซึ่งถือเป็นขนาดมาตรฐานในกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกลางในตลาดประเทศไทย ขนาดนี้สามารถให้ความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่และสมรรถนะการควบคุม เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายในไทย ทั้งในเมืองและนอกเมือง ล้อขนาด 19 นิ้วยังช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับรูปลักษณ์ของรถ และยังส่งผลดีต่อเสถียรภาพของตัวรถ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทยที่ถนนเปียกบ่อย การใช้ล้อขนาดใหญ่ร่วมกับยางที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มการยึดเกาะบนพื้นผิวเปียกได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้านอกจากจะดูเรื่องขนาดล้อแล้ว ยังควรพิจารณาประเภทของยาง เช่น ยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ (Low Rolling Resistance) เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น หรือยางที่มีร่องรีดน้ำดีเพื่อความปลอดภัยในฤดูฝน นอกจากนี้ วัสดุของล้อก็มีความสำคัญ ล้ออัลลอยที่ทำจากอะลูมิเนียมจะทนต่อการกัดกร่อนได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย และยังมีน้ำหนักเบา ช่วยลดการใช้พลังงาน หากผู้ใช้งานต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัว ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยนล้อจากศูนย์หรือชุดแต่งที่ถูกกฎหมายได้ แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายจราจรในประเทศไทย

ข้อดี

ราคาประกอบด้วยคุณสมบัติที่ดีและได้รับรางวัลสองรางวัลในประเทศไทย
กำลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพการควบคุมที่แม่นยำ
ประสบการณ์ขับรถที่สบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทาง

ข้อเสีย

บริษัท NETA Auto ประเทศไทยประสบความสูญเสียและยอดขายลดลง
ความกังวลที่อาจเกิดขึ้นในด้านความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
การถอนออกจากตลาดบางแห่งทำให้ความกังวลเพิ่มขึ้น

