เปิดตัว Leapmotor C11 รุ่นปี 2026 ปรับโฉมใหม่ในจีน ทั้งดีไซน์-ภายใน อัปเกรดฟีเจอร์ครบ!

Kevin WongJul 16, 2025, 11:02 AM

【PCauto】Leapmotor เปิดตัว Leapmotor C11 รุ่นปี 2026 อย่างเป็นทางการ รถรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้มาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกแบบใหม่ที่統一ทุกรุ่นย่อย และการอัปเกรดระบบอัจฉริยะที่โดดเด่น สร้างความสนใจในตลาดอย่างมาก โดยราคาจำหน่ายล่วงหน้าในประเทศจีนอยู่ที่ 149,800 ถึง 165,800 หยวน (ประมาณ 678,000 - 751,000 บาท) ยังคงแนวทางด้านความคุ้มค่าเช่นเดิมของแบรนด์ ท่ามกลางยอดส่งมอบรถในเดือนมิถุนายนที่ทะลุ 48,000 คัน Leapmotor C11 ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมที่ทำยอดสะสมทะลุ 250,000 คันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กำลังจะได้รับการยกระดับครั้งใหญ่ในทุกด้าน



ดีไซน์ใหม่ ระบบหน้าตาแบบเดียวกันทั้งรุ่น



จุดเปลี่ยนสำคัญของ Leapmotor C11 รุ่นปี 2026 คือการปรับดีไซน์ด้านหน้าให้เหมือนกันทั้งรุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (EV) และรุ่นเสริมระยะทาง (EREV) เป็นครั้งแรก โดยมาพร้อมกับแผงหน้ารถแบบปิดดีไซน์เรียบเนียนที่ลากยาวเต็มความกว้างของตัวรถ เสริมด้วยชุดตกแต่งแบบสปอร์ตสีดำเงาและไฟเส้น LED แบบพาดยาว ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย



ดีไซน์ใหม่นี้ไม่เพียงช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศจาก 0.286 Cd เหลือเพียง 0.28 Cd ส่งผลให้ระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งดีขึ้นในระดับหนึ่ง

ด้านข้างของตัวรถยังคงเอกลักษณ์ด้วยประตูไร้กรอบและมือจับประตูแบบซ่อน พร้อมด้วยเส้นสายหลังคาลาดแบบสไตล์คูเป้และดีไซน์หลังคาลอย ช่วยเติมเต็มความสปอร์ตให้กับตัวรถได้อย่างลงตัว

ด้านท้ายของตัวรถยังคงดีไซน์ไฟท้ายแบบเส้นยาวพาดตลอดแนวกว้าง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบโดยรวมทั้งคัน สำหรับสีตัวถังมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี รวมถึงสีเงินกาแล็กซีและสีเทาเทียนมู่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในด้านความเป็นเอกลักษณ์และสไตล์ส่วนตัว

ห้องโดยสารอัปเกรดครั้งใหญ่ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์

ภายในห้องโดยสารของ C11 รุ่นปี 2026 มาพร้อมดีไซน์แบบโอบล้อมผู้โดยสาร (Wrap-around) ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและเรียบง่าย ด้วยการซ่อนลำโพงกลางเอาไว้อย่างแนบเนียน พร้อมเพิ่มแผ่นกระจกครอบเพื่อยกระดับความพรีเมียมด้านงานดีไซน์ หน้าจอแบบสามจอที่ใช้อยู่ในรุ่นปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยจอสัมผัสกลางแบบลอยขนาด 17.3 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1620 พิกเซล) พร้อมขอบจอบางเพียง 6 มม. ทำให้มีอัตราการแสดงผลต่อพื้นที่ (screen-to-body ratio) อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม หน้าจอนี้ทำงานร่วมกับชุดหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว และจอ AR-HUD ขนาดใหญ่ถึง 60 นิ้ว ซึ่งแสดงข้อมูลแบบสามชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย AR-HUD มีความสว่างสูงถึง 16,000 nit มั่นใจได้ถึงความคมชัดแม้อยู่ภายใต้แสงจ้า

ประสิทธิภาพด้านฮาร์ดแวร์ได้รับการยกระดับแบบก้าวกระโดด โดยรุ่นใหม่นี้มาพร้อมชิป Qualcomm Snapdragon 8295 ที่ให้พลังประมวลผลสูงถึง 30TOPS ซึ่งมากกว่าชิป 8155 ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายถึงสองเท่า ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Leapmotor OS 4.0 Plus เวอร์ชันใหม่ล่าสุด รองรับฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่างการ์ดอัจฉริยะบนหน้าจอหลัก การควบคุมด้วยท่าทางมือ และการเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อ อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วในการเปิดแอปพลิเคชันขึ้น 40% และสามารถสลับใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด



ระบบ AI อินเทอร์แอกทีฟของรถรุ่นใหม่นี้ผสานการทำงานของโมเดล AI ขนาดใหญ่สองตัว ได้แก่ DeepSeek และ Tongyi Qianwen รองรับการสั่งงานด้วยเสียงแบบไม่ต้องปลุกระบบในทุกสถานการณ์ แม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น การเปิดกระจกขับที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ตัวระบบยังสามารถแยกแยะคำสั่งเสียงที่ซับซ้อนและมีสำเนียงท้องถิ่นได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนระหว่างการสนทนาแบบพัฒนาขึ้นเอง ยังช่วยให้การโทรศัพท์ระหว่างขับขี่ด้วยความเร็วสูงยังคงมีความชัดเจนตลอดเวลา

อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายถูกยกระดับอย่างครอบคลุม โดยเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa แบบรักษ์สิ่งแวดล้อม เบาะคู่หน้ามาพร้อมที่รองขาแบบปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันอุ่นเบาะ ระบายอากาศ และนวดในตัว ส่วนเบาะหลังรองรับการปรับเอนได้ระหว่าง 27-32 องศา พร้อมระบบระบายอากาศแยกอิสระ และหน้าจอควบคุมแบบสัมผัสใหม่ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้านบรรยากาศภายในห้องโดยสาร หลังคาพาโนรามาแบบ Starry Sky ขนาด 14,932 ตร.ซม. สามารถกรองรังสี UV ได้ถึง 99.5% เสริมด้วยระบบปรับกลิ่นอากาศอัตโนมัติ ช่วยสร้างบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ตลอดการเดินทาง

นอกจากนี้ C11 ยังได้รับการปรับปรุงในรายละเอียดหลายจุด โดยมาพร้อมระบบชาร์จไร้สายแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังสูงสุด 50W ช่วยลดปัญหาเครื่องร้อนจนประสิทธิภาพลดลง ขณะที่ระบบเสียง PSS พร้อมลำโพง 21 ตัว รองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางอย่างสมจริง แผงตกแต่งภายในผ่านกระบวนการเลเซอร์ 66 ชั้น ลวดลึกสูงสุดถึง 100 ไมครอน มอบผิวสัมผัสที่หรูหราเหนือระดับ ด้านพื้นที่โดยสาร C11 มาพร้อมระยะฐานล้อยาวถึง 2,930 มม. ให้พื้นที่เบาะหลังกว้างขวางกว่ารถในระดับเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ AITO M5 ที่มีระยะฐานล้อ 2,880 มม.

มีให้เลือกทั้งรุ่นไฟฟ้าล้วนและรุ่นเสริมระยะทาง (BEV และ EREV)

2026 Leapmotor C11 พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Leap 3.5 มาพร้อมตัวเลือกขุมพลังทั้งแบบไฟฟ้าล้วน (BEV) และแบบขับเคลื่อนด้วยระบบขยายระยะทาง (EREV) รุ่นไฟฟ้าล้วนติดตั้งมอเตอร์เดี่ยววางหลัง กำลังสูงสุด 220kW หรือ 299 แรงม้า จับคู่แบตเตอรี่ LFP ความจุ 81.9kWh ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.1 วินาที และวิ่งได้ไกลสูงสุด 640 กม. ตามมาตรฐาน CLTC

ตัวรถรองรับระบบชาร์จด่วนด้วยแพลตฟอร์มแรงดันสูง 800V สามารถชาร์จจาก 30% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 18 นาที โดยในการทดสอบสามารถทำความเร็วในการชาร์จได้สูงสุดถึง 240kW และมีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยอยู่ที่ 14.4kWh ต่อระยะทาง 100 กม.

สำหรับรุ่น EREV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรทำหน้าที่เป็นตัวปั่นไฟ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 200kW หรือ 272 แรงม้า ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน 300 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน CLTC) และวิ่งได้ไกลสูงสุด 1,220 กม. เมื่อเติมน้ำมันและชาร์จไฟเต็ม ระบบมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 5.2 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กม. ตามมาตรฐาน WLTC

ระบบขับขี่อัจฉริยะพัฒนาเต็มขั้น

ระบบ Leapmotor Pilot เวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมการอัปเกรดฮาร์ดแวร์แบบจัดเต็ม ครอบคลุมเซนเซอร์ระดับ L2 ทั้งหมดทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น LiDAR ที่ตรวจจับได้ไกลถึง 200 เมตร, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว, กล้องความละเอียดสูง 11 ตัว และเซนเซอร์อัลตราโซนิกอีก 12 จุด รองรับฟังก์ชันหลักอย่างระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LCC) และระบบจอดรถอัตโนมัติ (Auto Parking) โดยระบบสามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางที่อยู่นิ่งได้ไกลถึง 150 เมตร พร้อมเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งดีขึ้นกว่าเดิมถึง 30%

