Q

Honda Brio สามารถขับขี่ระยะไกลได้หรือไม่

Honda Brio สามารถใช้งานในการเดินทางระยะไกลได้ในระดับหนึ่งด้วยเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมันซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 41 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรช่วยลดจำนวนครั้งในการเติมน้ำมันระหว่างเดินทางโดยมีถังน้ำมันขนาด 35 ลิตรให้ระยะทางวิ่งที่เหมาะสมเบาะนั่งรองรับผู้โดยสารได้ห้าคนให้ความสะดวกสบายในระดับหนึ่งสำหรับการเดินทางไกลแต่อย่างไรก็ตามตัวรถมีขนาดเล็กความยาว 3640 มิลลิเมตรและระยะฐานล้อ 2345 มิลลิเมตรอาจทำให้พื้นที่วางขาและพื้นที่เก็บสัมภาระน้อยกว่ารถขนาดใหญ่เครื่องยนต์ 12 ลิตรอาจให้กำลังไม่สูงมากนักโดยเฉพาะในการขับขี่บนภูเขาหรือการเร่งแซงที่ความเร็วสูงดังนั้นหากมีการวางแผนการเดินทางที่ดีและเข้าใจข้อจำกัดของรถรุ่นนี้ Honda Brio ก็สามารถใช้งานในการเดินทางระยะไกลได้อย่างเหมาะสม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Brio เป็นรถยนต์ที่มี 3 กระบอกสูบหรือไม่
Brio ไม่ใช่รถยนต์แบบ 3 สูบ รุ่น Honda Brio 1.2 V CVT ปี 2020 ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ จำนวนสูบเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสมรรถนะของรถยนต์ เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 3 สูบ เครื่องยนต์ 4 สูบทำงานได้ราบรื่นกว่า เครื่องยนต์ 3 สูบมีลักษณะการทำงานเฉพาะที่อาจก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากกว่าและมีช่วงเวลาหยุดนิ่งในรอบทำงาน ขณะที่เครื่องยนต์ 4 สูบใน Brio ให้กำลังสม่ำเสมอและมีความเสถียรมากกว่า ขนาดความจุ 1198 มิลลิลิตรของเครื่องยนต์ 4 สูบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การจัดวางเช่นนี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างกำลังและความประหยัดน้ำมัน ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เครื่องยนต์ 4 สูบของ Brio ยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนที่ไม่จำเป็น ทำให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
Q
Honda Brio มีความแข็งแรงอย่างไร
Honda Brio ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบ แบบดูดอากาศธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ระบบส่งกำลังจับคู่กับเกียร์ CVT การจัดสรรกำลังเช่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในสภาพจราจรติดขัดหรือเดินทางบนทางหลวง ก็สามารถให้กำลังที่นุ่มนวลต่อเนื่อง เกียร์ CVT ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ลดอาการสะดุด เพิ่มความสบายในการขับขี่ แม้กำลังเครื่องยนต์จะไม่สูงเมื่อเทียบกับรถสมรรถนะสูง แต่เพียงพอสำหรับการเดินทางประจำวัน ช็อปปิ้ง หรือทริปสั้นๆ ตัวรถยาว 3640 มม กว้าง 1680 มม สูง 1485 มม และมีฐานล้อ 2345 มม ขนาดกะทัดรัดช่วยให้ขับขี่คล่องตัวในเมือง พร้อมระบบขับเคลื่อนที่รองรับสภาพจราจรได้ดี
Q
วิธีเพิ่มระยะทางที่ Honda Brio สามารถวิ่งได้