Q&A ล่าสุด

Q
Nissan X-Trail กว้างเท่าไหร่
รถยนต์ Nissan X-Trail มีความกว้างตัวถังอยู่ที่ 1,820 มิลลิเมตร ซึ่งขนาดนี้ถือว่าเหมาะกับสภาพถนนและที่จอดรถในเมืองไทยมาก เพราะไม่กว้างเกินไปจนขับลำบากในซอยแคบๆ แถมยังให้ความรู้สึกสบายๆ ในห้องโดยสารด้วย สำหรับคนไทยแล้ว การออกแบบความกว้างของ X-Trail นั้นคำนึงถึงสภาพการจราจรท้องถิ่นเป็นหลัก ตัวอย่างชัดเจนก็คือสามารถขับผ่านทางเข้าลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ ได้สบายๆ ซึ่งส่วนใหญ่กำหนดให้รถกว้างไม่เกิน 2 เมตร อีกจุดเด่นคือ X-Trail ใช้แพลตฟอร์ม CMF-CD ของ Nissan ที่ออกแบบมาให้มีขนาดตัวถังพอดีๆ แต่ยังคงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าเพื่อนในระดับเดียวกัน สภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกก็ได้ประโยชน์จากตัวถังกว้างนี้เช่นกัน เพราะช่วยให้มีพื้นที่กระจกข้างใหญ่ขึ้น ช่วยบังแดดและเพิ่มความปลอดภัยเวลาขับตอนฝนตกหนัก ถ้าคุณต้องพาครอบครัวหรือขนของบ่อยๆ ความกว้างระดับนี้บวกกับการปรับเบาะหลังได้หลายระดับก็ตอบโจทย์ได้หลากหลาย แนะนำให้ไปทดลองนั่งจริงๆ ที่โชว์รูม Nissan ในไทยจะได้รู้สึกถึงพื้นที่ว่างข้างในด้วยตัวเอง
Q
Nissan X-Trail มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเท่าไหร่
ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Nissan X-Trail จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ โดยรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0L หรือ 2.5L แบบปกติ จะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 10-12 กม./ลิตร (หรือประมาณ 14-17 ไมล์/แกลลอน) เมื่อขับในเมือง แต่ถ้าเป็นทางหลวงจะประหยัดขึ้นอยู่ที่ 14-16 กม./ลิตร (20-23 ไมล์/แกลลอน) ส่วนรุ่น e-POWER ที่เป็นระบบไฮบริดจะยิ่งประหยัดมากขึ้นไปอีก คือประมาณ 18-20 กม./ลิตร (26-29 ไมล์/แกลลอน) ทั้งนี้ค่าจริงอาจแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศร้อนของไทย การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคน ควรดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช็คลมยางให้เหมาะสม และไม่เร่งเครื่องกระชาก เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น ในตลาดไทย X-Trail ได้รับความนิยมจากระบบช่วงล่างที่นุ่มสบายและความสูงของตัวถังที่เหมาะกับสภาพถนน ทำให้ขับทั้งทางไกลและในเมืองได้ดี แถมยังมีระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะที่ลดความเหนื่อยล้าเมื่อเจอถนนซับซ้อน ส่วนรุ่นคู่แข่งอย่าง Toyota RAV4 หรือ Honda CR-V ก็มีอัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงกัน เลือกซื้อได้ตามความต้องการของแต่ละคนและบริการหลังการขายในพื้นที่
Q
ความสูงของ Nissan X-Trail คือเท่าไหร่
ความสูงของตัวถัง Nissan X-Trail ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสเปค โดยรุ่นมาตรฐานจะมีความสูงประมาณ 1,710-1,725 มิลลิเมตร ซึ่งอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับขนาดล้อและการตั้งค่าตัวถัง SUV รุ่นนี้ได้รับความนิยมในไทยพอสมควร เพราะความสูงที่ออกแบบมาได้อย่างพอเหมาะ ทำให้ขับขี่ในเมืองได้คล่องตัว แถมยังสามารถลุยทางออฟโรดแบบเบาๆ ได้ด้วย เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ที่น่าสนใจคือความสูงตัวถังมีผลต่อความมั่นคงและค่าความต้านทานลมของรถ โดย X-Trail มีความสูงช่วงล่างประมาณ 200 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยให้ขับผ่านถนนที่มีน้ำขังในช่วงฤดูฝนของไทยได้ดี แถมยังออกแบบราวบนหลังคามาเพื่ออำนวยความสะดวกเวลาไปเที่ยวกับครอบครัว ส่วนใครที่กำลังมองหารถอยู่ ควรดูระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ที่ออกแบบมาเพื่อสภาพพื้นที่เป็นภูเขาในไทยโดยเฉพาะ จุดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แสดงให้เห็นว่า Nissan ได้ปรับแต่งรถให้เหมาะกับการใช้งานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จริงๆ
Q
Nissan X-Trail วิ่งได้กี่กิโลเมตรต่อลิตร
ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Nissan X-Trail ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ โดยรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบปกติในเมืองจะกินน้ำมันประมาณ 12-14 กม./ลิตร ส่วนบนทางหลวงจะประหยัดขึ้นอยู่ที่ 15-17 กม./ลิตร ส่วนรุ่นไฮบริดนั้นประหยัดกว่า โดยในเมืองจะวิ่งได้ถึง 18-20 กม./ลิตร สภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดบ่อยๆ ในไทยอาจส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นบ้าง แนะนำให้เจ้าของรถดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช็คลมยางให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการเร่งหรือเบรกกระทันหัน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ในตลาดไทย X-Trail เป็นที่นิยมในกลุ่มครอบครัวด้วยความสบายและความน่าเชื่อถือ เวลาจะเลือกซื้อ SUV นอกจากเรื่องน้ำมันแล้ว ควรดูความต้องการเรื่องพื้นที่ ความปลอดภัย และบริการหลังการขายด้วย จะได้ตัดสินใจเลือกรถที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
Q
Honda CR-V และ Nissan X-Trail อันไหนดีกว่า
Honda CR-V และ Nissan X-Trail เป็น SUV ยอดนิยมในตลาดไทยที่ต่างก็มีจุดแข็งของตัวเอง CR-V ได้ชื่อเรื่องระบบขับเคลื่อนที่เสถียรและประหยัดน้ำมันแบบสุดๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมืองของไทย แถมยังดีไซน์ภายในโมเดิร์นและใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับครอบครัว ส่วน X-Trail เน้นความสะดวกสบายและอเนกประสงค์,เบาะนั่งได้รับการออกแบบให้กว้างขึ้น เก้าอี้กว้างขวางกว่า ขับทางไกลแล้วสบายตัว แถมบางรุ่นยังมีแบบ 7 ที่นั่ง สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่บรรทุกผู้โดยสารมากขึ้น ในสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย ระบบแอร์ของทั้งสองคันทำงานได้ดีเทียบเท่ากัน แต่รุ่นไฮบริดของ CR-V อาจจะประหยัดพลังงานกว่าเล็กน้อย ในด้านความปลอดภัย ทั้งคู่ก็ติดตั้งเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครัน เช่น ระบบเตือนการชน รักษาช่องทางเดินรถ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้ดี ถ้าชอบความประหยัดน้ำมันและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ CR-V คือตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการที่นั่งเพิ่มและความสบาย X-Trail อาจจะเหมาะกว่า เวลาซื้อคนไทยยังควรคำนึงถึงบริการหลังการขายและค่าซ่อมบำรุงด้วย ซึ่งทั้ง Honda และ Nissan ในไทยมีเครือข่ายผู้จำหน่ายครอบคลุม ความสะดวกในการเข้าศูนย์บริการก็ไม่ต่างกันมาก
ดูเพิ่มเติม