GWM Haval Big dog โฉมใหม่เปิดตัวในจีน อัปเกรดดีไซน์-ภายในจัดเต็ม!
LienJul 18, 2025, 03:27 PM

【PCauto】GWM เปิดตัว Haval Big Dog รุ่นปี 2026 ในประเทศจีน โดยยังคงดีไซน์ทรงกล่องอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมอัปเกรดรายละเอียดภายนอก ห้องโดยสารอัจฉริยะ และสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดอย่างตรงจุด ราคาอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 123,900 – 149,900 หยวน (ประมาณ 560,000 – 677,000 บาท) พร้อมโปรโมชันราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 98,900 หยวน (ประมาณ 447,000 บาท) ถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น.
กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ทรงเหลี่ยมมุมมน
ดีไซน์ของ Big Dog รุ่นใหม่ยังคงใช้ภาษาการออกแบบจากรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับกระจังหน้าใหม่เป็นทรงเหลี่ยมมุมมน พร้อมตกแต่งด้วยลายสี่เหลี่ยมแบบ 3 มิติ 6 ชิ้น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากลวดลายอิฐโบราณของกำแพงเมืองฉินของ GWM พร้อมโลโก้ “HAVAL” ขนาดเล็กแบบใหม่ บางรุ่นเปลี่ยนไปใช้สัญลักษณ์ “GWM” แทน เพื่อเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ระดับโลก ไฟหน้า LED ทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ถูกปรับปรุงใหม่ด้วยเลนส์แบบออปติคัล ช่วยเพิ่มความสว่างไฟต่ำขึ้น 20% เป็น 47,800 แคนเดลา และไฟสูงสามารถส่องไกลเกิน 200 เมตร เสริมความปลอดภัยในการขับขี่ตอนกลางคืนโดยเฉพาะในเส้นทางออฟโรด.

ด้านข้างของตัวรถยังคงเส้นสายที่ดูแข็งแกร่ง ด้วยมิติตัวถัง 4,620×1,890×1,780 มม. ระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 200 มม. ร่วมกับแนวหลังคาทรงตรง ให้ภาพลักษณ์แบบออฟโรดชัดเจน มีการเพิ่มสีตัวถังใหม่ 2 สี ได้แก่ สีเขียวตะไคร่น้ำ (Moss Green) และสีเทาอุกกาบาต (Meteorite Gray) รวมเป็นตัวเลือกสีทั้งหมด 5 สี.

ด้านท้ายเปลี่ยนมาใช้โลโก้ “GWM” แทนของเดิม เสริมความรู้สึกบึกบึนด้วยไฟท้ายแบบตัว L กลับด้านที่เชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่ง และกันชนหลังขนาดใหญ่ ทั้งคันติดตั้งจุดยึดสำหรับถอดเปลี่ยนอุปกรณ์แต่งได้รวดเร็วกว่า 10 ตำแหน่ง พร้อมกระจังหน้าที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ภายใน 2 นาที รองรับการตกแต่งแบบเฉพาะตัวได้สะดวกยิ่งขึ้น.

อัปเกรดเทคโนโลยีในห้องโดยสาร
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหน้าจอกลางแบบลอยขนาด 14.6 นิ้ว ซึ่งใช้กระจกกันรอย พร้อมความละเอียด 1920×1080 ให้การมองเห็นที่ชัดเจนแม้อยู่กลางแดด ใต้หน้าจอยังคงมีปุ่มกดแบบกายภาพไว้สำหรับควบคุมระบบแอร์และฟังก์ชันพื้นฐานอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว คันเกียร์แบบคอพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ช่วยเพิ่มพื้นที่คอนโซลกลาง ซึ่งติดตั้งแท่นชาร์จไร้สาย 50W พร้อมฟังก์ชันระบายความร้อน.

ระบบปฏิบัติการ Coffee OS 3 รุ่นใหม่ มาพร้อมหน่วยความจำ 16GB และความจุภายใน 128GB รองรับการอัปเดตระบบแบบ OTA ได้อย่างราบรื่น การทำงานโดยรวมลื่นไหล ผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงตอบสนองภายในเวลาเพียง 250 มิลลิวินาที และสามารถเข้าใจคำสั่งแบบซับซ้อน เช่น “เปิดซันรูฟพร้อมลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ” ได้อย่างแม่นยำ รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้หลากหลายรุ่น.

เบาะนั่งใช้วัสดุฟองน้ำแบบสองชั้นความหนาแน่นต่างกัน ชั้นบนเป็นโฟมนุ่มหนา 3 ซม. ช่วยลดความเมื่อยล้าขณะเดินทางไกล ส่วนชั้นล่างเป็นวัสดุรองรับน้ำหนักสูง ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่แบบออฟโรด รุ่นท็อปมาพร้อมระบบระบายอากาศคู่ทั้งที่เบาะนั่งและพนักพิง โดยเพิ่มปริมาณลมได้สูงสุด 12 ลิตรต่อวินาที และระบบทำความร้อนเร็วขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมกระจายความร้อนทั่วเบาะภายใน 3 นาที พื้นที่คอนโซลกลางที่ได้จากการเปลี่ยนมาใช้คันเกียร์แบบคอพวงมาลัย ยังติดตั้งแท่นชาร์จไร้สายแบบระบายความร้อน 50W เพิ่มความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง.