หากต้องการเพิ่มระยะทางขับขี่ของ Honda Brio สามารถทำได้หลายด้าน ด้านนิสัยการขับขี่ ควรเร่งและเบรกอย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการเหยียบคันเร่งหรือเบรกกระทันหัน คาดการณ์สภาพถนนล่วงหน้า และปล่อยคันเร่งก่อนถึงสัญญาณไฟแดงเพื่อใช้แรงเฉื่อยช่วยประหยัดน้ำมัน ด้านการวางแผนเส้นทาง เลือกใช้ถนนที่สภาพดีและรถไม่หนาแน่น ใช้แอปนำทางหลีกเลี่ยงถนนที่มีงานก่อสร้างหรือชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อลดการจราจรติดขัดและการหยุด-สตาร์ทบ่อยๆ ด้านการบำรุงรักษารถยนต์ ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ และหัวเทียนตามกำหนด เพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดี เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง รักษาความดันลมยางให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเพื่อลดแรงเสียดทาน นอกจากนี้ ควรเก็บสิ่งของหนักที่ไม่จำเป็นออกจากรถเพื่อลดน้ำหนักบรรทุก ลดการใช้พลังงาน ช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ของ Honda Brio ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
Eco mode ใน Honda Brio คืออะไร
โหมด Eco ของ Honda Brio คือโหมดขับขี่ประหยัดพลังงาน ชื่อเต็มมาจาก Ecology การอนุรักษ์ และ Optimization การเพิ่มประสิทธิภาพ โหมดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยไอเสีย แบ่งเป็นแบบแอคทีฟและแบบพาสซีฟ แบบแอคทีฟมีปุ่มแยกกดเปิด เมื่อกดแล้วไฟแจ้งเตือนบนหน้าปัดจะสว่าง รถจะปรับการเปิดคันเร่ง ระบบเกียร์ และกำลังแอร์ให้เหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน ส่วนแบบพาสซีฟไม่มีปุ่มแยก ไฟแจ้งเตือนบนหน้าปัดจะแสดงขึ้นเพื่อเตือนว่าพฤติกรรมการขับขี่ในขณะนั้นเป็นไปตามการใช้เชื้อเพลิงที่เหมาะสม ในการขับขี่ทั่วไปของ Brio เมื่อเงื่อนไขเหมาะสมจะเปิดใช้งานโหมด Eco ได้ แต่เมื่อขึ้นทางลาด ความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะรถจอดเดินเบา เกียร์อยู่ในตำแหน่ง N หรือ P หรือในโหมดเกียร์มือ โหมดนี้อาจไม่ทำงานหรือไม่ช่วยประหยัดน้ำมัน และอาจลดสมรรถนะเครื่องยนต์ได้
Q
Brio ใช้เครื่องยนต์อะไร
Brio ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร แบบ 4 กระบอกสูบ ระบบ i-VTEC มีกำลังสูงสุด 66 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร กำลังเครื่องยนต์เพียงพอต่อการใช้งานในเมือง ทั้งการขับขี่ปกติและการเร่งแซง รถติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล มอบความสบายในการขับขี่และประหยัดน้ำมัน ช่วยลดต้นทุนการใช้งาน นอกจากนี้บางรุ่นยังมีเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร เป็นทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานและสมรรถนะที่แตกต่างกันของผู้บริโภค
Q
Honda Brio สามารถหามน้ำหนักได้ประมาณเท่าไหร่
Honda Brio มีน้ำหนักรถเปล่า 937 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลระบุอย่างชัดเจนถึงน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของรถ โดยทั่วไปน้ำหนักบรรทุกจะคำนวณจากน้ำหนักรวมรถที่กำหนดไว้ (GVWR) ลบด้วยน้ำหนักรถเปล่า แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลน้ำหนักรวมของรถรุ่นนี้ แต่สามารถตรวจสอบได้จากคู่มือผู้ใช้หรือป้ายข้อมูลบนขอบประตูฝั่งคนขับ การทราบน้ำหนักบรรทุกสูงสุดมีความสำคัญอย่างมากเพราะการบรรทุกเกินจะส่งผลต่อการควบคุมรถ ประสิทธิภาพการเบรก และการสึกหรอของยาง รวมถึงเพิ่มความเครียดทางกลต่อระบบช่วงล่างและชิ้นส่วนต่างๆ เมื่อใช้งานบรรทุกผู้โดยสารหรือสินค้า ควรระวังไม่ให้เกินน้ำหนักที่แนะนำเพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะสูงสุดของรถ
Q
Honda Brio มีระบบเกียร์อัตโนมัติหรือไม่
