Leapmotor B10 DESIGN 2025

Audi A5 รุ่นปี 2025 มีรุ่นขับเคลื่อนแบบไฮบริดจริง รุ่นนี้เป็นรถสำคัญที่ Audi เปิดตัวเพื่อตอบสนองแนวโน้มการรักษาสิ่งแวดล้อมระดับโลกและความต้องการรถพลังงานใหม่ในตลาดไทย รุ่นไฮบริดผสมผสานข้อดีระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ให้ทั้งพละกำลังที่เพียงพอและประหยัดน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่มักมีการจราจรติดขัด ในตลาดไทย รุ่นไฮบริดยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางส่วน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน นอกจากเทคโนโลยีไฮบริดแล้ว Audi A5 รุ่นปี 2025 ยังติดตั้งระบบ Virtual Cockpit ล่าสุดและฟังก์ชันช่วยขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบ Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ที่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรที่ซับซ้อนของไทย ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลไทยในโครงสร้างพื้นฐานรถพลังงานใหม่ เช่น จุดชาร์จไฟฟ้า การใช้งานรถไฮบริดจะสะดวกยิ่งขึ้น และในอนาคต Audi อาจนำรถพลังงานใหม่รุ่นอื่นเข้ามาในไทยเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเพิ่มเติม

oyota Yaris ATIV มีข้อดีหลายอย่างนะ เป็นรถขนาด B-Segment ตัวรถยาว 4,425 มม. กว้าง 1,740 มม. สูง 1,480 มม. และระยะฐานล้อ 2,620 มม. ขนาดกำลังดี ใช้งานได้ทั้งบรรทุกคนและของในชีวิตประจำวันแบบสบาย ๆ เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน 1.2 ลิตร จับคู่กับเกียร์ CVT ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล สมูธ ไม่กระชาก เหมาะกับคนที่ชอบความขับสบาย ประหยัดน้ำมันก็โอเค เรื่องความปลอดภัยก็จัดว่าดี มีระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC), ถุงลมนิรภัย 6 จุด ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ส่วนในห้องโดยสารก็มีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แอร์หลัง และหน้าจอสัมผัส 9 นิ้วที่ช่วยให้ดูทันสมัยและใช้งานบันเทิงได้หลากหลาย แต่ก็มีข้อสังเกตเหมือนกัน คือเครื่อง 1.2 ลิตรอาจไม่ค่อยถูกใจสายแรง ขับแซงบนทางด่วนอาจต้องรอรอบหน่อย ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบคานบิด (Torsion Beam) ซึ่งอาจไม่ได้แน่นหนึบเท่ารถที่ใช้ช่วงล่างแบบอิสระ โดยเฉพาะเวลาเจอถนนขรุขระหรือขับเร็ว ๆ