Leapmotor เดินเกมรุกตลาดด้วยกลยุทธ์คุ้มค่าราคา

ท่ามกลางยอดส่งมอบทะลุ 48,000 คันต่อเดือน Leapmotor ปรับกลยุทธ์การออกแบบใหม่ครั้งนี้ด้วยแนวทางหลัก 3 ประการ ได้แก่ ยุติความแตกต่างของดีไซน์ระหว่างรุ่น EV และ EREV เพื่อลดต้นทุนการผลิต, นำเทคโนโลยีระดับเรือธงอย่างชิป 8295 และ AR-HUD มาใส่ในรุ่นราคาจับต้องได้ เพื่อผลักดันความเท่าเทียมด้านสมรรถนะอัจฉริยะ และสุดท้ายคือการเพิ่มทางเลือกด้านระยะทาง ด้วยรุ่น EREV ที่วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 300 กม. แก้ปัญหาความกังวลเรื่องระยะทาง ขณะที่รุ่น BEV ให้ระยะทางสูงสุดถึง 640 กม. รองรับการเดินทางไกลได้อย่างมั่นใจ



C11 รุ่นปี 2026 ยังคงใช้ฐานล้อขนาด 2,930 มิลลิเมตรเช่นเดิม แต่มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งในด้านห้องโดยสารอัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อนและระยะทางวิ่ง รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานความคุ้มค่าในกลุ่ม SUV ราคานี้ให้สูงขึ้นกว่าเดิม เมื่อเริ่มต้นส่งมอบรถรุ่นใหม่นี้สู่มือลูกค้า เชื่อว่าผลตอบรับในตลาดจะส่งผลโดยตรงต่อการแข่งขันของรถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าหลัก ๆ ในตลาดอย่างต่อเนื่อง


# ข้อมูลรถใหม่

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

ณัฐวุฒิJun 9, 2025
Nissan เตรียมพลิกโฉม SUV รุ่นสำคัญ หวังพาแบรนด์พ้นวิกฤตธุรกิจ

Nissan เตรียมพลิกโฉม SUV รุ่นสำคัญ หวังพาแบรนด์พ้นวิกฤตธุรกิจ

【PCauto】Nissan X-Trail ใหม่ (หรือ Rogue ในตลาดอเมริกาเหนือ) กำลังจะเปิดตัวโฉมใหม่ปลายปี 2025 นี้ พร้อมบทบาทสำคัญในการกู้วิกฤตของแบรนด์ ท่ามกลางแรงกดดันจากการลดกำลังการผลิตและผลประกอบการขาดทุน แม้จะยังพัฒนาบนแพลตฟอร์ม CMF-CD เดิม แต่รุ่นใหม่นี้มาพร้อมดีไซน์และระบบขับเคลื่อนที่เปลี่ยนใหม่หมด ใช้แนวทางออกแบบ “Nissan NEXT” ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถไฟฟ้า Ariya ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้า V-Motion ที่เล็กลง พร้อมไฟหน้าเลเซอร์แบบ Matrix ในรุ่นสูงสุด และไฟ DRL ทรงหกเหลี่ยมห้าชิ้นสุดเฉียบ ด้านข้างเน้นเส้น

LienJul 14, 2025
หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุรเดชJun 12, 2025
Mercedes-Benz CLA EV ใหม่ จ่อเปิดตัวปลายปีนี้ วิ่งไกลสุด 792 กม. ต่อชาร์จ!

Mercedes-Benz CLA EV ใหม่ จ่อเปิดตัวปลายปีนี้ วิ่งไกลสุด 792 กม. ต่อชาร์จ!

【PCauto】Mercedes-Benz CLA 250 EQ รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ เตรียมขึ้นสายการผลิตในไทยปลายปี 2025 ที่โรงงานสมุทรปราการ นับเป็นครั้งแรกที่ CLA ถูกผลิตในอาเซียน และยังเป็น EV รุ่นที่สองต่อจาก EQS ที่ประกอบในไทย ตัวรถมาในสไตล์คูเป้ 4 ประตู ลู่ลมสุด ๆ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำเพียง 0.21 ต่ำสุดในคลาส ไฟหน้า MULTIBEAM LED พร้อม Star Signature และกระจังหน้าแบบ 3D ประดับดาวเรืองแสง 142 ดวง เพิ่มความโดดเด่นทุกมุมมอง ขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน ยาว 4,723 มม. ฐานล้อ 2,790 มม. ล้ออัลลอยดีไซน์แอร์โรไดนามิก

พงศธรJul 9, 2025
Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน

Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน

【PCauto】แบรนด์ Audi ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่ จะเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในวันที่ 16 มิถุนายน 2025 โดยระบุว่า SUV รุ่นใหม่นี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานในหลายมิติ จากข้อมูลเบื้องต้น รถรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในด้าน ภาษาในการออกแบบ, ห้องโดยสารแบบดิจิทัล และ ระบบขับเคลื่อน Q3 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นขายดีที่สุดของ Audi โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 2 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก

LienJun 13, 2025
ดูเพิ่มเติม