Honda Brio มีระบบเกียร์อัตโนมัติ รุ่น 2020 Honda Brio 1.2 V CVT ติดตั้งเกียร์ CVT ซึ่งเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติที่เปลี่ยนเกียร์อย่างไร้รอยต่อ มอบประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มนวล ระบบนี้สามารถปรับอัตราทดเกียร์ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่เหมาะสมที่สุด เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและสมรรถนะการขับขี่ ด้วยเกียร์ CVT ผู้ขับขี่ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองเหมือนเกียร์ธรรมดา ทำให้การขับขี่สะดวกขึ้นโดยเฉพาะในสภาพจราจรติดขัด นอกจากความนุ่มนวลแล้ว ระบบ CVT ของ Honda Brio ยังช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ประกาศอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 4.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกและประหยัดน้ำมัน
Q
Honda Brio ถูกผลิตที่ไหน
Honda Brio ผลิตในประเทศไทย ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ครบวงจร ระบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ และแรงงานฝีมือจำนวนมาก ซึ่งดึงดูดแบรนด์รถยนต์ระดับโลกให้มาตั้งโรงงาน เช่น Honda จังหวัดระยองได้รับสมญานามว่าเป็นดีทรอยต์แห่งตะวันออก มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำอย่าง Ford Toyota และ Honda ตั้งฐานการผลิตอยู่ที่นี่ การผลิตในประเทศไทยช่วยลดต้นทุนการผลิตด้วยการใช้ทรัพยากรและเงื่อนไขท้องถิ่น รวมถึงเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Honda Brio ซึ่งเป็นรถยนต์สำหรับตลาดในประเทศและประเทศใกล้เคียง การผลิตในไทยช่วยให้ตอบสนองความต้องการของตลาดได้รวดเร็วและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้า
Q
Honda Brio มีระบบส่งกำลัง CVT หรือไม่
Honda Brio ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT รุ่น 2020 Honda Brio 1.2 V CVT ใช้เกียร์ CVT ที่มีชื่อเสียงด้านการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง มอบประสบการณ์ขับขี่ที่สบาย ระบบนี้สามารถปรับอัตราทดเกียร์อย่างต่อเนื่องตามสภาพการขับขี่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดน้ำมันตามข้อมูลทางการที่ 4.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ยังเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ในการใช้งานจริงเกียร์ CVT ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานในช่วงประสิทธิภาพสูงบ่อยขึ้น ลดการทำงานเกินความจำเป็นและการสึกหรอ ทำให้ระบบเกียร์ CVT ของ Honda Brio เป็นจุดเด่นที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าและความน่าสนใจแก่ผู้ขับขี่
Q
Brio เครื่องยนต์มีกำลังอยู่ที่เท่าไหร่
เครื่องยนต์ของ Brio มีความจุ 1198 มิลลิลิตร หรือเรียกสั้นว่า 1.2 ลิตร มีจำนวน 4 กระบอกสูบ แต่กำลังเครื่องยนต์ทั้งในหน่วยแรงม้าและกิโลวัตต์ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน โดยทั่วไปกำลังเครื่องยนต์ของรุ่นต่างๆ จะมีความแตกต่างกัน เครื่องยนต์แบบธรรมชาติขนาด 1.2 ลิตร มักมีแรงม้าในช่วงประมาณ 80 ถึง 120 แรงม้า หรือประมาณ 60 ถึง 90 กิโลวัตต์ กำลังเครื่องยนต์ส่งผลต่อสมรรถนะของรถ ยิ่งมีกำลังมาก รถจะมีประสิทธิภาพในการเร่งและขึ้นทางลาดชันที่ดีกว่า ส่งผลให้ประสบการณ์ขับขี่แตกต่างกัน การเข้าใจเรื่องกำลังเครื่องยนต์จึงสำคัญต่อการเลือกซื้อรถให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน

ข้อดี

เครื่องยนต์ทรงพลังมากกว่ารุ่นยานพาหนะไฟฟ้ารุ่นเดียวกัน, ใช้เครื่องยนต์ SOHC i-VTEC ความจุ 1.2 ลิตร 4 กระบอก 16 วาล์วกำลัง 90 ม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร
ความประหยัดน้ำมันยอดเยี่ยม, การบริโภคน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 20 กิโลเมตร/ลิตร