รถ Nissan GT-R ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1969 ในฐานะรุ่นประสิทธิภาพสูงของซีรีส์ Skyline รหัสว่า PGC10 ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ส่วนในไทย GT-R ก็เป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ตเพราะความแรงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่โดดเด่น โดยเฉพาะรุ่น R35 (ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบัน) ที่เห็นวิ่งตามท้องถนนไทยบ่อยๆ แถมยังมักโผล่ในงานรวมตัวคนรักรถที่กรุงเทพหรือพัทยา GT-R พัฒนาผ่านหลายรุ่น จากยุคแรกที่เป็น Skyline GT-R จนแยกมาเป็นซีรีส์ของตัวเอง ทุกรุ่นล้วนใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก Nissan อย่างรุ่น R32 (ปี 1989) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ATTESA E-TS และเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ RB26DETT ทำให้โดดเด่นทั้งบนสนามแข่งและถนนทั่วไป ส่วนรุ่นปัจจุบัน R35 ติดตั้งเครื่อง V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงกว่า 500 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ในราว 3 วินาที แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ระบบระบายความร้อนและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ GT-R ก็ยังทำงานได้ดี สำหรับแฟนรถไทย GT-R ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมรถยนต์ญี่ปุ่น เวิร์คช็อปหลายแห่งในไทยมักอัพเกรด GT-R ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม เช่น ปรับปรุงระบบระบายความร้อนหรือตั้งค่า ECU ใหม่ให้เข้ากับอากาศร้อน ทำให้รถสปอร์ตคลาสสิคคันนี้ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ VinFast VF8 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอัตราค่าไฟฟ้าและวิธีการชาร์จ โดยอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สำหรับรุ่นมาตรฐานของ VF8 ที่มีความจุแบตเตอรี่ประมาณ 82 กิโลวัตต์-ชั่วโมง การชาร์จจาก 0% ให้เต็มจะใช้เงินประมาณ 328 บาท แต่ในความเป็นจริงอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยเนื่องจากประสิทธิภาพการชาร์จหรือความผันผวนของระบบไฟฟ้า การใช้สถานีชาร์จเร็วสาธารณะอาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยแต่ช่วยประหยัดเวลา รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้าอย่างเต็มที่ ห้างสรรพสินค้าและสถานีบริการน้ำมันหลายแห่งได้ติดตั้งจุดชาร์จแล้ว และบางแห่งยังมีบริการชาร์จฟรีเพื่อดึงดูดผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายประจำวันของรถไฟฟ้าถูกกว่ารถยนต์น้ำมันมาก หากสมมติว่าขับรถปีละ 20,000 กิโลเมตร ค่าไฟฟ้าของ VF8 จะประมาณหนึ่งในสามของค่าน้ำมัน ทำให้เห็นถึงความคุ้มค่าในระยะยาว ประเทศไทยยังมีมาตรการส่งเสริมรถไฟฟ้านำเข้า เช่น การลดภาษีและยกเว้นภาษีจดทะเบียนครั้งแรก ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าได้อีกด้วย เมื่อเครือข่ายสถานีชาร์จในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับระยะทางของเจ้าของรถไฟฟ้าก็จะค่อยๆ ลดลง ทำให้รถไฟฟ้า SUV ขนาดกลางอย่าง VF8 มีประโยชน์ใช้สอยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ความยาวของ MG EP อยู่ที่ 4,544 มิลลิเมตร ซึ่งจัดอยู่ในระดับรถยนต์ซีคลาส ขนาดความยาวแบบนี้ทำให้ผู้โดยสารในรถมีพื้นที่ด้านยาวที่ค่อนข้างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารแถวหน้าหรือแถวหลัง ก็สามารถเหยียดขาได้อย่างสบาย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการนั่งขับขี่ นอกจากนี้ ความยาวของรถที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมยังช่วยให้รูปลักษณ์โดยรวมของรถดูสมส่วนและสวยงาม พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและการทรงตัวของรถ ทำให้ขับเคลื่อนได้ดีทั้งบนถนนในเมืองและทางหลวง แถมยังไม่ยาวเกินไปจนทำให้การจอดรถเป็นเรื่องยากอีกด้วย

เมื่อไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงในฮอนด้าแอคคอร์รุ่นปี 2009 ปรากฏขึ้น แสดงว่าถังน้ำมันยังเหลืออยู่ประมาณ 10-12 ลิตร ระยะทางที่เหลือจะขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่และเส้นทาง ในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ ของไทยที่การจราจรหนาแน่น รถอาจวิ่งได้อีกประมาณ 50-70 กิโลเมตร แต่ถ้าขับบนทางหลวงอาจไปได้ไกลถึง 80-100 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ไฟเตือนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเตือนให้คุณเติมน้ำมัน การขับรถโดยพึ่งพาไฟเตือนเป็นประจำอาจทำให้ปั๊มน้ำมันร้อนเกินและเสียหายได้ง่าย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้เจ้าของรถในไทยเติมน้ำมันเมื่อเหลือประมาณ 1/4 ถัง จะช่วยปกป้องเครื่องยนต์และป้องกันการติดขัดกลางถนนในชั่วโมงเร่งด่วน ระยะทางที่เหลืออาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและปีการผลิต ควรตรวจสอบคู่มือรถเพื่อข้อมูลที่แน่นอน นอกจากนี้ การตรวจสอบระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำและการขับขี่อย่างเหมาะสมจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในเมื่อราคาน้ำมันในไทยค่อนข้างสูง

ค่าใช้จ่ายในการบริการรักษารถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ที่ประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรายการบริการและนโยบายของตัวแทนจำหน่าย โดยทั่วไปบริการพื้นฐานเช่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องจะมีราคาประมาณ 2,500-3,500 บาท ส่วนการบริการใหญ่ที่รวมถึงการเปลี่ยนกรองอากาศ น้ำมันเบรก อาจมีราคาสูงถึง 6,000-8,000 บาท ควรตรวจสอบราคาล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของโตโยต้าหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สำหรับเจ้าของรถในไทยสามารถติดตามโปรโมชั่นจากโตโยต้าได้ เช่น บางตัวแทนอาจมีแพ็กเกจบริการลดราคาหรือบริการตรวจเช็คฟรี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานรถได้ ข้อสำคัญคือการบริการรักษารถอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ แต่ยังรักษามูลค่าการขายต่อของรถได้ จึงควรปฏิบัติตามระยะการบริการที่กำหนดในคู่มือซึ่งอยู่ที่ 5,000-10,000 กิโลเมตร เนื่องจากสภาพอากาศในไทยที่ร้อนชื้นส่งผลต่อการสึกหรอของระบบระบายความร้อนและชิ้นส่วนเบรกเป็นพิเศษ จึงควรตรวจสอบจุดเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย หากเลือกใช้บริการนอกศูนย์บริการ ต้องมั่นใจว่าอู่修理ใช้ชิ้นส่วนแท้ที่ได้มาตรฐานของโตโยต้าเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อสิทธิ์การรับประกัน

การทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์ในประเทศไทยสามารถเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่หาง่าย เช่น น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา และน้ำมะนาว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบและไม่ทำลายสีรถหรือวัสดุภายใน รถยนต์ในสภาพอากาศร้อนของไทยมักสะสมฝุ่นและเชื้อแบคทีเรีย จึงควรเติมน้ำมันทีทรีออยล์หรือน้ำมันมะพร้าวเล็กน้อยเพื่อช่วยฆ่าเชื้อและเพิ่มความหอมสดชื่น การทำความสะอาดภายนอกสามารถใช้น้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจานเล็กน้อย สูตรนี้อ่อนโยนแต่กำจัดคราบได้ดี เหมาะสำหรับคราบโคลนในฤดูฝนหรือคราบมูลนกที่พบบ่อยในช่วงอากาศร้อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือกรดแรงเพราะอาจทำลายสีรถและชิ้นส่วนพลาสติก ปัจจุบันร้านคาร์แคร์ในไทยหลายแห่งมีบริการทำความสะอาดแบบรักษ์สิ่งแวดล้อม หากไม่มีเวลาอาจเลือกใช้บริการเหล่านี้ซึ่งมีผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศท้องถิ่น การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยรักษาความสวยงามของรถแต่ยังยืดอายุการใช้งานของวัสดุภายในและสีรถ ควรทำความสะอาดใหญ่ทุกหนึ่งเดือนโดยเฉพาะหลังฤดูฝนหรือช่วงที่มีฝุ่นมาก

อายุการใช้งานของ Audi A3 Sportback ในไทยมักอยู่ที่ประมาณ 10–15 ปี หรือระยะทางมากกว่า 200,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและพฤติกรรมการขับขี่ สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยส่งผลต่อชิ้นส่วนยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จึงแนะนำให้ตรวจสอบระบบปรับอากาศและการป้องกันสนิมอย่างสม่ำเสมอ รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.4T และ 2.0T ที่มีเทคโนโลยีพัฒนาเต็มที่ จับคู่กับเกียร์ DSG ให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่สมดุลในสภาพถนนเมืองไทย ทั้งนี้ เนื่องจากถนนในไทยมักมีน้ำขัง ควรใส่ใจเรื่องการป้องกันใต้ท้องรถและเปลี่ยนน้ำมันเบรกตามรอบแนะนำ การเลือกใช้ชิ้นส่วนแท้และเข้าศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้ นอกจากนี้ ตลาดรถมือสองไทยให้ความนิยมกับรถเยอรมันสูง การมีประวัติการบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยเพิ่มมูลค่าการขายต่อ แนะนำให้ทำการบำรุงรักษาพื้นฐานทุก 6 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร และปฏิบัติตามแผนบำรุงรักษาที่ผู้ผลิตกำหนดอย่างเคร่งครัด

โตโยต้า คอร์โรลลาในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือก ทั้งแบบปกติและแบบไฮบริด โดยแบบปกติจะเป็นการจัดวาง 5 ที่นั่ง (2 หน้า + 3 หลัง) ซึ่งตอบโจทย์ครอบครัวไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดี ส่วนรุ่น SUV อย่าง คอร์โรลลา ครอส ก็ยังคงเน้น 5 ที่นั่งเหมือนเดิม แต่มีพื้นที่กระโปรงหลังกว้างกว่ารุ่นเก๋ง ช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาเก็บของ สำหรับเมืองไทยที่อากาศร้อน แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีช่องแอร์หลังเพื่อความสบายยิ่งขึ้น ซึ่งมักจะเป็นรุ่นท็อปๆ นอกจากนี้ควรสังเกตด้วยว่ารุ่นแต่ละปีอาจแตกต่างกันในเรื่องวัสดุเบาะ (ผ้าหรือหนังเทียม) และฟังก์ชั่นปรับเบาะ เช่น ปรับไฟฟ้าในรุ่นสูง ถ้าสนใจจริงๆ แนะนำให้ไปทดลองนั่งที่โชว์รูมในกรุงเทพหรือเชียงใหม่จะดีที่สุด คอร์โรลลาเป็นหนึ่งในรถคอมแพคขายดีที่สุดของไทย เพราะการออกแบบเบาะคิดมาแล้วสำหรับสภาพถนนไทย เน้นความสบายแม้นั่งนานๆ ทั้งมุมพนักพิงและความยาวเบาะที่ช่วยลดเมื่อยล้าได้ดี