Q

ระบบจุดระเบิดของ Toyota

สำหรับระบบจุดระเบิดของรถ Toyota ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบสภาพของหัวเทียนและคอยล์จุดระเบิดเป็นประจำ เพราะความร้อนและความชื้นสูงจะเร่งให้ระบบไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น รุ่น Toyota ส่วนใหญ่ใช้ระบบคอยล์คู่ซึ่งมีความทนทานดี แต่การสตาร์ทและหยุดบ่อยๆ ในเมืองติดขัดอย่างกรุงเทพฯ จะเพิ่มภาระให้ระบบ สำหรับรถเก่าที่ใช้งานมากกว่า 10 ปี ควรเปลี่ยนหัวเทียนทุก 60,000 กิโลเมตร และตรวจสอบสายจุดระเบิดว่ามีรอยร้าวหรือไม่ ที่น่าสนใจคือเครื่องยนต์ 1.3L และ 1.5L ที่พบทั่วไปในตลาดไทยสามารถใช้งานกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดี แต่การใช้เบนซิน 95 จะช่วยรักษาความสะอาดของระบบจุดระเบิดได้ดีกว่า หากพบปัญหาสตาร์ทติดยากตอนเช้าหรือรถกระตุกเวลาออกรถ แนะนำให้อ่านค่าผิดปกติผ่านเครื่อง OBD ก่อน รหัส P0300 ที่แสดงว่ามีการจุดระเบิดผิดพลาดมักเกี่ยวข้องกับระบบนี้ ปัจจุบันศูนย์บริการ Toyota ในไทยมีแพ็กเกจดูแลระบบจุดระเบิดแบบละเอียด รวมทั้งการตรวจสอบความต้านทานคอยล์และรีเซ็ตข้อมูล ECU เหมาะสำหรับทำก่อนเข้าฤดูฝน ส่วนรถไฮบริดนั้นระบบจุดระเบิดทำงานต่างจากรถทั่วไป ควรตรวจสอบตามคู่มือการดูแลรักษาที่กำหนด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