โครงบานชอนทนทาน, ติดตั้งช็อกอิสระแบบแม็คเพอร์สันด้านหน้าพร้อมอ่อนการแขวง, ติดตั้งแท่งแตกบิด H เบื้องหลัง, มีระบบ Shifting Control of Cornering Gravity ทำให้สามารถควบคุมได้ง่าย
เป็นอย่างยืดหยุ่น, การขับขี่ง่าย, ตรงกับความต้องการในการเดินทางในเมือง

ข้อเสีย

การออกแบบถูกทำให้ง่ายและธรรมดาเกินไป ไม่เท่ากับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทเดียวที่โกลาหล การออกแบบภายในและภายนอกไม่น่าสนใจ
คุณภาพของวัสดุภายในรถไม่ดี การเลือกพลาสติกปกติที่ไม่นุ่ม บางส่วนไม่มีลายซับซ้อน ภายในดูเก่าแก่
ระบบช่วยเหลือความปลอดภัยน้อยกว่าสินค้าแข่งขัน มีเพียงระบบเบรกป้องกันการล็อค ABS, ระบบการแจกแจงแรงเบรก EBD และสองถุงลมนิรภัย

Q&A ล่าสุด

Q
Neta V ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) ให้กำลังสูงสุด 70kW และแรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ช่วยให้การขับขี่ในเมืองคล่องตัวและตอบสนองดีเยี่ยม ตัวรถใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบสามส่วนผสม (Three-element Lithium Battery) ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 401 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะสำหรับใช้ขับขี่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ รองรับระบบชาร์จเร็ว โดยใช้เวลาเพียงประมาณ 0.58 ชั่วโมงก็สามารถชาร์จไฟได้เพียงพอสำหรับการใช้งาน ภายใต้นโยบายส่งเสริมรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาลไทย เจ้าของรถยังได้รับสิทธิประโยชน์เรื่องลดภาษีการซื้อรถอีกด้วย ภายในห้องโดยสาร ติดตั้งหน้าจอกลางขนาด 14.6 นิ้ว ใช้งานควบคู่กับเบาะหนังสังเคราะห์ พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง ให้ความรู้สึกทั้งล้ำสมัยและใช้งานได้จริง ดีไซน์ภายนอกเน้นความโฉบเฉี่ยว ตัวถังมีเส้นสายที่ดูทันสมัย พร้อมกระจังหน้าและไฟหน้าที่ออกแบบให้ดูมีมิติ ตอบโจทย์รสนิยมของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบรถดีไซน์เท่ๆ โดยรวมแล้ว Neta V ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในด้านพลังงาน สมรรถนะ และเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
Q
Neta V มีกี่ซีซี?
Neta V เป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่ผลิตโดยบริษัท Hozon Auto จากประเทศจีน ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในตลาดไทยอยู่ไม่น้อย ตัวรถมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 70kW หรือประมาณ 95 แรงม้า ถึงแม้ว่ารถไฟฟ้าจะไม่มีเครื่องยนต์แบบมีซีซีเหมือนรถน้ำมัน แต่ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือให้กำลังประมาณรถเครื่องยนต์ 1500cc ในไทย Neta V มีระยะทางวิ่งประมาณ 384 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) เหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือขับเที่ยวระยะสั้นๆ นอกจากนี้ยังได้สิทธิประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ เช่น ลดภาษีนำเข้า และส่วนลดภาษีถนน ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมถูกกว่ารถน้ำมัน ถ้าใครสนใจลองใช้รถไฟฟ้า ปัจจุบันในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่หลายแห่งก็เริ่มมีจุดชาร์จสาธารณะมากขึ้น ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นทุกวัน แถมรถไฟฟ้ายังดูแลง่าย ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และค่าบำรุงรักษาก็น้อยกว่าในระยะยาว ช่วยประหยัดเงินได้เยอะเลย
Q
มูลค่าการขายต่อของ Neta V คือเท่าไหร่?