ระบบควบคุมสภาพอากาศภายในห้องโดยสารมาพร้อมเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ AQS และแผ่นกรองอากาศระดับ CN95 ทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดพลาสมา สามารถลดค่าฝุ่น PM2.5 ในห้องโดยสารให้ต่ำกว่า 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรภายในเวลา 30 วินาที ส่วนหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาถูกปรับให้มีพื้นที่เปิดกว้างขึ้นถึง 37% เพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น.
New Big Dog รุ่นใหม่ เพิ่มพื้นที่จัดเก็บของภายในรถมากถึง 38 ตำแหน่ง รวมถึงช่องเก็บของแบบซ่อนขนาด 1.5 ลิตรใต้คอนโซลกลาง และช่องเสียบร่มบริเวณแผงประตู ด้านท้ายรถติดตั้งปลั๊กไฟ 220V/150W มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนใต้พื้นห้องสัมภาระมีช่องเก็บของลับสำหรับใส่อุปกรณ์กู้รถครบชุด รองรับการใช้งานสายลุยได้อย่างลงตัว.

ขุมพลังมีให้เลือกทั้ง 1.5T และ 2.0T
เครื่องยนต์ 1.5T ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ จับคู่กับเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นประจำ ส่วนรุ่น 2.0T เพิ่มพละกำลังเป็น 175 กิโลวัตต์ มาพร้อมเกียร์ดูอัลคลัตช์ 9 สปีด ช่วยให้การขับทางไกลเงียบและประหยัดน้ำมันมากขึ้น.

สายลุยต้องถูกใจ เพราะรุ่นใหม่ของ Big Dog มาพร้อมกับดิฟหลังแบบล็อกไฟฟ้า เพิ่มสมรรถนะในการลุยเส้นทางออฟโรด โดยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะรุ่นที่ 6 จาก BorgWarner สามารถกระจายแรงบิดได้รวดเร็วภายใน 100 มิลลิวินาที และเมื่อเปิดใช้งานระบบล็อกดิฟหลังแบบฟันเฟือง จะสามารถส่งแรงบิดได้ 100% ไปยังล้อหลังฝั่งเดียว ช่วยให้ผ่านอุปสรรคได้มั่นใจยิ่งขึ้น
โหมดการขับขี่ทั้ง 8 แบบในรุ่นใหม่นี้ มีการเพิ่ม “โหมดผู้เชี่ยวชาญ” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับสามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง เช่น ระดับการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP อัตราการกระจายกำลัง และพารามิเตอร์อื่น ๆ รวมทั้งหมด 12 รายการ ส่วนมุมไต่เนิน 24 องศา และมุมจาก 30 องศา ผสานกับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 200 มม. ช่วยให้รถสามารถปีนข้ามสิ่งกีดขวางแนวดิ่งสูงสุดถึง 400 มม. ได้อย่างมั่นใจ

ยอดขายสะสม Big Dog ทะลุ 6 แสนคันแล้ว
ชื่อรุ่น GWM Haval Big Dog มีที่มาจากการโหวตของผู้ใช้ออนไลน์ ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ GWM Haval ได้จัดกิจกรรมตั้งชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเปิดให้ชาวเน็ตเสนอชื่อและร่วมโหวต ซึ่งชื่อ “Big Dog” ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากความโดดเด่นและการตอบรับที่ดีจากผู้คน จึงถูกเลือกมาเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของรถรุ่นนี้
ชื่อรุ่นนี้ไม่เพียงสะท้อนบุคลิกของตัวรถ แต่ยังสื่อถึงความเป็นมิตรของแบรนด์ Haval และถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์
ปัจจุบัน Big Dog มียอดขายสะสมทะลุ 600,000 คัน และโดดเด่นด้วยจุดแข็งด้านความสามารถในการตกแต่งเสริมและการลุยได้หลากหลายสภาพพื้นผิว
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง
มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?
รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด
ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน สภาพการจราจรที่คับคั่ง และการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย — เพราะอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฝนตกบ่อยในช่วงฤดูฝน และการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างกรุงเทพฯ มีผลต่อการใช้งานของซันรูฟโดยตรง

Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน
หลังสร้างกระแสแรงจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด Omoda & Jaecoo เตรียมเดินหน้าส่งมอบรถล็อต 2 โดยมีกำหนดเดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยในวันที่ 14 กันยายน 2568 ก่อนจะทำการตรวจสอบคุณภาพและทยอยส่งมอบกว่า 1,000 คัน

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน
JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน
รุ่นปีรถยนต์
รุ่นรถยนต์