Q&A ล่าสุด

Q
2023 CR-V ใหญ่กว่าขนาดเท่าไหร่?
CR-V รุ่นปี 2023 มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีความยาวเพิ่มขึ้นประมาณ 82 มม. และฐานล้อขยายขึ้นประมาณ 40 มม. ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะด้านหลัง ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับครอบครัว ในตลาดท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่ใช้สอยของรถ SUV ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อยและมีผู้โดยสารหลายคน หรือบรรทุกสัมภาระจำนวนมาก นอกจากขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้ว CR-V รุ่นปี 2023 ยังได้รับการอัพเกรดวัสดุภายในและคุณสมบัติทางเทคโนโลยี เช่น หน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาดใหญ่ขึ้นที่รองรับฟังก์ชั่นเฉพาะจุดได้มากขึ้น และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ยังคงมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบเบนซินและไฮบริด ระบบไฮบริดช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมากในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ใช้งานได้จริงมากสำหรับผู้ขับขี่ในเมืองที่มักเจอปัญหารถติด ที่สำคัญคือ แม้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่การออกแบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความคล่องตัวในการควบคุมรถอย่างมีนัยสำคัญ รัศมีวงเลี้ยวอยู่ในช่วงที่เหมาะสม ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในถนนแคบๆ หรือลานจอดรถ
Q
ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันของ Honda CR-V 2023 เป็นอย่างไร?
รถฮอนด้า CR-V รุ่นปี 2023 นี่ประหยัดน้ำมันสุดๆ แบบเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบคู่กับเกียร์ CVT นี่ในเมืองจะกินน้ำมันประมาณ 7.8 ลิตรต่อ 100 กิโล ส่วนขับทางไกลจะลดลงเหลือ 6.5 ลิตรต่อ 100 กิโล ถ้าเฉลี่ยรวมๆก็อยู่ที่ 7.0 ลิตรต่อ 100 กิโล แต่ตัวเลขอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อยขึ้นอยู่กับการขับและสภาพถนนนะ รถคันนี้ใช้เทคโนโลยี Earth Dreams ของฮอนด้าที่ช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการปล่อยมลพิษ เหมาะมากทั้งขับในเมืองและเดินทางไกล โดยเฉพาะในไทยที่รถติดบ่อย แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีโหมด Eco จะช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกหน่อย ถ้าอยากประหยัดกว่านี้ก็มีรุ่นไฮบริดที่น้ำมันเฉลี่ยต่ำถึง 4.7 ลิตรต่อ 100 กิโล ใช้ไปนานๆช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนเลย อย่าลืมว่าการดูแลรักษาและลมยางที่เหมาะสมก็สำคัญมากๆสำหรับการประหยัดน้ำมัน ส่วนอากาศร้อนๆแบบไทยๆ แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเกรดบางจะช่วยให้เครื่องทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในระดับเดียวกัน CR-V นี่ถือว่าประหยัดน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ทั้งแรงและประหยัด เลือกเป็นรถครอบครัวได้สบายใจ
Q
ในปี 2023 มีจำนวน Honda CR-V ขายไปทั้งหมดกี่คัน?
รถฮอนด้า CR-V ปี 2023 ทำผลงานได้ดีในตลาดโลก แม้ว่าตัวเลขยอดขายที่แน่นอนต้องอ้างอิงจากรายงานประจำปีของฮอนด้าเท่านั้น แต่รุ่นนี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่ครอบครัวด้วยความน่าเชื่อถือและประโยชน์ใช้สอยครบครัน CR-V ในฐานะรถ SUV เมืองที่ถือเป็นมาตรฐาน มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 2 แบบ คือ 1.5T เทอร์โบชาร์จและ 2.0L ไฮบริด ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องประหยัดน้ำมันและการขับขี่ลื่นไหล โดยเฉพาะในสภาพการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกล สำหรับตลาดในไทย CR-V โดดเด่นด้วยพื้นที่เบาะหลังกว้างขวางและการออกแบบช่องเก็บของที่ใช้งานได้หลากหลาย ทำให้เป็นตัวเลือกยอดฮิตสำหรับครอบครัวใหญ่ นอกจากนี้ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ Honda SENSING ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย ที่น่าสนใจคือรุ่นปี 2023 ได้รับการปรับปรุงเรื่องการกันเสียงและอัพเกรดขนาดหน้าจอกลางถังรถ ทำให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ถ้าพูดถึงเรื่องมูลค่าขายต่อ CR-V มักจะอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผู้บริโภคหลายคนเลือกมัน
Q
“Swift 2021 ได้รับรีวิวดีๆ ไหม?”
สวิฟท์รุ่นปี 2021 ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดีทั้งจากผู้ใช้และนักวิจารณ์มืออาชีพ รถคันเล็กคันนี้โดดเด่นในเรื่องความประหยัด ความคล่องตัว และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ ระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรแบบธรรมชาติคู่กับเกียร์ CVT เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นพิเศษ โดยกินน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 18-20 กม./ลิตร ค่าบำรุงรักษาก็ไม่สูงจนเกินไป เหมาะกับการใช้งานประจำวัน ขนาดตัวรถกะทัดรัด จอดในซอยแคบๆ ได้สะดวก ภายในห้องโดยสารออกแบบเรียบง่ายแต่ใช้วัสดุพลาสติกแข็งเป็นหลัก ด้านเทคโนโลยีมีหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วและระบบความปลอดภัยพื้นฐาน แต่มีจุดอ่อนเรื่องเสียงรบกวนเมื่อขับความเร็วสูง และอาจจะคับเกินไปสำหรับครอบครัวใหญ่ คู่แข่งหลักในตลาดได้แก่ ฮอนด้า บริโอ และโตโยต้า ยาริส แอทีวี ซึ่งแต่ละรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกัน แนะนำให้ผู้สนใจลองขับเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ ส่วนในตลาดรถมือสอง สวิฟท์ยังครองอัตราการครองรถอยู่ในระดับปานกลาง แต่ควรตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์และเกียร์ให้ดีก่อนซื้อ จริงอยู่ที่รถขนาดเล็กแบบนี้ใช้งานสะดวกในพื้นที่ติดขัด แต่ถ้าต้องเดินทางไกลบ่อยๆ อาจต้องมองหารถขนาดใหญ่ขึ้นจะเหมาะสมกว่า
Q
“Swift เป็นรถที่ดีสำหรับการซื้อหรือไม่?”
ซูซูกิ สวิฟท์ เป็นรถขนาดเล็กที่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองมาก ตัวรถกะทัดรัดและคล่องตัว ทำให้ขับผ่านถนนที่ติดขัดได้สะดวก เครื่องยนต์ 1.2L และ 1.0T ประหยัดน้ำมันได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องการลดต้นทุน ส่วนภายในออกแบบเรียบง่ายและใช้งานได้ดี แม้ว่าจะใช้วัสดุพลาสติกแข็งเป็นหลักแต่ก็ทำออกมาได้แน่นหนา ในด้านความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัยคู่และระบบ ABS เป็นมาตรฐาน ส่วนรุ่นท็อปยังมีฟังก์ชันความปลอดภัยเพิ่มเติม ในตลาดรถมือสองยังรักษามูลค่าได้อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ค่าซ่อมบำรุงไม่แพง และมีอะไหล่ให้เลือกมากมาย รถคันนี้เหมาะกับวัยทำงานหรือครอบครัวขนาดเล็กเป็นพิเศษ คู่แข่งในระดับเดียวกันก็อย่างเช่น ฮอนด้า บริโอ และ โตโยต้า ยาริส แนะนำว่าก่อนซื้อควรลองขับเปรียบเทียบและเลือกรุ่นที่เหมาะกับความต้องการ ส่วนโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายก็มีบ่อยๆ ควรติดตามข้อมูลราคาให้ดีก่อนตัดสินใจ
ดูเพิ่มเติม