Neta V เป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่ทำผลงานได้ดีในตลาดจีน แต่เมื่อนำเข้ามาในตลาดไทย เรื่อง “ราคาขายต่อ” หรือมูลค่ามือสอง อาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การรับรู้ของผู้บริโภคต่อแบรนด์ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ความพร้อมของสถานีชาร์จ และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ในประเทศไทย ตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้ากำลังเติบโตเร็ว รัฐบาลมีมาตรการลดภาษีและสนับสนุนการซื้อรถ EV ซึ่งเป็นผลดีต่อมูลค่าขายต่อของ Neta V ถึงแม้โดยทั่วไปแล้วรถไฟฟ้าจะมีราคามือสองที่ตกเร็วกว่ารถน้ำมัน แต่ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น และคนไทยเริ่มยอมรับ EV มากขึ้น ก็ทำให้แนวโน้มราคามือสองของ Neta V มีโอกาสทรงตัวได้ดี ถ้าอยากให้รถมีมูลค่าสูงเมื่อต้องการขายต่อ แนะนำให้ดูแลระบบแบตเตอรี่เป็นประจำ เก็บประวัติการซ่อมบำรุงให้ครบถ้วน และติดตามโปรแกรมรับซื้อคืนจากแบรนด์อย่างใกล้ชิด อย่าลืมว่าอากาศร้อนชื้นแบบไทยมีผลกับแบตเตอรี่ EV ด้วย ดังนั้น การเลือกใช้รถที่มีการรับประกันแบตเตอรี่ยาวๆ จะช่วยให้สบายใจเรื่องราคามือสองมากขึ้น ในระยะยาว Neta V ที่เน้นความคุ้มค่า น่าจะยังไปได้ดีในตลาดรถมือสองไทย
Q
Neta V อยู่ในรถกลุ่มไหน?
Neta V เป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก (กลุ่ม A0) ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเมืองและเจาะกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ ในตลาดไทย รถไซซ์นี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเพราะขับง่าย ประหยัด และเหมาะกับสภาพการจราจรที่แออัดอย่างในกรุงเทพฯ ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด วิ่งได้ระยะทางประมาณ 300-400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาพร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อพื้นฐาน และจุดเด่นคือ “คุ้มค่าในราคาจับต้องได้” ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาลไทย ในกลุ่มเดียวกันยังมีคู่แข่งอย่าง MG EP และ MG ZS EV ที่ตอบโจทย์การเดินทางระยะสั้นในเมืองเหมือนกัน แต่ Neta V โดดเด่นด้วยราคาย่อมเยาและฟีเจอร์ที่พอดี ใช้งานได้จริง เหมาะกับคนที่งบไม่มากแต่สนใจลองใช้รถไฟฟ้า เมื่อรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือด้านเงินอุดหนุนและลดภาษี ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง A0 จึงน่าจะเติบโตต่อไป โดยเฉพาะจุดเด่นด้านต้นทุนการใช้งานและความสะดวกในการชาร์จที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง
Q
ข้อเสียของ Neta V มีอะไรบ้าง?
Neta V ในฐานะรถไฟฟ้าราคาประหยัดที่วางขายในตลาดไทย มีจุดอ่อนหลักๆ อยู่ที่ระยะขับขี่และความสะดวกในการชาร์จ โดยตามมาตรฐาน NEDC จะวิ่งได้ประมาณ 380 กิโลเมตร แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย เมื่อเปิดแอร์อาจทำให้ระยะทางลดลงได้บ้าง นอกจากนี้สถานีชาร์จเร็วในไทยยังมีไม่มากนัก อาจทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางไกล ส่วนขนาดตัวรถที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้พื้นที่ด้านหลังไม่ค่อยเพียงพอสำหรับการใช้งานแบบคนไทยที่มักนั่งหลายคน รวมถึงพื้นที่เก็บของก็มีจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของมันคือเหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อย เนื่องจากตัวรถขนาดเล็กทำให้ขับเคลื่อนและจอดง่าย แนะนำว่าเวลาจอดรถควรหาที่ร่มเพื่อป้องกันความร้อนที่มีผลต่อแบตเตอรี่ แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ แต่Neta V ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนเมืองด้วยราคาที่จับต้องได้และค่าบำรุงรักษาต่ำ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีงบจำกัดและเน้นการเดินทางระยะสั้น ส่วนเรื่องสถานีชาร์จนั้น รัฐบาลไทยกำลังผลักดันเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟฟ้า ทำให้อนาคตความสะดวกในการชาร์จน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ดูเพิ่มเติม